![รูปภาพ](/forum/uploads/profile/photo-thumb-1376.jpg?oh=7c5b25ccb3492e287ba66852b211cbc2&oe=5490980b&__gda__=1422188809_9d970ac596f3bd81b7c88042d6d13b41)
ควรคิดอย่างไรเมื่อสร้างบุญ
#1
โพสต์เมื่อ 04 July 2006 - 12:57 PM
1. สร้างบุญเพราะ เพื่อประกอบเหตุแห่งความสุขสบายในอนาคต เพื่อความสะดวกในการสร้างบุญยิ่งๆ ขึ้นไป
2. สร้างบุญเพราะ เพื่อเป็นฝึกการตัดกิเลสความตระหนี่ออกไปจากใจ
3. สร้างบุญเพราะ เพื่อเป็นหน้าที่ๆต้องสร้างสมบ่มบารมีให้มากเข้าๆไว้
4. สร้างบุญเพราะ เมตตาต่อผู้นั้นๆ หรือเห็นประโยชน์ต่อสิ่งนั้นๆ โดยมิได้หวังสิ่งใดตอบแทน
ควรคิดอย่างไรครับ และอย่างไหนสำคัญที่สุด
#2
โพสต์เมื่อ 04 July 2006 - 01:05 PM
เพื่อจะได้ความสุขสบายในอนาคตเพราะมักน้อย
เมื่อมีความสุขสบาย มีชีวิต มีความเป็นอยู่ที่ดี ไม่มีเรื่องเดือดร้อนใจก็จะสามารถสร้างบารมีได้ง่ายขึ้น
เมื่อเรารักที่จะสร้างบารมี เราย่อมเกิดเมตตาต่อสรรพสัตว์อื่น อยากให้เขาสุขเหมือนเรา อยากให้เพราะเรามีมากกว่า
สร้างบารมีเพื่อที่สุดแห่งธรรม
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#3
โพสต์เมื่อ 04 July 2006 - 01:14 PM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#4
โพสต์เมื่อ 04 July 2006 - 02:19 PM
เพื่อเป้าหมายใหญ่ คือ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม นะครับ
#5
โพสต์เมื่อ 04 July 2006 - 02:32 PM
การทำบุญก็เช่นกัน บางครั้ง เราก็ให้คนที่ด้อยกว่าเราเพราะสงสาร ที่เขาประสบเหตุเดือดร้อนต่างๆ เราเรียกว่า ให้เพื่ออนุเคราะห์
บางครั้งเราก็ให้คนรุ่นเดียวกับเรา ที่กำลังติดขัดทางการเงิน เราเรียกว่า ให้เพื่อสงเคราะห์
บางครั้งเราก็ให้พ่อแม่ ผู้มีพระคุณต่อเรา เราเรียกว่า ให้เพื่อบูชาคุณ
แต่ทุกๆ ครั้งที่ให้ออกไป เรารู้สึกว่า ได้สละความตระหนี่ออกไปจากใจ เราก็ได้ชื่อว่า ให้เพื่อขจัดกิเลส
ดังนั้น ก็ขอให้เรามีวัตถุประสงค์หลักไว้น่ะครับ ว่าให้เพื่อขจัดกิเลส (ความตระหนี่) ออกจากใจ ดังที่ที่วัดพระธรรมกาย จะสอนให้อธิษฐานก่อนให้ทานเสมอๆ ว่า
"สุทินัง วัตตเมธานัง อาสวขยาวหัง โหตุ" "ขอผลแห่งทานที่ข้าพเจ้าให้ดีแล้วหนอ จนเป็นเครื่องกำจัดอาสวกิเลสออกไปจากใจของข้าพเจ้าด้วยเทอญ"
นี่คือ วัตถุประสงค์หลัก ซึ่งก็สามารถมีวัตถุประสงค์ย่อยๆ ว่าจะให้เพื่ออนุเคราะห์ สงเคราะห์ บูชาคุณ หรือ อะไรก็แล้วแต่(ที่เป็นเจตนาที่ดี) ก็ได้ ไม่มีปัญหาน่ะครับ
#6
