ทำไม...ศีล สมาธิ ศรัทธา ปัญญา...จึงไม่มีมาแต่เกิด
#1
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 03:43 PM
บางคนพบเร็ว
บางคนพบช้า
บางคนไม่พบเลย(มามืดไปมืด)
บางคนมีคนพยายามช่วยให้พบก็ไม่พบ
...ทั้งนี้นอกจากบุญไม่เท่ากันแล้วนั้น...เพราะอะไรอีก?
ทำไมมนุษย์ส่วนมากต้องมากต้องมาเจอวิบากกรรมหรือทำผิดศีล ฯลฯ ให้วุ่นก่อนที่จะพบกับ "ความจริง" และ "แสงสว่าง" ที่แท้จริงของชีวิต
ในขณะที่เรายังเป็นมนุษย์เมื่อมาพบแสงสว่างแล้ว...เราควรวางเป้าหมายชีวิต "ทางธรรม" และ "ทางโลก" อย่างไรดีค่ะ?
เป้าหมายทางธรรม กับ เป้าหมายทางโลก...เป้าหมายใดสำคัญกว่า (ทราบว่าคงเป็นทางธรรม เช่น ถ้าเราวางเป้าหมายทางธรรมไว้ดีและถูกทางแล้ว และไปดำเนินเป้าหมายทางโลก เช่น การศึกษา การงาน...เมื่อเป้าหมายทั้ง 2 ทางดี...นั่นหมายถึง การมีเป้าหมายชีวิตที่ดี)
#2
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 04:55 PM
บางคนพบเร็ว
บางคนพบช้า
บางคนไม่พบเลย(มามืดไปมืด)
บางคนมีคนพยายามช่วยให้พบก็ไม่พบ
...ทั้งนี้นอกจากบุญไม่เท่ากันแล้วนั้น...เพราะอะไรอีก?
ทำไมมนุษย์ส่วนมากต้องมากต้องมาเจอวิบากกรรมหรือทำผิดศีล ฯลฯ ให้วุ่นก่อนที่จะพบกับ "ความจริง" และ "แสงสว่าง" ที่แท้จริงของชีวิต
ธรรมทั้งหลายย่อมเกิดแต่เหตุ ประกอบเหตุไว้เช่นไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้นครับ
คุณ คือ ผู้ลิขิตและออกแบบชีวิต ดังนั้น คุณต้องเป็นผู้เลือกและออกแบบชีวิตให้กับตัวของคุณเองนะครับ ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดในโลกนี้ที่สามารถกำหนดแนวทางในการดำเนินชีวิตให้แก่คุณได้หรอก แต่ตัวของคุณเองนั่นแหละ ที่ต้องเป็นผู้เลือกและก้าวเดินไปบนหนทางนั้นด้วยตัวของคุณเอง คุณจะทำกรรมดี คุณก็ต้องทำด้วยตัวของคุณเอง คุณจะทำกรรมชั่ว คุณก็ต้องทำด้วยตัวของคุณเอง ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดในโลกนี้อาจมาบังคับและบงการคุณได้ ทั้งหมดทั้งปวงอยู่ที่การตัดสินใจของคุณครับ
สำหรับผมแล้ว "โลกและธรรมต้อง ๒oo%" ครับผม
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#3
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 06:58 PM
สำหรับหนุทางโลกและทางธรรม ทั้ง2ค่ะ
นั้นสิค่ะ
#4
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 07:17 PM
ปลูกถั่ว ย่อมเป็นตัว ปลูกงา ย่อมได้งา ค่ะ ประกอบเหตุไง ก็ได้แบบนั้นค่ะ
สำคัญทั้ง 2 อย่างค่ะ การสร้างบารมี ก็ต้องทำควบคู่กันไปทั้ง การศึกษา การงาน ค่ะ
#5
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 07:38 PM
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง
#6
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 10:53 PM
เป้าหมายทางธรรม กับ เป้าหมายทางโลก...เป้าหมายใดสำคัญกว่า (ทราบว่าคงเป็นทางธรรม เช่น ถ้าเราวางเป้าหมายทางธรรมไว้ดีและถูกทางแล้ว และไปดำเนินเป้าหมายทางโลก เช่น การศึกษา การงาน...เมื่อเป้าหมายทั้ง 2 ทางดี...นั่นหมายถึง การมีเป้าหมายชีวิตที่ดี)
ลองศึกษาเรื่องมงคลชีวิต ๓๘ ประการดูนะครับ ผมเริ่มศึกษาตอนเข้าวัดใหม่ ๆ และตอนนี้ก็ยังใช้อยู่
เป้าหมายสูงสุดคือทางธรรม แต่เป้าหมายขั้นต้นคือทางโลก เริ่มต้นจะเรียงจาก การไปคบคนพาล คบบัณฑิต บูชาคนที่ควรบูชา
และ ข้อสุดท้ายก็คือนิพพานนั่นเอง ลองอ่านดูตั้งแต่ข้อแรกไปข้อสุดท้ายอาจจะได้คำตอบนะ
http://www.kmitl.ac....gkol/index.html
#7
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 10:54 AM
ต้องสร้างบารมีแบบสุดๆ ให้เหตุดีเต็มเปี่ยม
ฉะนั้น เราต้องทำชาตินี้ให้ดีที่สุด สร้างบารมีอย่าถอย นั่งธรรมะให้เต็มที่
#8
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 11:44 AM
ขอบคุณคุณทศพลสำหรับข้อมูลค่ะ
#9
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 01:14 PM
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain
#10
โพสต์เมื่อ 25 August 2006 - 03:56 PM
#11
โพสต์เมื่อ 26 August 2006 - 02:34 AM
ทำมาเช่นไรก็ได้ผลเช่นนั้นค่ะ ^^
#12
โพสต์เมื่อ 07 October 2006 - 10:16 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี