![รูปภาพ](http://www.gravatar.com/avatar/5023310bc3d1cfbc97a8bda43340b99e?s=100&d=https%3A%2F%2Fwww.dmc.tv%2Fforum%2Fpublic%2Fstyle_images%2Fmaster%2Fprofile%2Fdefault_large.png)
อธิบายให้คนเข้าใจวัด แบบไหนดี
#1
โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 05:08 PM
เคยยกตัวอย่างความดีของวัดว่าช่วยสังคมหลายด้าน แต่มักอยู่เบื้องหลัง
ปิดทองหลังพระไง สื่อก็ไม่นำมาออก เขาก็ไม่เห็น ต้องพูดไงดีค่ะ
#2
โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 05:24 PM
อย่ากังวลเรื่องคนอื่นเลยค่ะ ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองที่สุด ความตายไม่มีการเตือนก่อนล่วงหน้า.
อย่าสร้าง ทุกข์ ความกังวลใจ ให้ตนเองเลยค่ะ ทุกข์ที่ต้องประสบในสังสารวัฎนี้ก็มากพอแล้ว.
วัดดี พระแท้ ไม่ต้องการ " พิสูจน์ " หรือ " พยาน " และไม่เสียเวลาไปกับสิ่งเหล่านี้.
เวลา ที่มีเหลืออยู่ สำหรับการศึกษาและปฎิบัติตามพระธรรม คำสั่งสอนขององค์พระศาสดา.
ใครตำหนิวัด แล้วใจเราหวั่นไหว ก็เท่ากับหลงลืม ปัญญา*
ใครชมเชยวัด แล้วใจเราพองฟู เราก็หลงลืม ปัญญา*
ทำใจให้สงบ มั่นคง ( ในศรัทธา ) บริสุทธิ์ และเว้นจากการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น.
สิ่งนี้และ ถ้าทำได้ เขาจะนับถือเรา นับถืออาจารย์เรา นับถือวัดเรา.
โลกอยู่ภายใต้การครอบงำของชรา ก้าวเข้าไปสู่ชรา ไม่ยั่งยืน
โลกไม่มีผู้ต้านทาน ไม่มีผู้เป็นใหญ่
โลกไม่มีอะไรเป็นของตน จำต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวง
โลกพร่องอยู่เป็นนิจ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา.
- สละโลกได้ ก็พ้นทุกข์ได้
#3
โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 05:45 PM
ว่างๆ ก็นำหนังสือของทางวัด ไปวางทิ้งๆ ไว้ ทำเป็นไม่สนใจสิคะ มีหลายเคสนะ จากแต่ก่อนเคยด่าว่าวัดสาดเสียเทเสียตลอดเวลา แต่ภายหลังคนที่บ้าน เอาหนังสือของทางวัดวางไว้ที่โต๊ะในบ้าน เขาเดินโฉบไปโฉบมา ก็หยิบมาอ่าน สุดท้ายก็เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง และก็เริ่มมาวัด มาปฎิับัติธรรมเอง โดยไม่ต้องมีคนชวนค่ะ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#4
โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 05:59 PM
#5
โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 07:49 PM
ทำตัวเราให้ดี
เมื่อขัดใจกัน จงจำไว้ว่า พูดด้วยเมตตาจิต
ถ้าเราใช้ไฟไปปะทะแล้ว กลับจะยิ่งเสียหายกันไปอีก
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#6
โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 09:51 PM
![wink.gif](style_emoticons/default/wink.gif)
