ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ถ้าอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้จะทำอย่างไรดี


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 4 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 หรรษา

หรรษา
  • Members
  • 135 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 April 2005 - 08:44 AM

ถ้าเรามีพ่อแม่เป็นคนพาลคือไม่ถือศีล เบียดเบียนผู้อื่นแต่ไม่มากนะคะ(ไม่อยากเอามาพูดเลย)
แต่พุทธศาสนาก็สอนให้เรากตัญญู
นั่นจะรวมความถึงการทำตามใจท่านด้วยหรือไม่
หากท่านขัดขวางไม่ให้เราทำความดเล็กๆน้อยๆี(เช่น การต่อว่าเมื่อเราพับเก็บขยะว่าเป็นการเสียเวลา)
หรือให้เราทำในสิ่งที่ไม่ดีเล็กๆน้อยๆ (เช่น สั่งให้จอดรถในที่ทำให้การจราจรติดขัด การโกหกเพื่อผลประโยชน์)
เช่นนี้ ก็ขัดกัน
เราจะมีวิธีการอย่างไรเพื่อให้ไม่ขัดใจท่านและตัวเราเองก็ไม่เดือดร้อนใจว่าพ่อแม่จะว่าเมื่อจะทำความดี
เคยถึงกับโกรธและพูดไม่ดีใส่ท่านด้วย เราควรจะคิดอย่างไร เพื่อกันไม่ให้ตัวเองตกอยู่ในโทสะจริตคะ
ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

#2 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 03 April 2005 - 09:29 PM

ทฤษฎีการแก้ปัญหาทุกทฤษฎี รวมทั้งทฤษฎีของพระพุทธเจ้าด้วย เหมือนกันอยู่แล้วครับ คือ ปัญหาเล็กๆ เราก็แก้ไขได้ทันที แต่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้นมา เช่น เรื่องของพ่อแม่ เราก็ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นครับ ที่สำคัญเราต้องรู้จักอดทนรอคอย ให้เวลาบุญหรือคุณความดีทำงานบ้าง ใจร้อนด่วนได้ ไม่เคยแก้ปัญหาสำคัญๆ ได้ครับ
ลองไปอ่านมงคลชีวิต เรื่องบำรุงบิดามารดา ดูนะครับ
http://www.ibscenter...show.asp?cid=11
ขั้นแรก เราต้องทำให้ท่านวางใจในตัวเราก่อนครับ (แน่นอนว่าตรงนี้ต้องใช้เวลา) คือ ปรับปรุงความประพฤติของเราที่ยังไม่ค่อยดีนัก ในสายตาท่านให้ดีขึ้นมา ท่านจะเริ่มสงสัยว่า เราไปทำอะไรมา พอถึงตอนนี้แหละ เดี๋ยวไม่ใช่ลงมือสั่งสอนท่านนะครับ แต่แนะนำจานดาวธรรมให้ท่านดู ให้จานสอนท่านแทนเรา หรือ พาท่านไปฝึกสมาธิกับพระอาจารย์ ตามที่เราไปฝึกดู ลองดูตัวอย่างของครอบครัวข้างล่างที่ผมจะ Post ให้คุณดูนะครับ ที่สามีเห็นภรรยาเปลี่ยนไป เลยมาสนใจทำสมาธิ (จะ Post ต่อมาเลย)

#3 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 03 April 2005 - 09:31 PM

เรื่องของสมาธิตอนนี้ก็เป็นเรื่องของครอบครัวชาวอเมริกัน ที่นับถือศาสนาคริสต์ แต่หันมาสนใจเรื่องราวของการฝึกสมาธิ และนำสมาธิไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
ครอบครัวนี้อยู่ที่รัฐ นิวเจอร์ซี่ สหรัฐอเมริกา คุณพ่อชื่อ Chuck Boyda (การสะกดชื่อผมอาจไม่ถูกนะครับ แต่เสียงเรียกตามนี้เลยครับ) คุณแม่ชื่อ Terry Boyda และลูกสาวอายุ 14 ปีชื่อ Cendle Boyda
คุณพ่อเป็นนักธุรกิจ และเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจให้กับบริษัทหลายๆ บริษัทในอเมริกา
คุณแม่เป็นนักเขียนหนังสือพิมพ์ในรัฐนิวเจอร์ซี
ลูกสาวกำลังเรียนไฮสคูล และเริ่มเจริญรอยตามแม่ด้วยการเป็นนักเขียนหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน
จุดเปลี่ยนชีวิต เริ่มต้นจาก Cendle ต้องการเขียนเรื่องราวของพระพุทธศาสนาลงหนังสือพิมพ์โรงเรียนตามประสานักเขียนที่ต้องรู้รอบ รู้กว้าง หาเรื่องมาเขียนเรื่อยๆ แต่เธอไม่มีความรู้ในพระพุทธศาสนาเลย เธอจึงแสวงหาแหล่งข้อมูล แล้วเธอก็พบกับวัดพระธรรมกายนิวเจอร์ซี่ เธอจึงสนใจไปเรียนฝึกสมาธิที่นั่น ซึ่งเปิดสอนให้คนทั่วไปทุกๆวันเสาร์ พอคุณแม่ Terry รู้ข่าวก็สนใจขอลองไปฝึกสมาธิด้วย เวลาผ่านไปแค่ 2 เดือน คุณพ่อ Chuck ก็ขอไปด้วย โดยบอกว่า เห็นการเปลี่ยนแปลงของคุณแม่ Terry ที่ดูสงบขึ้น แต่คุณพ่อ Chuck ก็ยังกังวลว่า กลัวเขาขอให้เปลี่ยนศาสนา แต่เมื่อมาเรียนสมาธิ ก็ไม่เห็นมีใครมาขอให้ทำเช่นนั้น ท่านจึงสบายใจ ฝึกสมาธิได้อย่างเต็มที่
วันแรกที่ฝึกมีเสียงฟุ้งซ่านของความคิดดังก้องในหัวคุณพ่อ Chuck เต็มไปหมด นั่งไม่ได้เลย เพราะเรื่องงานต่างๆ ทยอยเดินพาเหรดเข้ามาในหัว แต่คุณพ่อไม่ท้อ ฝึกนั่งต่อไป ภายในเวลาแค่ 2-3 เดือนคุณพ่อ Chuck ก็เริ่มเห็นแสงสว่าง แม้เห็นแค่นี้ใจคุณพ่อ ก็เริ่มสงบ ท่านจึงเริ่มทำการบ้านทุกวัน จนสามารถเข้าถึงองค์พระจนได้ ไม่แพ้ลูกสาว Cendle ก็เห็นองค์พระเช่นเดียวกัน ในขณะที่คุณแม่ Terry ได้ความสงบสว่าง ที่กลางท้อง เพราะมักกังวล ปวดเมื่อยง่าย ไม่งั้นคงไปไกลกว่านี้
ตั้งแต่ฝึกสมาธิ ครอบครัว มองหน้ากันได้นานขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น และเลิกตะโกนใส่กัน ทุกคนในครอบครัวมีความสุขมาก คุณแม่ Terry จึงเชิญชวนให้ชาวอเมริกันมาฝึกสมาธิที่วัดพระธรรมกายนิวเจอร์ซี่ โดยการเขียนผ่านหนังสือพิมพ์ ผลก็คือ มีชาวอเมริกันมาทดลองฝึกมากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในนั้น เป็นอาจารย์สอนคัมภีร์ไบเบิ้ลด้วย และเธอก็นั่งสมาธิเห็นดวงดาวที่กลางท้อง

