ท่านใดที่จะเข้าไปตอบกระทู้ในพันทิพ ขอความกรุณาดังนี้
#1
โพสต์เมื่อ 02 September 2006 - 10:14 PM
2.ไม่ว่าร้ายใครหรือกระทบกระเทียบเปรียบเปรย เคยเจออยู่หลายท่าน ถ้าทนไม่ไหวจริงๆออกมาจากพันทิพมาดูdmc ดีกว่า
ขอมาต่อพรุ่งนี้นะครับ ท่านใดจะแนะนำอะไรก็เชิญได้เลยครับช่วยๆกัน
#2
โพสต์เมื่อ 02 September 2006 - 11:20 PM
เข้าไปอ่านข้อความเกี่ยวการว่าร้ายหากไม่วางอุเบกขา ย่อมกระทบใจ ถ้ากระทบแล้วไม่คิดต่อยอด ย่อมไม่กระเทือนถึงใจ แต่เราปล่อยให้ทั้งกระทบและกระเทือนสั่นไหวไปทั้งจิตใจ อารมณ์เคือง อารมณ์ไม่พอใจย่อมเกิด ถึงแม้อยากจะอธิบายความดี ความถูกต้อง แต่หากทำไปด้วยอารมณ์ที่ขาดสติ ย่อมไม่เป็นผลดี เห็นๆกันอยู่ว่ามีใครบ้าง หากไม่รู้ตัว กลับไปพิจารณาเอาว่าเราๆ ท่านๆ ทำอะไรกันอยู่ ทำเพื่อเห็นธรรมภายในแน่แล้วหรือ สาธุ
<<>>ศีล <<>> สมาธิ <<>> ปัญญา<<>>
สัมพันธ์ต่อเนื่อง
#3
โพสต์เมื่อ 02 September 2006 - 11:24 PM
เห็นด้วยนะคะ เพราะคติของคนเราแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ การบอกกล่าวอะไรก็ต้องคำนึงถึงพื้นฐานของแต่ละคน บางคนก็มีเหตุผล บางคนก็เปิดใจ แต่บางคนก็ไม่ฟังถ้าเดียวอะค่า ^^
#4
โพสต์เมื่อ 02 September 2006 - 11:47 PM
อันนี้ถ้าทำไม่ได้เขาจะมองว่าเราเป็นพวกเดียรถี แค่บอกว่าเรา"ตั้งใจ"จะทำเช่นนั้นก็พอ แล้วถ้าเขาว่าเรานั่นก็ปัญหาของเขาที่ไม่ชอบผู้ที่ต้องการจะช่วยสรรพสัตว์
ขอเสริมนะคะ นี่เป็นต้นเหตุให้ก่อการทะเลาะวิวาท และประวัติศาสตร์ของคำว่า "พวกธรรมกาย" ก็มาจากการกระทำแบบนี้
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#5
โพสต์เมื่อ 03 September 2006 - 12:02 AM
ตามข้อความข้างล่างนะครับ
ถ้าทำได้แบบนี้ ผมก็สนับสนุนให้ขุนพลผู้นั้นเตรียมลงสู่สนามรบที่บอร์ดพันธุ์ทิพย์ได้เลยครับ แต่สำหรับผู้ที่คิดว่ายังไม่ได้ระดับที่ผมว่ามานี้ อย่าไปเลยจะดีกว่าครับ ไม่งั้นจะเป็นนักรบที่พ่ายศึกแถมความหมองของใจติดกลับมา แล้วก็เป็นการตอกย้ำความเชื่อผิดๆ ของเค้ายิ่งขึ้นนะครับ
แต่อีกอันนึง ที่อยากจะเพิ่มคือ ต้องเป็นคนที่ทนต่อคำพูดต่างๆ ได้
เพราะบางครั้งที่สมาชิกพันธุ์ทิฟโพสทำนองกระทบกระเทียบ แล้วพอเราลงไปแก้ ก็หาว่าเราร้อนตัว อันนี้ก็ต้องวางอุเบกขาในบางครั้ง เพราะคนบางคนชอบเห็นคนเป็นเดือดเป็นร้อน ประมาณว่าเป็นความสนุกของเค้าหรือป่าวไม่ทราบ
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าธาตุไฟเข้าแทรกเมื่อไหร่ คำตอบก็จะขาดความรัดกุม มีช่องโหว่ให้โดนสวน และ คำพูดที่ใช้ในการสื่อลงไปมันฟ้องว่า เรากำลังหงุดหงิดกับคำตอบของเขาน่ะครับ
ถ้ายังไง คนที่คิดจะลงไปลองสนามที่พันธุ์ทิฟ ในเบื้องต้นลองเข้าไปอ่านก่อน ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่าใจนิ่งพอ ไม่รู้สึกธาตุไฟแตกเพราะคำตอบเหล่านั้น ก็พอมีลุ้นครับว่ามีคุณสมบัติพอที่จะไปทำหน้าที่ที่บอร์ดนั้น แต่ถ้ายังรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ลมออกหู ผมว่าอย่าพึ่งไปเลยครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#6
