คุยปรับทุกข์กับเพื่อน ว่ารู้สึกไม่ดีเลย เขาก็ปลอบใจ แล้วสรุปว่า ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเธอไม่เคยทำกรรมเช่นนั้นมาก่อนในอดีต เธอก็จะไม่เป็นอะไรหรอก เพราะไม่เคยมีวิบากเอาไว้ ฟังแล้วผมรู้สึกว่าไม่ค่อยจะถูกต้อง เพราะถ้าเป็นงั้นเราก็ทำอะไรต่ออะไรก็ได้สิในชาตินี้ ไม่ต้องระมัดระวังอะไรเลย แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะโต้แย้งกับเขายังไง ช่วยกรุณาชี้แนะด้วยครับ
ขอคำปรึกษาเพื่อตอบข้อโต้แย้ง
เริ่มโดย force, Jun 30 2006 10:49 PM
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 30 June 2006 - 10:49 PM
#2
โพสต์เมื่อ 30 June 2006 - 10:54 PM
งงกับคำถามค่ะ
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
สุนทรพ่อ
muralath2@hotmail
#3
โพสต์เมื่อ 30 June 2006 - 11:51 PM
QUOTE
คุยปรับทุกข์กับเพื่อน ว่ารู้สึกไม่ดีเลย เขาก็ปลอบใจ แล้วสรุปว่า ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเธอไม่เคยทำกรรมเช่นนั้นมาก่อนในอดีต เธอก็จะไม่เป็นอะไรหรอก เพราะไม่เคยมีวิบากเอาไว้ ฟังแล้วผมรู้สึกว่าไม่ค่อยจะถูกต้อง
ก็ถูกบางส่วนนะครับ ยกตัวอย่างใน case เช่นถ้าในอดีตชาติเราทำคุณไสยใส่บุคคลอื่น ชาตินี้เราก็อาจโดนบุคคลอื่นทำคุณไสยใส่เราได้เช่นกันเพราะเรามีเชื้อมาจากชาติในอดีต. ในทางกลับกันถ้าอดีตชาติที่ผ่านมาเราไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เลย แล้วในปัจจุบันชาตินี้มีบุคคลทำคุณไสยใสเรา ของเหล่านี้นจะไม่สามารถทำอะไรเราได้เลยเพราะเราไม่มีวิบากกรรมทางด้านนั้น. แต่คุณครูท่านสอนอยู่เสมอว่าเราเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน แล้วเราต่างก็ดำเนินชีวิตผิดพลาดมากบ้างน้อยบ้าง บางชาติถ้าไม่เจอพระพุทธศาสนา กัลยามิตรที่ดีเราก็ดำเนินชีวิตผิดพลาดได้... แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเราไม่ได้ไปสร้างวิบากกรรมใดๆไว้... จะให้หมดวิบากกรรมได้ ก็ต้องหมั่นมีความเพียรปฎิบัติธรรมให้เห็นองค์พระภายในไงละครับ
QUOTE
เพราะถ้าเป็นงั้นเราก็ทำอะไรต่ออะไรก็ได้สิในชาตินี้ ไม่ต้องระมัดระวังอะไรเลย แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะโต้แย้งกับเขายังไง ช่วยกรุณาชี้แนะด้วยครับ
ถ้าคิดว่าเราก็ทำอะไรก็ได้สิในชาตินี้...ทำได้เลยครับ แต่ก็ต้องทำแต่สิ่งที่เป็นกุศลกรรมนะครับ เพราะไม่ฉนั้นแล้วจะกลายเป็น "กรรมใหม่ของเรา กรรมเก่าของเขา"
เราทุกคนต่างก็มีอดีตที่ผิดพลาดด้วยกันทั้งนั้น....อย่าลืมนะครับคุณครูสอนอยู่เสมอว่าเราจะต้องดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท ให้หมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ เพราะบุญกับบาปจะคอยชิงช่วง ช่วงชิง หาเวลาจังหวะและโอกาสคอยเสียบให้ผลอยู่ตลอดเวลา.
ตอบตรงกับคำถามไหมเนี้ยะ!