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
น้าจี้
#7
โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 09:53 PM
ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ
อย่าหลายๆก้อนหินไปนะคะ
สักก้อนเดียวก็อย่าค่ะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#9
โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 11:15 PM
พร้อมนำหนังสืออยู่ในบุญ ฉบับประมาณเดือนมิถุนายน ปี 2547 ที่รูปรางวัล WORLD NO TOBACCO DAY AWARDS 2004
จากองค์การอนามัยโลก ที่เขาถวายรางวัลนี้แก่ คุณครูไม่ใหญ่ของเรา ซึ่งเป็นรางวัลที่เข้าเป้าหมายทางโลก ช่วยเหลือสังคมสุดๆ แล้ว
ยังมีเรื่องช่วยภัย สึนามิ ที่มีภาพ รถมูลนิธิธรรมกายไปช่วยบรรเทาภัยเดือดร้อน
หรือ ภาพถวายปัจจัยไทยธรรม 266 วัด ใน 4 จังหวัดภาคใต้ ฯลฯ ภาพโครงการดีๆ เหล่านี้ก็เอาไปให้เขาเห็นสิครับ
พูดไม่เชื่อ ต้องให้เห็นภาพ เห็นของจริง
และภาพแต่ละภาพที่ปรากฏออกไป ย่อมยกใจให้เขาได้บ้างแหละครับ
#10
โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 11:16 PM
ต้องพูดต่อไปครับ พูดต่อไป ต่อไป ครับ
#11
โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 11:41 PM
ถ้าเขาไม่ฟัง ก็วางเฉย ยิ้ม แผ่เมตตา
สักวัน เขาจะถามเราขึ้นมาเอง เพราะทนสงสัยไม่ได้นานหรอก
แล้วเราก็ตอบเขา พร้อมแสดงสื่อ - ผลงานที่ผ่านมาของวัด ให้เขาดู เอาแบบรวบรวมเป็นชุดเลย
#12
โพสต์เมื่อ 21 July 2006 - 02:40 AM
อย่ากังวลเรื่องคนอื่นเลยค่ะ ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองที่สุด ความตายไม่มีการเตือนก่อนล่วงหน้า.
อย่าสร้าง ทุกข์ ความกังวลใจ ให้ตนเองเลยค่ะ ทุกข์ที่ต้องประสบในสังสารวัฎนี้ก็มากพอแล้ว.
วัดดี พระแท้ ไม่ต้องการ " พิสูจน์ " หรือ " พยาน " และไม่เสียเวลาไปกับสิ่งเหล่านี้.
เวลา ที่มีเหลืออยู่ สำหรับการศึกษาและปฎิบัติตามพระธรรม คำสั่งสอนขององค์พระศาสดา.
ใครตำหนิวัด แล้วใจเราหวั่นไหว ก็เท่ากับหลงลืม ปัญญา*
ใครชมเชยวัด แล้วใจเราพองฟู เราก็หลงลืม ปัญญา*
ทำใจให้สงบ มั่นคง ( ในศรัทธา ) บริสุทธิ์ และเว้นจากการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น.
สิ่งนี้และ ถ้าทำได้ เขาจะนับถือเรา นับถืออาจารย์เรา นับถือวัดเรา
![nerd_smile.gif](style_emoticons/default/nerd_smile.gif)
![nerd_smile.gif](style_emoticons/default/nerd_smile.gif)
![nerd_smile.gif](style_emoticons/default/nerd_smile.gif)
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#13
โพสต์เมื่อ 21 July 2006 - 09:21 AM
#14
โพสต์เมื่อ 21 July 2006 - 11:09 AM
#15
โพสต์เมื่อ 21 July 2006 - 12:35 PM
คนเรามีความคิดที่แตกต่างกัน ต่างที่มาและก็ต่างที่ไป ดังนั้น
ผู้ที่ยังไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง และไม่ยอมเปิดใจรับฟังผู้อื่นนั้น ก็ไม่ต่างกับการปิดหูปิดตา
ตัวเอง เราก็หวังแต่ว่าเราอย่าได้เป็นเช่นนั้นเลย ขอใจจงสงบดีกว่าครับ
ปัญญาทานนั้นร่มเย็น เมื่อได้เห็นเป็นสุขใจ
#16
โพสต์เมื่อ 21 July 2006 - 01:20 PM
#17
โพสต์เมื่อ 21 July 2006 - 02:30 PM
ถ้าทำท่าจะไม่ดีก็หยุด ไม่ทะเลาะ
ถ้าวันใดบุญเขาเปิด เขาก็จะเข้าใจอะไรมากขึ้นเอง หรือเปิดใจรับข้อมูลจากเรามากขึ้น
#18
โพสต์เมื่อ 21 July 2006 - 03:13 PM
![laugh.gif](style_emoticons/default/laugh.gif)
"1. ดูท่าทางการพูดของคนที่เราอธิบายก่อนว่าเค้ารู้อะไรมาแค่ไหนครับ ข่าวที่รู้มามากแค่ไหน
2. ผมจะไม่พูดข้อดีอย่างเดียวแต่ผมจะอธิบายข่าวที่เกิดขึ้นด้วย อย่างที่ผมได้ตอบคำถามให้กับ อปท. วันที่ 18 เกี่ยวกับคำถามที่ว่า วัดเอาเงินที่ไหนมาสร้าง จะสร้างอะไรกันนักกันหนาใหญ่โตแบบนี้ ด้วยคำถามนี้ผมตอบโดยวิธีการกล่าวถึงความเป็นมาตั้งแต่กำเนิดวัดเลยครับว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ ปี 2513 มีศาลา จาตุมหาราชิกา รองรับได้ 500 ต่อมา ปี 2528 ต้องสร้าง สภาจาก รองรับ 12000 แต่ก็ยังไม่พอ ต้องสร้างสภาธรรมกายสากลรองรับ 300000 ซึ่งวัดไม่ได้สร้างอะไรเกินตัวเลย และเงินที่ได้ก็เกิดจากความศรัทธาของสาธุชนที่มีต่อวัดพระธรรมกายแห่งนี้ ซึ่งต้องเข้าใจครับว่าความคิดคนส่วนใหญ่ตามจิตวิทยาจะถามจากความคิดแรกที่เกิดขึ้น โดยไม่ได้วิเคราะห์ครับ มุมมองเค้าจึงคิดว่าวัดวางแผนและสร้างทุกอย่างพร้อมกัน แต่จริงๆแล้วเป็นการพัฒนามา 30 กว่าปีครับ
3. ต้องทำใจอีกอย่างครับว่า พูดไปก็เท่านั้น ถ้าไม่ได้มาเห็นวัดกับตา ความศรัทธาก็อาจไม่เกิดด้วยแหละครับ
4. (ขอเน้นอีกทีครับว่าเออ ออ ตามเขาไปอย่าขัดความคิดเขาเด็ดขาดนะครับ เดี๋ยวความคิดอติเขาจะยิ่งพุ่งมากขึ้น เพราะถ้าเราอธิบายอย่างเดียวถึงวัด เขาอาจมองว่าเรางมงายได้นะ ผมเจอมาแล้ว ตัวผมใช้วิธีพูดแบบว่า ข่าวข้างนอกก็พูด เรื่องวัดก็พูดเปรียบ เขาจะได้ไม่มองว่าเรารับรู้ข้างเดียวเกี่ยวกับวัดครับ)
หมายเหตุ********* นี่เป็นในแบบของผมนะครับจะเอาไปใช้ก็ได้แต่วิธีนี้ขอแนะนำให้ใช้อธิบาย กับคนที่ได้เข้ามาวัดแล้วนะครับ ถ้าคนยังไม่เคยเห็นวัดฟังแต่ข่าว อคติพุ่งพร่านแน่ครับ ***************
![dry.gif](style_emoticons/default/dry.gif)
#19
โพสต์เมื่อ 21 July 2006 - 03:40 PM
#20
โพสต์เมื่อ 21 July 2006 - 05:01 PM
ถ้าเป็นญาติพี่น้อง เพื่อนๆของเราเขาก็น่าจะเห็นเราอยู่ในสายตาของเขาบ้างว่าคนอย่างเราใฝ่ดี รักการทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา หรือชวนแต่จะทำความดีกันตลอด แต่ถ้าเป็นคนที่ห่างๆกันออกไป ไม่รู้จักเราดี เราต้องมีความอดทน และมองผู้อื่นอย่างเข้าใจ เห็นใจและมีความปรารถนาดีต่อกัน เขาไม่เข้าใจตรงจุดไหน ก็อธิบายให้ตรงจุดข้อมูลทางฝ่ายวัดต้องแน่นและชัดเจน และก็อนุโมทนาบุญกับเขาด้วยเมื่อเขาได้ทำความดี ทำบุญแม้ไม่ได้ทำที่วัดพระธรรมกาย แต่ถ้ามีโอกาสหรือหาโอกาสที่จะมาประพฤติปฏิบัติธรรมด้วยกันที่วัดพระธรรมกายหรือศูนย์ปฏิบัติธรรมที่ใกล้บ้านด้วยกันบ้าง
#21
โพสต์เมื่อ 21 July 2006 - 06:57 PM
สังเกต หรือหาข้อมูลของผู้ที่เราจะไปแนะนำเขาก่อน
จะได้รู้ว่า ถ้าพูดอย่างนี้ แล้วจะเป็นยังไง
หรือเขามีจุดสงสัยตรงไหน หรือคิดยังไงกับวัด คิดยังไงกับเรา
จะช่วยให้เราเข้าใจได้ว่า ควรทำยังไงต่อไปค่ะ
การที่เป็นกัลยาณมิตรให้ผู้อื่น เป็นการสร้างบุญมากค่ะ
เราต้องเตรียมตัวเราด้วยการนั่งสมาธิ ให้ใจใส ก่อนไปพบ-ไปคุยกับเขา
เราไม่ได้ไปคนเดียวโดดเดี่ยว เรามีพระ(ในตัวเรา)ไปด้วย
คำพูดของเรา ก็ให้ออกมาจากศูนย์กลางกายของเรา
#22
โพสต์เมื่อ 21 July 2006 - 11:13 PM
อะไรประเภทเนี่ย
แต่เรา ก็ตอบเขาไปว่า เราเชื่อกฏแห่งกรรม ว่าใครทำกรรมใดไว้ ไม่ว่าดีหรือชั่วก็ตาม ยอมได้รับผลของกรรมนั่น
เรามั่นใจ และศรัทธา พระทุกรูปที่วัด และที่สุดของความศรัทธา ให้ครูไม่ใหญ่
รักพระพ่อค่ะ
#23
โพสต์เมื่อ 24 July 2006 - 04:36 PM
บางคนคิดในแง่ร้ายเลยก็มี เพราะที่บอกว่า ต้องมีลูกล่อลูกชนนะค่ะ ก็ล่อก็ชน ที่จะชวนคนไปทำความดี ไม่ได้ชวนทำชั่วซะหน่อย
ในกรณีเค้าขายที่ดีนขายรถไปนั่น
ก็บอกว่า น้องเค้าว่า พี่(เรา)ก็ไม่เห็นด้วย ที่เค้าทำไปอย่างนั้น แต่พี่คิดว่า เค้าคงหวังพึ่งบุญที่ได้ทำส่งผล แต่เค้าไม่รู้ว่า เค้ามีวิบากกรรมอะไรอยู่หรือเปล่า
บุญ เปรียบเหมือนต้นไม้ที่เราปลูกไว้ชมหรือไว้กินผล ที่ต้องรอเวลาผลิดอกออกผล ถึงแม้ว่า เวลาเราทำไปไม่ได้หวังอะไร (เพราะจะมีข้ออ้าง ทำบุญหวังผลจะได้ผลอะไร ไม่ใช่บุญที่แท้จริง) แต่ถึงเวลา ต้นไม้ที่ปลูกก็ออกมาเราเชยชมเอง อีกอย่างพี่ว่าเค้าคงขาดปัญญาที่แยบคายในระดับหนึ่งเท่านั้น
แต่เชื่อเปล่า เวลาบุญเค้าส่งผล ก็รวยอย่างไม่มีเหตุผลก็มี คนฟังก็คงทำหน้าสงสัย แล้วมีคำถามในใจอีก
หากให้เปรียบก็เหมือนคนจะรวย ทำอะไรก็รวยไปหมดนั่นแหละ อยู่ดี ๆ ก็ถูกหวย ทำงานได้งานดี ลงน้อยกำไรงามมาเฉย ๆ
น้องคิดว่า คนเราจะรวยต้องมาจากหนึ่งสมองสองมือ ก็จริงในระดับเดียว งั้น มนุษย์ทุกคน ก็มีหนึ่งสมองสองมือเหมือน แต่หนึ่งสมองสองมือของเราทำมั๊ย!สู้เค้าไม่ได้ล่ะ ก็คนเหมือนกัน บางคนมาจากศูนย์ แต่ด้วยอะไรล่ะ เค้าถึงเป็นเศรษฐีกันได้
ที่แท้ ๆ คือ บุญเก่า น้องเคยได้มาอยู่แล้วใช่เปล่าค่ะ...นี่แหละ คือ ความรวยความจน ความสำเร็จความล้มเหลวในชีวิต
บุญ เป็นเหมือนฐานรองรับความสุขความสำเร็จในชีวิต...
