![](http://www.gravatar.com/avatar/d41d8cd98f00b204e9800998ecf8427e?s=100&d=https%3A%2F%2Fwww.dmc.tv%2Fforum%2Fpublic%2Fstyle_images%2Fmaster%2Fprofile%2Fdefault_large.png)
โปรแกรมคอมพิวเตอร์เถื่อน
#1
*Guest*
โพสต์เมื่อ 08 April 2005 - 05:32 PM
#2
โพสต์เมื่อ 08 April 2005 - 06:02 PM
ก่อนจะตอบอยากให้ลองศึกษาเว็บข้างบนเพิ่มเติมด้วยนะครับ
สำหรับศีลข้อ ๒ มีองค์ประกอบ ๕ อย่าง คือ
๑. ปรปริคฺคหิตํ ของมีเจ้าของหวงแหน
๒. ปรปริคฺคหิตสญฺญิตา รู้ว่ามีเจ้าของหวงแหน
๓. เถยฺยจิตฺตํ จิตคิดจะลัก ( ทั้งโดยคิดลักเอง หรือใช้ให้ผู้อื่นลักแทน )
๔. อุปกฺกโม เพียรเพื่อจะลัก
๕. เตน หรณํ นำของมาด้วยความเพียรนั้น
ถ้าครบองค์ ๕ ศีลข้อสองนี้ก็ขาด
สำหรับของที่มีเจ้าของหวงแหน หมายถึง ของที่เจ้าของนั้นต้องการ ถ้าเราไปนำมา เขาย่อมเดือดเนื้อร้อนใจ แต่ถ้าเจ้าของไม่หวงแหน เช่น พบเศษสตางค์ตกพื้น 1 บาท เราอาจถือว่า ไม่มีเจ้าของหวงแหนได้เพราะ 1 บาทมีค่าน้อยมาก แต่ก็ต้องมั่นใจให้ดี เพราะถ้าคนที่ทำสตางค์นั้นตก เป็นคนมีทรัพย์น้อยมาก 1 บาทก็ถือว่าจำเป็นสำหรับเขา เราอาจเข้าข่ายได้ สำหรับผมถ้าเก็บเงินน้อยๆ อย่างนี้ได้ จะใช้วิธีนำเงินนั้นไปทำบุญ แล้วอุทิศให้เจ้าของเงินด้วย
ทีนี้เราต้องลองมาดูว่า โปรแกรมคอมพิวเตอร์แต่ละโปรแกรมนั้น เจ้าของโปรแกรมหวงแหนหรือไม่ ถ้าเขาหวงแหน เราไปทำอย่างนี้แล้วเขาเดือดร้อน ก็ถือว่า ผิดศีลครับ ถ้าเขาหวงแหนมากก็บาปมาก หวงแหนน้อยก็บาปน้อยล่ะครับ
#3
*Guest*
โพสต์เมื่อ 08 April 2005 - 06:19 PM
#4
โพสต์เมื่อ 08 April 2005 - 09:07 PM
ถ้าไม่รู้ว่าของนั้นมีเจ้าของ ก็ไม่ผิดศีล แต่มีบาปติดตัว
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#5
*Guest*
โพสต์เมื่อ 08 April 2005 - 10:19 PM
#6
โพสต์เมื่อ 09 April 2005 - 01:33 AM
ผิดศีลนั้นบาปแน่นอน
แต่บางครั้งเราก็สามารถทำบาปโดยไม่ต้องผิดศีลก็ได้
กรณีที่องค์ประกอบศีลยังไม่ครบ ขาดไปบางข้อนั้น เราเรียกว่าศีลด่าง แต่ยังไม่ขาด
เหตุที่บาปก็คือ
ยกตัวอย่าง สมมติว่าขาดองค์ประกอบข้อที่ว่า "เราไม่รู้ว่าของนั้นมีเจ้าของ"
แต่องค์ประกอบอื่นครบหมดคือ
- ของนั้นมีเจ้าของ เค้าหวงแหนในทรัพย์นั้น
- เราคิดจะเอาทรัพย์นั้น (โดยนึกว่าไม่มีใครเอาของชิ้นนี้แล้ว)
- เราใช้ความพยายามเอาทรัพย์นั้นมา