โพสต์เมื่อ 03 September 2006 - 12:07 AM
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain
#7
โพสต์เมื่อ 03 September 2006 - 12:49 AM
ร้อนใจแล้วไม่ดี
#8
โพสต์เมื่อ 03 September 2006 - 02:37 AM
ไม่ใช่รู้ละเอียดหรอกค่ะ
รู้ตามหน้าหนังสือพิมพ์
ไม่ใช่ของจริง
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#9
โพสต์เมื่อ 03 September 2006 - 09:32 AM
ที่เลิกก็เพราะ คิดไปคิดมา ว่า สมมุติ เราอธิบายไป1ข้อ จะมีคนมาโจมตีตอบ 10คน แต่มีคนเข้าใจเพียง1คนและจะเข้าใจยังไงก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คนที่เข้ามาโจมตี ไปอบายแน่ๆ สรุปก็คือ 1กระทู้ ทำไห้คนใจขุ่นเป็นร้อย แต่คนใจใสๆไม่กี่คน อ่านแล้วก็ป่วยการ โจมตีแต่เรื่องเก่าๆทั้งนั้น
อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ แต่ก็ยึดหลักว่า เรื่องพระศาสนาให้เอาอุเบกขาวาง
#10
โพสต์เมื่อ 03 September 2006 - 02:55 PM
#11
โพสต์เมื่อ 03 September 2006 - 03:49 PM
#12
โพสต์เมื่อ 03 September 2006 - 05:13 PM
........................
ท่าน Omena กล่าวได้ตรงประเด็น และตรงกับที่ผมได้พบมา ครับ
แต่ผมมีวิธีการนำเสนอต่อเหล่ากัลยาณมิตร วัดพระธรรมกาย
ที่มีความปราถนาดีต่อสังคม ผมก็จัดอยู่กลุ่มเดียวกับท่าน
ผมมีหลักการที่จะเรียน นำเสนอต่อสาธารณชน ดังนี้ครับ..
..........................................
การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับ สหธรรมิก ที่ไม่ใช่กัลยาณมิตรวัดพระธรรมกาย
การดำเนินของคนเรานั้น การแสดงความเห็นในกระทู้ต่างๆ ทั้งการออกไปเป็นทนายแก้ต่าง
หรือปกป้องวัดพระธรรมกายผมเข้าใจว่าทุกๆท่านมความปราถนาดีต่อวัด
แต่ความปราถนาดีนั้นอาจจะทำให้วัดพระธรรมกาย ตกเป็นจำเลยของสังคมได้..
ถ้าเราไม่มีหลักการครับ หลักที่ว่าของผมนี้ก็คือ "รุกขธรรม"
คุณครูไม่ใหญ่ท่านได้อธิบายให้เราฟัง ผมได้น้อมนำเอามาไว้ในเสียงรอโทรศัพท์ของกระผม
ถ้าใครอยากฟังก็โทรมาที่เบอร์ 06-8452432 นะครับ (ดัง 10 ครั้งฟังจบ)ผมจะไม่รับสายครับ
คนเราจะมีความเจริญ ก้าวหน้านั้น นอกจากจะมีผู้ใหญ่ที่อยู่ในระดับสูง
ดึงเราขึ้นไปข้างบน คนที่เป็นลูกน้อง ช่วยสนับสนุน ดัน ให้เราขึ้นไป ยังไม่พอ
เพื่อนร่วมงานในระดับเดียวกัน หรือ เพื่อนฝูง ต้องคอยช่วยเหลือ
ประคับประคอง เมื่อเราเสียหลักหรือหกล้ม นั่นคือเราต้องมีเพื่อนที่ดีด้วย
เช่นเดียวกัน เมื่อยามที่วัดเราโดนมรสุมเราก็ได้ครูบาอาจารย์ ทั้งเป็นฆราวาส
และที่เป็นทั้งพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ที่เป็นเสาหลักของพระพุทธศาสนา ท่านช่วยเราไว้..
วิธีการสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีที่ดีต่อคนในสังคมอื่นๆที่ยังไม่เข้าใจวัดเรา
โดยแสดงความเห็นในกระทู้ โดยส่วนตัวผมมีหลักการประจำตัวกระผม .ดังนี้ครับ
1. เปิดฉากทักทาย ยิ้มก่อน (ในกระทู้จะมีการ์ตูนแสดงอารมณ์)
และตั้งจิตให้มั่นคงลดทิฐิ ของตัวเราลกงหรือไม่ให้มียิ่งดีครับ
2. มีความจริงใจ (ใจใสๆๆ ใส ใน ใส ใน ใส ) ต่อเพื่อนในเวบบอร์ดครับ
3. ไม่ยกตนข่มท่านในเวบบอร์ด ไม่อวดอ้างสรรพคุณภูมิรู้ภูมิธรรม
ของตนเองเพื่อนแม้ว่าจะเป็นที่ถูกใจของ คนที่มาตอบกระทู้บางคน ครับ
4. ไม่จ้องจับผิด หรือแสดงออกในลักษณะที่ โยนความผิดให้เพื่อน ที่ยังไม่เข้าใจ (คนที่ด่าวัด)
5. ยกย่องชมเชยคนเวบบอร์ด ที่มีความเห็นดีๆ ในโอกาสอันควร(ชมมากกว่าติ) (ประมาณว่าหาพรรค+พวก ไว้มากๆ)
6. ให้ความช่วยเหลือกิจการงานของเพื่อน ที่ไม่ใช่คนวัดพระธรรมกายด้วยความเต็มใจ
7. ให้เพื่อนสหธรรมิกที่แตกต่างทางความคิด
และแนวมโนปณิธานรับทราบเรื่องที่เขารับผิดชอบหรือเกี่ยวข้อง กับเรา หรือกับเขา หรือกับ คนอื่นๆ
8. หลีกเลี่ยงการทำตัวเหนือเพื่อน เช่นใช้คำพูดที่แข็งๆ ทื่อๆ เจือด้วยอคติ 4
9. ทำตนให้เสมอต้นเสมอปลาย ในการตั้งกระทู้ และตอบกระทู้
10. เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนฝูง ที่ไม่ใช่คนวัด และทุกๆศาสนา (ผมก็มีเพื่อนสนิทที่เป็นอิสลาม ท่านเป็นถึงรองศาสตราจารย์)
11. ออกไปพบปะสังสรรค์บ้างตามโอกาสอันควร
(เคยมีคนมาต่อว่าคนวัดเรานะครับ ว่าเวลาบอกบุญเสนอมาดีนัก แต่เวลาเขามีงานให้ช่วยหายหัวเลย)
12. ช่วยเหลือเพื่อน เป็นที่พึ่งแก่เพื่อนยามทุกข์ร้อน เช่นช่วยประนีประนอมคนในกระทู้ให้ใจเย็นๆลง ผ่อนคลาย สบายๆๆ
13. ให้เกียรติและรับฟังความคิดเห็นของเพื่อน ที่แตกต่างด้านแนวคิด
การโต้แย้งถ้าเขาออกอาการที่จะมีโทสะเจือโมหะ เรารีบขอโทษก่อนเลย ให้เขาเย็นลง เราก็ได้บุญ
14. เก็บความลับของเพื่อนในเวบบอร์ด (ถ้ากำความลับเขาไว้นะครับ มักจะพบในศาลาคนเศร้า หรือ ในห้องหลายห้องในพันธ์ทิพย์)
รักษาสัจจะ วาจาให้มั่นคง
15. แนะนำเพื่อนไปในทางที่ดี ไม่พาไปสู่ทางเสื่อม เช่นชวนไปนั่งสมาธิ ที่ไม่ใช่วัดพระธรรมกาย เช่นวัดสังฆทาน นนทบุรี ค่อยๆ ใช้ทฤษฎีป่าล้อมเมือง พอเขาใจเปิดสว่าง ค่อยพามาวัด ก็จะเป็นทางออกทางหนึ่ง ครับ
ที่จริงมีอีกเยอะ แต่ผมเมื่อยมือ ขอแค่นี้ก่อนนะครับ
................................
