ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

พระจับต้องเงินอาบัติหรือไม่


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 April 2006 - 10:12 AM

ที่ร้านเวลาพระมาซื้อของบางองค์จะไม่กล้าจับเงิน จะยื่นซองให้แล้วหยิบเงินในซองเอาเอง
แต่บางองค์ก็หยิบให้จากย่ามไปเลย และบางองค์หยิบของเองก็ไม่ได้เวลาซื้อของต้องไปหยิบ
ให้แล้วประเคนทั้งที่เป็นการซื้อ บางองค์ก็หยิบเองเลย

เคยอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์พระบางองค์ก็ถูกฆ่ามรณะภาพ ในตู้เชฟมีเงินเป็นล้าน ๆ
คิดแล้วก็น่าจะผิดพระวินัยพระเก็บเงินไว้กับตัวได้หรือไม่

บางองค์สึกออกมามีเงินติดมาด้วยอันนี้บาปไหม


อยากทราบมีพระวินัยเกี่ยวกับการใช้เงินของพระหรือเปล่าครับ




#2 pp_072

pp_072
  • Members
  • 209 โพสต์
  • Interests:ดีครับ

โพสต์เมื่อ 26 April 2006 - 11:22 AM

พระทางธรรมยุต อาบัติครับ

ทางมหานิกายไม่อาบัติครับ

ไม่แน่ใจครับ
พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว

พุทธบริษัท 4 ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนตะวันที่มีดวงเดียว

#3 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 April 2006 - 02:21 PM

*****ที่ชื่อว่า โจร มีอธิบายว่า ผู้ใดถือเอาสิ่งของอันเขาไม่ได้ให้ ได้ราคา ๕ มาสกก็ดี เกินกว่า
๕ มาสกก็ดี ด้วยส่วนแห่งความเป็นขโมย ผู้นั้นชื่อว่า โจร
ที่มา : http://84000.org/tip...1&A=6283&Z=6335

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑
มหาวิภังค์ ภาค ๑

ภุมมัฏฐวิภาค
[๙๑] ที่ชื่อว่า ทรัพย์อยู่ในแผ่นดิน ได้แก่ทรัพย์ที่ฝังกลบไว้ในแผ่นดิน
ภิกษุมีไถยจิตคิดจะลักทรัพย์อยู่ในแผ่นดิน เที่ยวแสวงหาเพื่อนก็ตาม แสวงหาจอบหรือตะกร้าก็ตาม เดินไปก็ตาม ต้องอาบัติทุกกฏ ตัดไม้หรือเถาวัลย์ ซึ่งเกิดอยู่ในที่นั้น ต้องอาบัติทุกกฏ ขุดก็ตาม คุ้ยก็ตาม โกยขึ้นก็ตาม ซึ่งดินร่วนต้องอาบัติทุกกฏ จับต้องหม้อ ต้องอาบัติทุกกฏ ทำหม้อให้ไหว ต้องอาบัติถุลลัจจัย ทำหม้อให้เคลื่อนจากฐาน ต้องอาบัติปาราชิก

ภิกษุมีไถยจิต หย่อนภาชนะของตนลงไป ถูกต้องทรัพย์ควรแก่ค่า ๕ มาสก หรือเกินกว่า ๕ มาสก ต้องอาบัติทุกกฏ ทำให้ไหว ต้องอาบัติถุลลัจจัย กระทำให้ทรัพย์อยู่ในภาชนะของตนก็ตาม ตัดขาดด้วยกำมือก็ตาม ต้องอาบัติปาราชิก

ภิกษุมีไถยมีจิต จับต้องทรัพย์ที่เขาร้อยด้ายก็ดี สังวาลก็ดี สร้อยคอก็ดี เข็มขัดก็ดีผ้าสาฎกก็ดี ผ้าโพกก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ ทำให้ไหวต้องอาบัติถุลลัจจัย จับที่สุดยกขึ้น ต้องอาบัติถุลลัจจัย ดึงครูดออกไป ต้องอาบัติถุลลัจจัย ให้พ้นปากหม้อ โดยที่สุดแม้ชั่วเส้นผม ต้องอาบัติปาราชิก

ภิกษุมีไถยจิต ดื่มเนยใสก็ดี น้ำมันก็ดี น้ำผึ้งก็ดี น้ำอ้อยก็ดี ควรแก่ค่า ๕ มาสกหรือเกินกว่า ๕ มาสก ด้วยประโยคอันเดียว ต้องอาบัติปาราชิก ทำลายเสียก็ดี ทำให้หกล้นก็ดีเผาเสียก็ดี ทำให้บริโภคไม่ได้ก็ดี ในที่นั้นเองต้องอาบัติทุกกฏ.

...........................
โอจรกวิภาค
[๑๑๖] ที่ชื่อว่า ภิกษุผู้สั่ง อธิบายว่า ภิกษุสั่งกำหนดทรัพย์ว่า ท่านจงลักทรัพย์ชื่อนี้ต้องอาบัติทุกกฏ ภิกษุผู้รับคำสั่งนั้น ลักทรัพย์นั้นมาได้ ต้องอาบัติปาราชิก ทั้ง ๒ รูป.

โอณิรักขวิภาค
[๑๑๗] ที่ชื่อว่า ภิกษุผู้รับของฝาก ได้แก่ภิกษุผู้รักษาทรัพย์ที่เขานำมาฝากไว้ ภิกษุมีไถยจิตจับต้องทรัพย์นั้น มีราคา ๕ มาสก หรือเกินกว่า ๕ มาสก ต้องอาบัติทุกกฏทำให้ไหว ต้องอาบัติถุลลัจจัย ให้เคลื่อนจากฐาน ต้องอาบัติปาราชิก.

สังวิธาวหารวิภาค
[๑๑๘] ที่ชื่อว่า การชักชวนกันไปลัก ได้แก่ภิกษุหลายรูปชักชวนกันแล้ว รูปหนึ่งลักทรัพย์มาได้ ต้องอาบัติปาราชิกทุกรูป.

สังเกตกัมมวิภาค
[๑๑๙] ที่ชื่อว่า การนัดหมาย มีอธิบายว่า ภิกษุทำการนัดหมายว่า ท่านจงลักทรัพย์นั้นตามคำนัดหมายนั้น ในเวลาเช้าหรือเย็น ในเวลากลางคืน หรือกลางวัน ต้องอาบัติทุกกฏ ภิกษุผู้ลัก ลักทรัพย์นั้นได้ ตามคำนัดหมายนั้น ต้องอาบัติปาราชิกทั้ง ๒ รูป ภิกษุผู้ลัก ลักทรัพย์นั้นได้ก่อนหรือหลังคำนัดหมายนั้น ภิกษุผู้นัดหมายไม่ต้องอาบัติ ภิกษุผู้ลักต้องอาบัติปาราชิก.

นิมิตตกัมมวิภาค
[๑๒๐] ที่ชื่อว่า การทำนิมิต มีอธิบายว่า ภิกษุทำนิมิตว่า เราจักขยิบตา จักยักคิ้วหรือจักผงกศีรษะ ท่านจงลักทรัพย์นั้น ตามนิมิตนั้น ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ภิกษุผู้ลักลักทรัพย์นั้นได้ ตามนิมิตนั้น ต้องอาบัติปาราชิกทั้ง ๒ รูป ภิกษุลักลักทรัพย์นั้นได้ก่อนหรือหลังนิมิตนั้น ภิกษุผู้ทำนิมิตไม่ต้องอาบัติ ภิกษุผู้ลักต้องอาบัติปาราชิก.

ค้นคว้าเพิ่มเติมได้ที่นี่ (เนื้อหาเยอะมาก)
ที่มา : http://84000.org/tip...1&A=6350&Z=6581

สรุปคือ
จะเห็นได้ว่าการหยิบจับทรัพย์ใดๆ ของพระนั้นอันตรายมากครับ เพียงแค่สัมผัสก็เป็นอาบัติถุลลัจจัย หรือไม่ก็ทุกกฎ แล้ว
อาบัติถุลลัจจัย หมายถึง อาบัติที่น่ารังเกียจ ชวนให้ถ่มน้ำลายใส่ หรือเหมือนผู้ที่บริโภคลาภเปรียบได้กับก้อนเขฬะคือน้ำลาย
ดังนั้นทรัพย์แม้เพียงแค่ราคา 1 บาทพระท่านจึงต้องระวังมากเพราะมีอาบัติรองรับทุกข้อเลยครับ
แต่ภิกษุไม่มีไถยจิตหรือจิตละโมภในทรัพย์ ก็ไม่ต้องอาบัติครับ

QUOTE
เคยอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์พระบางองค์ก็ถูกฆ่ามรณะภาพ ในตู้เชฟมีเงินเป็นล้าน ๆ
คิดแล้วก็น่าจะผิดพระวินัยพระเก็บเงินไว้กับตัวได้หรือไม่

ถ้าภิกษุสะสมทรัพย์ไว้แม้จะได้มาโดยชอบธรรม ถ้าสะสมทรัพย์แล้วเกิดไถยจิตหรือจิตละโมภในทรัพย์ภิกษุ
พึงสละทรัพย์นั้นถ้าไม่สละรู้สีกจะอาบัตินิสสัคคียปาจิตตีย์ครับ

QUOTE
บางองค์สึกออกมามีเงินติดมาด้วยอันนี้บาปไหม

ถ้าก่อนสึกนำเงินให้โยมที่เป็นญาติก่อน แล้วลาสิกขามาใช้เงินนั้นก็ไม่ถือว่าผิดหรือบาปครับ
แต่ถ้าก่อนสึกไม่ได้สละให้โยมคนใด ถ้าสึกมาแล้วนำทรัพย์นั้นติดตัวกลับไปเท่ากับยักยอกของสงฆ์
มีโทษหนักมาก ต้องทำการชำระหนี้สงฆ์ กรณีที่ไม่ได้มีจิตละโมภอยากได้ของสงฆ์ต้องรีบสละครับ
แต่ถ้าให้ดีควรลาสิกขาไปแบบตัวเปล่าจะดีกว่าครับเงินที่ญาติโยมนำมาทำบุญนั้นเขานำมาถวายให้พระ
ในพระศาสนาไม่ได้ต้องการให้เจ้าทิดนำไปใช้นะครับ

ตามวัดต่างๆ โดยมากจะมีกล่องรับบริจาคค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ก็ง่ายมากเลยคือนำเงินที่เหลือก่อนลาสิกขา
หย่อนใส่ตู้ให้หมดครับ ได้บุญอีกตะหากกลับไปแบบผู้ประเสริฐดีกว่ากลับไปแบบสัตว์ในอบายเยอะครับ

#4 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 April 2006 - 08:23 PM

ขอบคุณทุกคำตอบครับ

โอ้โห สาธุคุณ XLmen ตอบได้แจ่มแจ้งแทงตลอดพระวินัยเลย พระถิกษุจับเงินมีโอกาศ
อาบัติตลอดเพราะมีอาบัติรองรับ ขึ้นอยู่กับจิตขณะนั้น เข้าใจแล้วครับ


QUOTE
ถ้าก่อนสึกนำเงินให้โยมที่เป็นญาติก่อน แล้วลาสิกขามาใช้เงินนั้นก็ไม่ถือว่าผิดหรือบาปครับ
แต่ถ้าก่อนสึกไม่ได้สละให้โยมคนใด ถ้าสึกมาแล้วนำทรัพย์นั้นติดตัวกลับไปเท่ากับยักยอกของสงฆ์
มีโทษหนักมาก ต้องทำการชำระหนี้สงฆ์ กรณีที่ไม่ได้มีจิตละโมภอยากได้ของสงฆ์ต้องรีบสละครับ
แต่ถ้าให้ดีควรลาสิกขาไปแบบตัวเปล่าจะดีกว่าครับเงินที่ญาติโยมนำมาทำบุญนั้นเขานำมาถวายให้พระ
ในพระศาสนาไม่ได้ต้องการให้เจ้าทิดนำไปใช้นะครับ



แบบนี้พี่ทิดสึกใหม่ก็มีทางเลี่ยงเอาเงินค่ากิจนิมนต์มาใช้เหมือนกันเนอะ






#5 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 April 2006 - 08:26 PM

อันดับแรกจะครับ ต้องรู้จักศีลข้อ 10 ของสามเณรก่อน คือ
10) ชาตะรูปรชต ปฎิคหนาเวรมณี สิกขาประทังสมาทิยามิ
แปลว่า ขอสมาทานสิกขาบทข้อไม่จับต้องเงินทองของมีค่า

ถ้าจะว่าไปสมัยก่อน พระภิกษุ สามเณรจะได้รับความเคารพเป็นอย่างสูงยิ่งจากประชาชน ดังนั้นประชาชนทั้งหลายก็จะดูแลปฏิบัติเหล่าพระภิกษุ สามเณรเป็นอย่างดีเยี่ยม ดังนั้น ท่านจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินทอง เนื่องจากคนทั้งหลายยินดีที่จะดูแลอุปัฏฐากท่านเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องการเดินทาง อาหาร น้ำดื่ม ที่พัก ฯลฯ

แต่ในปัจจุบันสังคมเปลี่ยนแปลง ประชาชนไม่ได้ดูแลปฏิบัติ พระภิกษุ สามเณร ดีเยี่ยมอย่างสมัยก่อน ท่านต้องดูแลตัวเอง ดังนั้นท่านจึงต้องจำเป็นมีเงินทองเอาไว้ใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นค้าเดินทาง อาหาร น้ำดื่ม ดังนั้นในยุคปัจจุบันจึงต้องอนุโลม อะลุ้มอะล่วยให้ท่านมีเงินทองติดตัว มิฉะนั้นท่านก็จะดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมเพื่อโปรดญาติโยมลำบาก

อย่างไรก็ดี ก็มีพระที่เคร่งครัดหลายๆ รูปพยายามเลี่ยงการจับต้องเงินทองให้มากที่สุด จึงเกิดการกระทำอย่างที่เจ้าของกระทู้ว่ามาครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#6 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 April 2006 - 08:58 PM

ขอบคุณคุณ มิราเคิลดรีมครับ

แล้วเรื่องการประเคนล่ะครับทำไมบางรูปซื้อแล้วไม่หยิบเองต้องหยิบประเคนให้
ถ้าเราปล่อยให้พระต้องหยิบเองท่านจะอาบัติอะไรบ้างไหม แล้วเราจะบาปไหม

หยุดคือตัวสำเร็จ

#7 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 April 2006 - 09:19 PM

การประเคนนั้นเคยได้ยินมาว่า เป็นประเพณีที่กำเนิดขึ้นในภายหลัง จริงๆแล้ว ถ้าทายกมีเจตนาที่จะให้แล้ว พระภิกษุสามารถหยิบไปได้เลยครับ แต่ผมคิดว่า คนในยุคต่อมาคิดว่าน่าจะมีการแสดงเจตนาด้วยอาการแสดงออก ซึ่งชัดเจนกว่าการแสดงเจตนาให้ด้วยใจเพียงอย่างเดียว การประเคนจึงเกิดขึ้น

QUOTE
แล้วเรื่องการประเคนล่ะครับทำไมบางรูปซื้อแล้วไม่หยิบเองต้องหยิบประเคนให้

เนื่องจากมีพระวินัยอาบัติปาราชิกอยู่ข้อหนึ่งว่า ภิกษุใดหยิบเอาของที่เค้าไม่ได้ให้ด้วยอาการแห่งขโมย มูลค่าเกิน 5 มาสก ต้อง อาบัติปาราชิก
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นไปได้ว่า พระที่ต้องการให้ประเคนของที่ท่านซื้อ ท่านอาจจะกลัวไปพลาดอาบัตืปาราชิกข้อนี้เข้า แต่พระที่ท่านหยิบไปเลย ท่านอาจจะคิดว่า ท่านจ่ายเงินแล้ว ผู้ขายซึ่งเป็นเจ้าของเดิม ก็มีจิตยกให้ท่านแล้ว ดังนั้นท่านจึงหยิบไปเลยครับ

สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#8 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 April 2006 - 09:24 PM

ขอบคุณครับ มันเป็นแบบนี้เอง เข้าใจแล้วครับ
หยุดคือตัวสำเร็จ

#9 ลูกพระธัมฯ Merry Ma

ลูกพระธัมฯ Merry Ma

    The STRONGEST is the GENTLEST!!!

  • Members
  • 891 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Bangkok, Thailand

โพสต์เมื่อ 28 April 2006 - 07:26 PM

สาธุ ขอบคุณ คุณ Miracle Dream และ คุณXLmen ที่มาให้ความกระจ่างในธรรมข้อนี้ค่ะ

อ่านแล้วเข้าใจชัดเจนดีจังเลยค่ะ
The Strongest is The Gentlest!

ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด

#10 CEO

CEO
  • Members
  • 577 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย

โพสต์เมื่อ 28 April 2006 - 09:48 PM

สาธุ ครับ
สร้างบารมีทุกวินาที
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้

#11 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 23 February 2007 - 04:29 PM

กราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