มโนกรรม
#1
โพสต์เมื่อ 29 June 2006 - 02:49 PM
น้องร่วมโลกท่านหนึ่ง
เวลา เจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่าง ๆ ที่ไร
มักจะคิดทดสอบ
มักคิดว่าไม่น่ามีจริง
ขอถามว่า
1. จัดเป็นมโนกรรม คิดไม่ดีหรือไม่ ผลเป็นอย่างไร
2. ขอคำแนะนำเพื่อไม่ให้คิดเช่นนี้ได้อย่างไร
#2
โพสต์เมื่อ 29 June 2006 - 02:56 PM
#3
โพสต์เมื่อ 29 June 2006 - 03:07 PM
ผมนึกถึง เคสลองของกับหลวงปู่ได้
แต่กับศาลเจ้า เจ้าที่หละครับ
เป็นอย่างเดียวกันหรือไม่
#4
โพสต์เมื่อ 29 June 2006 - 05:05 PM
ถ้าเป็นสายวิทยาธรก็อีกแบบหนึ่ง อาจโดนของได้
#5
โพสต์เมื่อ 29 June 2006 - 05:30 PM
ล้วน มี ผล
ความ คิด นี้ หยุด ยาก นะ คะ..
อย่าง นี้ ต้อง ให้ สัม มา อะ ระ หัง เรื่อย ๆ แล้ว ล่ะ ค่ะ
แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป
แต่..
เ ป้ า ห ม า ย ไ ม่ เ ป ลี่ ย น แ ป ร
#6
โพสต์เมื่อ 29 June 2006 - 05:31 PM
#7
โพสต์เมื่อ 29 June 2006 - 06:38 PM
ตอนนั้นหลายปีมาแล้ว....ผมได้ไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ที่ อ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ระหว่างทางที่เข้าโรงแรมมีศาลพระภูมิขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ประดับไฟไว้ ดูแล้วมีแสงอึมครึม วังเวงชอบกล ภายในศาลมีตุ๊กตาหรือรูปปั้นเป็นยักษ์ หน้าตาน่ากลัว ตอนเดินผ่านในใจผมคิดว่า ไม่มีอะไรจะมาสู้อานุภาพพระธรรมกายได้อีกแล้ว ด้วยความมั่นใจว่า ผมได้ประพฤติปฏิบัติธรรมสร้างบุญกุศลมาบ้างพอสมควร อีกทั้งที่คอผมยังมีวัตถุมงคลของวัดพระธรรมกายอยู่หลายองค์ด้วยกัน ผมคิดแบบนี้ แล้วก็เดินผ่านไป ไม่ได้ยกมือไหว้ด้วยซ้ำ(เพราะผมจะไหว้พระรัตนตรัยเท่านั้น) แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรอีก
จนกระทั่งคืนนั้นเอง เป็นเวลาดึกมากแล้ว คนอื่นในห้องหลับสนิทกันหมดทุกคน ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรผมตื่นขึ้นมา คนเดียว ลืมตาโพลงอยู่ แต่ทว่า ผมลุกไม่ขึ้นครับ ขยับตัวก็ไม่ได้ เหมือนแขนขามันชาไปหมด และแล้วทางด้านประตูทางเข้าห้องซึ่งจะเปิดไฟสลัวๆไว้เหมือนๆโรงแรมทั่วๆไป ผมเห็นคนตัวดำๆ ใหญ่ๆเดินมาเหมือนจะเดินแบบลอยๆไหลๆมาอย่างรวดเร็ว มายืนตรงบริเวณหัวนอนผม ผมรู้สึกหายใจไม่ออกทันที เหมือนโดนบีบคอ ดิ้นรนอยู่พักใหญ่ทีเดียว ใครเคยโดนผีอำอาจจะมีอาการคล้ายๆอย่างนั้น แต่นี่มันเกิดตอนที่ผมตื่นอยู่.. ในใจผมกลัวมาก นึกสัมมาอระหังก็แล้ว พุทโธก็แล้ว แต่ทว่า พระในคอผม ได้ถอดออกหมดแล้วก่อนนอน มีความรู้สึกในใจอยู่แล้วว่า ผมคงโดนดีเข้าแล้ว ที่ไปคิดลบหลู่อะไรๆก็ตามที่อยู่ข้างล่างนั่น ผมรีบขอขมาเขาทันที โดยนึกว่าที่ผมคิดเช่นนั้นมิได้จะลองดีอะไรเลย เพียงแต่คิดเฉยๆว่า พระรัตนะตรัยเป็นสิ่งที่เคารพสูงสุดเท่านั้น ขอกราบขอขมาด้วยกายวาจาใจ แล้วอาการทรมานต่างๆที่ผมเป็นอยู่ก็ค่อยๆหายไปจนสงบในที่สุด