โพสต์เมื่อ 04 July 2006 - 02:45 PM
2. สร้างบุญเพราะ เพื่อเป็นฝึกการตัดกิเลสความตระหนี่ออกไปจากใจ
4. สร้างบุญเพราะ เมตตาต่อผู้นั้นๆ หรือเห็นประโยชน์ต่อสิ่งนั้นๆ โดยมิได้หวังสิ่งใดตอบแทน
แล้วก็...ถ้าตอบว่า "เห็นสถานะการณ์ร้าย ๆ ชาติปัจจุบันแล้วกลัว ไม่อยากเป็นแบบนี้อีก"...ได้มั๊ยค่ะ
![dont_tell_anyone_smile.gif](style_emoticons/default/dont_tell_anyone_smile.gif)
#7
โพสต์เมื่อ 04 July 2006 - 04:48 PM
#8
โพสต์เมื่อ 04 July 2006 - 05:53 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#9
โพสต์เมื่อ 04 July 2006 - 06:08 PM
เมื่อพร้อมทุกอย่าง ทั้ง รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติ การสร้างบารมีก็สะดวกง่ายดาย ทำได้ทับเท่าทวี ทำบุญทำทานได้
อย่างเต็มที่เต็มใจ
อันนี้สำคัญ ละกิเลสเพื่อความบริสุทธิ์ ใกล้หนทางสู่นิพพาน
เราเกิดมาเพื่อสร้างบารมี อย่างที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านสอน จะได้ติดตามท่าน ไม่ตกไม่หล่น
ความเมตตาเป็นหัวใจของกัลยาณมิตร ที่หวังให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ พบสุข เมื่อจะไปกันเป็นหมู่คณะ จึงต้องเห็นประโยชน์
ตนและประโยชน์ท่านด้วย
ส่วนข้อที่สำคัญที่สุด ตอบข้อ 2.สร้างบุญเพราะ เพื่อเป็นฝึกการตัดกิเลสความตระหนี่ออกไปจากใจ
เพราะเป็นหนทางตรง มุ่งสู่นิพพาน เริ่มที่ตัวเราก่อน แล้วขยายสู่ผู้อื่นค่ะ
#11
โพสต์เมื่อ 05 July 2006 - 12:12 AM
เมื่อกำลังจะทำบุญก็ คิดข้อ 2 และอธิษฐานจิตเพิ่มเติม (ตามบทอธิษฐานจิต) หลักๆ คือกำจัดกิเลสให้น้อยลง
...................................
แล้วอย่าลืมทำใจใสๆ 3 เวลา คือ ก่อนทำบุญ - ขณะทำบุญ - หลังทำบุญ
#12
โพสต์เมื่อ 05 July 2006 - 12:45 AM
![nerd_smile.gif](style_emoticons/default/nerd_smile.gif)
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#13
โพสต์เมื่อ 05 July 2006 - 09:42 AM
เราต้องไม่ลืมจุดประสงค์หลัก และข้อสุดท้ายนั้นคือผลพลอยได้
อนุโมทนาด้วย สาธุ
#14
โพสต์เมื่อ 05 July 2006 - 11:40 AM
คือจริงๆแล้วผมอาจเขียนสั้นไปหน่อย ทำให้หลายท่านเข้าใจความหมายสั้นไป ต้องขอโทษที ผมก็เลยมาขยายความโดยการต่อท้ายว่า " เพื่อความสะดวกในการสร้างบุญยิ่งๆ ขึ้นไป"
#15
โพสต์เมื่อ 05 July 2006 - 08:44 PM
น้าจี้
#16
โพสต์เมื่อ 30 September 2006 - 06:34 AM
![](http://www.slimtech2002.com/images/FV103.jpg)