ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ทำอย่างไรเมื่อเจ้านาย ศีลขาด + ทะลุ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 num_r

num_r
  • Members
  • 365 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 18 July 2006 - 12:11 AM

สวัสดีครับ
อยากจะสอบถามความเห็นของแต่ละท่านนะครับว่า

1. เมื่อเจ้านายเป็นคนศีลขาด + ทะลุ
2. ความเข้าใจในเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ ไม่ค่อยชัดเจนนัก ยกตัวอย่าง กินเหล้า ถ้าครองสติได้ ไม่เป็นไร อย่างนี้เป็นต้น
3. ดื้อ รั้น ไม่ค่อยชอบศึกษาความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเติม ( มั่นใจในตนเองสูง )

สมาชิกแต่ละท่านมีวิธีปฏิบัติตนอย่างไร

ขอบคุณในความเห็นของทุกท่านล่วงหน้าครับ

(ขอแบบที่ต่างไปจากที่หลวงพ่อทัตตะ เฉลยนะครับ )

nerd_smile.gif

ไฟล์แนบ



#2 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 18 July 2006 - 02:28 AM

QUOTE
1. เมื่อเจ้านายเป็นคนศีลขาด + ทะลุ
2. ความเข้าใจในเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ ไม่ค่อยชัดเจนนัก ยกตัวอย่าง กินเหล้า ถ้าครองสติได้ ไม่เป็นไร อย่างนี้เป็นต้น

nerd_smile.gif ในเมื่อท่านไม่มีความชัดเจน เราก็ต้องทำให้ท่านมีความชัดเจนสิครับ โดยเริ่มต้นจากการอธิบายหลักธรรมง่ายๆ คือ เบญจศีล-เบญจธรรม อันเป็นคุณธรรมเครื่องบ่งชี้ถึงปกติแห่งความเป็นมนุษย์เสียก่อนว่า ปกติของมนุษย์ที่ได้ชื่อว่า เป็นมนุษย์ผู้มีมนุษยธรรมนั้นเป็นเช่นไร? แล้วการที่คุณจะไปชี้หนทางสว่างด้วยการเปิดปัญญาให้แก่ท่าน คุณต้องพิจารณาถึงบริบท เป็น อยู่ คือ ของตัวคุณเองด้วยว่า หากเราอยู่ในฐานะเป็นคนใต้บังคับบัญชา เราก็มีความจำเป็นที่เราจะต้องอธิบายท่านด้วยความสุภาพนุ่มนวล อ่อนน้อมถ่อมตน และถ้อยทีถ้อยอาศัย อีกทั้งต้องพิจารณาถึงกาละ เทศะ และบุคคล (คือ นายจ้างของเราเอง) ว่าใจของท่านในขณะนั้น มีความพร้อมที่จะเปิดรับธรรมะที่เราจะหยิบยื่นให้แก่ท่านหรือไม่? หากท่านไม่เปิดใจวันนี้ ก็ต้องลองหาจังหวะ ดูช่วงเวลาและอารมณ์ของท่านในโอกาสต่อไป แต่ถ้าหากเป็นกรณีที่ไม่ว่าจะเป็นโอกาส สถานที่ และเวลาใด ท่านไม่เปิดใจรับเลย แบบนี้ก็ต้องวางอุเบกขากันแล้วนะครับ หรืออยากจะลองอีกวิธีหนึ่งที่ขุนศึกฯ จะมานำเสนอให้แก่ทุกท่านก็ได้ (วิธีนี้เหมาะสำหรับกรณีของคนที่รั้นมาก) คือ ต้องให้ท่านประสบกับทุกข์โทษแบบหนักหนาสาหัสสากรรจ์เกี่ยวกับสุรา (อันนี้ผมยกเอาตามตัวอย่างที่คุณให้มานะครับ) ด้วยตัวของท่านเอง เป็นต้นว่า มีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างหนัก ถึงตอนนี้ให้คุณใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์เลยนะครับ เพราะมีประโยคสุภาษิตอยู่บทหนึ่งที่ผมชอบมากก็คือ "จะตีเหล็กมันต้องตีตอนร้อน" ซึ่งในสภาวะที่ท่านเข้าตาจนนี่แหละครับ ใจของท่านจะเริ่มอ่อนโยนลง และจะเริ่มฟังคุณมากขึ้นกว่าแต่ก่อนอีกเยอะเลยครับ เผลอๆ ท่านจะรับฟังคุณในทุกเรื่องเสียด้วยซ้ำไป

