ข้อสังเกต
#1
โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 11:56 PM
และก็จะเอาลิ้งวัดให้เค้าดู
เท่าที่สังเกตส่วนใหญ่เค้าจะเปิดดูแล้วก็ดูผ่านไปไม่ได้สนใจอะไร
ทั้งที่ผมก็อธิบายข้อดีของการนั่งสมาธิให้เค้าฟังแล้วและก็แนะนำศูนย์ปฏิบัติธรรมที่อยู่ใกล้บ้านเค้าให้ด้วย
แต่เค้าก็ยังไม่ได้สนใจมาก
คล้ายกับว่ามันไม่มีเหตุให้เค้านั่งสมาธิ
เหมือนกับว่าต้องรอให้เค้ามีเรื่องทุกข์ใจก่อนถึงจะสนใจ
ขอท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะประสบการณ์ในการแนะนำชาวต่างชาติด้วยครับ
#2
โพสต์เมื่อ 06 September 2006 - 01:35 AM
การไปแนะนำให้เว็บยังไม่ถูกต้อง
เราต้องแนะนำเขาเอง แต่ก่อนจะแนะต้องให้สนิทกันก่อนค่ะ
เรื่องสมาธิน่ะ พี่ต้นยังต้องเรียนรู้อีกเยอะค่ะ ก็แนะนำตามที่เข้าใจ แต่เราก็ต้องทำได้ตามที่แนะเขาด้วย
คือพี่ต้นก็ต้องนั่งทุกวัน ไม่ขาด นั่งให้ตัวหายใจเบาสบายเป็นอย่างน้อย ถึงจะไปสอนเขาได้ค่ะ
เอาคุณครูไม่ใหญ่เป็นต้นแบบสิคะ ท่านสอนตัวเองมากกว่าสอนผู้อื่นอีก
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#3
โพสต์เมื่อ 06 September 2006 - 08:58 AM
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain
#4
โพสต์เมื่อ 06 September 2006 - 09:04 AM
สมาธิจะเป็นคำตอบนั้นให้แก่เขาได้ครับ แค่บอกให้เค้ารู้ว่ามีสิ่งที่ดีขนาดนี้ ก็อนุโมทนาบุญแล้วครับ เด๊วบุญในตัวเขาก็จะคอยชิงช่วงเอง
สู้ต่อไปครับ
#5
โพสต์เมื่อ 06 September 2006 - 09:15 AM
#6
โพสต์เมื่อ 06 September 2006 - 09:28 AM
ต้องทำความรู้จักเค้าว่า เค้านิสัยเป็นไง backgroundมายังไง ชอบ-ไม่ชอบอะไร
แล้วตรงจุดไหนที่เราน่าจะเริ่มจุดประกายให้เค้า
#7
โพสต์เมื่อ 06 September 2006 - 09:38 AM
ง่ายๆก็คือ อย่างผมเคยชวนเพื่อนมาวัด ก็บอกว่า มาเที่ยวมาเดินเล่น (สาวๆที่วัดสวยๆทั้งนั้น) เคยชวนป้าคนหนึ่ง ชอบเล่นหวยมาก ก็บอกว่า มาทำบุญนั่งสมาธิแล้ว จะมีโชคลาภ ชวนเพื่อนสาวให้หัดนั่งสมาธิ เพราะจะทำให้ผิวพรรณวรรณะสดใส สวยขึ้นงามขึ้น คนที่มีโรคประจำตัวก็ชวนให้นั่งสมาธิ รักษาหาย อะไรเทือกนี้เป็นต้นครับ สุดแล้วจะลองประยุกต์เอานะครับ
#8
โพสต์เมื่อ 06 September 2006 - 11:22 AM
เพราะเค้าคิดว่ามัน amazing เป็นอะไรที่เขาไม่เคยเจอ
เท่าที่รู้จัก พวกอเมริกันส่วนใหญ่จะคิดว่าอะไรที่เกี่ยวกับประเทศไทยจะเป็นอะไรที่ศิวิไลมากๆ
มีอยู่คนนึงที่เค้าคิดว่าวัฒนธรรมไทยเป็นสิ่งที่งดงามตระการตา เค้าบอกว่าประชากรประเทศเขากำลังย่ำแย่
เขาอยากจะมาเมืองไทย
ส่วนใหญ่เค้าจะสนใจกันยกเว้นแต่พวกที่เหยียดสีผิว
#9
โพสต์เมื่อ 06 September 2006 - 11:42 AM