(ต่อ) 16.เมื่อมีบุคคลในบอร์ด สนทนาโดยเพ่งโทษหรือกล่าวหาเรา ก็อย่าเพิ่งไปโต้ตอบให้ฟังความเห็นของบุคคลนั้น แล้วฟังอย่างใจเป็นกลาง รับฟังบุคคลนั้น 5 ประโยค และตอบไปในลักษณะปฎิสัมพันธ์ที่สนับสนุนแนวคิดบุคคลนั้น 60 % แล้วแทรกแนวคิดเรา 40 % ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆสถาณการณ์ในการที่จะแนะนำบุคคลนั้นให้เข้าสู่แนวทางการแสวงบุญ โดยการสนทนาธรรมนั้นเป็นเรื่อง ไม่ยากเกินวิสัย ครับ ดูแนวทางองค์พระศาสดาของเราที่ท่านได้วางแนวทางไว้ในกรณี ขององค์คุลีมาร ครับ
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#13
โพสต์เมื่อ 03 September 2006 - 05:33 PM
--------------------------------------------------------------
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#14
โพสต์เมื่อ 03 September 2006 - 07:57 PM
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain
#15
โพสต์เมื่อ 03 September 2006 - 10:28 PM
บางครั้งก็รู้สึกเหนื่อยใจนะ แต่ใครที่พอจะคุยได้ก็ดี เราอธิบายแล้วเขาอ่านเขารับฟัง ก็พอได้
ส่วนใครในเวบนั้นที่รู้สึกว่าพูดไม่รู้เรื่อง โต้ไปโต้มาโดยไม่พิจารณา แรงกันอย่างเดียว ก็ขอ"บาย"ไปก่อน
ป.ล. ถ้าพี่เถลิงเกียรติหายเมื่อยมือแล้ว มาเขียนต่อนะ
#16
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 07:42 AM
#17
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 08:52 AM
แล้วก็มีการมาดึงข้อมูลจาก dmc.tv ไปเป็นประเด็นทุกวัน แบบเยาะเย้ย เช่น นี่เหรอพวกวัดพระธรรมกาย เค้าทำกันอย่างนี้เหรอ เห็นเค้าทำอย่างนั้นแล้วก็อดทนไม่ได้ ตอนนี้ก็เลยไม่รู้ว่า บางคนเข้ามาตั้งคำถามที่นี่เพื่ออะไรกันแน่
#18
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 09:47 AM
#19
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 09:52 AM
การเขียนจะแสดงความรักความปรารถนาดีกับเพื่อนร่วมโลก
แล้วจะค่อยแสดงความคิดเห็นโต้แย้ง
สุดท้ายจะชวนให้ทุกคนสามัคคี
มีแต่ความหวังดีและจริงใจ
และไม่หวังผลตอบแทน
เมื่อมีสิ่งเร้ามากระทบเลยไม่เจ็บปวด
จะใช้คำสุภาพมีเหตุผล
เคยมีหลายครั้งที่คำโต้ตอบของเขาหยุดชะงักไป
เพราะเรามีเหตุผลอยู่บนหลักของความเป็นจริง
เราต้องช่วยกันเป็นทนายแก้ต่างให้วัดค่ะ
เราต้องเป็นกัลยาณมิตรให้แก่เพื่อนร่วมโลกค่ะ
ขอให้ทุกคนมีสันติสุขในใจ
#20
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 10:12 AM
#21
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 10:48 AM
#22
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 11:04 AM
คงต้องชั่งนำหนัก และประเมินตัวเองก่อนว่า พร้อมเข้าไปหรือยัง
#23
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 11:04 AM
บางคนเค้าตั้งกระทู้ถามเพราะ
1. ไม่รู้ และอยากรู้จริงๆ .... ถามด้วยความจริงใจ และพร้อมที่จะรับฟังด้วยเหตุผล เหมือนแก้วที่น้ำไม่เต็มแก้ว แต่ๆๆๆๆๆๆ เท่าที่เจอ พบน้อยในเวบนั้นครับ
2. ถามเพราะ .... อยากอวดภูมิตนเอง ในใจเค้ามีคำตอบจากความเชื่อ ความเข้าใจของเค้าอยู่แล้ว คนกลุ่มนี้ไม่มีประโยชน์ที่เราจะไปตอบ หรือ อธิบายเหตุผลกับเค้า วันๆคนเหล่านี้ก็คิดเอง เออเอง เราบุญบารมียังไม่มากพอ ถอยดีกว่าครับ
ดังนั้นเวลา สติปัญญา บารมี เราเองยังมีจำกัด สู้เอาเวลาไปให้กับคนที่ เค้าเหมือนน้ำไม่เต้มแก้ว มีเหตุผล มีบุญพอที่จะรับธรรมะดีๆ ดีกว่าครับ เราเข้าไปแล้วยังไม่แน่พอ กลับมาจะขุ่นมัวเปล่าๆ เค้าเองก็ไม่ได้อะไรกลับไป ได้แต่บาปกลับไปด้วย แทนที่เราจะเอาบุญไปให้เค้า เค้ากลับได้บาปไปแทน ปล่อยเค้าดีกว่าครับ ยังมีคนอีกมากมายในโลกรอเราอยู่นะครับ ยังไงก็ขออนุโมทนาบุญในความเมตตา กรุณา และความตั้งใจเป้นทนายแก้ต่างให้วิชชาธรรมกาย ของทุกๆท่านด้วยนะครับ
#24
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 11:06 AM
เพราะเว็บเราสะอาด คนกลางของเขาก้ไม่ได้ว่าอะไรเรา มีแต่คนที่ไม่ชอบเราเท่านั้นล่ะค่ะ
สบายใจได้ คนที่เข้าใจการใช้เหตุผลเขาก็ค่อยๆดูกันค่ะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#25
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 03:17 PM
#26
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 06:03 PM
บางคนเค้าตั้งกระทู้ถามเพราะ
ส่วนผมมีข้อสังเกตุกับการตั้งกระทู้หรือตอบกระทู้ของ คนทั่วไปดังนี้ครับ
1) บางคน ย่อมถามปัญหาเพราะยังมีโมหะ (ความไม่รู้) และความไม่เข้าใจ ในประเด็นนั้น
2) บางคน มีความปรารถนาลามก เกิดความอยากได้ ระบายทางจิต จึงถามปัญหา
3) บางคน ย่อมถามปัญหา ด้วยต้องการอวดเด่น ข่มเขา อวดภูมิรู้ แสดงออกทางจิตที่ต้องการให้ คนอื่นชมเชย
4) บางคน ย่อมถามปัญหาด้วยประสงค์จะรู้ ในปัญหานั้นจริงๆ
5) บางคน ย่อมถามปัญหาด้วยมีความดำริว่า
เมื่อเราถามแล้ว ถ้าเขาตอบได้ถูกต้องก็เป็นการดี
แต่ถ้าเราถามแล้ว เขาตอบไม่ถูกต้อง เราจะได้ช่วยแก้ไขให้ถูกต้อง"
ก็คงจะแบ่งกลุ่มได้เท่านี้ ส่วนจะจัดสรรคำถามคำตอบใดเข้ากับกลุ่มใด
ก็ใช้วิจารณ+ญาณ ดูกันเอาเองครับ
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#27
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 07:13 PM
มงคลข้อที่ ๔ อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม-
http://www.kalyanami...ownload.php?n=4
#28
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 11:37 PM
#29
โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 06:22 AM
แต่จะติดตามการตอบกระทู้
ของพี่ๆ น้องๆ จากเว็ป dmc
เพราะบางครั้งทำให้ได้ข้อคิด
ต่างๆ และแนวทางเพิ่มเติม
ในการตอบคำถามแก่บุคคล
ที่ยังไม่เข้าใจวัด ได้ดียิ่งขึ้น
ขอเป็นกำลังใจสำหรับท่าน
นักรบทุกท่านครับ
#30
โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 11:08 AM