"ชำระหนี้สงฆ์"
#1
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 06:54 AM
#2
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 06:59 AM
แล้วก็มาแอบตายเสียก่อน
ไปเจอยมบาล ท่านตรวจดู
ก็พบว่าคนนี้เมื่อเป็นมนุษย์
หนี้พระสงฆ์ไว้ไม่ยอมจ่าย
ก็เลยต้องโดนส่งตัวมาให้ช้ำระ
หนี้นี้กับท่านเสียก่อน.........
#3
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 08:24 AM
การหยิบอะไรออกจากวัด ต้นไม้ ใบหญ้า กรวด หิน ดิน ทราย ในวัด ก็ติดหนี้สงฆ์
อย่าว่าแต่ไปยืมเงินเลย
คนโบราณกลัวบาปเลยต้องสร้างพระเพื่อชำระหนี้สงฆ์
#4
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 09:05 AM
ดังนั้น เพื่อไม่ให้ต้องติดหนี้สงฆ์ไปถึงภพหน้าชาติหน้า ซึ่งเราเองก็ไม่ทราบว่าเราจะไปเกิดที่ใดภพใด และจะมีโอกาสได้พบพระพุทธศาสนาหรือไม่ ฉะนั้น เพื่อเป็นการไม่ประมาทจึงควรถือโอกาสชำระหนี้สงฆ์ตั้งแต่วันนี้ทันทีที่มีโอกาสไปวัด เมื่อได้ไปทำบุญที่วัดใด คอยสังเกตตู้ที่ทางวัดเขาตั้งใจให้เราใส่เงินทำบุญเพื่อชำระหนี้สงฆ์ จะได้ไม่ติดค้างไปภพหน้าต่อไป"
คัดลอกมาจากหนังสือสวดมนต์ที่เขาพิมพ์แจกกัน ผิดถูกประการใดผู้รู้เพื่มเติมได้ครับ
#5
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 11:44 AM
#6
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 12:30 PM
#7
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 01:32 PM
กรณีที่เวลาเราไปวัด แล้วใช้สมบัติพระศาสนาอย่างไม่คุ้มค่า
เช่น เปิดน้ำทิ้งไว้ในขณะที่แปรงฟัน / พาลูกไปวัดแล้วปล่อยให้เล่นน้ำในขณะอาบน้ำ
เหมือนตอนอยู่ที่บ้าน (คือเล่นอาบไม่ยอมเลิกน่ะ)
ดึงกระดาษชำระมากกว่าจำเป็นที่ต้องใช้ / ใช้พัดลมแล้วลืมปิด เปิดทิ้งไว้
หรืออื่นๆที่คล้ายกันอย่างนี้ ...น่าจะเข้าข่ายนี้เหมือนกันนะ
เราจะจะมีการฟื้นฟูวัฒนธรรมคุณยายอีกข้อหนึ่งในเรื่องของการใช้สมบัติพระศาสนา
อย่างคุ้มค่า มาถ่ายทอดและชักชวนกันปฏิบัติ เพื่อให้พวกเราและเพื่อนๆที่เพิ่งมาวัด
ไม่ทันได้พบคุณยายอาจารย์ จะได้ซาบซึ้งกับคุณธรรมของท่าน และได้บุญในการช่วย
รักษาสมบัติพระศาสนาอีกด้วยนะคะ ...ใครเห็นด้วยยกมือขึ้น...
เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน
#8
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 01:47 PM
เวลาไปโบสถ์ไหว้พระในโบสถ์ ถ้าไม่เปิดไฟก็แล้วไป แต่ถ้าเปิดไฟ เปิดพัดลม ก็ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในส่วน
ของวัด ก็เท่ากับเราไปก่อหนี้ให้กับสงฆ์นั่นเองครับ
ดังนั้นการชำระหนี้สงฆ์จึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำไปด้วยครับแม้ว่าทางวัดจะไม่มีกล่องรับบริจาคเราก็ควรจะทำเอง
เพื่อกันการเป็นหนี้สงฆ์โดยที่ไม่เจตนาด้วยครับ
เพราะเงินทำบุญก็ส่วนเงินทำบุญครับ ส่วนเงินชำระหนี้สงฆ์ก็เป็นส่วนชำระหนี้ไม่เกี่ยวกันครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#9
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 01:53 PM
อย่างคุ้มค่า มาถ่ายทอดและชักชวนกันปฏิบัติ เพื่อให้พวกเราและเพื่อนๆที่เพิ่งมาวัด
ไม่ทันได้พบคุณยายอาจารย์ จะได้ซาบซึ้งกับคุณธรรมของท่าน และได้บุญในการช่วย
รักษาสมบัติพระศาสนาอีกด้วยนะคะ ...ใครเห็นด้วยยกมือขึ้น...
ยกสองมือเลยค่ะ
แล้วจะชำระอย่างไรดีล่ะคะ
ถ้าสมมติว่าเราไม่ค่อยมีปัจจัยเท่าไรนัก แล้วเป็นอาสาสมัครอยู่ล่ะคะ
จะถือว่าชำระได้หรือไม่คะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#10
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 03:59 PM
เหตุที่ต้องขนทรายเข้าวัดเพราะ คนสมัยก่อนถือว่า ทรายในวัดได้ติดเท้ามาตอนที่ไปทำบุญ ดังนั้นจึงเกิดประเพณีขนทรายเข้าวัดเพื่อนำทรายไปคืน โดยนำไปก่อเป็นพระเจดีย์ทรายไงครับ ได้บุญด้วยนะครับ เพราะระลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผ่านทางพระเจดีย์ทรายครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#11
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 04:58 PM
อ้อ แต่อยากจะฝากไว้อีกอย่างหนึ่งให้ไปถ่ายทอดให้เพื่อนๆ อาสาสมัครกันไป อีกวิธีหนึ่งที่เด็กๆ จะช่วยทางวัดได้ คือ ช่วยกันประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้วัดน่ะครับ ไปทำงานอาสาสมัครที่ไหน เลิกงานแล้ว ก็ปิดน้ำ ปิดไฟ ปิดพัดลม อะไรให้เรียบร้อย ประมาณน่ะครับ
#12
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 06:17 PM
2. แล้วถ้าสมมุติว่าอยากชำระหนี้สงฆ์ที่เคยใช้น้ำไฟไปที่วัด A แต่ว่าไม่มีโอกาสกลับไป จะชำระหนี้สงฆ์ที่ วัด B แทนได้ป่าว
#13
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 07:18 PM
ทำอะไรที่เป็นบวกกับวัดวาอาราม ก็น่าจะเป็นการชำระหนี้สงฆ์ ซึ่งหนี้นั้นก็เป็นพฤติกรรมลบๆ ที่เราทำกับวัดวาอาราม อาจโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่คนโบราณถือว่าเป็นหนี้สงฆ์นั้นไม่ดี ต้องจัดการใช้หนี้เสีย ก็ทำกันไป เป็นสิ่งดีๆ ทั้งนั้นไม่ใช่หรือคะ
#14
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 07:22 PM
ทำอะไรที่เป็นบวกกับวัดวาอาราม ก็น่าจะเป็นการชำระหนี้สงฆ์ ซึ่งหนี้นั้นก็เป็นพฤติกรรมลบๆ ที่เราทำกับวัดวาอาราม อาจโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่คนโบราณถือว่าเป็นหนี้สงฆ์นั้นไม่ดี ต้องจัดการใช้หนี้เสีย ก็ทำกันไป เป็นสิ่งดีๆ ทั้งนั้นไม่ใช่หรือคะ?
ใช่แล้วครับ ภายในบริเวณอารามวัดนั้น จัดว่าเป็น "พุทธเขต" ทั้งสิ้นเลยครับ เพราะฉะนั้น จะหยิบ จะจับ จะทำอะไรที่เป็นทางมาแห่งกุศล ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเป็นบุญไปหมดน่ะครับ แต่ในทางตรงกันข้าม หากทำในสิ่งที่เป็นบาปอกุศลล่ะก็ ดับเครื่องชนชนิดจอดไม่ต้องแจวเหมือนกันนะครับ
#15
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 07:23 PM
2. แล้วถ้าสมมุติว่าอยากชำระหนี้สงฆ์ที่เคยใช้น้ำไฟไปที่วัด A แต่ว่าไม่มีโอกาสกลับไป จะชำระหนี้สงฆ์ที่ วัด B แทนได้ป่าว
ตอบ การชำระหนี้สงฆ์สามารถชำระเป็นค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ที่วัดไหนก็ได้ครับ เพราะคำว่าสงฆ์นั้นหมายรวมพระสงฆ์ทั้งหมดในพระพุทธศาสนาเลยครับ ถ้าคิดไม่ออกว่าเป็นหนี้สงฆ์เพียงแค่ค่าน้ำค่าไฟฟ้าหรือมีอื่นๆ อีกเวลาทำบุญสังฆทานก็นึกขอถวายทานเป็นการชำระหนี้สงฆ์แทนก็ได้ครับ ถ้าไม่มีเงินมาชำระก็ชำระเป็นอาหารใส่บาตรก็ไม่ถือว่าผิดครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#16
โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 09:54 PM
สาธุ... ขอบคุณมากครับ พึ่งจะรู้นะเนี่ย แต่ผมขอผู้รู้มาช่วยยืนยันให้อีกทีก็แล้วกันนะครับ
#17
โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 02:26 PM
เวลาไปที่ตู้รับบริจาค
ก็บอกเขาว่าจะทำบุญ "บำรุงวัด"
ซึ่งจะรวมทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ
ทำเท่าไหร่ก็ได้ทั้งนั้นค่ะ เพราะสมัยที่ยังเป็นนักเรียน เคยทำบุญบำรุงวัด 50 บาทด้วย
ยังเก็บใบอนุโมทนาบัตรไว้เลย
เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน
#18
โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 09:22 PM
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#19
โพสต์เมื่อ 03 September 2006 - 06:14 AM
พวกเราบางคนเคยหยิบฉวยสิ่งของที่เป็นสมบัติของวัดหรือของสงฆ์ เช่น ก้อนหิน ก้อนดิน ผลไม้ ดอกไม้ ใบไม้ หรือบางทีทรายติดรองเท้าเรากลับออกมาจากวัด ฯลฯ แล้วเราเองก็ไม่ได้ทำบุญ บางทีเหตุการณ์เช่นนี้อาจจะเกิดขึ้นตอนเราเป็นเด็กๆ ชอบซุกซนบ้าง เป็นต้น ซึ่งทางวัดและพระสงฆ์นั้นไม่มีเงินเดือนและไม่มีรายได้ใดๆ ทั้งสิ้น เงินที่ได้มาก็คือเงินที่พุทธศาสนิกชนและญาติโยมต่างๆ ไปร่วมทำบุญทั้งสิ้น ฉะนั้น ในบางครั้งเราเข้าวัดและบางทีไปใช้ธูปเทียนวัดบ้างเพื่อจุดธูปไหว้พระ อาจจะดื่มน้ำมนต์และอาศัยไฟฟ้าของทางวัด เช่น พัดลมเป็นต้น แล้วลืมทำบุญ ฉะนั้นจะทำให้เราเป็นหนี้สงฆ์ทันทีโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้น เพื่อไม่ให้ต้องติดหนี้สงฆ์ไปถึงภพหน้าชาติหน้า ซึ่งเราเองก็ไม่ทราบว่าเราจะไปเกิดที่ใดภพใด และจะมีโอกสได้พบพระพุทธศาสนาหรือไม่ ฉะนั้น เพื่อเป็นการไม่ประมาทจึงควรถือโอกาสชำระหนี้สงฆ์ตั้งแต่วันนี้ทันทีที่มีโอกาสไปวัด เมื่อได้ไปทำบุญที่วัดใด คอยสังเกตตู้ที่ทางวัดเขาตั้งใจให้เราใส่เงินทำบุญเพื่อชำระหนี้สงฆ์ จะได้ไม่ติดค้างไปภพหน้าต่อไป.
#20
โพสต์เมื่อ 07 June 2007 - 01:22 PM