ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

จริงแท้แค่ไหนก็ไม่รู้นะคะ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2192 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 01 September 2006 - 01:16 PM

ถาม – เวลาอ่านหนังสือเกี่ยวกับการพยากรณ์ชะตาชีวิตด้วยดวงดาว เขาจะว่าแรงส่งของดวงดาวกำลังให้ผลกับมนุษย์เราอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ทราบว่าพลังดังกล่าวกระทำกับโลกและมนุษย์อย่างไรในเมื่อดาวฤกษ์แต่ละดวงอยู่ห่างออกไปมาก และอยากทราบด้วยว่าจะอธิบายเรื่องแรงส่งของดวงดาวเข้ากับกรรมวิบากได้อย่างไร?
พวกเราตกเข้ามาอยู่ในจักรวาลแห่งความเกี่ยวข้อง ทุกสิ่งทุกอย่างมีแรงส่งถึงกันหมด โดยทางตรงหรือทางอ้อม ตามหลักทั่วไปแล้ว หากขนาดใหญ่และอยู่ใกล้ก็มีอิทธิพลสูง หากขนาดเล็กและอยู่ไกลก็มีอิทธิพลน้อย

อย่างดวงจันทร์ จัดเป็นของใหญ่และอยู่ใกล้โลก สิ่งที่เห็นได้ชัดคือมันสามารถส่งอิทธิพลกับโลกเราทั้งใบในแง่แรงดึงดูด ตำแหน่งใกล้เข้ามาหรือไกลออกไปของมัน อาจเกี่ยวข้องกับน้ำขึ้นน้ำลง และอาจเปลี่ยนคลื่นแม่เหล็กหรือธรรมชาติบางอย่างบนโลกให้แตกต่าง ซึ่งก็ ‘เป็นไปได้’ ที่จะมีผลกับอารมณ์ของพวกเรา

ยกตัวอย่างเช่นนักวิจัยในอเมริกาพบว่าสถิติการฆาตกรรมจะสูงขึ้นเป็นพิเศษในช่วงพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งเรื่องอิทธิพลของพระจันทร์เต็มดวง (Full-moon Effect) เป็นที่ถกเถียงกันมาแสนนานแล้ว ว่าอาจก่อความขัดแย้งทางความรู้สึก ทั้งนี้เพราะโลกเราไปอยู่ตรงกลางระหว่างพระจันทร์กับพระอาทิตย์พอดี

แต่การที่เจาะจงตายตัว ว่าพระอาทิตย์กับพระจันทร์อยู่ตรงข้ามกันแล้วจะก่อให้เกิดอารมณ์แปรปรวนไปในทางร้าย ก็คงไม่เป็นสัจจะสากล เพราะใช่ว่าทุกคนต้องตกเป็นเหยื่อของดวงจันทร์เสมอไป ในคืนจันทร์เต็มดวง บางคนก็ใจดีและเบิกบานสุดๆ ขณะที่บางคนอาจอ่อนไหว ใครพูดผิดหูหน่อยเหมือนจะคลุ้มคลั่ง และที่สำคัญคือในคืนพระจันทร์เต็มดวง ชาวโลกส่วนใหญ่หาได้มีความวิปริตผิดแปลกแต่อย่างใดไม่

ตัวจันทร์เต็มดวงเองจึงมิใช่ดีหรือร้าย ถ้าจะเชื่อว่ามันมีอิทธิพล ก็ต้องดูด้วยว่าใครมีปัจจัยรับผลดี ใครมีปัจจัยรับผลร้าย หรือใครไม่มีปัจจัยรับผลดีร้ายใดๆเลย

กล่าวถึงดวงดาวบ้าง ดวงดาวแม้มีขนาดใหญ่กว่าดวงจันทร์ราวช้างกับมด แต่ก็อยู่ห่างจากโลกไปจนเห็นเหลือเท่าหิ่งห้อยบนฟ้า ดาวดวงใดดวงหนึ่งจึงไม่มีแรงดึงดูดกระทำกับโลกและตัวเราตรงๆ แต่มีส่วนสัมพันธ์ทางอ้อม ในแง่ของการการทำมุมกับแกนโลก ซึ่งเมื่อดาวหลายๆดวงทำมุมกับโลก ก็เท่ากับเป็นการเข้ารหัสชีวิต นับแต่เกิดจนตาย

