มี 12 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

[ท่านต้นผู้ยิ่งใหญ่]

อยากทราบว่า

1.บุญที่พวกเราแต่ละคนทำนั้นจะส่งผลต่อโลกอย่างไร

2.กรรมมีผลทำให้โลกตกต่ำลงอย่างไร

3.ถ้าในประเทศใดก็ตามมีผู้มีบุญอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ประเทศนั้นจะเป็นประเทศที่เจริญจริงหรือ?? ขอเหตุผลด้วยครับ

4.ตรงกันข้ามกับข้อ3ถ้ามีคนบาปหนาอยู่ในประเทศนั้นมาก ประเทศนั้นจะเป็นเช่นไร

5.ผมเคยฟังหลวงพ่อเทศน์เรื่อง โลกแบ่งเป็นยุคต่างๆ 4 ยุค คือ 1)สร้างโลก 2)โลกกำลังเจริญ 3)โลกเจริญแล้ว และ 4)โลกเสื่อมถอย ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยครับ

[lZephirothZl]

โลกตั้งอยู่ได้ด้วยบุญ เมื่อเกิดบาปมากๆโลกก้ออยู่ไม่ได้

[ideal]

4)โลกเสื่อมถอย -- กุลียุค รึเปล่านะ

[มองอย่างแมว]

ข้อ 3,4 ต้องดูความหมายของคำว่า ความเจริญ ให้ดีนะครับ

คนดีมีศีลธรรมอยู่รวมกันมากๆ ก็เจริญทางธรรมแน่นอนครับ
แต่ถ้ามองคำว่าความเจริญแค่ทางวัตถุ เทคโนโลยี นั้นไม่จำเป็นครับ

ความเจริญทางโลกแบบนั้น ถ้าหากคนใดมีความตั้งใจค้นคว้า
มีความเอาใจใส่ในการทดลอง แบบนี้คนดีมีศีลธรรมหรือไม่มีศีลธรรม
ก็สามารถทำให้มีความก้าวหน้าเกิดขึ้นได้ครับ

ลองสังเกตดูได้ครับว่าความก้าวหน้าทางวิทยาศาตร์ต่างๆใช่ว่าจะเป็น
สิ่งที่ถูกศีลธรรมทุกอย่าง บางอย่างก็เป็นสิ่งที่ขัดกับความดีอย่างมาก
ที่เห็นได้ชัดก็พวกเทคโนโลยีทางอาวุธที่ใช้เข่นฆ่ากันนั่นแหละครับ

[สิริปโภ]

ขอตอบรวมทั้งหมดทุกข้อครับ


ลองนึกสภาพดูนะครับ ท่านที่เคยเข้าไปในโรงฆ่าสัตว์ เรือนจำ หรือที่อโครจทั้งหลาย พอเข้าไปแล้ว ท่านรู้สึกอย่างไร และเทียบดูกับเมื่อท่านเข้าวัดไปไหว้พระ ท่านรู้สึกอย่างไร เพียงแค่บรรยากาศเช่นนี้ก็เห็นข้อแตกต่างอย่างชัดเจน ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อ บุญส่งผล สภาพสัปปายะของโลกก็มีผลทำให้คนและสิ่งแวดล้อมทั้งหลายเจริญขึ้น เมื่อบาปส่งผล สิ่งแวดล้อมและสภาพจิตใจคนส่วนในโลกก็เสื่อมถอยลง

เพระอะไรครับ?.... ก็เพราะว่า เมื่อใดสภาพของสิ่งแวดล้อมรอบตัว หรือสัปปายะ4เจริญขึ้น เมื่อนั้น สภาพใจของคนก็มีความเยือกเย็น สุขุม กอร์ปไปด้วยความดำรินึกคิดอะไรอย่างไตร่ตรอง ซึ่งผิดกับใจที่อยู่ภายใต้นิวรและกิเลสทั้งหลาย เมื่อใจของคนมีสภาพที่เจริญแล้ว คนก็จะทำแต่สิ่งที่ดี ที่เป็นประโยชน์ เป็นมงคล เมื่อยิ่งกระทำสิ่งดีๆมาก สิ่งแวดล้อมต่างๆก็พลอยดีไปด้วย เกื้อกูลอำนวยกันไปอย่างกลมกลืน

แต่ถ้าเมื่อใดใจคนบาปหยาบช้า ใจของคนเหล่านั้นก็ตกต่ำ มีสภาพอึดอัด คับแคบ ร้อนลุ่ม กลุ้มใจ คิดอะไรก็ไม่ปลอดโปร่ง ทำอะไรก็ไม่ปรานีต บ้านช่องห้องหับก็ไม่มีอารมจะจัดปัดกวาดถู นิวรและกิเลสเข้าครอบงำศีลธรรมถดถอยห่างไป บ้านเมืองจึงขาดการเอาใจใส่ดูแลขาดการบริหารจัดการที่ดีพร้อม ผลที่ตามมาคือ ผู้คนทั้งหลายจึงขาดความสะดวก ขาดสิ่งที่เป็นตัวอย่าง ขาดกำลังใจจะประพฤติสิ่งดีๆ จึงทำให้ผู้คนสัตว์สิ่งของ เสื่อมถอยลงต่ำไปเรื่อยๆ จนเกิดกลียุคตามมาในที่สุด

[พักผ่อน]

คน ๆ หนึ่งไม่มีศีล เลยฆ่าแมลงเป็นจำนวนมากเพื่อรักษาผลผลิตของตน --> ผลคือมนุษย์ทั้งหลายที่บริโภคผลผลิตนั้น มีอายุสั้นลง และร่างกายเป็นแหล่งสะสมของสารเคมีต่าง ๆ ที่อาจส่งผลร้ายกาจไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน คนสมัยนี้ใหญ่แต่ตัว แต่แรงไม่ค่อยมี นี่คือเรื่องจริง

[ชาร์ป]

คนเรา 1 คนทำแต่บุญ - ย่อมส่งผลให้ชีวิตของเค้าดีขึ้น
คนเรา 4 คนทำแต่บุญ - ย่อมส่งผลให้ชีวิตของเค้า4คนดีขึ้น
ถ้าทุกคนบนโลกทำแต่บุญ ผลบุญมันก็ส่งผลให้กับทั้งโลกอ่ะดิ

แต่สมมุติว่าทำบาป... มันก็จะส่งผลเหมือนกับข้างบน
ข้อ3,4 ก็กับไปดูข้างบน...

[lZephirothZl]

ถ้าช่วงที่มนุษย์อายุเยอะๆ(เปนล้านปี) แล้วไม่ทำบุญกัน จะเกิดอะไรขึ้นน้า ?

[หัดฝัน]

1. บุญที่เราทำจะส่งผลต่อโลกอย่างไร
ตอบ ส่งผลให้โลกเป็นมิตรกับเรามากขึ้นครับ จะใช้ศัพท์ว่าเจริญขึ้นก็ว่าได้ เช่น ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล แค่เรื่องนี้ ก็มีผลต่อพืชพรรณธัญญาหารแล้ว อากาศเย็นสบายน่าอยู่ แค่นี้ก็แฮปปี้แล้ว ร้อนไปหนาวไป เป็นอย่างไรลองคิดดู ภัยธรรมชาติ ประหลาดๆ ไม่ค่อยเกิด(เช่น แผ่นดินไหว สึนามิ) ถ้ามีบุญมากๆ คือ ทุกคนสร้างบุญ อาหารจะเกิดขึ้นเองเลยทีเดียว ดังเช่น มนุษย์ยุคต้นกัป ข้าวสาลี เป็นต้น เกิดขึ้นเอง และครบ 5 หมู่
2. กรรมที่ทำจะทำให้โลกตกต่ำอย่างไร
ตอบ ส่งผลให้ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล อากาศร้อนจัดแห้งแล้ง แต่เวลาหนาวก็หนาวจึด ภัยธรรมชาติเกิดขึ้นเป็นว่าเล่น ถ้ายังทำกรรมกันทั้งโลก แรงบาปจะทำให้โลกแตกทำลาย เกิดไฟบรรลัยกัลป์ ล้างโลก เป็นต้น
3. เหตุใดผู้มีบุญอยู่ที่ไหนมากๆ ที่นั่นเจริญ เพราะบุญอยู่เบื้องหลังความสุขและความสำเร็จของมนุษย์น่ะครับ สมบัติจักรพรรดิ์ ตักไม่พร่อง เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้มีบุญมาก ไม่เกิดกับผู้มีบุญน้อยเลย ดังนั้น ที่ใดมีผู้มีบุญอยู่กันมากๆ จะเป็นหนึ่งในสัปปายะ คือ บุคคลเป็นที่สบาย บุญก็จะบันดาลให้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นได้รับความสุข ทีนี้พอบุญบันดาลให้ทุกคนมีความสุข มันก็เลยกลายเป็นที่นั้นเจริญ ไม่ถูกหรือครับ
4. ถ้าตรงข้าม แค่คนบาปเกินครึ่ง ยังไม่ต้องทั้งโลกหรอก มันก็เข่นฆ่ากันวอดวายแล้ว ไม่ต้องพูดถึงอะไรต่อเลย
5. สร้างโลก หมายถึง ช่วงที่โลกก่อนแตกทำลาย ด้วยกิเลสมนุษย์ยุคก่อน แล้วเมื่อสรรพสิ่งเย็นตัวลง (ใช้เวลานานมากๆ) ก็เกิดโลกใหม่ขึ้นมา
โลกกำลังเจริญ โลกที่เกิดขึ้นมา ก็ค่อยๆ เย็นตัวลงเรื่อยๆ จนภูมิอากาศเริ่มเหมาะสม
โลกเจริญเรียบร้อยแล้ว ก็คือ โลกเย็นตัวจนพร้อมให้สิ่งมีชีวิตมาเกิดแล้ว ตอนนี้ผิวโลกจะกลายเป็นง้วนดิน (อาหารของมนุษย์ยุคต้นกัป)
โลกเสื่อมถอย ก็เมื่อพรหมลงมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วกินง้วนดิน พอกินง้วนดิน กายพรหม ก็กลายเป็นกายหยาบ เกิดระบบขับถ่าย และเพศขึ้นมา พรหมใดมีกรรมกาเมก็เป็นหญิง พรหมใดกรรมหมดก็เป็นชาย แล้วก็เริ่มมีอารมณ์เพศ มีคู่ครองสร้างบ้านเรือน พอมีบ้านเรือน ก็ขี้เกียจไปเก็บง้วนดินซึ่งหยาบขึ้นแปรเปลี่ยนมาเป็นข้าวสาลี กินทุกวัน ก็เริ่มกักตุน พอกักตุนข้าวสาลี ความโลภมากขึ้น ข้าวสาลีก็ไม่ขึ้นเองอีกต่อไป ต้องเพาะปลูก และเริ่มไม่พอ พอไม่พอก็แย่งกัน เกิดการฆ่ากันขึ้นมา อาหารเริ่มไม่ครบ 5 หมู่ จึงเริ่มกินเนื้อสัตว์ เพื่อให้ครบ 5 หมู่ ศีลก็เริ่มผิดมากขึ้นเรื่อยๆ เกิดน้ำเมา ขึ้นมา ทีนี้โลกก็จะเสื่อมถอยลงไป จนถึงยุคที่ทุกคนไร้ศีลธรรม ก็เข่นฆ่ากันทั้งเมือง คนที่เหลือจะเริ่มสำนึก ทำดีขึ้นมาใหม่ แล้วก็เสื่อมใหม่ วนเวียนเช่นนี้อีกหลายรอบ จนโลกรองรับบาปไม่ไหว แล้วแตกทำลาย

[ท่านต้นผู้ยิ่งใหญ่]

พี่หีดฝันมีหนังสือมาแนะนำให้อ่านบ้างมั้ยครับ

อยากเก่งแบบพี่จัง

^U^

[lZephirothZl]

ขอบคุณครับ ที่ให้ความกระจ่าง

[หัดฝัน]

ให้ไปหาอ่านในหนังสือ กำเนิดโลก และมนุษยชาติ ที่หลวงพ่อทัตตะท่านเคยเรียบเรียงไว้น่ะครับ หรือ สมัครเรียน DOU หัวข้อ จักรวาลวิทยาก็ได้ครับ

[ท่านต้นผู้ยิ่งใหญ่]

ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