อยากให้ลองสังเกตุเวลาผู้ชายจีบผู้หญิง ในรูปแบบไหนจะจีบติดมากกว่ากัน ระหว่างค่อยๆเข้าไปตีสนิท ทำความรู้จักเขาทีละนิด ค่อยๆปล่อยหมัดแยปไปก่อน ให้เขาเชื่อมั่นหรือตายใจก่อน แล้วค่อยปล่อยหมัดเด็ดน็อคหัวใจฝ่ายหญิง กับ การที่เราจู่ๆเข้าไปพูดปั้งใส่เขา ปล่อยมัดเด็ดใส่เขาเลย เช่น นี่คุณผมชอบคุณนะ คิดว่าแบบไหนจะจีบสาวติดง่ายกว่ากันครับ หุหุ หากเราค่อยๆเข้าไปตีสนิท ทำความรู้จักเขาทีละนิดผู้หญิงก็จะค่อยๆให้ความไว้เนื้อเชื่อใจเราทีละน้อย แต่ถ้าหากเราพรวดพราดเข้าไป ปล่อยมัดเด็ดเลย ผู้หญิงจะงงเหมือนถูกน๊อค เอ๊ะหมอนี่มันใครกัน ประสาทหรือเปล่า จริงไหมครับ
การเชิญชวนคนเข้าวัดก็เหมือนกัน หากเราค่อยๆเซิฟๆเขาไปก่อนอย่างเช่นว่าจะชวนเขานั่งสมาธิเราก็เซิฟๆถามเขาไปก่อนว่า งานการที่คุณทำเครียดมากไหม คุณมีปัญหาเกี่ยวกับการตัดสินใจเรื่องงานหรือเปล่า ค่อยๆตะล่อมถามเขาก่อนว่าเขามีปัญหาอะไรบ้าง ที่ทำให้เขาเครียดหรือขุ่นข้องหมองใจ หากเขาได้ระบายออกมาก็จะทำให้เขาสบายใจขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเขาสบายใจขึ้นแล้วเราก็ค่อยเข้าประเด็น เช่นว่า แนะนำเขาว่าเรามีวิธีช่วยทำให้คุณได้ผ่อนคลายความเครียดในใจ คุณจะลองไหม ถ้าเขายังไม่สนอืม เราก็อย่าพึ่งเร่งรัด หาโอกาสเหมาะๆแกล้งทำเป็นเอ่ยแย็ปเขาเข้าไปอีก เช่นว่า วันนี้เราสบายใจจังเลยไม่มีเรื่องเครียดมากังวลใจ หรือไม่ก็บอกเขาว่าวันนี้เราอารมณ์ดีนะเรามาคุยอะไรสนุกๆกันเถอะ สร้างความสนใจในตัวเราให้เขาสงสัยก่อนว่าทำไมเพราะอะไรคุณถึงไม่มีความเครียดเหมือนกับเขาเลย เมื่อเขาสงสัยมากขึ้นเชื่อมั่นได้เลยครับว่าเขาต้องถามว่าเพราะอะไรทำไมถึงทำให้คุณเป็นอย่างนั้น ตอนนี้แหละครับคุณปล่อยหมัดเด็ดไปได้เลย ว่าคุณสบายใจเพราะคุณได้ไปทำสมาธิมา ช่วยทำให้คุณจิตใจสงบและมีความสุขภายใน ถ้าเขาคล้อยตามคุณ คุณก็เอ่ยปากชวนเขาได้เลยครับ ผมรับลองว่า80%ในใจเขาอยากลองทำเหมือนคุณแน่
แต่ถ้าหากอยู่ดีๆคุณไปชวนเขาปั้งเลยแบบนี้ เขาจะเหมือนผู้หญิงที่อยู่ๆถูกผู้ชายเข้าไปบอกรัก หรือเหมือนกับถูกนักมวยโดนหมัดเด็ดในยกแรก เขาจะงุนงงและไม่เข้าใจทันทีว่าคุณจะมารูปแบบไหน คุณเข้ามาเพื่อประสงค์สิ่งใดกันแน่ และแน่นอนครับคำตอบที่คุณจะได้คือNOๆๆ ลูกเดียว
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาพระองค์จะโปรดใครสักคนท่านก็จะใช้วิธีในลักษณะนี้แหละครับ คือทรงส่องพระญานดูว่าวันนั้นใครบ้างที่มีโอกาสเข้าถึงทำ เมื่อพระองค์ทรงเห็นแล้วว่าใครเหมาะสม ก็จะดูถึงวาระจิตของคนๆนั้น เปรียบเทียบได้เสมือนกับนักมวยดูชั้นเชิงคู่ต่อสู้ เมื่อพระองค์เดินทางจะไปโปรดก็จะแสดงตัวเพื่อดึงดูดความสนใจของคนผู้นั้น