ทางโหราศาสตร์จึงถือว่าตำแหน่งเวลาที่เราออกมาจากท้องแม่ คือช่วงที่แต่ละคนได้รับรังสีของดาว ณ เวลานั้น กล่าวคือขณะเกิดดาวต่างๆบนท้องฟ้าเป็นอย่างไร พื้นดวงและสีของจิตก็เป็นไปตามกัน หากกรรมดีพามาเกิด ณ ตำแหน่งที่ดาวศุภเคราะห์ประชุมกันให้ผลดี ก็ถือว่าเป็นฤกษ์สวยสว่าง แต่หากกรรมชั่วพามาเกิด ณ ตำแหน่งที่ดาวบาปเคราะห์ลอยรุมเล็งลัคนา ก็ถือว่าเป็นฤกษ์มืดดำ

เมื่อศึกษาโหราศาสตร์ แม้ยังไม่ลงลึกนัก คุณจะพบว่าดวงดาวเป็นตัวแปรได้หลากหลาย ไม่มีอิทธิพลดีร้ายตายตัว เช่นอิทธิพลของราหูนั้น เราจะนึกถึงด้านร้ายกันเป็นหลัก แต่สำหรับบางคนแล้วอาจเป็นคุณอย่างน่าอัศจรรย์ เช่นเป็นผู้มีความสามารถพิเศษเหนือมนุษย์ในการค้นพบนวัตกรรมใหม่ๆ เป็นต้น

กล่าวโดยย่นย่อคือดาวทุกดวงให้คุณได้หมด แล้วก็ให้โทษได้หมด แล้วแต่ว่าดวงไหนโคจรมาแล้วเป็นอริหรือเป็นมิตรกับดาวพื้นชะตาของแต่ละคน คือถ้าเป็นสีที่ขัดกันกับสีดาวของเรา ช่วงนั้นก็มืด เรียกว่า ‘ดวงตก’ แต่ถ้าเป็นสีที่ส่งเสริมกันกับสีดาวของเรา ช่วงนั้นก็สว่าง เรียกว่า ‘ดวงขึ้น’

ในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างโหราศาสตร์กับกรรมวิบาก ก็ต้องมองว่าที่คนๆหนึ่งเกิดภายใต้ฤกษ์ดาวดีดาวร้ายได้นั้น กรรมเก่าแต่ภพก่อนเป็นผู้ส่งมา ที่สำคัญคือการมีชีวิตมนุษย์ถือเป็นโอกาสยิ่งใหญ่ เนื่องจากระหว่างมีชีวิตอาจเลือกทำดีได้แตกต่างไปจากภพก่อน

สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจก็คือกรรมดีคือความสว่าง กรรมชั่วคือความมืด หมายความว่าแม้จะอยู่ในช่วงดวงตก ซึ่งเป็นช่วงมืดของชีวิต เราก็อาจทำกรรมดีสู้ เช่นเดียวกับจุดเทียน หรือตั้งโคมไฟใหญ่ขึ้นทำลายความมืดได้

และด้วยศักยภาพความเป็นมนุษย์ เมื่อเราทำกรรมดีเป็นอาจิณ ปฏิเสธเหยื่อล่อให้ก่อบาปทุกชนิด ก็ถือว่าได้สร้างพื้นชะตาใหม่ สร้างสีของจิตให้ตัวเองใหม่ ซึ่งทางโหราศาสตร์ถือว่าแทบจะเป็นมิตรได้กับดาวทุกดวง ไม่ว่าดวงไหนจะโคจรลงมา ก็กลับร้ายให้กลายเป็นดี หรือเสริมดีให้ดียิ่งๆขึ้นไปอีกได้หมด

สรุปแล้ว ที่หลายคนหลงเข้าใจว่าดวงดาวบันดาลความเป็นไปต่างๆนานาให้กับมนุษย์ทั้งโลก นับว่าผิดพลาดยิ่ง ดวงดาวกลายเป็นแพะรับบาป ตัวส่งพลังกระทำต่อชีวิตมนุษย์นับแต่เกิดจนตาย แท้จริงแล้วคือวิบากอันไหลมาแต่กรรมที่ทำไว้ ทั้งเมื่อวาน เมื่ออาทิตย์ก่อน เมื่อเดือนก่อน เมื่อปีก่อน ตลอดไปจนถึงเมื่อชาติก่อน

พลังการให้ผลของกรรมเก่าจะเข้าคิวก่อนหรือหลัง ก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักกรรม น้ำหนักกรรมชนิดใดเด่นกว่าก็มาก่อน น้ำหนักกรรมชนิดใดด้อยกว่าก็รอคิวต่อไป คิวกรรมเป็นสิ่งที่ถูกถอดรหัสได้โดยวิชาโหราศาสตร์ ช่วงไหนใครโดนราหูครอบจึงใบ้ได้ว่าอะไรๆน่าจะแย่ ความจริงราหูไม่ได้ทำร้ายใคร วิบากไม่ดีของเจ้าตัวต่างหาก ที่แผลงฤทธิ์เข้าให้ตรงกับจังหวะที่โดนวางคิวกรรมไว้

กรรมพาคุณไปเกิดในเวลาที่ควรเกิด ไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่ นั่นก็จัดเป็นแรงส่งของกรรม

กรรมบันดาลให้คุณเป็นมนุษย์เพศนี้ รูปร่างหน้าตาประมาณนี้ ฐานะอย่างนี้ มีความสุขขนาดนี้ สติปัญญาความคิดอ่านเท่านี้ นี่ก็จัดเป็นแรงส่งของกรรม

กรรมตระเตรียมให้คุณประสบกับเรื่องดีเรื่องร้าย น่าหัวเราะบ้าง น่าร้องไห้บ้าง สลับๆกันตามคิวกรรม อย่างนี้ก็จัดเป็นแรงส่งของกรรม

เมื่อเหลือบตาขึ้นฟ้าและพยายามสำเหนียกสัมผัสกับพลังลึกลับของราตรีกาล คุณจะพบแต่ความอ่านยาก ยิ่งศึกษายิ่งสลับซับซ้อนและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่หากเหลือบตาแลสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าและรอบตัวคุณ ที่เห็นว่าธรรมดาๆนี้แหละ ยิ่งศึกษาตามแนวทาง ‘เห็นตามจริง’ ของพระพุทธเจ้า คุณจะพบว่าปมยุ่งเหยิงทั้งหลายคลี่คลายลงเป็นความอ่านง่ายขึ้นเรื่อยๆ

ยกตัวอย่างเช่นถ้ามองดูตามจริง เห็นว่าตัวเองเกิดมาในครอบครัวที่ร้อน และคุณเองก็มีธาตุร้อน ก็ย่อมพยากรณ์ได้ว่าชีวิตเบื้องต้นของคุณคงต้องร้อน และหากไม่พยายามใส่เหตุแห่งความเย็น ในที่สุดเบื้องกลางกับเบื้องปลายของชีวิตคุณก็จะยังคงร้อนอยู่อย่างนั้นไม่เลิกรา

แรงส่งของความร้อนย่อมมิได้มาจากอำนาจของดาวฤกษ์ที่อยู่ไกลโพ้น ทว่ามาจากกรรมอันเจือด้วยโทสะ คิดก็คิดแบบพยาบาทให้ตัวเองหมกมุ่นฟุ้งซ่าน พูดก็พูดแบบเสียดแทงให้คนอื่นเจ็บใจ ทำก็ทำแบบรุนแรงให้ตนเองและคนอื่นบาดเจ็บจากการกระทบกระแทก

แต่หากใช้ชีวิตมาถึงจุดหนึ่ง ได้ศึกษาธรรมะอันเย็น เกิดความสะกิดใจ ใคร่จะได้เกิดสติ ปรารถนาประพฤติธรรมอันเย็น คราวนี้คิดก็คิดแบบเมตตา พูดก็พูดแบบถนอมน้ำใจ ทำก็ทำแบบอ่อนโยน ในที่สุดตัวคุณก็จะแปรจากธาตุไฟเป็นธาตุน้ำ ส่งพลังเย็นบันดาลชีวิตตัวเองให้บังเกิดความร่มเย็นเป็นสุข แม้โหราจารย์บอกว่าราหูครอบ หรือต่อให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นจริงๆตามปากโหราจารย์ วิบากเก่าก็เล่นงานคุณได้แค่กาย ส่วนใจจะไม่ถูกกระทบกระเทือนมากนัก ถ้าเก่งหน่อยอาจถึงขั้นเงียบนิ่งสงบสุขอยู่ในท่ามกลางความว้าวุ่นรอบตัวได้