แล้วผมก็ตกใจตื่นขึ้นมา ทบทวนความฝันเมื่อสักครู่นี้ ขนหัวผมแทบร่วงเป็นฝันที่เหมือนจริงมากๆที่สุด แล้วรีบไปหยิบเอาพระมาคล้องคอ แล้วกระโดดเข้าไปนอนกลางเตียงโดยดันเพื่อนออกมา แล้วคลุมโปงมิด คิดในใจว่า ต่อไปนี้ไม่เอาอีกแล้ว เชื่อแล้ว สำผัสแล้ว กับคำว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่"
ตั้งแต่วันนั้นมาผมไปนอนที่ไหน หรือจะเดินทางไปที่ไหนๆ ผมจะไม่เคยลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิใดๆเลย ถึงแม้เขาจะไม่ไช่พระรัตนะตรัยก็ตาม แต่ผมก็เคารพและให้เกียตริ์ท่านเหล่านั้นเสมอ เวลานอนต่างสถานที่หลังจากกราบพระรัตนะตรัยแล้ว ก็ส่งใจไปทำความเคารพขออนุญาติ และขอขมากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ สถานที่แห่งนั้น ตลอดมาจนทุกวันนี้
#8
โพสต์เมื่อ 29 June 2006 - 08:58 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#9
โพสต์เมื่อ 29 June 2006 - 09:45 PM
จะได้จำไว้ นอกจากกราบพระแล้ว จะได้ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเจ้าที่ที่ดูแลสถานที่นั้นๆ
พร้อมแผ่เมตตาให้ท่านเหล่านั้นด้วยค่ะ
เรื่องอย่างนี้ ไม่เจอดีที่สุดค่ะ
#10
โพสต์เมื่อ 29 June 2006 - 10:59 PM
ผมเคยมาวัดช่วงนั้นมาทุกอาทิตย์มีวันหนึ่ง หารถกลับไม่ได้ (ช่วงนั้นรถยังไม่มากขนาดนี้)
ผมนึกทดสอบในใจทันทีว่า "ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดมีจริงขอให้มีรถกลับเถิด"
แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ขณะเดินไปตามถนนนั้น มีรถเก๋งของกัลยาณมิตรที่ขับอยู่ข้างหน้า
หยุดรถ แล้วใส่เกียร์ถอยเข้ามาหาช้า ๆ เปิดกระจก และถามว่า "ไปด้วยกันไหม"
แน่นอนอาจจะเป็นเหตุบังเอิญก็ได้ แต่ทำให้จำได้จนทุกวันนี้
และได้มาทำบุญและสร้างบารมีจนทุกวันนี้
#11
โพสต์เมื่อ 30 June 2006 - 04:11 AM
#12
โพสต์เมื่อ 30 June 2006 - 12:03 PM
1. จัดเป็นมโนกรรม คิดไม่ดีหรือไม่ ผลเป็นอย่างไร
2. ขอคำแนะนำเพื่อไม่ให้คิดเช่นนี้ได้อย่างไร
1. เป็นความคิดที่ คิดจะท้าทาย คิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นแค่ไหนกัน คิดแบบนี้นี้ก็ไม่ดีแล้ว
ยกตัวอย่าง เวลาเข้าบ้านใคร เจ้าของบ้านเขาก็เป็นใหญ่ในบ้านเขา ไม่ควรไปท้าทายเจ้าถิ่น ถึงตัวจะเก่งมาจากไหนก็ตาม
ผลก็อาจจะโดน...อะไรๆ แล้วแต่ว่า ไปที่ไหน ทำอย่างไร
หรืออาจไม่มีอะไรเกิดอะไรขึ้น แต่จะติดนิสัยลบหลู่ผู้อื่น พัฒนาไปสู่นิสัยดูหมิ่นผู้อื่น ซึ่งนำภัยแก่ตัวเอง
ต่างคนก็ต่างอยู่ดีกว่าค่ะ เราก็เคารพนับถือพระรัตนตรัยของเรา แผ่เมตตาไปให้ ไม่มารบกวนกัน
ถ้ามีอะไรก็นึกถึงหลวงปู่ คุณยายอาจารย์
2. แนะนำให้เขาติดจานดาวธรรมที่บ้านค่ะ ให้เขาดูเคส
ให้ได้ความรู้เรื่องที่ตัวเขามองไม่เห็น จะได้เข้าใจด้วยตัวเองค่ะ
#13
โพสต์เมื่อ 30 June 2006 - 12:37 PM
คุณครูเฉลยว่า งูที่รู้สึกก็คือ ภุมเทวานาค ที่อยู่แถวนั้นนั่นเอง
#14
โพสต์เมื่อ 30 June 2006 - 12:56 PM
และครั้งหนึ่งผมได้เดินทางไปธุระต่างจังหวัดกับพี่ถาวร เป็นที่แห่งหนึ่งที่ติดอยู่ชายทะเล พอไปถึงก็มีหลวงพี่ต่างๆที่วัด ท่านพักปฏิบัติธรรมอยู่ก่อน พี่ถาวรท่านไปตรวจดูสภาพและคุยกับผู้ดูแลสักพัก จึงกลับ ก่อนกลับท่านก็นิมนต์หลวงพี่มาสวดเพื่อเป็นสิริมงคลให้กับพื้นที่แห่งนี้ และมีศาลเก่าๆอยู่ พี่ถาวรก็นำมาทำความสะอาด
ให้ดูเรียบร้อย ผมว่าขณะที่พระสวด ท่านคงเข้าที่ทำอะไรไปด้วยแต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไร ในใจคิดว่าก็คงให้ช่วยดูแลรักษาที่นี้ให้ดี เพราะคงเอาไว้ใช้ปฏิบัติธรรมหรือใช้ในงานพระศาสนากัน ซึ่งปกตินั้นก็เฉยๆกับศาลต่างๆ แต่เมื่อเรามีความรู้เรื่องชีวิตหลังความตายมามากขึ้น ก็เข้าใจว่ากายละเอียดมีหลากหลาย จำพวก หลายระดับ
ที่ดีก็มีที่ไม่ดีก็มี แต่ปัญหาของผู้ที่ยังไม่เห็นเขาก็จึงไม่รู้ไม่แน่ใจว่าเขาเป็นมาอย่างไร ก็คิดเดาไปต่างๆนานา คนรู้จริงท่านก็คงมีเหตุผลของท่านหรือไม่มีเวลามาดูหนังดูทีวีมาพูดมาอธิบาย ในที่สาธารณะ
เหมือนกับรายการทีวี ภาพยนต์ที่นำเสนอเรื่องลึกลับ ผีๆ น่ากลัว ก็คิดเดากันไปต่างๆนานา เรื่องจริงแท้ก็ต้องอย่างที่พระเดชพระคุณ คุณครูไม่ใหญ่ท่านเมตตาแนะนำสอนพวกเรา ให้ฝันกันให้เป็นกัน
ถ้าเราจึงมอง (กายละเอียด) เขาอย่างเข้าใจ ก็คือต่างก็เป็นเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ในวัฏฏะสงสารนี้ เรายังมีชีวิตอยู่ก็สั่งสมบุญ บารมี ทำพระนิพพานให้แจ้ง ไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรมกันต่อไป
#15
โพสต์เมื่อ 30 June 2006 - 01:17 PM
ก็เจอจริงๆ หรือ หิวอยากทานผลไม้ก็มีคนเอามาให้ ยังมีอีกหลายๆเรื่องที่ต้องใช้เวลาเล่า จนคิดว่ามันเป็นเรื่องปกตืไปแล้ว
#16
โพสต์เมื่อ 30 June 2006 - 04:13 PM
เหมือนผมเลยครับพี่สิริปโภ โดยในใจผมจะคิดสงสารคนที่กราบไหว้บูชาสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอๆเมื่อได้พบเห็นเขาเหล่านั้น(คืออยากให้เขามากราบไหว้พระรัตนตรัยมากกว่า) หากไปพักแปลกที่ก่อนนอนผมจะนั่งสมาธิอุทิศบุญให้กับเจ้าที่ที่รักษาในเขตนั้นๆ(จึงไม่เคยเจออะไรเลยครับ)
.ฟังเรื่องราวดีๆได้ที่นี่ครับ
#17
โพสต์เมื่อ 07 March 2007 - 04:53 PM