มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

[มองอย่างแมว]

แต่หากเราอโหสิกรรมแล้ว แต่ทางอีกฝ่ายหนึ่งยังไม่อโหสิกรรมต่อเรา เราก็ถูกกรรมตามมาลงโทษ แต่อีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่มีกรรมมาตามลงโทษแล้วถูกหรือไม่

ไม่ถูกครับ การอโหสิกรรมคือการทำให้ไม่จองเวรต่อกัน
แต่กรรมที่ตัวเองทำไว้ก็ยังต้องได้รับอยู่ครับ

[เป็นหนึ่ง]

การอโหสิกรรม คือ การไม่ผูกเวร อาฆาตพยาบาทต่อกัน อย่างที่คุณpanoatบอกครับ และการอโหสิกรรมนั้น ผู้ที่ได้รับประโยชน์คือผู้ที่อโหสิให้นะครับ ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับการอโหสิ เนื่องจากผู้ที่อโหสิให้นั้น ไม่คิดที่จะผูกอาฆาตจองเวรกันต่อไป เขาผู้นั้นย่อมอยู่เป็นสุข

ดูตัวอย่างพระเทวทัตสิครับ ผูกอาฆาตจองเวรพระพุทธเจ้า ตั้งแต่สมัยเกิดเป็นพ่อค้าในชาติก่อนๆ แต่พระพุทธเจ้าเราไม่ได้ผูกเวรตอบ ผู้ที่เดือดร้อนคือพระเทวทัตเอง ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ดังที่ปรากฏอยู่ในพุทธประวัติ

ดังนั้น ให้เราทุกคนอโหสิกรรม อย่าผูกโกรธอาฆาตจองเวรกัน รู้จักให้อภัย และแผ่เมตตาอยู่เสมอ เพียงแค่นี้ เราก็จะอยู่อย่างเป็นสุข หลับเป็นสุข ตื่นก็เป็นสุข

ส่วนกรรมที่เราได้กระทำ ไม่ว่าจะดีหรือชั่ว เราต้องรับผลของมันทั้งนั้นครับ ไม่มีใครมายกโทษหรือยกบาปกรรมให้เราได้

ยัง กัมมัง กะริสสันติ
ใครทำกรรมใดไว้
กัลละยานัง วา ปาปะกัง วา
ดีหรือชั่วก็ตาม
ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ
ตนจักต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

อนุโมทนาครับ

[ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี]

แม้ว่าการอโหสิกรรมนั้น เรายังคงจะต้องได้รับผลแห่งกรรมอยู่ก็ตาม แต่ผลจากการกระทำดังกล่าว สามารถช่วยผ่อนผันการส่งผลของกรรม จากหนักให้เป็นเบาได้นะครับ นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มพูนในเรื่องของทานบารมี (อภัยทาน) และเมตตาบารมีไปในตัวอีกด้วย

[ปัจเจกชน บนทางสายกลาง]

กราบอนุโมทนาบุญกับท่าน **มองอย่างแมว, **เป็นหนึ่ง,**ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดีค้วยครับ สาธุ

[นักสร้างฝัน]

ขอโทษนะค่ะ เรา งง จริงๆๆ เรื่องอโหสิกรรม คือ มีพระที่มาสอนที่โรงเรียน บอกว่า การอโหสิกรรม หาก ได้รับการอโหสิกรรมจากเจ้ากรรมนายเวร กรรมตรงนั้นก็จบ แต่คุณไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี บอกว่ายังได้รับกรรมแต่เบาบางลง
สรุปคือจะต้องใช้อีกเหรอ ก็เค้าอภัยให้แล้วนะ