๑. เปลี่ยนจากการรับรองในช่วงเย็น เป็นเลี้ยงอาหารกลางวันแทน
๒. ในการสั่งเครื่องดื่ม หากเราเป็นเจ้าภาพควรกุลีกุจอแนะนำน้ำผลไม้ที่มีชื่อและส่งเสริมสุขภาพ ต้องให้เหตุผลว่าที่มาร้านนี้เพราะน้ำผลไม้ร้านนี้ รสชาติดี เป็นผลไม้แท้ๆ ไม่ผสมน้ำตาลมาก หากลูกค้าต้องการดื่มไวน์หรือเบียร์ก็ให้เขาสั่งเอง แต่เราอย่าไปร่วมดื่มกับเขาอย่างเด็ดขาด
๓. หากลูกค้าตื้อให้คุณดื่ม ก็ให้ตอบเขาตามตรงว่า เราถือศีล ๕ หากเขาสงสัย คุณก็เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสในทันที เพราะเราจะได้มีโอกาสอธิบายให้เขาฟัง เผลอๆ เขาอาจจะคล้อยตามคุณและเข้าใจในโทษของสุราที่คุณสาธยายให้ฟังก็ได้
๔. หากจำเป็นต้องไปในช่วงเย็น ควรพาลูกค้าไปรับประทานอาหารที่มีชื่อเสียงทางด้านอาหาร จากนั้นคุณก็สั่งอาหารที่หนักท้อง อาหารประเภทกับแกล้ม เลี่ยงไม่ควรสั่ง และชักชวนให้ชิมอาหาร แนะนำอาหารที่อร่อย มีชื่อของร้านนั้นสร้างความสนใจในรสชาติของอาหาร ลูกค้าก็จะทานเพลิน การดื่มก็จะลดลง หรืออาจไม่อยากดื่มเลย
๕. หลีกเลี่ยงพาลูกค้าหรือผู้ที่คุณรับรองไปร้านอาหารที่ีมีดนตรี คาราโอเกะ บาร์ ผับ เพราะสถานที่เหล่านี้จะมีพนักงานที่คอยมาเชียร์ให้คุณและผู้ร่วมโต๊ะดื่ม โดยบางทีจะมีจัดโปรโมชั่นด้วย เชียร์แขกให้ดื่มเพิ่ม ทำให้เราตั้งรับยาก
๖. การสนทนา ไม่ควรคุยแต่เรื่องงานอย่างเดียว ควรชวนลูกค้าคุย โดยเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนาให้เข้าหลักธรรมะ โดยเริ่มจากสิ่งที่พบเห็นบ่อยๆ จากหน้าหนังสือพิมพ์ หรือจากคนที่ใกล้ชิดที่ประสบมา โดยให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด
๗. หากวันใดคุณพาคนรู้จักมักคุ้นไปทานข้าว หรือเขาเป็นฝ่ายเชิญคุณ แล้วจู่ๆ เขาก็รินเบียร์ให้คุณ คุณสามารถปฏิเสธเขาอย่างนุ่มนวลว่า ตอนนี้ผมเลิกดื่มแล้วครับ กำลังเป็นตัวอย่างให้ลูก เพื่อลูกจะได้ไม่ย้อนถามผมว่า "ไม่ดีแล้วทำไมพ่อดื่ม" เขาจะเปลี่ยนจากความรู้สึกไม่พอใจคุณ มาเป็นฝ่ายเห็นใจ และเข้าใจคุณมากกว่าจะมาโกรธ แล้วคุณก็สาธยายถึงสังคมปัจจุบัน อันตรายที่เด็กวัยรุ่นหันมาดื่มสุรา กับบุหรี่กันมาก เพราะถ้าพ่อแม่เอาแต่บอกว่า เหล้า-บุหรี่ไม่ดี แต่ตัวเองยังสูบ ยังดื่มอยู่ ลูกจะไม่เชื่อถือพ่อแม่ และเห็นเป็นเรื่องปกติ