QUOTE
ดื้อ รั้น ไม่ค่อยชอบศึกษาความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเติม ( มั่นใจในตนเองสูง )

nerd_smile.gif ถ้าเช่นนั้น คงต้องจัดให้มีการทำประเมินกันขึ้นในบริษัท แล้วเอาผลการประเมินที่ได้ทั้งหมดของผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีต่อท่านไปคุยกันด้วยเหตุและผลในที่ประชุมแล้วล่ะครับ แต่เรื่องของทิฏฐิและความมานะถือตัวนี่ ไม่ใช่เรื่องที่จะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ นะครับ ขอบอก ถ้าเห็นว่าเกินกำลังที่จะแก้ล่ะก็ คุณคงต้องวางอุเบกขาอีกเช่นกัน แล้วเลือกเฟ้นเอาแต่สิ่งที่เป็นคุณธรรมความดีในตัวของท่านขึ้นมา และมองข้ามในสิ่งที่เป็นจุดด้อยของท่านไปเลยนะครับ เพราะตราบใดที่มนุษย์ผู้นั้นยังไม่สิ้นกิเลส ตราบนั้นเขาก็ยังไม่ถึงจุดสุดยอดอันอุดมแห่งความเป็นมนุษย์หรอกครับ
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#3 saowanee15

saowanee15
  • Members
  • 207 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 July 2006 - 08:43 AM

เจ้านายคนนี้ เค้าไม่รู้หรอกว่ามีเพชรดีอยู่ในมือ...ดูซิเป็นห่วงเจ้านายซะขนาดนั้น หาได้ยากจริง ๆ นะ
ตอนเป็นสุข พูดเรื่องพวกนี้กับเค้ายากนะค่ะ เพราะยังไม่เห็น ถึงเห็นก็ยังคงเฉย ๆ ยังไม่เกิดกับตัวเองตรง ๆ
พอเป็นทุกข์และก็พูดจะจวกง่ายค่ะ...แต่จะสุขหรือทุกข์ก็ต้องมีวาทะศิลป์ค่ะ
แต่ก็ยังมีคนอีกประเภท ไม่สนใจอะไรทั้งน้านนน ฉันจะทำของฉันอย่างงี้ ใครจะทำมั๊ย จะไปนรกสวรรค์ก็เรื่องของฉานนน...(อันนี้ต้องปล่อยค่ะ ให้ไปศึกษาเอาเอง
ตอนศึกชิงภพ เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุด) แต่ฐานะเราอยู่ใกล้ ช่วยได้แค่ไหนแค่นั่นค่ะ...

ขุนศึกท่านตอบได้ดีแล้วนะค่ะ

ดื้อรั้นในเรื่องการงาน ไม่แสวงหาความรู้ใหม่ ๆ อันนี้ต้องดูอายุท่านด้วยค่ะ...
บางท่านอายุปาเข้าไป 50 - 60 แล้ว แล้วยิ่งมีความมั่นใจในตัวเองสูง แล้วผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เปลี่ยนยากถึงยากที่สุด
หากท่านไม่เปลี่ยน เราก็ของบบริษัทไปอบรม แล้วทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดี ๆ ใหม่ ๆ ในบริษัท
ยิ่งตอนนี้รู้สึกว่า จะมีกฎหมายออกมาทุกบริษัทต้องส่งพนักงานอบรมหรือจัดให้มีการพัฒนาบุคลากรในบริษัทไม่เช่นนั้น ต้องเสียภาษีเพิ่ม
แต่บางท่านก็ยอมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ศึกษาวิทยาการใหม่ แล้วแต่ตัวคนแล้วค่ะ

#4 arraya

arraya
  • Members
  • 298 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 July 2006 - 10:51 AM

ทำใจให้ใสๆ ค่อยๆแนะนำเจ้านายเมื่อเขาอยู่ในอารมณ์ที่จะรับฟังได้ถึงเรื่องศีล กรรม
อธิษฐานจิตแผ่เมตตาให้ใจเขาเปิด
คนที่เป็นเจ้านายหรืออยู่ในฐานะที่สูงกว่าเรา อีโก้จะสูงมาก ต้องใช้ความพยายามมากหน่อยนะคะ

#5 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 July 2006 - 10:56 AM

QUOTE
1. เมื่อเจ้านายเป็นคนศีลขาด + ทะลุ


ปัจจุบันคนทั่วไปจะทำผิดศีลจนเคยเสียแล้ว ก็เลยไม่เห็นว่าการผิดศีล
เป็นสิ่งผิดปรกติของมนุษย์ ทีจริงแล้วคนมีศีลจึงเป็นคนปรกติ ส่วนคน
ที่ผิดศีลนั้นผิดปรกติ เพราะว่า "มันผิดปรกติจนเป็นปรกติ"
เรื่องนี้คงจะต้องอธิบายกันยาวหน่อยว่า ที่เขาทำผิดศีลน่ะมันผิดปรกติอย่างไร ?

QUOTE
2. ความเข้าใจในเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ ไม่ค่อยชัดเจนนัก ยกตัวอย่าง กินเหล้า ถ้าครองสติได้
ไม่เป็นไร อย่างนี้เป็นต้น


ขอยกคำพูดของพระอริยะสงฆ์ท่านหนึ่ง

เหล้านั้น เป็นของร้อน เป็นน้ำร้อนที่เย็น

แต่เราไม่รู้เพราะมันเย็น เมื่อดื่มมันเข้าไปแล้ว
มันจึงไปเผาไหม้ความเย็นในจิตใจจนหมด
บางคนเมื่อดื่มเมาแล้ว ควบคุมตัวเองไม่ได้
ทำให้ขาดสติกลายเป็นคนใจร้อนอารมณ์ร้าย ขาดความยั้งคิด
ท้ายสุดก็ก่อกรรมทำเข็ญในสิ่งที่สังคมไม่ต้องการ
และทำในสิ่งที่โลกไม่พึงปรารถนา

พระศรีอาริยะสมบูรณ์ธรรม แห่งแดนอวตาล
อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ

อธิบาย
อย่างน้อยมันก็ไปเผาความเย็นในใจเราให้หมดไปทีละน้อย
จนค่อย ๆ หมดไป บางคนมีสติ มีความเย็นในใจมากก็นาน
หน่อย แต่มันจะน้อยลง และเกิดอาการทีละนิด ( ยังครองสติได้)
แต่เมื่อใดที่ถึงจุดของมันแล้ว ย่อมควบคุมตัวเองไม่ได้

ทางโลกการเกิดโรคร้ายก็ต้องค่อย ๆ สะสมทีละนิดละนิด
เช่น มะเร็งปอด เกิดจากการสูบบุหรี่ ทีละนิด สะสม และผู้ที่ป่วยโรคนี้
จะไม่มีทางรู้เด็ดขาดว่าเป็นมะเร็งปอด เพราะอาการจะเหมือนคน
เป็นหวัด หรือ หนักหน่อยก็คล้ายกับวัณโรค จนกระทั่งอาการนั้น
มาถึงขั้น ๓ ขึ้นขั้นที่ ๔ คือตายแน่นอน และก่อนจะรู้ต้องไปเจาะ
ปอดดูน้ำข้างในจึงรู้ว่าเป็นมะเร็ง ก่อนตายจะทรมานมาก ๆ

ส่วนสุรานั้นน่าจะเป็นมะเร็งตับอาจจะมีส่วนคล้าย ๆ กันคือค่อย ๆ
เป็นทีละน้อย กว่าจะรู้ก็คือขั้นสุดท้ายแล้ว

ค่อย ๆ ชี้โทษและเอาตัวอย่างมาให้ดูแบบไม่ตั้งใจทีละน้อย คงจะกลัวเกรงบ้าง

QUOTE
3. ดื้อ รั้น ไม่ค่อยชอบศึกษาความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเติม ( มั่นใจในตนเองสูง )

ถ้าคนอายุมากจะเป็นแบบนี้ทุกคนเลย ถือว่าปรกติ

ลองดู เรื่องมิลินทปัญหาดูนะครับ พระนาคเสนมีลีลาอย่างไร
จึงสามารถสอนพระเจ้ามิลินทร์ ซึ่งเป้นคน ดุร้าย ก้าวร้าว ให้ยอมแพ้โดยดี ได้ง่าย ๆ
ท่านไม่ได้ใช้วิธีบอกว่าพระเจ้ามิลินทร์ ผิดตรง ๆ อย่าง แน่ ๆ

และต้องให้เขาปฏิบัติธรรมแล้วจิตใจจะอ่อนโยนลงได้บ้าง


ไม่รู้ว่าเหมือนหลวงพ่อทัตตะหรือเปล่า ผมก็ลูกศิษย์ท่าน อาจจะเหมือนโดยบังเอิญก็ได้





หยุดคือตัวสำเร็จ

#6 num_r

num_r
  • Members
  • 365 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 18 July 2006 - 03:55 PM

ขอบคุณมากครับ สำหรับทุกความเห็น มีประโยชน์มากจริง ๆ

#7 Jengiskhan

Jengiskhan
  • Members
  • 560 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กุงเท่

โพสต์เมื่อ 18 July 2006 - 08:23 PM

ท่าทาง เจ้านาย จะทิฎฐิสูงนะครับ
วิธีของคุณยาย คือ ให้ไปขัดห้องน้ำ จะลดทิฐิมานะได้ ล้วงลึกๆ เลยครับ

#8 chankitt

chankitt
  • Members
  • 49 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 July 2006 - 10:05 PM

ในฐานะที่เป็นคนทำงานเหมือนกันครับ
แบบรวม ๆ เลยนะครับ
ผู้บังคับบัญชาเป็นหนึ่งในทิศ6ครับ (สมบัติสำหรับทุกคนต่อการอยู่ร่วมกับ ทิศ6 คือ ขันติครับ)
ธรรมสำหรับผู้บังคับบัญชาก็คือ พรหมวิหาร 4 ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
ส่วนธรรมของมยุษย์คือศีล 5 เว้นจากการเบียดเบียน แม้กระทั่งตัวเอง
งานที่สำเร็จก็ด้วย อิทธิบาท 4 มี ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
...
ทีนี้มาดูว่าเจ้านายพี่ ขาดอะไร
แรกเลยคือ ความเห็นถูกครับ หรือทิฏฐิ 10 (เช่นความเข้าใจเรื่องกรรม วิบาก ชีวิตหลังความตาย ภพใหม่)
เมื่อไม่รู้จริงก็อย่างที่พี่สัมผัสได้จากเขา
...
เมื่อเห็นว่าควรที่จะแก้ที่ทิฏฐิก่อน ก็ เริ่มกันเลยครับ
หากพี่รักษาศีลอยู่ ก็เป็นต้นแบบของความเป็นมนุษย์แล้วครับ ทีนี้คนทำอะไร เมื่อพูดอะไรที่ตัวทำอยู่ก็เป็นเรื่องปกติ คือคุยได้ว่าเรารักษาศีล
แก้เรื่องความเห็น ด้วยหนังสือดี ๆ ของหลวงพอทัตตะ สักเล่ม จะช่วยได้มากครับ
เรื่องความรู้สำหรับงาน ก็เป็นตามความต้องการของงานนั่นแหละครับ แต่ สิ่งที่ต้องมีสำหรับผู้นำก็คือวิสัยทัศน์ และเริ่มสิ่งใหม่ด้วยตัวเอง
เพราะถ้าผู้นำไม่มองออกไป ทั้ง ระบบก็จะรวนไปด้วย เราในฐานะสมาชิกหนึ่ง เราเห็นทั้งหมดอย่างไร และ สิ่งที่เราอยากเห็นในองค์กรคืออะไร สิ่งนั้นเจ้านายพี่ควรจะทราบเร็วที่สุดครับ
...
เล่าเรื่องเหล้า...
ผู้จัดการถาม ในวงอาหารค่ำกับลูกค้า " นายดื่มจัดไหม ? "
"ผมไม่เคยเมาเลยครับ" เขาตอบ
"นายท่าทางจะคอแข็งไม่เบานะ อยากจะเห็นซะแล้ว"
"เปล่าหรอกครับ ผมรักษาศีล."

#9 อ้วน บ่อโยก

อ้วน บ่อโยก
  • Members
  • 646 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:rayong

โพสต์เมื่อ 19 July 2006 - 08:49 AM

ผมจะทำให้เขาดู เป็นต้นแบบแห่งความดีในบริษัท

แล้วค่อย ๆ เริ่ม ชักชวนทอดกฐินทอดผ้าป่า ต่าง ๆ

นิมนต์พระมาใส่บาตร เนื่องในโอกาสต่าง ๆ ที่บริษัท โดยให้เจ้านายเป็นประธาน

หลังจากนั้น ต้องเสริมแรง โดยการกล่าวยกย่องการทำตัวเป็นคนดีของท่าน ต่อหน้าผู้อื่น ( เก็บเรือง อื่น ๆ ไว้ก่อน )

ส่งบทความธรรมะ ดี ๆ กระจายทั่วทั้งบริษัท

ทำอย่างนี้ เรื่อย ๆ สักวัน หินคงจะกร่อนลงนะครับ

ขอให้กำลังใจครับผม


#10 gioia

gioia
  • Members
  • 593 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 July 2006 - 04:34 PM

QUOTE
1. เมื่อเจ้านายเป็นคนศีลขาด + ทะลุ
2. ความเข้าใจในเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ ไม่ค่อยชัดเจนนัก ยกตัวอย่าง กินเหล้า ถ้าครองสติได้ ไม่เป็นไร อย่างนี้เป็นต้น
3. ดื้อ รั้น ไม่ค่อยชอบศึกษาความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเติม ( มั่นใจในตนเองสูง )


วิสัยเจ้านาย...มักคิดว่าตนเหนือกว่าลูกน้องอยู่เสมอ
ถ้าจะไปบอกหรือแนะนำตรงๆ คงไม่ยอมรับแน่นอน
ความมีทิฏฐิสูง หรือความดื้อ อวดดี พาให้ตกต่ำและประมาทในชีวิตค่ะ
อย่าไปขวางความมั่นใจของท่าน หรือแสดงตนว่าเรารู้มากกว่า หรือเราดีกว่า
ควรเป็นลักษณะผู้น้อยที่ขอความคิดเห็นจากผู้ใหญ่ ดีกว่าไหมคะ

การเป็นกัลยาณมิตรกับคนแบบนี้ต้องใช้กำลังใจและความอดทนสูงค่ะ
เริ่มที่ตัวเองก่อน อย่าให้บกพร่องในสายตาของเจ้านาย เราควรสร้างความเชื่อถือและไว้วางใจให้มากที่สุด
แล้วค่อยๆชวนทำบุญ ชวนท่านทำบุญไปก่อน แม้ท่านยังไม่เข้าใจก็ตาม ชวนบ่อยๆ ให้ทำทุกบุญค่ะ
การทำทานเป็นบุญที่ง่ายที่สุด เมื่อท่านบุญมากขึ้น บุญได้ช่องจะส่งผลเอง
แล้วค่อยชวนให้รักษาศีลห้า ... เราอธิบายเอง อาจถูกปฏิเสธ
ควรให้เป็นสื่อธรรมะที่บอกถึงอานิสงส์ของการมีศีล น่าจะถูกจริตกว่าค่ะ
เมื่อใจท่านเปิดมากขึ้น แล้วก็ชวนมาเที่ยวที่วัดค่ะ

ความศักดิ์สิทธิ์ของวัด ธาตุธรรมของคนวัดจะสร้างศรัทธาให้ท่านได้เอง
ที่เชื่ออย่างนี้ เพราะเห็นมามากแล้วค่ะ ประเภทที่ไม่ชอบวัด แต่พอมาวัดก็ทึ่งในความเป็นระเบียบเรียบร้อยของคนวัด
ทึ่งในการรักในการสั่งสมบุญของคนวัด ศรัทธาจะเริ่มเกิด
ก้าวต่อไปก็คงง่ายขึ้นค่ะ

หมั่นเป็นกัลยาณมิตรให้ท่าน
ให้ของขวัญเป็นสื่อธรรมะ ซีดีเคสต่างๆ หรือติดดาวธรรมให้ก็จะดีที่สุดค่ะ





#11 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 15 March 2007 - 02:28 PM

สาธุ