#4
โพสต์เมื่อ 01 July 2006 - 12:02 AM
คือหมายถึงว่า เขาปลอบคุณว่า ถ้าไม่เคยทำกรรมมาอย่างนี้ก็จะไม่เป็นไรหรอกนะ อย่างนี้รึป่าวคะ อืม ไม่ค่อยเข้าใจประเด็นเท่าไหร่ ขอแสดงความคิดเห็นเท่าที่เข้าใจนะคะ คือ เราก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าเราเคยทำอะไรมาบ้าง เราเองก็เกิดกันมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ทำอะไรมาก็ตั้งเยอะเเยะ ทั้งบุญทั้งบาป จะมามองว่าเราเคยทำหรือไม่ทำอะไรเฉพาะในชาตินี้ ก็ดูจะไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่นะคะ เพราะงั้น ถ้าเราประสบทุกข์หรืออุปสรรคใดๆ ในตอนนี้ เราก็ต้องทำความเข้าใจว่า นี่ผลกรรมไม่ดีในอดีตกำลังส่งผลอยู่นะ เราอย่าประมาทในการทำบุญในการนั่งธรรมะมากๆ ทำบ่อยๆ เอาบุญไปตัดรอนบาปให้ลดลงๆๆจนหมดแรงส่งผลค่ะ เช่น ในเคส บางคนที่ประกอบอาชีพฆ่าสัตว์มาทั้งชีวิต ทำไมเขาแข็งแรงและอายุยืน คุณครูไม่ใหญ่ฝันในฝันตอบว่าเพราะบุญที่เคยช่วยเหลือคนอื่นกำลังส่งผลอยู่ แต่บาปที่เขาทำมาทั้งชีวิตชาตินี้ได้ช่องส่งผลในชาติต่อไป ทำให้อายุสั้น ถ้้าจะแก้ไขก็ต้องในเจ้าตัวทำบุญปล่อยสัตว์ปล่อยปลา ให้ชีวิตสัตว์ เพราะงั้นเราจะมาบอกว่า นี่เขาอายุยืนเพราะฆ่าสัตว์ มันก็ำไม่ถูกใช่ไหมคะ ทุกการกระทำย่อมมีผลค่ะ ปลูกถั่วก็ต้องได้ถั่ว ปลูกงาก็ต้องได้งา จะปลูกถั่วแล้วขอให้ได้งา ก็เป็นไปไม่ได้ จริงมั้ยคะ
#5
โพสต์เมื่อ 01 July 2006 - 09:03 AM
QUOTE
คุยปรับทุกข์กับเพื่อน ว่ารู้สึกไม่ดีเลย เขาก็ปลอบใจ
ไม่ทราบว่าเรื่องที่ไปคุยกับเพื่อนคืออะไร เรื่องราวเป็นมาอย่างไรคะ?
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ
#6
โพสต์เมื่อ 01 July 2006 - 11:31 AM
ให้บอกเขาไปว่า ผลกรรมที่จะเกิดขึ้นนั้น มีได้ทั้งวิบากกรรมในอดีต และการกระทำในปัจจุบันประกอบกันน่ะครับ
ถ้ามีแต่วิบากกรรมในอดีตอย่างเดียวที่ส่งผล เราจะประมาทการกระทำในปัจจุบัน เช่น ไม่ยอมขยันตั้งใจทำงาน รอคอยแต่ให้บุญในอดีตมาส่งผล อย่างนี้อันตราย
ถ้ามีแต่ผลการกระทำในปัจจุบันอย่างเดียวที่ส่งผล เราจะเกิดความหลง ไม่เข้าใจความจริงของชีวิต เช่น คนที่ไม่เรื่องบุญ เชื่อแต่ 1 สมอง 2 มือ ต้องทำงานหนักไปตลอดชีวิต แล้วเขียนเคสมาถามครูว่า ทำไมเขาต้องทำงานหนัก ซึ่งครูก็จะเฉลยว่า เป็นเพราะในอดีตเขาเชื่อแต่ 1 สมอง 2 มือ เขาจึงต้องหนักจนบัดนี้ มันเป็นความคิดที่ถูกเพียง ครึ่งเดียว
ดังนั้น ถ้าจะให้ถูกสมบูรณ์ ต้องเหตุในอดัต รวมกับ การกระทำปัจจุบันน่ะครับ
ถ้ามีแต่วิบากกรรมในอดีตอย่างเดียวที่ส่งผล เราจะประมาทการกระทำในปัจจุบัน เช่น ไม่ยอมขยันตั้งใจทำงาน รอคอยแต่ให้บุญในอดีตมาส่งผล อย่างนี้อันตราย
ถ้ามีแต่ผลการกระทำในปัจจุบันอย่างเดียวที่ส่งผล เราจะเกิดความหลง ไม่เข้าใจความจริงของชีวิต เช่น คนที่ไม่เรื่องบุญ เชื่อแต่ 1 สมอง 2 มือ ต้องทำงานหนักไปตลอดชีวิต แล้วเขียนเคสมาถามครูว่า ทำไมเขาต้องทำงานหนัก ซึ่งครูก็จะเฉลยว่า เป็นเพราะในอดีตเขาเชื่อแต่ 1 สมอง 2 มือ เขาจึงต้องหนักจนบัดนี้ มันเป็นความคิดที่ถูกเพียง ครึ่งเดียว
ดังนั้น ถ้าจะให้ถูกสมบูรณ์ ต้องเหตุในอดัต รวมกับ การกระทำปัจจุบันน่ะครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#7