(อาจจะไม่ได้ตั้งใจขโมย แต่ก็มีการพยายามเอาทรัพย์นั้นมาเป็นของเรา เช่นเือื้อมมือไปหยิบเป็นต้น)
- ของนั้นมาอยู่กับเรา เป็นที่เรียบร้อย
องค์ประกอบไม่ครบถือว่าไม่ผิดศีล แต่มีวิบากกรรมติดตัว
เพราะการกระทำของเรามีผลทำให้เจ้าของทรัพย์รู้สึกเสียดายทรัพย์นั้น
ถือเป็นการเบียดเบียนผู้อื่น ถึงแม้ไม่ได้ตั้งใจก็ตามครับ
ถ้าจะมองให้ง่ายก็ลองมองข้อปาณาฯก็ได้ครับ
เช่นไม่ได้เจตนาฆ่าสัตว์ แต่เค้าตายเพราะการกระทำของเรา (อาจจะเดินเหยียบมด)
ไม่ผิดศีล แต่วิบากกรรมติดตัวมีแน่ๆ เพราะเ้ค้าตายด้วยน้ำมือเรา
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#7
โพสต์เมื่อ 09 April 2005 - 07:40 AM
#8
*Guest*
โพสต์เมื่อ 09 April 2005 - 08:39 PM
อย่างนี้คนไทยค่อนประเทศก็คงผิดศีลกันหมดเลยซิเนี่ย เฮ้อ
#9
โพสต์เมื่อ 10 April 2005 - 07:47 PM
เช่นเดียวกัน เมื่อชอบจะใช้โปรแกรมประเภทนี้ เราก็ควรไปเข้าเว็บ Search Engine ตรวจสอบดูก่อนว่า โปรแกรมเขาเป็นแบบฟรี หรือ ถ้าใช้ส่วนตัวอนุญาตให้ฟรี แต่ถ้าค้าขายไม่ฟรี หรือ ยังไงก็ไม่ฟรี พอเรารู้แล้ว เราก็ค่อยซื้อโปรแกรมตัวที่ไม่มีปัญหามาใช้น่ะครับ ดีกว่าใช้สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ศึกษาเลยนะครับ อีกอย่างเราต้องคอยหาวันดีๆ เช่นวันพระตั้งใจตั้งแต่เช้าเลยว่า วันนี้จะตั้งใจทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาอย่างบริบูรณ์ (เหมือนดื่มน้ำเจือจางพิษ) สั่งสมบุญเยอะๆเจือจางบาป ที่เราก็ไม่รู้ว่าทำมามากน้อยเท่าไหร่ไงล่ะครับ หรือถ้ามีกำลังใจก็ทำไปทุกวันเลยยิ่งดีครับ อย่างผมตั้งใจว่า ปีนี้ทั้งปี จะขอทำบุญ 10 ประการอย่างไม่ขาดเลยแม้แต่วันเดียว ตอนนี้ทำมาได้ 100 วันแล้วครับ นับจาก 1 มกราคม 2548 มา
#10
โพสต์เมื่อ 10 April 2005 - 09:47 PM
![biggrin.gif](https://www.dmc.tv/forums/style_emoticons/default/biggrin.gif)
#11
*Guest*
โพสต์เมื่อ 10 April 2005 - 09:54 PM
#12
โพสต์เมื่อ 11 April 2005 - 06:29 PM
#13
*ฟลอริดา*
โพสต์เมื่อ 06 May 2005 - 11:35 AM
#14
โพสต์เมื่อ 06 May 2005 - 12:54 PM
บาป เกิดขึ้นได้แม้ความคิด ส่วนกรรมหมายถึง การกระทำ (ไม่นับรวมในอกุศลกรรมบถ ที่มีมโนกรรม กรรมทางใจด้วยนะครับ) ซึ่งเป็นความหมายโดยทั่วๆไป
