ถือศีล8 จะเรียนร้องเพลงได้ไหม
#1
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 12:49 PM
แต่ว่าเวลาไปเรียนร้องเพลงที่เค้าสอนเป็นโรงเรียน ก็ต้องร้องเพลงทางโลกด้วย
มีเพลงรัก เหงา เศร้า อกหัก สนุกสนาน (คือไม่ใช่ว่าเราจะร้องแต่เพลงวัดได้)
เลยไม่ทราบว่า ถ้าเรารักษาศีล 8 อยู่เนี่ย แล้วห้ามไปเรียนร้องเพลงด้วยหรือเปล่านะ???
#2
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 01:01 PM
"เว้นจากการฟ้อนรำ, การขับเพลง, การดนตรี,"
๑) ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท เว้นจากการฆ่า)
๒) อทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท เว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้)
๓) อะพรัมมะจะริยา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท เว้นจากการกระทำอันมิใช่พรหมจรรย์)
๔) มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท เว้นจากการพูดไม่จริง)
๕) สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท เว้นจากการดื่มสุราเมรัยและสิ่งเสพติด อันเป็นที่ตั้งของความประมาท)
๖) วิกาละโภชนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท เว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล)
๗) นัจจะ คีตะ วาทิตะ วิสูกะทัสสะนะ มาลาคันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ มัณฑะนะ, วิภูสะนัฏฐานา
เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท เว้นจากการฟ้อนรำ, การขับเพลง, การดนตรี,
การดูการละเล่นชนิดเป็นข้าศึกต่อกุศล, การทัดทรงสวมใส่, การประดับ
การตกแต่งด้วยพวงมาลา ด้วยเครื่องกลิ่นและเครื่องผัดทา)
๘) อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท เว้นจากการนั่งนอนบนที่นอนสูงและที่นอนใหญ่)
อิมานิ อัฏฐะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ (๓ ครั้ง)
#3
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 01:07 PM
วันที่ถือศีล 8 ก็ไม่ร้องเพลง
#4
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 01:45 PM
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain
#5
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 01:48 PM
แล้วตอนเรียน ก็ต้องร้องเพลงรักๆใคร่ๆ แต่ใจเราไม่ได้คล้อย อินไปตามเนื้อหาของเพลง เรียนไปเืพื่อเป้าหมายคือต้องการช่วยงานพระพุทธศาสนาหรืออะไรแบบนี้ ก็คิดว่า ไม่น่าจะผิดนะคะ ดูที่เจตนาเป็นหลัก
แต่ส่วนใหญ่แล้ว การเรียนร้องเพลง ก็ต้องทำท่าทางประกอบ ใส่อารมณ์ไปตามเนื้อเพลง ตามที่นักแต่งเพลงได้ถอดอารมณ์ออกมาไว้ในตัวโน้ต คำร้อง แบบนี้ ก็คงผิดล่ะค่ะ ทางที่ดี ปลอดภัยไ้ว้ดีกว่าก็ศีลห้าวันร้องเพลงชัวร์ที่สุดนะคะ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#6
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 04:30 PM
แต่ถ้าร้องเพื่อนำมารับใช้พระศาสนา ดิฉันคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรค่ะ แต่คงไม่บริสุทธิ์บริบูรณ์ 100 %
#7
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 06:12 PM
6.วิกาละโภชนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ มีไว้เพื่อตัดเสบียงกาม ไม่ให้อาหารส่วนเกินที่เรารับเข้าไปในแต่ละวัน ไปเป็นพลังกระตุ้นกามลาคะในใจเราให้ลุกโชนได้ อีกประการคืออย่างที่ทุกท่านทราบเมื่อท้องอิ่มหนังตาก็เริ่มย่อน นั่นก็คืออาหารส่วนเกินเป็นเครื่องกระตุ้นนิสัยขี้เกียจของเราน่ะครับ
7.นัจจะ คีตะ วาทิตะ วิสูกะทัสสะนะ มาลาคันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ มัณฑะนะ, วิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ เนื่องจากนับตั้งแต่สมัยพุทธกาล ศิลปะฟ้อนรำหรือขับร้องนั้น จะเน้นหนักไปทางสรีระของผู้หญิง และจะเกี่ยวข้องกับเรื่องรักๆใคร่ๆ ซึ่งหากใครเคยดูหนังอินเดีย หรือเอาง่ายๆดท่านใดที่เคยดูมิวสิคของนักร้องหญิงคนดังของเรา ท.ท.ย. คงจะเข้าใจในข้อนี้ ดังนั้นการมีศีลข้อนี้จึงเป็นการจำกัดไม่ให้ใจเราเตลิดไปกับเรื่องนี้และเพื่อจำกัดไม่ให้กามราคะของเรากำเริบขึ้นมา
8. อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ข้อนี้หากใครได้นอนที่นอนนุ่มๆหรือฝูกใหญ่ๆคงจะทราบดี เมื่อที่นอนนุ่มแน่นอน ตื่นเช้าเราก็ไม่อยากลุก เมื่อไม่อยากลุกนั่นก็หมายความว่าเราเริ่มเพาะนิสัยขี้เกียจ และนะปัจจุบันนี้มีที่นอนแบบที่ได้สัมผัสแบบที่ทำให้กามราคะกำเริบ ดังนั้นศีลข้อนี้ก็จำกัดในเรื่องนี้อีกเช่นกัน
จะเห็นได้ว่าศีล3ข้อที่เพิ่มขึ้นมาในศีล8นี้ จะเป็นไปเพื่อการตัดเสบียงที่ก่อให้เกิดกามราคะ เพราะฉนั้น ในสติปัญญาอันน้อยนิดของผม หากน้องเจ้าของกระทู้ต้องเรียนเพราะจำเป็นจริงๆ โดยไม่มีใจหมกมุ่นในเรื่องกามราคะ และเรียนเพื่อประโยชนอย่างที่คุณฟ้าร้างได้กล่าวมาแล้วล่ะก็ พี่ว่าคงไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#8
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 06:33 PM
แล้วตอนเรียน ก็ต้องร้องเพลงรักๆใคร่ๆ แต่ใจเราไม่ได้คล้อย อินไปตามเนื้อหาของเพลง เรียนไปเืพื่อเป้าหมายคือต้องการช่วยงานพระพุทธศาสนาหรืออะไรแบบนี้ ก็คิดว่า ไม่น่าจะผิดนะคะ ดูที่เจตนาเป็นหลัก
..................
ผมเห็นด้วยกับความเห็นของคุณฟ้าร้างครับ
เพราะโลกเราเป็นไปแบบพลวัต (Dynamic) อะไรที่เป็นไปเพื่อทำให้สังคมโดยรวมดีขึ้น
โดยไม่ขัดกับแม่บทของพระธรรมวินัย มากนักก็อาจจะทำได้ ปรึกษาพระอาจารย์ดูครับ
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#9
โพสต์เมื่อ 04 September 2006 - 09:29 PM
จะได้เรียนกับครูแกรมมี่
แต่ก็ตัดใจ เพราะเลือกที่จะรักษาศีลดีกว่า
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#10
โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 12:33 AM
โดยเฉพาะเพลงทางโลกแล้วยิ่งไม่ได้เลย เพราะการร้องเพลงเราต้องเอาจิตใจเราเข้าไปเป็น
เข้าไปสัมผัสอารมณ์นั้นๆด้วย จึงจะร้องเพลงออกมาได้ถูกกับอารมณ์และเนื้อหาของเพลง
ฉะนั้นใจเราหลุดจากศีล 8 แน่นอนค่ะ
และถ้าเป็นเพลงทางโลกที่เกี่ยวกับชู้สาว ที่เป็นการแย่งชิงคนที่มีเจ้าของแล้ว
หากร้องก็จะทำให้ศีล 5 เสื่อมลงด้วยค่ะ เพราะเป็นมโนกรรมอย่างหนึ่ง
ถึงไม่ได้ได้ติดวิบากตรงๆ เพราะไม่ใช่เราจะไปทำเอง แต่ก็ถือว่าใจเราต้องรู้สึกไปตามนั้นเวลาร้อง
แต่ด้วยอารมณ์ที่เราร้อง จะไปดึงเอาวิบากเก่าที่เราเคยทำในทำนองนั้นให้เข้ามาใกล้ขึ้น
ถือเป็นการเติมบาปเวรที่เป็นกายกรรมเคยก่อไว้จริงๆ ในชาติก่อนๆ โดยทางจิต
แล้วสิ่งที่ตามมาคือ ตบะเราจะหย่อนลง ความเห็นจำคิดรู้ที่จะสร้างบารมีก็จะอ่อนตัว
มันจะได้ช่องส่งผังวิบากเข้ามาตัดรอนจิตใจของเรา ให้ออกห่างจากการสร้างบารมีได้ค่ะ
หากว่าตัดใจในการร้องเพลงไม่ได้ซะทีเดียว เป็นนิสัยแห่งสุนทรียภาพติดตัว
ขอให้พยายามที่จะฝึกร้องเพลงของทางวัด ซึ่งมีเนื้อหาเป็นความเมตตา การสร้างบารมีค่ะ
เช่นเพลงดอกไม้แห่งจักรวาล องค์พระผุดขึ้นเป็นสาย... ฯลฯ ที่เพราะๆ
แต่ถ้าใจนิ่งดีก็พยายามงดนะคะ
พี่ประสบปัญหาตั้งแต่ปี 39 พระอาจารย์ท่านบอกให้งดการฟังและร้องเพลงทางโลก แล้วที่เราฝึกมาไปทำอะไร
มันเหมือนกับเฉือนเอาเนื้อตัวเองออก เพราะในตอนนั้นการร้องเพลงทำให้เราฟื้นสุนทรียภาพทางอารมณ์
ทำใจยากมาก เมื่อฝึกไม่ร้องก็จะรู้สึกหดหู่ เหมือนคนติดยา ว่าจะทำใจได้ก็หลายปีจนแก่ตัวมานี่แหละ
เดี๋ยวนี้มีร้องตามบ้างแต่เป็นเพลงที่ใสๆ และพยายามไม่ร้อง ฝึกที่จะได้รับสุนทรียภาพด้วยการนั่งสมาธิแทนค่ะ
และสิ่งที่ประสบกับตนเองคือ เมื่อยิ่งจิตนิ่งสงบ ตรึกองค์พระบ่อยๆ ลมหายใจละเอียดและเป็นกุศล
พลังเสียงของเราที่ฝึกมาก็จะไม่สั่น ยาวขึ้น กำลังเสียงแน่นขึ้น ผลักเสียงให้ขึ้นลง อ่อนแข็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นึกอารมณ์ตามเพลงได้ชัดขึ้น ทำให้ส่งพลังเสียงออกมาเต็มที่ ดึงใจคนได้มากขึ้นด้วยกำลังสมาธิจิต
ใช่ค่ะการนอนเยอะๆ แล้วเสียงถึงจะดี แต่ถ้าช่วงไหนนอนไม่พอ เสียงก็จะเสื่อมประสิทธิภาพลง
แต่ถ้าเราฝึกตรึกองค์พระ รักษาจิตให้นิ่ง แผ่เมตตาบ่อยๆ เสียงเราจะดีตลอดไปเลยค่ะ
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#11
โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 02:04 PM
#12
โพสต์เมื่อ 06 September 2006 - 09:06 AM
#13
โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 07:28 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#14
โพสต์เมื่อ 24 September 2006 - 09:05 PM
วันที่ถือศีล 8 ก็ไม่ร้องเพลง
คิดได้ไง แต่ก็เป็นทางออกอีกแบบหนึ่งครับ
ต้องถึงธรรมอย่างเสบย แน่แท้
ให้ทำอย่างที่เคย สอนสั่ง
นั่ง บ่ มีข้อแม้ จักได้ธรรมครอง
สุนทรพ่อ
มาร่วมกันสร้างสันติสุขให้กับโลกกันเถอะ