โพสต์เมื่อ 01 July 2006 - 08:26 PM
เห็นด้วยกับคุณ niwat และ คุณ อุ้มบุญ นะครับ
มีแนวคิดว่า ชีวิตเราปรกติ จะขึ้น ๆ ลง ๆ คล้าย ๆ กับ ลูกคลื่น
เวลาสุข หรือ ชีวิตขึ้น มักจะสนุกสนาน ลืมทุกสิ่ง อยู่ในความประมาท
ต่อมา ชีวิตลง เริ่มทุกข์ มักหันกลับมามองตน แล้ว หันมาทำความดี
แล้วชีวิตเริ่มขึ้นอีก แล้วเราก็กลับมาประมาทอีกนะครับ
เป็นเช่นนี้เรื่อย ๆ ไป
ในฐานะที่เราเป็นลูกหลวงพ่อ แล้ว
อดีตท่ผ่านมา ลืมให้หมด
ตั้งใจทำ ดีให้ยิ่งยวด
ปฎิบัติธรรมให้เข้าถึงธรรมกาย
ในกรณีนี้เราไม่รู้ว่า อดีตที่ผ่านมา กี่ภพกี่ชาตินั้น เราทำไม่ดีอะไรมาบ้าง
แต่ในภพชาตินี้ เราต้องทำดีให้ยิ่งยวดมากกว่าเดิม แบบมาก ๆๆๆๆๆๆนะครับ
ยามใด เริ่มรู้สึกไม่ดี หรือ เริ่มมีอุปสรรค ใจเริ่มตก
แสดงว่า บุญเริ่มพร่อง
เราต้องเติมบุญให้มาก ๆๆๆๆ ตามสูตรนะครับ
หว้งว่าคงมีประโยชน์นะครับ
อย่าลืมนะครับ ชีวิตเรา เราลิขิตเองนะครับ
มีแนวคิดว่า ชีวิตเราปรกติ จะขึ้น ๆ ลง ๆ คล้าย ๆ กับ ลูกคลื่น
เวลาสุข หรือ ชีวิตขึ้น มักจะสนุกสนาน ลืมทุกสิ่ง อยู่ในความประมาท
ต่อมา ชีวิตลง เริ่มทุกข์ มักหันกลับมามองตน แล้ว หันมาทำความดี
แล้วชีวิตเริ่มขึ้นอีก แล้วเราก็กลับมาประมาทอีกนะครับ
เป็นเช่นนี้เรื่อย ๆ ไป
ในฐานะที่เราเป็นลูกหลวงพ่อ แล้ว
อดีตท่ผ่านมา ลืมให้หมด
ตั้งใจทำ ดีให้ยิ่งยวด
ปฎิบัติธรรมให้เข้าถึงธรรมกาย
ในกรณีนี้เราไม่รู้ว่า อดีตที่ผ่านมา กี่ภพกี่ชาตินั้น เราทำไม่ดีอะไรมาบ้าง
แต่ในภพชาตินี้ เราต้องทำดีให้ยิ่งยวดมากกว่าเดิม แบบมาก ๆๆๆๆๆๆนะครับ
ยามใด เริ่มรู้สึกไม่ดี หรือ เริ่มมีอุปสรรค ใจเริ่มตก
แสดงว่า บุญเริ่มพร่อง
เราต้องเติมบุญให้มาก ๆๆๆๆ ตามสูตรนะครับ
หว้งว่าคงมีประโยชน์นะครับ
อย่าลืมนะครับ ชีวิตเรา เราลิขิตเองนะครับ
#8
โพสต์เมื่อ 01 July 2006 - 09:09 PM
กัมมัสสะโกมหิ กัมมะทายาโท
เรามีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม
กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ
มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระโณ
มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสามิ
เราทำกรรมใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา
ดีหรือชั่วก็ตาม
ตัสสะ ทายาโทภะวิสสามิ
เราจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
เรามีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม
กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ
มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระโณ
มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสามิ
เราทำกรรมใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา
ดีหรือชั่วก็ตาม
ตัสสะ ทายาโทภะวิสสามิ
เราจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#9
โพสต์เมื่อ 02 July 2006 - 01:57 PM
เจ้าของกระทู้ อธิบายสั้นเกินไป จนคนอ่านไม่เข้าใจ ^^!
สรุปใครปรับทุกข์กับใคร ปรับไปปรับมาใครได้ทุกข์กลับมา...น่าสงสัยยิ่งหนัก...- -!
อย่าคิดมากเกินไปเลยค่ะ...ชีวิตบนโลกมันสั้นนะ..เหมือนหลวงพ่อท่านบอกนั่นแหละค่ะ
คิดเรื่องอื่นมาก ๆ มันเปลืองเวลาที่จะตรึกระลึกถึง..คิดถึงศูนย์กลางกายนะค่ะ
แถมหาโรคอื่นมาเป็นของแถมอีก...
