ทำไมถึงห้ามอุทิศส่วนบุญให้คู่กรรมคู่เวรคะ
#1
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 10:38 AM
"แต่ว่าห้ามอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร หรือคู่กรรมคู่เวรเชียวนะ เพราะนั่นจะทำให้เขามีกำลังเพิ่มมากขึ้นแล้วจะมาเล่นงานเรา"
จริงเหรอคะ ไม่เคยทราบมาก่อน เพราะปกติก็จะอุทิศให้คู่กรรมคู่เวร(ตั้งแต่ปฐมชาติที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์) ด้วยตลอดทุกครั้งที่ทำบุญ ขอให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
แบบนี้จะทำให้ยิ่งแย่หนักไปกว่าเก่าเหรอคะ แสดงว่าที่ทำมาก็เสียเปล่าเหรอ แล้วถ้าครั้งต่อไปจะทำบุญ ก็ห้ามอุทิศให้เขาแล้วงั้นเหรอคะ วานผู้รู้ไขข้อข้องใจด้วยค่ะ เพราะไม่มีโอกาสได้ไปถามผู้รู้เจ้าของคำกล่าวนั้นคะ
#2
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 11:00 AM
#3
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 11:01 AM
#4
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 12:25 PM
ดังในเคส Study หลายๆ เคส เช่น ขังปลาไว้ในที่มืด ทำให้ตามัว คุณครูไม่ใหญ่ก็แนะนำให้ทำทุกบุญ แล้วนึกอุทิศให้ผู้ที่เราได้เคยล่วงเกินเขามา เช่น ปลาในอดีต เป็นต้น
ซึ่งเจ้ากรรมนายเวร ในความหมายของคนทั่วๆไป เขาก็หมายกันอย่างนี้น่ะครับ เมื่อใจเขาหมายความอย่างนี้ ย่อมไม่มีปัญหาครับ เพราะก็คือ ผู้ที่เราได้เคยล่วงเกินมาเช่นกันครับ
แต่ในความหมายของผู้รู้ ท่านหมายถึง ผู้ที่ส่งกิเลสมาบังคับให้มนุษย์สร้างกรรม แล้วก็ Set Program ให้มีผลของกรรม คือวิบาก มารองรับ จึงเรียกว่า เจ้ากรรมนายเวรตัวจริง
แต่พวกเราอย่าได้ไปกังวลกลัวเขามากไปเลยครับ ตั้งใจทำความดีของเราเรื่อยๆ ไป เมื่อใจเราถึงขั้น เราจะรู้ได้เองว่า ควรจัดการอย่างไรต่อไปครับ
#5
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 12:41 PM
คำว่า "เจ้ากรรมนายเวร หรือ คู่กรรมคู่เวร" ที่ว่า ความหมายคืออะไรล่ะครับ
ถ้าเราหมายเอาถึง สรรพสัตว์ที่เราเคยผิดพลาดล่วงเกินกันมา อันนี้อุทิศไปเลยครับ ยิ่งมากยิ่งดีครับ ดังที่คุณหัดฝันว่ามา
แต่ถ้าคำว่า "เจ้ากรรมนายเวร หรือ คู่กรรมคู่เวร" นั้น เราหมายเอาถึงผู้ที่ส่งกิเลสมาบังคับมนุษย์มันก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง ซึ่งก็ต้องศึกษากันไปว่าจะทำอย่างไรดีอย่างที่คุณหัดฝันว่า
ดังนั้น คนที่เคยได้ยินมาว่า "ห้ามอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร หรือคู่กรรมคู่เวรเชียวนะ เพราะนั่นจะทำให้เขามีกำลังเพิ่มมากขึ้นแล้วจะมาเล่นงานเรา"
อันนี้ก็ต้องไปกลับไปฟังใหม่ หรือ ถามข้อมูลมาให้ชัดๆ ว่า คำว่า "เจ้ากรรมนายเวร หรือ คู่กรรมคู่เวร" นั้น ในประโยคดังกล่าว ผู้พูดต้องการหมายถึงอะไรครับ...มิฉะนั้น ถ้าฟังไม่จบถ้อยขบวนความอาจจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดกันได้นะครับ แล้วยิ่งถ้าไปพูดแนะนำกันต่อๆ ไปว่า "ห้ามอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร" อันนี้จะทำให้ผู้ที่พูดประโยคนี้เป็นคนแรกเดือดร้อนได้นะครับ จะถูกกล่าวหาว่าสอนบิดเบือน แล้ว คนที่นำไปพูดๆ กันต่อ ก็จะมีวิบากในการแนะนำธรรมะผิดๆ ไปได้โดยไม่รู้ตัวครับ
#6
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 12:44 PM
[/color] = ฝ่ายตกข้าม
#7
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 01:20 PM
=> http://www.dmc.tv/fo...p?showtopic=797
#8
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 01:55 PM
แต่สำหรับ เรากลัวเค้าไม่รับบุญที่เราทำให้เค้า หรือ ไม่ยอมอโหสิกรรมให้มากกว่า
หรือกระแสบุญเรายังน้อยทำน้อยไปนั่นเอง...