๘. อย่ากลัวว่าเพื่อนจะไม่คบ จู่ๆ คุณก็ไม่มาร่วมวงเฮฮาปาร์ตี้ เราต้องกล้าเผชิญกับความจริง พึงระลึกเสมอว่า หากต้องการจะมีเพื่อนมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องหาจากวงเหล้า การจะมีเพื่อนหรือหาเพื่อนได้จากวงเหล้าเป็นการคิดผิดมาก คนเมาสามารถพูดได้ทุกเรื่องรับปากได้ทุกอย่าง แต่พอสร่างเมา ก็ลืมที่พูดไปหมด แล้วจะไปหาเพื่อนจากวงน้ำเมาได้อย่างไร
๙. คุณควรมีแผ่นซีดีกำเนิดสุรา ซีดีเทเหล้า ซีดีมหานรกขุม ๕ ติดไว้ในรถเผื่อเจอใคร หรือนำไปฝากเพื่อนสนิทของคุณและเล่าประสบการณ์ชีวิตของคุณให้เพื่อนฟัง พึงระลึกเสมอว่า การที่เราเปลี่ยนแปลงตนเองได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพื่อนจะต้องทึ่งและอาจหันมาทดลองปฎิบัติธรรมดูก็ได้
๑๐.หากคุณยังไม่แน่ใจว่า ถ้าโดนขยั้นขยอแล้วอดไม่ได้ ขอแนะนำให้คุณเลือกอาชีพใหม่ดีกว่าการต้องไปรับวิบากกรรมอย่างแสนสาหัสในอนาคตอันยาวไกล แต่หากคุณรักในอาชีพนี้จริงๆ คุณต้องสามารถใช้ปัญญาที่มีอยู่ ยืนหยัดในค่านิยมอันถูกต้องดีงามเพื่อคนที่คุณรักและตัวคุณเองได้
จาก ๑๐ ข้อนี้ คงจะเป็นทางออกที่ดีให้กับคุณได้บ้าง เพราะเราเชื่อเหลือเกินว่าคุณคงไม่อยากเห็น หรือเป็นผู้หยิบยื่นความมุ่งร้ายที่สวยงาม ให้กับตัวเองหรือคนที่คุณรัก โดยการอ้างความจำเป็น เพราะบางทีความมุ่งร้ายที่สวยงามในแก้วเหล้าใบนี้อาจเป็นแก้วที่ทำให้เขาหมดโอกาสใช้ชีวิตบนโลก เพราะความหวังดีที่มอบให้กับเขาอย่างผิดวิธีก็ได้...
ฉันรักเธอ จึงขอมอบยาพิษให้กับเธอ..งั้นหรือ..??
QUOTE
เรื่องราวโดยย่อของคุณหยกฟ้า มโนสุดประสิทธิ์
ประวัติการดื่มอย่างโชกโชนมากว่า ๒๐ ปี ตลอดจนความชำนาญในการผสมเครื่องดื่มอัลกอฮอล์เกือบทุกประเภท โดยเรียนรู้จากตำรามิกเซอร์ระดับสากล ประกอบกับมีอาชีพที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการเลี้ยงรับรอง สร้างความประทับใจให้ลูกค้า โดยดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายนำเข้าและส่งออกของบริษัทแห่งหนึ่ง
"..ยิ่งสมัยวัยรุ่น เธคทุกแห่งที่ว่าดังไปมาหมด ด้วยความถี่สัปดาห์ละ ๑-๒ ครั้ง ..ดื่มจัดอย่างชนิดที่ว่า นับขวดเหล้าที่หมด ขวดแล้ว ขวดเล่า ดื่มจนดึกดื่น หากง่วงนอนก็แก้ด้วยการสูบบุหรี่ จนตี ๒ บาร์ปิด แต่ก็ยังกระเสือกกระสนพากันไปนั่งฟังเพลง ดื่มกันต่อ และทานข้าวต้มที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งแถวถนนพระราม ๔ ซึ่งสมัยนั้นไม่มีเคอร์ฟิวเรื่องการเปิดเพลง และการจำหน่ายสุรา คือเป็นยุคที่อบายมุขเฟื่องจริงๆ กว่าจะกลับถึงบ้านก็ตี ๔ ตี ๕ พระออกบิณฑบาตพอดี..."
..สิ่งนี้ คงเพียงพอที่จะให้นิยามเธอได้ว่า "เซียนเอนเตอร์เทน" เพราะกิจวัตร ดื่มเที่ยวอย่างเป็นประจำกับลูกค้า ลูกน้อง หรือผู้เกี่ยวข้องกับบริษัทในฐานะคนสำคัญทั้งภาครัฐและเอกชน
เธอ คือ คุณหยกฟ้า มโนสุดประสิทธิ์ อดีตนักดื่มหญิง ที่หักดิบตัดใจเลิกดื่มเครื่องดื่มอัลกอฮอล์ทุกประเภท!!
"เราเคยดื่มมากเพราะออกสังคมเป็นประจำ ถ้าวันไหนไม่ไป ก็จะนั่งดื่มเองที่บ้าน บางวันดื่มไวน์หมดคนเดียว ๒ ขวด แต่อยู่ๆ เรากลับมาหักดิบ เลิกเด็ดขาด เอาขวดเหล้า แพงๆ บรั่นดีจากเมืองนอก ไวน์ทุกอย่างในบ้านเททิ้งหมดและจัดพิธีเทเหล้าเผาบุหรี่ ทำให้คนรอบข้างบางคนเขางง ยอมรับไม่ได้ ถามว่าเราเป็นอะไรไป...??"
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หากจะมีคนสงสัย และพร้อมจะสอบพฤติกรรมการทำความดีของเธอด้วยความเป็นห่วงเช่นนี้ เพราะเมื่อก่อนเธอเป็นแกนนำในการชวนพวกเขาดื่มเอง ใครดื่มไม่เป็น ก็ยินดีสอนให้ และยังผสมเหล้าให้ดีกรีเหมาะสมสำหรับมือใหม่ หัดดื่มอีกด้วย
เมื่อเธอเอาเหล้าแพงๆ ไปทิ้งแล้วทุบขวดอย่างไม่เสียดาย ทำให้หลายคนป้อนคำถามเธอว่า งมงายหรือเปล่า..?..?
"งมงาย...หมายถึงอะไร... งมงาย หมายถึง การเชื่อในสิ่งนั้นโดยไม่มีเหตุผลรับรอง ไม่รู้สาเหตุถึงที่มาที่ไปของสิ่งที่ตนเองเชื่อ สักแต่ว่าเชื่อเท่านั้น เช่นการไปกราบไหว้ หมู ๕ ขา จิ้งจก ๒ หาง เพื่อขอหวย หรือท่องไปขอหวยที่นั่นที่นี่ จากเจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งหลาย มันต่างกันนะการที่เราได้คิดและคิดได้ หันกลับหักดิบเลิกเหล้า ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอนไว้ว่า เหล้าเป็นต้นเหตุให้เราขาดสติ เป็นต้นเหตุของความประมาทหลายอย่าง การที่เราได้สติ.. คิดได้ เข้าใจในหลักคำสอนของพระพุทธองค์ ทำเช่นนี้ไม่เรียกว่า งมงาย แต่เป็นศรัทธา เมื่อเกิดศรัทธาปัญญาจึงเกิด จึงไม่ใช่การงมงายแต่อย่างใด..."
คำตอบที่ชัดเจน และยืนยันถึงความหนักแน่น ถูกต้อง กับสิ่งที่เลิกทำหลังจากที่ได้เข้าวัดปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง และฟังโอวาทจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ จากโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา มาวัดเป็นประจำ ทำให้เธอมีชีวิตที่เปลี่ยนไปมาก
"ชีวิตที่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ เกิดจากการเข้าวัดโดยการแนะนำของพระอาจารย์ประสิทธิ์ อนังคโน และกัลยาณมิตรวรรณี ลวชัยโยธิน ทำให้ได้เข้าใจธรรมะเพิ่มขึ้นในหลายๆ เรื่อง ซึ่งเมื่อก่อนไม่คิดนะว่า การดื่มเหล้าขนาดนี้เป็นสิ่งผิด เพราะคิดว่าเราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่พอฟังคำสอนจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ทำให้เรากระจ่างชัดเอามากๆ ถึงโทษของสุราในมหานรกขุม ๕ เราจึงตัดสินใจเลิกเลย..."
อีกทั้งเธอมีแรงบันดาลใจในการอยากเป็นต้นแบบที่ดีให้กับหลาน ๒ คน ที่กำลังเป็นวัยรุ่น ซึ่งเธอสอนเขาให้ประพฤติดี มีระเบียบ เลิกเรียนให้รีบกลับบ้าน ไม่ไปแวะที่นั่นที่นี่ นอกบ้านสมัยนี้มีแต่ภัย กลับบ้านไวปลอดภัยกว่า และนับวันหลานก็เติบโตขึ้น ซึ่งการยังดื่มให้หลานๆ เห็นย่อมไม่ดีแน่ เธอจึงต้องการประพฤติตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีเช่นกัน
"การที่เราคิดจะเปลี่ยนแปลงคนอื่นได้นั้น เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียก่อน จึงจะไปแนะนำหรือสอนคนอื่น การจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นั้น ก็ต้องรู้จักสอนตัวเองเป็น และจากการเข้าวัดทำให้เราสอนตัวเองได้อย่างมีหลักที่ถูกต้อง
..และทุกวันนี้ มีกิจวัตรประจำวันที่เปลี่ยนไป ได้ทำทาน รักษาศีล สวดมนต์ทำสมาธิ มาวัดทุกอาทิตย์อย่างเป็นประจำ จากที่เมื่อก่อนหลังเลิกงาน ก็จะไปตั้งวงสังสรรค์ แต่เดี๋ยวนี้เรากลับบ้านเร็วขึ้น เพื่อไปฟังธรรมจากพระเดชพระคุณหลวง พ่อในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา จนเดี๋ยวนี้ เมื่อพวกเขาเห็นเราไม่ดื่ม พวกเขาก็ไม่ดื่มเช่นกัน ปัจจุบันพวกเราแข่งกันมาทำงาน ๗.๓๐ น. ก็ถึงที่ทำงานกันแล้ว ไม่มีใครมานั่งหาวหวอดๆ แบบสมัยที่ยังดื่ม ส่งผลให้ได้ปริมาณงานมากขึ้น งานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
..พอได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างนี้ แล้วมองย้อนกลับไปมันรู้สึกว่า เราน่าจะคิดได้ก่อนหน้านี้นะ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานานกว่า ๒๐ ปี เราใช้ชีวิต ใช้เวลาไปอย่างฟุ่มเฟือยมากทีเดียว มัวหลงไปทำเรื่องไร้สาระ เสี่ยงตาย จากการเกิดอุบัติเหตุในการขับรถขณะมึนเมาได้ถึงขนาดนั้น พอมา ณ วันนี้ จึงต้องเร่งตนเอง เพื่อรีบสร้างบารมี หันมาใช้ชีวิตให้เป็นชาวพุทธที่แท้จริง ให้เป็นไปอย่างมีค่ามากที่สุด..."
และนี่แหละ เป็นเหตุผลสำคัญที่สุด ที่ทำให้ทีมงานเรานึกถึงคุณหยกฟ้า และเชิญมาพูดคุยกันในคอลัมน์นี้ ในฐานะที่เธอเป็นเซียนเอนเตอร์เทน ที่ต้องเกี่ยวข้องกับการเลี้ยงรับรองโดยใช้เครื่องดื่มอัลกอฮอล์โดยตรง และทำมามากกว่า ๒๐ ปี แต่สามารถหักดิบเลิกได้อย่างหมดจด แล้วมีผลทำให้การทำงานโดยส่วนตัวและการทำงานของลูกน้องในแผนกมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
จริงอยู่... เซียนเอนเตอร์เทนทุกคนปฏิเสธและหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มอัลกอฮอล์ได้ยากมาก หลายคนบอกว่า จริงๆ ก็รู้นะว่า ดื่มเหล้าไม่ดี แต่อาชีพมันบังคับ ถ้าไม่ทำ เจ้านายจะรู้สึกกับเราไม่ดี หรือแม้แต่การไปงานเลี้ยง งานปาร์ตี้ สังสรรค์ มันต้องมีบ้าง จะทำอย่างไร...???
จากการที่เธอเป็นคนทำอะไรทำจริง มุ่งมั่นอยู่แล้ว ดังนั้น อัจฉริยภาพในตัวเธอ จึงถูกดึงออกมาใช้ได้โดยไม่ยาก หากคิดจะทำ ผนวกกับความมีศิลปะ ทำให้เธอสามารถสร้างความประทับใจให้ลูกค้า และคนรอบตัวในงานเลี้ยงสังสรรค์ ในวงปาร์ตี้อย่างไม่เก้อเขิน ได้โดยไม่ต้องอาศัยเหล้าเลย ซ้ำยังสามารถเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสทำให้เกิดแนวร่วมในวงปาร์ตี้ ตัดสินใจเลิกดื่มไปกับเธอด้วยหลัก ๑๐ ข้อที่เธอทำ...!!
ประวัติการดื่มอย่างโชกโชนมากว่า ๒๐ ปี ตลอดจนความชำนาญในการผสมเครื่องดื่มอัลกอฮอล์เกือบทุกประเภท โดยเรียนรู้จากตำรามิกเซอร์ระดับสากล ประกอบกับมีอาชีพที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการเลี้ยงรับรอง สร้างความประทับใจให้ลูกค้า โดยดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายนำเข้าและส่งออกของบริษัทแห่งหนึ่ง
"..ยิ่งสมัยวัยรุ่น เธคทุกแห่งที่ว่าดังไปมาหมด ด้วยความถี่สัปดาห์ละ ๑-๒ ครั้ง ..ดื่มจัดอย่างชนิดที่ว่า นับขวดเหล้าที่หมด ขวดแล้ว ขวดเล่า ดื่มจนดึกดื่น หากง่วงนอนก็แก้ด้วยการสูบบุหรี่ จนตี ๒ บาร์ปิด แต่ก็ยังกระเสือกกระสนพากันไปนั่งฟังเพลง ดื่มกันต่อ และทานข้าวต้มที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งแถวถนนพระราม ๔ ซึ่งสมัยนั้นไม่มีเคอร์ฟิวเรื่องการเปิดเพลง และการจำหน่ายสุรา คือเป็นยุคที่อบายมุขเฟื่องจริงๆ กว่าจะกลับถึงบ้านก็ตี ๔ ตี ๕ พระออกบิณฑบาตพอดี..."
..สิ่งนี้ คงเพียงพอที่จะให้นิยามเธอได้ว่า "เซียนเอนเตอร์เทน" เพราะกิจวัตร ดื่มเที่ยวอย่างเป็นประจำกับลูกค้า ลูกน้อง หรือผู้เกี่ยวข้องกับบริษัทในฐานะคนสำคัญทั้งภาครัฐและเอกชน
เธอ คือ คุณหยกฟ้า มโนสุดประสิทธิ์ อดีตนักดื่มหญิง ที่หักดิบตัดใจเลิกดื่มเครื่องดื่มอัลกอฮอล์ทุกประเภท!!
"เราเคยดื่มมากเพราะออกสังคมเป็นประจำ ถ้าวันไหนไม่ไป ก็จะนั่งดื่มเองที่บ้าน บางวันดื่มไวน์หมดคนเดียว ๒ ขวด แต่อยู่ๆ เรากลับมาหักดิบ เลิกเด็ดขาด เอาขวดเหล้า แพงๆ บรั่นดีจากเมืองนอก ไวน์ทุกอย่างในบ้านเททิ้งหมดและจัดพิธีเทเหล้าเผาบุหรี่ ทำให้คนรอบข้างบางคนเขางง ยอมรับไม่ได้ ถามว่าเราเป็นอะไรไป...??"
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หากจะมีคนสงสัย และพร้อมจะสอบพฤติกรรมการทำความดีของเธอด้วยความเป็นห่วงเช่นนี้ เพราะเมื่อก่อนเธอเป็นแกนนำในการชวนพวกเขาดื่มเอง ใครดื่มไม่เป็น ก็ยินดีสอนให้ และยังผสมเหล้าให้ดีกรีเหมาะสมสำหรับมือใหม่ หัดดื่มอีกด้วย
เมื่อเธอเอาเหล้าแพงๆ ไปทิ้งแล้วทุบขวดอย่างไม่เสียดาย ทำให้หลายคนป้อนคำถามเธอว่า งมงายหรือเปล่า..?..?
"งมงาย...หมายถึงอะไร... งมงาย หมายถึง การเชื่อในสิ่งนั้นโดยไม่มีเหตุผลรับรอง ไม่รู้สาเหตุถึงที่มาที่ไปของสิ่งที่ตนเองเชื่อ สักแต่ว่าเชื่อเท่านั้น เช่นการไปกราบไหว้ หมู ๕ ขา จิ้งจก ๒ หาง เพื่อขอหวย หรือท่องไปขอหวยที่นั่นที่นี่ จากเจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งหลาย มันต่างกันนะการที่เราได้คิดและคิดได้ หันกลับหักดิบเลิกเหล้า ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอนไว้ว่า เหล้าเป็นต้นเหตุให้เราขาดสติ เป็นต้นเหตุของความประมาทหลายอย่าง การที่เราได้สติ.. คิดได้ เข้าใจในหลักคำสอนของพระพุทธองค์ ทำเช่นนี้ไม่เรียกว่า งมงาย แต่เป็นศรัทธา เมื่อเกิดศรัทธาปัญญาจึงเกิด จึงไม่ใช่การงมงายแต่อย่างใด..."
คำตอบที่ชัดเจน และยืนยันถึงความหนักแน่น ถูกต้อง กับสิ่งที่เลิกทำหลังจากที่ได้เข้าวัดปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง และฟังโอวาทจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ จากโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา มาวัดเป็นประจำ ทำให้เธอมีชีวิตที่เปลี่ยนไปมาก
"ชีวิตที่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ เกิดจากการเข้าวัดโดยการแนะนำของพระอาจารย์ประสิทธิ์ อนังคโน และกัลยาณมิตรวรรณี ลวชัยโยธิน ทำให้ได้เข้าใจธรรมะเพิ่มขึ้นในหลายๆ เรื่อง ซึ่งเมื่อก่อนไม่คิดนะว่า การดื่มเหล้าขนาดนี้เป็นสิ่งผิด เพราะคิดว่าเราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่พอฟังคำสอนจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ทำให้เรากระจ่างชัดเอามากๆ ถึงโทษของสุราในมหานรกขุม ๕ เราจึงตัดสินใจเลิกเลย..."
อีกทั้งเธอมีแรงบันดาลใจในการอยากเป็นต้นแบบที่ดีให้กับหลาน ๒ คน ที่กำลังเป็นวัยรุ่น ซึ่งเธอสอนเขาให้ประพฤติดี มีระเบียบ เลิกเรียนให้รีบกลับบ้าน ไม่ไปแวะที่นั่นที่นี่ นอกบ้านสมัยนี้มีแต่ภัย กลับบ้านไวปลอดภัยกว่า และนับวันหลานก็เติบโตขึ้น ซึ่งการยังดื่มให้หลานๆ เห็นย่อมไม่ดีแน่ เธอจึงต้องการประพฤติตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีเช่นกัน
"การที่เราคิดจะเปลี่ยนแปลงคนอื่นได้นั้น เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียก่อน จึงจะไปแนะนำหรือสอนคนอื่น การจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นั้น ก็ต้องรู้จักสอนตัวเองเป็น และจากการเข้าวัดทำให้เราสอนตัวเองได้อย่างมีหลักที่ถูกต้อง
..และทุกวันนี้ มีกิจวัตรประจำวันที่เปลี่ยนไป ได้ทำทาน รักษาศีล สวดมนต์ทำสมาธิ มาวัดทุกอาทิตย์อย่างเป็นประจำ จากที่เมื่อก่อนหลังเลิกงาน ก็จะไปตั้งวงสังสรรค์ แต่เดี๋ยวนี้เรากลับบ้านเร็วขึ้น เพื่อไปฟังธรรมจากพระเดชพระคุณหลวง พ่อในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา จนเดี๋ยวนี้ เมื่อพวกเขาเห็นเราไม่ดื่ม พวกเขาก็ไม่ดื่มเช่นกัน ปัจจุบันพวกเราแข่งกันมาทำงาน ๗.๓๐ น. ก็ถึงที่ทำงานกันแล้ว ไม่มีใครมานั่งหาวหวอดๆ แบบสมัยที่ยังดื่ม ส่งผลให้ได้ปริมาณงานมากขึ้น งานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
..พอได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างนี้ แล้วมองย้อนกลับไปมันรู้สึกว่า เราน่าจะคิดได้ก่อนหน้านี้นะ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานานกว่า ๒๐ ปี เราใช้ชีวิต ใช้เวลาไปอย่างฟุ่มเฟือยมากทีเดียว มัวหลงไปทำเรื่องไร้สาระ เสี่ยงตาย จากการเกิดอุบัติเหตุในการขับรถขณะมึนเมาได้ถึงขนาดนั้น พอมา ณ วันนี้ จึงต้องเร่งตนเอง เพื่อรีบสร้างบารมี หันมาใช้ชีวิตให้เป็นชาวพุทธที่แท้จริง ให้เป็นไปอย่างมีค่ามากที่สุด..."
และนี่แหละ เป็นเหตุผลสำคัญที่สุด ที่ทำให้ทีมงานเรานึกถึงคุณหยกฟ้า และเชิญมาพูดคุยกันในคอลัมน์นี้ ในฐานะที่เธอเป็นเซียนเอนเตอร์เทน ที่ต้องเกี่ยวข้องกับการเลี้ยงรับรองโดยใช้เครื่องดื่มอัลกอฮอล์โดยตรง และทำมามากกว่า ๒๐ ปี แต่สามารถหักดิบเลิกได้อย่างหมดจด แล้วมีผลทำให้การทำงานโดยส่วนตัวและการทำงานของลูกน้องในแผนกมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
จริงอยู่... เซียนเอนเตอร์เทนทุกคนปฏิเสธและหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มอัลกอฮอล์ได้ยากมาก หลายคนบอกว่า จริงๆ ก็รู้นะว่า ดื่มเหล้าไม่ดี แต่อาชีพมันบังคับ ถ้าไม่ทำ เจ้านายจะรู้สึกกับเราไม่ดี หรือแม้แต่การไปงานเลี้ยง งานปาร์ตี้ สังสรรค์ มันต้องมีบ้าง จะทำอย่างไร...???
จากการที่เธอเป็นคนทำอะไรทำจริง มุ่งมั่นอยู่แล้ว ดังนั้น อัจฉริยภาพในตัวเธอ จึงถูกดึงออกมาใช้ได้โดยไม่ยาก หากคิดจะทำ ผนวกกับความมีศิลปะ ทำให้เธอสามารถสร้างความประทับใจให้ลูกค้า และคนรอบตัวในงานเลี้ยงสังสรรค์ ในวงปาร์ตี้อย่างไม่เก้อเขิน ได้โดยไม่ต้องอาศัยเหล้าเลย ซ้ำยังสามารถเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสทำให้เกิดแนวร่วมในวงปาร์ตี้ ตัดสินใจเลิกดื่มไปกับเธอด้วยหลัก ๑๐ ข้อที่เธอทำ...!!