เวลามีทุกข์ก็นั่งธรรมะเยอะกว่าปกติ เพราะใจต้องการพึ่งพา
ตอนเวลามีสุข มันไม่ค่อยคิดถึงหรอกคะ...แต่ก็อย่าประมาทเชียว เค้าหาช่องอยู่ - -
เวลามีสุขก็นั่งธรรมะเข้าว่าไว้ แม้มืดๆๆ ตื้อ ๆๆ แค่ไหน...ไม่เห็นอะไรก็นั่งไป...ใจสบาย ๆๆ
ให้ระยะทางในการเดินทางสะสมไมล์เดินทางกันต่อไป เหมือนคุณยายอาจารย์บอก
กรรม ตกคำว่าได้ไปตัว ให้ได้ระยะทางในการเดินทาง สะสมไมล์เดินทางกันต่อไป เหมือนคุณยายอาจารย์ท่านบอกค่ะ
สรุปใครปรับทุกข์กับใคร ปรับไปปรับมาใครได้ทุกข์กลับมา...น่าสงสัยยิ่งหนัก...- -!
อย่าคิดมากเกินไปเลยค่ะ...ชีวิตบนโลกมันสั้นนะ..เหมือนหลวงพ่อท่านบอกนั่นแหละค่ะ
คิดเรื่องอื่นมาก ๆ มันเปลืองเวลาที่จะตรึกระลึกถึง..คิดถึงศูนย์กลางกายนะค่ะ
แถมหาโรคอื่นมาเป็นของแถมอีก...
เวลามีทุกข์ก็นั่งธรรมะเยอะกว่าปกติ เพราะใจต้องการพึ่งพา
ตอนเวลามีสุข มันไม่ค่อยคิดถึงหรอกคะ...แต่ก็อย่าประมาทเชียว เค้าหาช่องอยู่ - -
เวลามีสุขก็นั่งธรรมะเข้าว่าไว้ แม้มืดๆๆ ตื้อ ๆๆ แค่ไหน...ไม่เห็นอะไรก็นั่งไป...ใจสบาย ๆๆ
ให้ระยะทางในการเดินทางสะสมไมล์เดินทางกันต่อไป เหมือนคุณยายอาจารย์บอก
กรรม ตกคำว่าได้ไปตัว ให้ได้ระยะทางในการเดินทาง สะสมไมล์เดินทางกันต่อไป เหมือนคุณยายอาจารย์ท่านบอกค่ะ
#10
โพสต์เมื่อ 02 July 2006 - 08:55 PM
เกิดมาเพื่อทำพระนิพานให้แจ้ง แสวงบุญสร้างบารมีคับ
#11
โพสต์เมื่อ 07 July 2006 - 12:06 PM
ใครทำกรรมใดไว้ ก็ย่อมได้รับผลของกรรมนั้น
แต่วัฎฎะนั้นยาวไกล เราผ่านมามาก ทำอะไรมาก็มาก หลายภพหลายชาติจนนับชาติไม่ถ้วน
แต่ตอนนี้ จำสิ่งเหล่านั้นไม่ได้
เมื่อไม่รู้ว่าเมื่อก่อนได้เคยทำอะไรมา
เมื่อวิบากกรรมส่งผล ก็ไม่เข้าใจว่าเราต้องรับผลกรรมอย่างนั้นได้ยังไง สิ่งนี้ๆไม่น่าจะเกิดกับเรา ตัดพ้อตามภาษาคนทั่วไปว่าโชคชะตาลำเอียง
ต้องสู้ด้วยการอดทน หมั่นสร้างบุญ ทำแต่กรรมดี ไม่ทำกรรมชั่วแม้เพียงเล็กน้อย
ชีวิตต่อไปก็จะดี ดีขึ้นๆ
แต่วัฎฎะนั้นยาวไกล เราผ่านมามาก ทำอะไรมาก็มาก หลายภพหลายชาติจนนับชาติไม่ถ้วน
แต่ตอนนี้ จำสิ่งเหล่านั้นไม่ได้
เมื่อไม่รู้ว่าเมื่อก่อนได้เคยทำอะไรมา
เมื่อวิบากกรรมส่งผล ก็ไม่เข้าใจว่าเราต้องรับผลกรรมอย่างนั้นได้ยังไง สิ่งนี้ๆไม่น่าจะเกิดกับเรา ตัดพ้อตามภาษาคนทั่วไปว่าโชคชะตาลำเอียง
ต้องสู้ด้วยการอดทน หมั่นสร้างบุญ ทำแต่กรรมดี ไม่ทำกรรมชั่วแม้เพียงเล็กน้อย
ชีวิตต่อไปก็จะดี ดีขึ้นๆ
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ
#12
โพสต์เมื่อ 08 March 2007 - 08:45 AM
สาธุ