ดังนั้น ถ้าทำตามบาป ยังไม่ทำกรรม หรือทำกรรมไม่ทำบาป ก็เป็นศีลด่างพร้อง ทะลุ แต่ยังไม่ขาดครับ ยกตัวอย่างเฉพาะศีลข้อ2 อย่างเดียวก่อนก็แล้วกันนะครับ (ข้ออื่นๆ ก็ไปลองเทียบเคียงกันดู)
องค์ประกอบของศีลของ 2 คือ
1. ของนั้นมีเจ้าของหวงแหน
2. รู้ว่าของนั้นมีเจ้าของหวงแหน
3. มีจิตคิดจะลักขโมย โกง ฯลฯ
4. ลงมือทำ
5. สำเร็จเรียบร้อย (ใครเรียบร้อยไม่รู้เหมือนกัน ขโมยเรียบร้อย แต่ศีลก็ขาดเรียบร้อย)
องค์ประกอบที่ 1 ของนั้นมีเจ้าของหวงแหน เช่น เราเห็นหนังยางเส้นนึงวางอยู่ไม่รู้ของใคร เราเลยเก็บเอามาใช้ อย่างนี้ถือว่า ศีลยังไม่ขาดครับ เพราะหนังยางเส้นเล็กๆ เส้นเดียวย่อมไม่มีเจ้าของหวงแหน (แต่ถ้ามีใครหวงขนาดแค่หนังยางเส้นเดียว ก็ ตอ คอ ตอ มอ แปลว่า ตัวใครตัวมันครับ คงไม่แจ๊กพ็อตขนาดนั้นนะ) (ข้อนี้ถือว่าเป็นกรรม แต่ไม่เป็นบาป)
องค์ประกอบที่ 2 รู้ว่าของนั้นมีเจ้าของหวงแหน เช่น เพื่อนให้นาฬิกามาเรือนหนึ่ง เราเอามาใช้เพราะเห็นว่าสวยดี แต่ปรากฏว่า นาฬิกาเรือนนี้เพื่อนไปขโมยคนอื่นมา พอเจ้าของเขามาเห็นเราใส่ก็จำได้ แจ้งตำรวจจับ อย่างนี้ศีลก็ยังไม่ขาดครับ เพราะเราไม่รู้ว่านาฬิกาขโมยมา (แต่อาจผิดกฏหมาย รับซื้อของโจรได้ครับ) (ข้อนี้ถือว่าเป็นกรรม แต่ไม่เป็นบาป)
องค์ประกอบที่ 3 มีจิตคิดจะลักโมย ข้อนี้ลงตัวพอดี บาปเกิดขึ้นแล้ว (ถือว่าเป็นบาปครับ แต่ยังไม่เป็นกรรม เพราะยังไม่ได้ทำ) แต่ศีลก็ยังไม่ขาดครับ แต่ถ้าไม่ได้เจตนาก็ไม่ผิดศีล เหมือนที่เราเคยดูกันในละคร พระเอกนางเอก ถือ กระเป๋าเดินทางเหมือนกัน แล้วดันมาวางใกล้กัน อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น จากนั้นก็เกิดเหตุบางอย่าง ทำให้ทั้งคู่หยิบกระเป๋าสลับกัน อย่างนั้นไม่ผิดศีลครับ แต่เป็นกรรม เรียกว่า กรรมที่ไม่ได้เจตนา
องค์ประกอบที่ 4 ลงมือทำ ศีลก็ยังไม่ขาดครับ เพราะยังไม่สำเร็จ (ข้อนี้เป็นบาปกรรม แต่ยังไม่ถึงขั้นผิดศีล)
องค์ประกอบที่ 5 สำเร็จสมใจนึก ศีลขาดแล้วล่ะครับ บาปกรรมครบถ้วนบริบูรณ์
เพิ่มเติม ถ้าจ้างวานให้คนอื่นลักขโมยแทนให้ ถือว่า เราก็จัดเป็นผู้ขโมยเองเช่นเดียวกัน คือ ศีลขาดครับ แล้วถ้าเราขโมยแล้ว เปลี่ยนใจนำไปคืน โดยยังไม่มีใครรู้ล่ะ ศีลขาดไปแล้วครับ ต่อใหม่ไม่ได้ครับ ยกเว้นจะตั้งใจรักษาใหม่ ในวันต่อๆ ไป
#15
โพสต์เมื่อ 30 January 2007 - 03:30 PM