ความเอ๋ย ความเกิด
จงดูเถิด ยากเข็ญ เป็นไหนฯ
เจ็บปวดทั้ง แม่ลูก เหมือนถูกไฟ
เพื่ออะไร กันแน่ ลองแก้มา
เกิดเพื่อกิน เพื่อเล่น หรือเพื่อหลับ
หรือเพื่อรับ มรดก กระมังหนา?
หรือเกิดเพียง เพื่อเติบโต เช่น โค, ลา
ส่วนตูว่า เกิดเพื่อก่อ บ่อบุญเอย
ความเอ๋ย ความเติบโต
ถึงม้าโค ก็รู้เติบ เขยิบได้
อันเติบกาย เติบง่าย กว่าเติบใจ
กินเข้าไป ก็เติบได้ ไม่ต้องกลัว
ส่วนเติบใจ เติบยาก ลำบากนัก
มีแต่มัก แฟบไป เพราะใจชั่ว
ปรนแต่กาย ใจก็ตาย ไปจากตัว
ไยจะมัว เติบกาย ขายหน้าเอย!
ความเอ๋ย ความหนุ่ม
เหมือนไฟสุ่ม ขอนไม้ ไม่เห็นแสง
แต่ที่แท้ ความร้อน ระอุแรง
ถูกศรแผลง คลุ้มคลั่ง ขังอยู่ใน
ล่วงละเมิด ศีลธรรม ทำกรรมชั่ว
นั่นจะมัว บ้าตะบึง ไปถึงไหน
โอ้!ความหนุ่ม! หนุ่มเช่นนี้ ดีอะไร?
ต่เมื่อใด เย็นซึ้ง จึ่งดีเอย
ความเอ๋ย ความสาว
เหมือนไฟวาว แวบไหว ให้เห็นแสง
คือเฝ้าแต่ง ไปท่าเดียว ทั้งเขียวแดง
ตั้งหน้าแข่ง กันจริงๆ กว่าสิ่งใด
ถึงงามรูป งามทรัพย์ และงามวิทย์
ไม่สนิท เหมือนงามธรรม จรรยาได้
หรือธรรมชาติ สร้างเพื่อ ตกแต่งไป
จะหยุดได้ ต่อแก่เฒ่า หรือเจ้าเอย!
ความเอ๋ย ความสุข
ใครๆ ทุก คนชอบเจ้า เฝ้าวิ่งหา
"แกก็สุข ฉันก็สุข ทุกเวลา"
แต่ดูหน้า ตาแห้ง ยังแคลงใจ
ถ้าเราเผา ตัวตัณหา ก็น่าจะ "สุข"
ถ้ามันเผา เราก็ "สุก" หรือเกรียมได้
เขาว่า "สุข! สุขเน้อ!!" อย่าเห่อไป
มันสุขเย็น หรือสุกไหม้ ให้แน่เอย
ความเอ๋ย ความทุกข์โศก
ของมีอยู่ คู่โลก อย่าสงสัย
ยังหลงมัว "ตัวตน" อยู่กลใด
เป็นต้องได้ โศกแน่ แม้แต่ลอง
ทุกสิ่งสรรพ เกิดดับ อยู่ตามธรรม
ใจเจ้ากรรม เข้ารับเอา เป็นเจ้าของ
ต้องพลอยเข็ญ พลอยขุก ทุกทำนอง
แล้วแต่ของ ของ "ตน" เป็น เช่นไรเอย
ความเอ๋ย ความเจ็บไข้
มันมีไว้ ทุกข์กันเล่น เช่นนั้นหรือ?
อ๋อ!มิใช่, มีไว้ เพื่อฝึกบรือ
ให้รีบรื้อ ความรู้ ขึ้นสู่ตน
คืออย่าง่าน นานๆ ผ่านมาครั้ง
คิดดูมั่ง วันสบาย มากหลายหน
ถ้ามิชอบ แก่เจ็บตาย และว่ายวน
จงรีบค้น พระนิพพาน อย่าคร้านเอย
ความเอ๋ย ความแก่
เป็นเพื่อนแท้ ของความตาย ไม่หน่ายหนี
เมื่อความแก่ ล่วงกาล มานานปี
ก็มอบเวน หน้าที่ ให้ความตาย
ไม่ยกเว้น ใครๆ ไม่ลำเอียง
มิให้ใคร หลีกเลี่ยง หรือเถียงได้
เพราะฉะนั้น เราท่าน ทั้งหญิงชาย
รีบทำดี ก่อนตาย ให้มากเอย
ความเอ๋ย ความรู้สึก
ได้สำนึ เมื่อใกล้- ตายนี่หนอ
เวลาเหลือ น้อยกระไร แทบไม่พอ
มัวรีรอ เห็นจะแย่ แน่ละเรา
ทำอย่างใด ใจเย็น แสนจะเย็น
ต้องรีบเฟ้น ใส่ตัว ไม่มัวเขลา
พบให้ได้ ก่อนตาย ไม่ตายเปล่า
ไม่เกิดเปล่า เปลืองเปล่า นะเราเอย
ความเอ๋ย ความตาย
สิ้นชื่อหาย เพราะไม่มี ความดีเหลือ
คือตายเน่า ตายหนอน เป็นบ่อนเบือ
น่าเหม็นเบื่อ ตายเช่นนี้ ดีอะไร?
ถ้าตัวตาย ไว้ลาย ให้โลกเห็น
ก็เหมือนเป็น อยู่คู่หล้า อย่าสงสัย
ตายแต่เปลือก เยื่อในอยู่ คู่โลกไป
เป็นประโยชน์ แก่ใครๆ ไม่สิ้นเอย
คัดจาก ดอกสร้อยแสดงธรรม
24 ฉากของชีวิต ของสิริวยาส