จึงต้องอาศัยบารมีจากปูชนียาจารย์ ให้ท่านส่งบุญแทนเรา
#9
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 02:16 PM
แล้วตามเราทัน เราจะลำบากครับ ทางที่ดี ควรทำบุญให้มากๆจนบาปทั้งหลายตามไม่ทันจะดีกว่าครับ
การที่จะอุทิศส่วนกุศล โดยใช้คำว่าเจ้ากรรมนายเวร ออกจะครอบคลุมกว้างขวางมาก แลถ้าเขาทั้งหลายมากันพร้อมๆกัน เราจะลำบากครับ
และคำว่าเจ้ากรรมนายเวร ออกจะฟังดูความหมายว่าเค้าเป็นผู้ใหญ่โตหรือมีอำนาจ มีกำลังมากกว่าเราครับ
แนะนำให้ใช้คำว่า คู่กรรมคู่เวร จะดีกว่า เพราะมีความหมายไปในทางแค่เฉพาะคู่ๆ กับเรา ซึ่งไม่กว้างขวางมาก
เคยอ่านเจอในหนังสือ หลวงพ่อ ตอบปัญหา โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะ
และพระในวัดเราก็ไม่แนะนำให้ใช้คำว่าเจ้ากรรมนายเวรมาตลอดครับ ลองสังเกตุดู ท่านจะไม่เคยเห็นพระอาจารย์ท่านใดกล่าวอุทิศบุญไห้เจ้ากรรมนายเวรเลย ส่วนใหญ่จะไห้คู่กรรมคู่เวรมากกว่าครับ
#10
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 02:26 PM
เข้าใจที่คุณพี่หัดฝันบอกแล้วละค่ะ ว่าจริงๆแล้ว ห้ามไปอุทิศให้ภาคมารน่ะเอง เข้าใจถูกรึเปล่าคะ เพราะในเทปที่ผู้รู้บอกนั้น ท่านก็บอกไว้เท่าที่ถามมาแค่นั้นจริงๆ ก็เลยสงสัยน่ะค่ะ ไม่เกี่ยวกับคำว่า "เจ้ากรรมนายเวร หรือ คู่กรรมนายเวร" ตามกระทู้ที่คุณเกียรติก้องแนบมาค่ะ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#11
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 02:36 PM
เขาไม่ตามมาฆ่าหนูหมดเหรอคะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#12
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 02:48 PM
#13
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 03:36 PM
และการสร้างบุญให้มากๆ นั้น ให้ไปเปิดดูบุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ จะพบคำว่า รักษาศีล ข้อนี้หมายถึง ไม่ทำบาปใหม่เพิ่มเติมด้วยนะครับ ถ้าทำบาปใหม่เพิ่ม อย่างนี้คุ่เวรไม่มีวันหมด เพราะสร้างคู่เวรใหม่เรื่อยๆไป
และที่สำคัญอีกอย่างคือบุญจากการ อุทิศบุญกุศล ก็ทำให้เราได้บุญเพิ่มเติมด้วยครับ ดังนั้น การทำบุญแล้วอุทิศบุญ ย่อมได้บุญมากกว่า การทำบุญแล้วไม่อุทิศบุญ แน่นอน สรุปแล้วผมเห็นตามครูไม่ใหญ่ครับว่า ให้อุทิศบุญให้เขาไปดีที่สุด เพราะ
1. เขาอาจได้บุญเพิ่ม ถ้าเขาอนุโมทนาบุญจากเรา แต่ก็จะทำให้ใจเขาอ่อนลง เพราะมีจิตยินดีในบุญของผู้อื่น (อนุโมทนา) และตัวเราก็ได้บุญเพิ่มด้วย
2. เขาอาจไม่ได้บุญเพิ่มถ้าเขาไม่อนุโมทนา แต่เราได้เพิ่มแน่นอน
ดังนั้น ดีดเครื่องคิดเลขด้วย เอ้ย คำนวณแล้ว คุ้มกว่ากันเห็นๆ ครับ
#14
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 03:41 PM
พวกนี้ชอบมาลักบุญของนักสร้างบารมี
ควรใช้ คู่กรรมคู่เวร จึงจะเหมาะสม
#15
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 04:20 PM
ส่วนที่น้องวิว ถามมาว่า อุทิศให้ทั้งอนันตจักรวาลไม่ตามมาฆ่าหมดหรือ ก็ให้ดูคำตอบข้างต้นในความเห็นที่ 13 นี้นะครับ ไม่ว่าจะอย่างไร เขามีโอกาสไม่ได้รับบุญ ถ้าเขาไม่อนุโมทนา และถึงเขาอนุโมทนา เขาก็ได้บุญน้อยกว่าเราผู้ทำและอุทิศด้วยอย่างแน่นอนครับ
#16
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 08:22 PM
อุทิศสวนบุญให้เจ้ากรรมนายเวร แล้วจะเปนไงครับเนีย.
#17
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 08:23 PM
#18
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 08:46 PM
#19
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 09:22 PM
เอ..ถ้าจำไม่ผิดนะ ใช้คำว่าอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแก่เจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์ทั้งหลาย น่ะได้ เพราะการอุทิศคือการแบ่งส่วนบุญให้ เหมือนการต่อเทียนกันไป ยิ่งต่อยิ่งสว่าง ยิ่งแบ่งเราก็ยิ่งได้บุญ ที่สำคัญเทียนเราก็ไม่ได้หายไปไหน แต่ห้ามไปบอกว่าขอยกบุญที่ทำให้ทั้งหมดนี้ให้เจ้ากรรมนายเวร อย่างนี้เขามาหมดแน่ๆ แถมเราจะติดลบอีกต่างหาก เพราะไปสร้างกรรมกับใครกี่ชาติกี่กัปไม่รู้ คือมันเยอะมาก ถ้าอย่างนี้เหมือนเรายกเทียนของเราให้ไปเลย ดังนั้นจึงไปควรไปอธิษฐานแบบนี้เด็ดขาดจ้า
( จำไม่ได้ว่าเคยฟังจากที่ไหน อืมมม หรือจากเทปคุณป้าถวิล หรือไงเนี่ย )
#20
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 09:28 PM
อุทิศสวนบุญให้เจ้ากรรมนายเวร แล้วจะเปนไงครับเนี่ย
บุญจะถึงแก่ท่านเหล่านั้นหรือเปล่า? ขึ้นอยู่กับว่าท่านอยู่ในภพภูมิที่สามารถรองรับผลแห่งบุญได้ไหม? ถ้าได้ ก็ถึง อาทิ ฉกามาวจรเทวภูมิ ถ้าไม่ได้ ก็ไม่ถึง อาทิ มนุสสภูมิและอบายภูมิ (ในบางกำเนิด) เป็นต้นครับ
possibly
อย่าลืมสิครับ เราบอกว่าเราเป็นวงบุญพระโพธิสัตว์ไม่ใช่หรือ? ถ้าเราบอกกับตัวเราเองดังนี้แล้ว ก็ไม่ควรเลือกที่รักผลักที่ชังนะครับ ผมขอฝากการบ้านให้พี่ไปทบทวนเกี่ยวกับคุณธรรมและอัธยาศัยของพระโพธิสัตว์อีกครั้งหนึ่งด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
#21
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 09:42 PM
#22
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 09:57 PM
เวลาเราอุทิศบุญให้เขา ก็เหมือนกับว่า ขวานที่เขาเฉาะหัวเรามาตลอดจนทู่ลงเรื่อย ๆ แต่ได้กำลังบุญจากเราไปทำให้ขวานนั้นกลับคมขึ้นมาอีก แต่แทนที่เขาเห็นอย่างนั้นเขาจะเมตตาเรา เขากลับเอาขวานที่คมกริบขึ้นมานั้นสับเฉาะลงมาอีกอย่างไม่ปราณี ทั้งนี้เพราะเขามีหน้าที่อย่างนี้เท่านั้นนั่นเอง
แต่คู่กรรมคู่เวรหมายถึงคนที่เราเคยมีเวรมีกรรมต่อกันมา ล้วนเป็นสัตว์โลกที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดเหมือนกัน เป็นพวกเดียวกัน อยู่ในฐานะเดียวกัน แต่เพราะความไม่เข้าใจในกฏแห่งกรรมจึงผูกอาฆาตกัน จึงควรอย่างยิ่งที่เราจะต้องแผ่เมตตาและอุทิศบุญไป เพื่อให้ทั้งเราและเขาคลายความแค้นที่มีต่อกันไว้ออกไป เพราะต่างก็เป็นฝ่ายถูกเจ้ากรรมนายเวรตามจองล้างจองผลาญอยู่เช่นกัน จะมัวมาล้างผลาญกันอยู่ทำไม แม้ฝ่ายเขาจะไม่หยุด ฝ่ายเราก็ต้องยอมหยุดและต้องอดทนไม่น้อยใจไม่หนักใจอะไร เหมือนกับที่พระพุทธองค์อดทนกับพระเทวทัตจนในที่สุดก็ยังประโยชน์ให้พระเทวทัตที่กลับใจในที่สุดได้สำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคตเบื้องหน้า
และถึงแม้ว่าบุญที่เราทำจะรั่วไหลไปส่งผลให้ฝ่ายบาปด้วยความไม่รู้มากแค่ไหน แต่ถ้าเราตั้งใจแน่วแน่ สร้างบุญสร้างบารมีอย่างสุดกำลังให้ครบทั้งทาน ศีล ภาวนา อีกทั้งบารมี 10 ทัศโดยไม่คิดเล็กคิดน้อยแล้วล่ะก็ สุดท้ายช่องโหว่เหล่านี้ก็จะถูกทับถมด้วยบุญจำนวนมาก เหมือนกับถังน้ำรั่วที่ตกลงไปกลางทะเล ช่องโหว่เหล่านั้นย่อมทำให้น้ำรั่วออกไม่ได้ เพราะว่าพื้นที่ทั้งหมดเต็มไปด้วยน้ำแล้วนั่นเอง
แต่กว่าจะทำได้แบบนี้ ก็ต้องอดทนในอดทนในอดทน จนนับประมาณไม่ได้น่ะครับ
#23
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 10:04 PM
และถึงแม้ว่าบุญที่เราทำจะรั่วไหลไปส่งผลให้ฝ่ายบาปด้วยความไม่รู้มากแค่ไหน แต่ถ้าเราตั้งใจแน่วแน่ สร้างบุญสร้างบารมีอย่างสุดกำลังให้ครบทั้งทาน ศีล ภาวนา อีกทั้งบารมี 10 ทัศโดยไม่คิดเล็กคิดน้อยแล้วล่ะก็ สุดท้ายช่องโหว่เหล่านี้ก็จะถูกทับถมด้วยบุญจำนวนมาก เหมือนกับถังน้ำรั่วที่ตกลงไปกลางทะเล ช่องโหว่เหล่านั้นย่อมทำให้น้ำรั่วออกไม่ได้ เพราะว่าพื้นที่ทั้งหมดเต็มไปด้วยน้ำแล้วนั่นเอง
สาธุ... สาธุ... สาธุ...
#24
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 07:38 AM
ก็เลยแผ่เมตตาให้เขาหวังว่าเขาจะออกไป
จากชีวิต
#25
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 08:20 AM
ตามที่ คุณสิริปโภ และคุณพักผ่อนค่
#26
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 08:48 AM
แต่มีคู่กรรมคู่เวรรนี่พึ่งรู้ทีหลัง
#27
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 12:55 PM
สงสัยจริงๆด้วย แต่พอมาอ่านที่หลายๆท่านตอบก็จับประเด็นได้ว่า ต้องแยกประเภท
ระหว่างเจ้ากรรมนายเวร กับคู่กรรมคู่เวร ซึ่งคำหลังนี้เคยได้ยินคุณครูไม่ใหญ่ นำพวก
เราอุทิศส่วนกุศลให้คู่กรรมคู่เวรเหมือนกัน จึงคิดว่า น่าจะใช้ได้ นะคะ
นี่คือความเห็นส่วนตัว อย่างไรคงต้องให้ท่านผู้รู้มาช่วยตอบก็จะขอบคุณมากๆค่ะ
เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน
#28
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 04:04 PM
#29
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 04:38 PM
แต่บุคคลผู้ใจยังไม่รวม อย่าเพิ่งกังวลเลยนะครับ เขาไม่สนใจเราหรอก แค่ทหารเลวของเขา ได้แก่ มาร 5 ฝูง กิเลสมาร ขันธมาร อภิสังขารมาร มัจจุมาร เทวบุตรมาร แค่นี้เราก็เดี้ยงแล้ว
หากเรายังกังวลว่า เขาจะสนใจบุญของเรา ผู้ยังไม่มีใจรวมหรือไม่ ให้ลองนึกภาพ ขอทานก็ยืนเงิน 1 บาทให้มหาเศรษฐีสิครับ และเราจะเข้าใจได้เองว่า มหาเศรษฐีเขาจะมองเงิน 1 บาท ของขอทาน ว่าอย่างไร
บางท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมไปมองตัวเองเป็นขอทาน ก็นี่เป็นแค่อุปมาให้ฟัง ถึงว่าผู้ไม่มีใจรวม ไม่อยู่ในสายตาของเขาหรอกครับ ไว้ฝึกตนให้เป็นผู้มีใจรวมก่อน ค่อยมาว่ากันใหม่
#30
โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 01:18 AM
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"