กรรมเก่าส่งมาเกิดใต้ฤกษ์หนึ่งๆ ดวงดาวเรียงกันเข้ารหัสบอกความน่าจะเป็นของฤกษ์นั้นๆ แต่ไม่ใช่ว่าคุณจะต้องมีอันเป็นไปตามนั้นแน่ๆ ช่วยกันพิสูจน์ให้ชัดตามพระพุทธเจ้าตรัสเถิดครับ ว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม หาใช่สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามดวงดาวแต่อย่างใดเลย


#2 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1423 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 01 September 2006 - 03:57 PM

กรรมที่มนุษย์(และสัตว์ทั้งหลาย)เคยทำมา จะเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตระดับหนึ่ง
เช่น ได้เกิดในตระกูลร่ำรวย ปานกลาง ยากจน อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี-ไม่ดี ต่างๆ กันไป
มีรูปพรรณสัณฐานต่างๆกัน งดงามบ้าง ไม่งดงามบ้าง ตัวใหญ่ ร่างใหญ่-ร่างเล็ก อ้วน-ผอม
มีคุณสมบัติต่างๆกัน ความฉลาดเฉลียว ความสามารถในการเรียนรู้ โอกาสในชีวิต ฯลฯ ก็แตกต่างกัน

รายละอียดในโหราศาสตร์ อาจมีหลายส่วนที่พ้องกับชีวิตของหลายคนที่เกิดในเวลานั้นๆ บ้าง
ศาสตร์โหรา เสมือนเป็นสถิติ แต่ไม่ใช่ชีวิตคนๆนั้นจะต้องเป็นไปเช่นนั้นทั้งหมด

แต่..ชีวิตก็ยังมีโอกาสในการเปลี่ยนแปลงอีกมาก
คือเมื่อเกิดมาสว่าง ก็สามารถไปมืด หรือไปสว่างก็ได้
หรือคนที่เกิดมามืด ก็สามารถเลือกไปมืดหรือไปสว่าง ก็ได้
คือ คนเราสามารถเลือกกระทำกรรมใดๆ ก็ได้ในปัจจุบัน
ถ้าทำกรรมดี ก็ย่อมได้รับผลดี
ถ้าทำกรรมชั่ว ก็ย่อมได้รับผลชั่ว
ใครทำกรรมใดไว้ ย่อมได้รับผลนั้น

บุคคลคนนั้นเองแหละ ที่เป็นผู้ลิขิตชะตาชีวิตของตน มิใช่ใครอื่นมาลิขิตให้
แต่ก็ไม่ควรประมาท เพราะกรรมเก่าที่เป็นวิบากกรรมชั่วอาจมาบั่นทอน หรือตัดรอนชีวิตเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เรื่องกรรมส่งผลนั้นซับซ้อนมาก
ควรรีบทำความดี สร้างบุญให้มากๆไว้ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่

เวลาที่ดีของมนุษย์คือ เวลาที่กระทำดี
เวลาที่ไม่ดีของมนุษย์ ก็คือ เวลาที่กระทำชั่ว
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#3 จริยคุณกุลภัทร์

จริยคุณกุลภัทร์
  • Members
  • 368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 September 2006 - 01:57 PM

ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ปัญญาคน

(อดีตนักพยากรณ์ไพ่ทาโร่)

#4 มองอย่างแมว

มองอย่างแมว
  • Members
  • 722 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:NYC

โพสต์เมื่อ 03 September 2006 - 04:53 PM

คนเราเกิดมาด้วยกฎเดียวครับ "กฎแห่งกรรม"
ไม่มีดาวดวงไหนสามารถมากำหนดชะตาชีวิตอะไรเราได้หรอกครับ
"ฉุดมันเอาไว้ หยุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันรวนเร ต้องหยุดนิ่งสุดใจ หยุดมันเอาไว้ ฉุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันซวนเซ ต้องฉุดให้ใจหยุด"
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)

#5 D_jung

D_jung
  • Members
  • 109 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 September 2006 - 10:53 PM

ชีวิตเราต้องลิขิตเอง

เกิดมาแล้วเป็นอย่างไรก็สู้ไปเถิด

อดทนเถิด จะเกิดผล


#6 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 19 September 2006 - 07:15 PM

เยี่ยมไปเลย
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี