สงสัยมานานแล้ว เหมือนร้องเพลงมากกว่า สมัยพุทธกาลมีไหมครับร้องแบบนี้ และถ้าไม่มีพระที่ร้องจะต้องอาบัตข้อไหนครับ
พระที่ร้องแหล่แล้วเอื้อนใส่ลูกคอให้เพราะๆ สมัยพุทธกาลมีไหมครับ
เริ่มโดย สาคร, Aug 17 2006 11:57 AM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 17 August 2006 - 11:57 AM
#2
โพสต์เมื่อ 17 August 2006 - 02:49 PM
มีครับ เป็นการสวดด้วยทำนองเสนาะที่เรียกกันว่า "สรภัญญะ" ท่านพระโสณกุฏิกัณณะ เป็นเอตทัคคะเลิศทางด้านนี้ ถึงขนาดที่พระพุทธองค์ให้แสดงธรรมด้วยสรภัญญะนี้แหละให้พระองค์ฟังในพระคันธกุฎีตลอดทั้งคืน
การแหล่ก็ถือเป็นการสวดทำนองเสนาะอย่างหนึ่งนะ แต่ที่สำคัญคือ ต้องคำนึงสมณสารูป ด้วย
การแหล่ก็ถือเป็นการสวดทำนองเสนาะอย่างหนึ่งนะ แต่ที่สำคัญคือ ต้องคำนึงสมณสารูป ด้วย
#3
โพสต์เมื่อ 17 August 2006 - 03:02 PM
พึ่งจะเข้าใจว่ามีเช่นนี้ด้วยหรือ อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
#4
โพสต์เมื่อ 18 August 2006 - 02:04 PM
มันเป็นเช่นนั้นแล
#5
โพสต์เมื่อ 22 August 2006 - 11:35 AM
เพิ่งรูค่ะ สาธุ
เมื่อดวงตาปิดสนิมอย่างละมุน
ไม่มีลุ้นเร่งจองมองที่หมาย
ก็จะพบผู้รู้อยู่กลางกาย
ธาตุอ่อนแก่มากมายถึงปลายทาง
ไม่มีลุ้นเร่งจองมองที่หมาย
ก็จะพบผู้รู้อยู่กลางกาย
ธาตุอ่อนแก่มากมายถึงปลายทาง
#6
โพสต์เมื่อ 09 October 2006 - 09:31 PM
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงห้ามข้อนี้ไว้ครับ
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#7
โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 06:44 AM
ห้ามยังไงครับ ผมอยากรู้ ท่านphog ช่วยอธิบายให้หน่อยครับ ขออนุโมทนาสาธุครับ
#8
โพสต์เมื่อ 10 October 2006 - 12:59 PM
จะสวดแหร่ ทำนองไหน ถ้าฟังแล้วใจใส ก็น่าอนุโมทา น่ะครับ
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก
#9 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 31 January 2011 - 09:54 AM
สมัยต่อมา พระฉัพพัคคีย์สวดพระธรรมด้วยทำนองยาวคล้าย
เพลงขับ ชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า พระสมณะเชื้อสายพระศากย-
*บุตรเหล่านี้ สวดพระธรรมด้วยทำนองยาวคล้ายเพลงขับ เหมือนพวกเราขับ ภิกษุ
ทั้งหลายได้ยินพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย ...
ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระฉัพพัคคีย์จึงได้สวดพระธรรม
ด้วยทำนองยาวคล้ายเพลงขับ แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาค ... ทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่า ... จริงหรือ
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียน ... ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่ง
กะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุสวดพระธรรมด้วยทำนองยาวคล้ายเพลง
ขับ มีโทษ ๕ ประการนี้ คือ:-
๑. ตนยินดีในเสียงนั้น
๒. คนอื่นก็ยินดีในเสียงนั้น
๓. ชาวบ้านติเตียน
๔. สมาธิของผู้พอใจการทำเสียงย่อมเสียไป
๕. ภิกษุชั้นหลังจะถือเป็นเยี่ยงอย่าง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้แล ของภิกษุผู้สวดพระธรรมด้วย
ทำนองยาวคล้ายเพลงขับ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสวดพระธรรมด้วยทำนองยาวคล้ายเพลงขับ
รูปใดสวด ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ
เรื่องการสวดสรภัญญะ
[๒๑] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายรังเกียจในการสวดสรภัญญะ จึงกราบ
ทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้สวดเป็น
ทำนองสรภัญญะได้ ฯ
เพลงขับ ชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า พระสมณะเชื้อสายพระศากย-
*บุตรเหล่านี้ สวดพระธรรมด้วยทำนองยาวคล้ายเพลงขับ เหมือนพวกเราขับ ภิกษุ
ทั้งหลายได้ยินพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย ...
ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระฉัพพัคคีย์จึงได้สวดพระธรรม
ด้วยทำนองยาวคล้ายเพลงขับ แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาค ... ทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่า ... จริงหรือ
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียน ... ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่ง
กะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุสวดพระธรรมด้วยทำนองยาวคล้ายเพลง
ขับ มีโทษ ๕ ประการนี้ คือ:-
๑. ตนยินดีในเสียงนั้น
๒. คนอื่นก็ยินดีในเสียงนั้น
๓. ชาวบ้านติเตียน
๔. สมาธิของผู้พอใจการทำเสียงย่อมเสียไป
๕. ภิกษุชั้นหลังจะถือเป็นเยี่ยงอย่าง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้แล ของภิกษุผู้สวดพระธรรมด้วย
ทำนองยาวคล้ายเพลงขับ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสวดพระธรรมด้วยทำนองยาวคล้ายเพลงขับ
รูปใดสวด ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ
เรื่องการสวดสรภัญญะ
[๒๑] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายรังเกียจในการสวดสรภัญญะ จึงกราบ
ทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้สวดเป็น
ทำนองสรภัญญะได้ ฯ