#24
โพสต์เมื่อ 25 July 2006 - 12:55 PM
#25
โพสต์เมื่อ 25 July 2006 - 12:59 PM
ต้องพูดต่อไปครับ พูดต่อไป ต่อไป ครับ
#26
โพสต์เมื่อ 25 July 2006 - 01:10 PM
#27
โพสต์เมื่อ 26 July 2006 - 03:09 PM
#28
โพสต์เมื่อ 10 August 2006 - 04:05 PM
คุณNITIPORNMETA ครับ
ขอแนะนำ 2 แนวทางนะครับ
1. ตัวเรารู้จักวัดดีแค่ไหน ก็ให้พูดที่ประทับใจ ที่เราเห็นว่าดี ครับ แต่ก่อนพูดลองศึกษาเรื่องที่ หลวงพ่อทัตตฯ File MP3 แผ่นที่2 เรื่องพุทธคุณ 1,2,3,4 แล้วอุปมา เพื่อดูตัวเราก่อนว่าเข้าใจวัดพระธรรมกายแค่ไหน พูดคุณงามความดี คุณประโยชน์ของวัดได้ทั้งหมดหรือไม่
2. ส่วนวิธีการพูดแนะนำให้ลองใช้เรื่องการตอบคำถามของพระพุทธเจ้า เรื่องจาก หลวงพ่อทัตตฯ File MP3 แผ่นที่ 2 เช่นกันในเรื่อง สามัญผล1, 2
โดยสรุปคือการตอบ หรืออธิบายบางอย่างต้องอุปมา อุปไมย และส่วนวัดพระธรรมกายนั้นสำหรับผม วัดนี้เป็นวัดแท้ พระแท้ เป็นของแท้ ของแท้ไม่กลัวการว่าร้ายครับ
#File MP3 พระธรรมเทศนาพระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตฯ) แผ่นที่ 2 หาฟังได้ที่ WEB, kalyanamitra.org ครับ โดยเลือกสื่อธรรมะ,เลือก เทป/MP3,ดูช่องหมวดรายการ ให้เลือก "พระธรรมเทศนาพระภาวนาวิริยคุณ " สามารถฟังหรือ Download ไปฟังได้ครับ
#29
โพสต์เมื่อ 19 August 2006 - 09:35 AM
"1. ดูท่าทางการพูดของคนที่เราอธิบายก่อนว่าเค้ารู้อะไรมาแค่ไหนครับ ข่าวที่รู้มามากแค่ไหน
2. ผมจะไม่พูดข้อดีอย่างเดียวแต่ผมจะอธิบายข่าวที่เกิดขึ้นด้วย อย่างที่ผมได้ตอบคำถามให้กับ อปท. วันที่ 18 เกี่ยวกับคำถามที่ว่า วัดเอาเงินที่ไหนมาสร้าง จะสร้างอะไรกันนักกันหนาใหญ่โตแบบนี้ ด้วยคำถามนี้ผมตอบโดยวิธีการกล่าวถึงความเป็นมาตั้งแต่กำเนิดวัดเลยครับว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ ปี 2513 มีศาลา จาตุมหาราชิกา รองรับได้ 500 ต่อมา ปี 2528 ต้องสร้าง สภาจาก รองรับ 12000 แต่ก็ยังไม่พอ ต้องสร้างสภาธรรมกายสากลรองรับ 300000 ซึ่งวัดไม่ได้สร้างอะไรเกินตัวเลย และเงินที่ได้ก็เกิดจากความศรัทธาของสาธุชนที่มีต่อวัดพระธรรมกายแห่งนี้ ซึ่งต้องเข้าใจครับว่าความคิดคนส่วนใหญ่ตามจิตวิทยาจะถามจากความคิดแรกที่เกิดขึ้น โดยไม่ได้วิเคราะห์ครับ มุมมองเค้าจึงคิดว่าวัดวางแผนและสร้างทุกอย่างพร้อมกัน แต่จริงๆแล้วเป็นการพัฒนามา 30 กว่าปีครับ
3. ต้องทำใจอีกอย่างครับว่า พูดไปก็เท่านั้น ถ้าไม่ได้มาเห็นวัดกับตา ความศรัทธาก็อาจไม่เกิดด้วยแหละครับ
4. (ขอเน้นอีกทีครับว่าเออ ออ ตามเขาไปอย่าขัดความคิดเขาเด็ดขาดนะครับ เดี๋ยวความคิดอติเขาจะยิ่งพุ่งมากขึ้น เพราะถ้าเราอธิบายอย่างเดียวถึงวัด เขาอาจมองว่าเรางมงายได้นะ ผมเจอมาแล้ว ตัวผมใช้วิธีพูดแบบว่า ข่าวข้างนอกก็พูด เรื่องวัดก็พูดเปรียบ เขาจะได้ไม่มองว่าเรารับรู้ข้างเดียวเกี่ยวกับวัดครับ)
หมายเหตุ********* นี่เป็นในแบบของผมนะครับจะเอาไปใช้ก็ได้แต่วิธีนี้ขอแนะนำให้ใช้อธิบาย กับคนที่ได้เข้ามาวัดแล้วนะครับ ถ้าคนยังไม่เคยเห็นวัดฟังแต่ข่าว อคติพุ่งพร่านแน่ครับ ***************
ใช่แล้วค่ะ
วิธีนี้มัคคุเทศก์เราใช้กันมาโดยตลอด( หรืออย่างน้อยก็ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 เดือนที่หนูได้เข้าไปช่วยงานของทางแผนกนี้)
และก็ได้ผล 99.99 เปอร์เซนต์เลยค่ะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#30
โพสต์เมื่อ 20 August 2006 - 11:05 PM
1.แบบอ้างข่าวลือเรื่อง เงินๆ ทองๆ แล้วมีถามด้วยนะคะ ว่า ไปวัดมาเนี่ย หมดเงินไปเท่าไหร่ล่ะ ก็จะบอกไปน่ะค่ะ ว่า เหรอมีอย่างนี้ด้วยเหรอ เวลา koonpatt ไป ไม่เห็นมีใครมาบังคับเอาเงินเลย ไปเนี่ย เสียแต่ค่ารถ ข้าวก็ฟรี ห้องน้ำห้องท่าก็ฟรี ไม่เห็นได้เสียตังค์เลย ไม่มีใครมายุ่งกับเราด้วย ต่างคนก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป เวลานั่งสมาธิ ก็นั่งไป เงียบๆ ไม่เห็นมีอย่างที่พูดเลย เคยไปแล้วเจอเหรอ - ตอบ -ไม่เคยไป - อ้าว ไม่ไปแล้วรู้ได้ไง ไม่เชื่อ koonpatt เหรอ เนี่ยไปมาแล้ว ถ้าไม่เชื่อ ไปด้วยกันมั๊ย เดี๋ยวจ่ายค่ารถให้ด้วย - ผล อย่างมากก็ถามอีก 2-3 ครั้งค่ะ ว่า ไปคราวนี้เสียตังค์เท่าไหร่ เดี๋ยวนี้เลิกถามเรื่องเงินไปแล้ว คือ ถ้าคนที่ จับประเด็นเรื่องเงินเรื่องการทำบุญ ก็ต้องไม่พูดเรื่องนี้ค่ะ ถ้าไปอธิบายว่า ทำอย่างนั้นแล้วได้อย่างนี้ ทำเท่านั้นจะได้เท่านี้ จะไปกันใหญ่เลย
2.ที่ซ่องสุม - ก็จะตอบไปว่า เหรอ เค้าว่าอยู่ตรงไหนล่ะ จะไปหาดู แต่ที่ไป ไม่เห็นมีใครวุ่นวายกับใครเลย หลวงพ่อก็พานั่งสมาธิ อย่างเดียว ไม่เห็นพูดเรื่อง อื่นๆเลย ถ้าไม่เชื่อ ลองไปมั๊ย โธ่ อย่าเพิ่งเชื่อโดยที่ไม่เห็นเองสิ ไปเดี๋ยวเดือนหน้าไปด้วยกัน จะได้รู้ - ผล เลิกพูดค่ะ (อาจจะเคือง แต่อย่างน้อยต่อไปก็ไม่ขุ่นค่ะ)
อันนี้ยกตัวอย่างนะคะ เรื่องเหล่านี้ เค้าอาจจะเลิกถาม (เชื่อ หรือไม่เชื่อ เราก็ไม่ทราบ) แต่ที่มั่นใจที่สุดคือ ญาติและเพื่อนๆทั้งหลาย เห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ ดี ขึ้นของเราค่ะ เราหัวเราะมากขึ้น ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น เป็นคนที่อยู่อย่างมีความสุข ( เมื่อก่อน คิ้วผูกโบว์ทั้งวัน ปากชนจมูก จมูกชนหน้าผาก หน้าผากชนตีนผม ประมาณนั้นเลยค่ะ ) " อย่างน้อย " เขาเหล่านั้น จะไม่เปิดประเด็นเรื่องร้ายๆ ของวัด และที่ได้ยินมาบ้างคือ " หลานของผม,เพื่อนของฉัน ก็ไปวัดนี้นะ แต่ก็เห็นดีขึ้นจริงๆ " แค่นี้ก็ปลื้มแล้วค่ะ เดี๋ยวนี้ จะถามเรามากขึ้น ว่า ไปวัดน่ะ ที่วัดสอนว่ายังไงบ้าง หรือพอสงสัยอะไร ก็จะมาถามบ้าง เช่น การแผ่เมตตาถึงคนนั้นคนนี้ ควรทำอย่างไรดี เวลาทำบุญต้องคิดอะไร ฯลฯ เลยทำให้เราต้องเรียนรู้ไปด้วยค่ะ เพื่อตอบคำถามของเขาเหล่านั้น เดี๋ยวนี้เริ่มถามถี่ขึ้นค่ะ ว่าไปวัดวันไหนบ้าง มีบุญอะไรบ้าง (อันนี้ถามมาเองเลยนะคะ) เพราะเวลากลับไป จะเอาหนังสือ ภาพงานบุญต่างๆ ไปให้ดูแล้วคุยให้ฟังใหญ่เลยค่ะ ว่า เนี่ยนะ ไปทำนั่นทำนี่มา พระนะโห เยอะมาก คนนะ เยอะมากๆๆๆ บางคนเริ่มดู DMC แล้วนะคะ (ตอนนี้ที่จังหวัด ถ่ายทอดออกเคเบิ้ลทีวีค่ะ ไปบ้านใคร ไปนั่งจูนทุกบ้านเลยค่ะ) เดี๋ยวต้องเรียบร้อยโรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน แน่ๆเลยค่ะ
![laugh.gif](style_emoticons/default/laugh.gif)
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