พวกเราคนไทยก็อย่าประมาทนะครับ ต้องหมั่นทำสมาธิกัน เพราะตอนนี้ได้ข่าวคนอเมริกันเริ่มหันมาสนใจฝึกสมาธิกันมากกว่า 10 ล้านคนแล้วนะครับ ถ้าเผลอหน่อยเดี๋ยวคนอมริกันจะแซงหน้า ประเทศเจ้าของวิชาสมาธิ ไม่รู้ด้วยนะครับ เหมือนที่เขานำพันธุ์ข้าวจากเมืองไทย ไปทดลองปลูกที่อเมริกา ตอนนี้ส่งออกแข่งกับไทยได้แล้ว

#4 มองอย่างแมว

มองอย่างแมว
  • Members
  • 722 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:NYC

โพสต์เมื่อ 04 April 2005 - 06:37 AM

ข้อมูลปึ๊กเหมือนเดิมเลยนะครับพี่

เรื่องพระุคุณของคุณพ่อคุณแม่ อยากให้อ่านคำตอบหนึ่งในหลวงพ่อตอบปัญหา
ในหัวข้อเรื่องชื่อว่า พ่อที่ลูกเกลียด ครับ

คำถาม
พ่อชอบเอาเปรียบแม่ ไม่ห่วงใยลูก เอาแต่ใจตนเอง หวังแต่ความสุขสบายส่วนตัว
เวลาตกอับก็ปล่อยให้แม่แต่เพียงผู้เดียว ต้องดิ้นรนค้าขายเลี้ยงดูลูก ส่วนตนสุขสบายอยู่ที่บ้าน
เจ้าชู้กับคนรับใช้ในบ้าน ลูกจะบาปหรือไม่ ถ้าลูกเกลียดพ่อ?

คำตอบ
พ่อที่ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ ท่านก็มีความผิดเป็นของท่านอยู่แล้ว
ยิ่งเอาแต่ความสุขความสบาย ไปเจ้าชู้กับคนรับใช้ในบ้าน นี่ก็ผิดศีลกาเมฯ เข้าไปอีก
ท่านบาปเต็มตัวของท่านอยู่แล้ว ส่วนที่ท่านมีเรื่องกับแม่ จะทะเลาะเบาะแว้งอะไรกัน
ก็เป็นเรื่องระหว่างท่านกับแม่ของเราเท่านั้น

สำหรับเรา หลวงพ่ออยากจะฝากนะ เรามองพ่อมองแม่ขอให้มองอย่างนี้
สัตว์โลกเวลาจะเกิด มีความจำเป็นต้องมีต้นแบบ สมมติก็แล้วกันว่าเรามีก้อนดินเหนียว
ถ้าเราได้แบบพิมพ์เป็นรูปถ้วย เอาก้อนดินเหนียวอัดเข้าไปในแบบพิมพ์ เราก็ได้ถ้วยมาใช้
ถ้าได้แบบพิมพ์เป็นชาม เราก็ได้ชามมาใช้ มีแบบพิมพ์เป็นตุ๊กตา
เอาดินอัดเข้าไปในแบบพิมพ์ตุ๊กตา เราก็ได้ตุ๊กตาไว้ดูเล่น
ถ้าเราได้แบบพิมพ์ที่เป็นพระพุทธรูปเอาดินเหนียวอัดเข้าไปในแบบพิมพ์พระพุทธ รูป
เราก็ได้พระพุทธรูปมากราบไหว้บูชา

ดินเหนียวก้อนเดียวกันเมื่อได้แบบพิมพ์ไม่เหมือนกัน ดินก้อนนั้นก็มีค่าไม่เท่ากัน
ถ้าไม่มีแบบเลย ดินก็เป็นดินเละๆ ยิ่งไม่มีค่าอะไร

คนเราจะมาเกิดก็ต้องมีต้นแบบ ถ้าได้ต้นแบบพ่อแม่เป็นวัวเป็นควาย
ลูกเกิดมาก็ต้องเป็นวัวเป็นควาย ถ้าต้นแบบพ่อแม่เป็นลิง ลูกก็เป็นลิง ถ้าต้นแบบเป็นคน
ลูกก็เป็นคน ถามตัวเองก็แล้วกันว่า เราที่มีความฉลาดปราดเปรื่อง
ด้วยบุญแต่ชาติปางก่อนอย่างนี้ ถ้าตอนเกิดไปเข้าท้องลิงพอคลอดออกมาจากท้องแม่ร้องเสียง
เจี๊ยก ๆ เป็นลิงออกมาแล้ว เราจะทำอะไรได้แค่ไหน

หรือถามตัวเองอย่างนี้ว่า
ถ้าเปรียบเทียบระหว่างการเกิดมากับพ่อแม่ที่เป็นคนแล้วพ่อแม่ไม่เลี้ยง
ปล่อยให้เติบโตอยู่ในโรงเลี้ยงเด็กอนาถา
กับเกิดมาได้พ่อแม่ที่เป็นลิงและเลี้ยงดูเราซึ่งเป็นลูกลิงมาอย่างดีจนโต อย่างไหนจะมีค่ากว่ากัน
เกิดเป็นลิงเอาไหมล่ะ? เราก็ไม่เอา เพราะอะไร
เพราะว่ารูปร่างของเราที่เป็นคนเป็นรูปร่างที่เหมาะแก่การทำความดีได้ทุกรูป แบบ จะให้ทาน
จะรักษาศีล หรือนั่งสมาธิภาวนา เราก็ทำได้ทั้งนั้น

แต่พอรูปร่างเป็นสัตว์แล้วทำความดีอะไรก็ไม่ได้ ที่ฉลาดเฉลียวอย่างพวกเราน่ะ
ถ้าได้รูปร่างเป็นลิงร้องเจี๊ยก ๆ อยู่ในป่า ก็ทำความดีอะไรไม่ได้เลย ฉลาดก็ฉลาดแบบลิง
เป็นลิงจ่าฝูงพาพรรคพวกห้อยโหนโจนทะยานไป ทำอะไรไม่ได้ หรือฉลาดอย่างนี้แหละ
พอได้รูปร่างที่เป็นเต่าคลานงุ่มง่าม ถามว่าจะไปทำอะไรได้ ฉลาดก็ฉลาดไป
อย่างมากก็เป็นเต่าที่ฉลาดที่สุดในโลก แต่มันก็เป็นได้แค่เต่า


ได้เกิดมาเป็นลูกคน พ่อและแม่ท่านจะเลี้ยงเราหรือไม่เลี้ยงก็ช่าง
จงขอบคุณท่านที่อุตส่าห์ให้ต้นแบบที่เป็นคน
ส่วนที่เลี้ยงให้โตมาน่ะเป็นบุญคุณส่วนเกินที่แถมให้เป็นพิเศษเสียด้วยซ้ำ ยิ่งมีสมบัติทิ้งไว้สัก
๑๐ ล้าน ๒๐ ล้าน หรือ ๑๐๐ ล้าน ก็ยิ่งเป็นบุญคุณล้นเหลือ
แค่เพียงท่านให้ต้นแบบที่เป็นคนมานี้ ตลอดชาติก็ตอบแทนท่านไม่หมดแล้ว เพราะฉะนั้น
อย่าไปเกลียดท่านหรือไปทำอะไรให้ท่านเสียใจ มันเป็นบาปนะลูกนะ

.................

ที่มา : หลวงพ่อตอบปัญหา โดย พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว)
"ฉุดมันเอาไว้ หยุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันรวนเร ต้องหยุดนิ่งสุดใจ หยุดมันเอาไว้ ฉุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันซวนเซ ต้องฉุดให้ใจหยุด"
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)

#5 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 30 January 2007 - 12:20 PM

ข้อมูลแน่น ได้ประโยชน์ครับ กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