สร้างความเลื่อมใสให้ผู้ที่พระองค์จะโปรดผู้นั้นก่อน เสมือนนักมวยปล่อยมัดแย็ปใส่คู่ต่อสู้ เมื่อผู้ที่พระองค์จะทรงโปรดมีความเลื่อมใสมากพอ พระองค์ก็จะทรงโปรดคนผู้นั้นด้วยธรรมที่คนผู้นั้นได้เคยรู้ในชาติก่อน เหมือนกับนักมวยที่จับจุดคู่ชกได้แล้วว่ามีจุดอ่อนตรงไหนก็ปล่อยหมัดเด็ดเข้าน๊อคทันที ด้วยเหตุนี้คนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงโปรดจึงได้เข้าถึงธรรมกันทุกคนไงล่ะครับ
มันต้องเป็นไปตามขึ้นตอนถึงจะเห็นผลครับ หุหุ
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#10
โพสต์เมื่อ 06 September 2006 - 01:18 PM
มีเหตุมาจากการเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อผู้อื่นเสมอ
1. เราพูดในสิ่งที่ไปสะกิดใจเค้า ขณะที่เค้าได้รับความทุกข์ และทำให้เค้าสว่างขึ้น
2. เสน่ห์แห่งความดีงาม ความใสบริสุทธิ์ อัธยาศัยไมตรีของผู้ชักชวน อารมณ์ดี พูดดีอยู่เสมอ
3. ความไม่รีบผลี้ผลามใดๆ ค่อยๆทะนุถนอมเค้า ยิ้มแย้ม เยือกเย็น ยืดหยุ่นอยู่เสมอ
4. มีคำพูด การตัดสินใจในเรื่องชีวิตประจำวัน ที่ทำให้เค้ายอมรับว่าเราแก้ไขปัญหาของเราได้ดี
ด้วยการปฏิบัติธรรมจริงๆ เค้าก็จะรู้สึกมั่นใจว่าเค้าจะมีโอกาสแก้ไขปัญหาของเค้าได้บ้าง
5. ไม่โทสะยกตนข่มท่าน ควรชื่นชมผู้อื่นเสมอ และเมื่อมีคนชม ก็บอกว่าเราไม่ได้เก่งอะไร
แค่บุญส่งผล และเพราะว่าเราเคารพนับถือ ศรัทธาปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์
และพระมหาปูชนียาจารย์วิชชาธรรมกาย เราถึงได้มีชีวิตวันนี้ที่สดใสสว่างขึ้น
6. ควรให้เค้ารู้ว่าเค้าก็มีบุญนะ ถึงได้มีข้อดีแบบนั้นแบบนี้ ด้วยทาน ศีล หรือภาวนาในอดีตมาก่อน
(ไม่ใช่พูดว่าเจอเรานี่มีบุญ ไม่งั้นตกนรกแน่นอน ห้ามพูดข่มผู้อื่นเด็ดขาด)
เพียงแต่บุญไม่ส่งผลให้ เค้าจึงพบความลำบากและปัญหานานาประการนั้นเอง
เหตุที่บุญไม่ส่งผลก็เพราะว่ามีวิบากมาก่อน ซึ่งตรงนี้อาจจะยังไม่เชื่อ ดีที่สุดคือมาทำใจในสงบก่อน
7. ยินดีที่จะขอร้องในการชวนเค้า หากมีช่องที่เค้าเริ่มเห็นความดีความปรารถนาดีของเรา
พูดไปเลยค่ะ ว่า"ได้โปรดไปวัด/ปฏิบัติธรรมด้วยกันเถิดนะ ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนดี อยากให้หายเหนื่อย
หายทุกข์ซะที ได้โปรดเถิด" ไม่ใช่ไปพูดว่าพวกนี้โง่บาปหนา ฯลฯ
เราต้องรู้จักน้อมให้ผู้อื่นด้วยความรักอย่างแรงกล้ากว่าทิฐิตนเอง แล้วเมื่อเค้ามาได้จริงๆ
ก็จงทำดีให้เสมอต้นเสมอปลาย แล้วเมื่อเค้าเริ่มรับผลดี ได้รับรู้เรื่องบุญ
เค้าจะซึ้งใจเรามากที่สุด ว่าเรารักเค้าจริงๆ ยินดีที่จะขยายสิ่งที่ดีๆให้แก่ผู้อื่นอีก
ปัจจัยเหตุสำคัญที่สุด คือ
การตรึกธรรมะเป็นประจำ หมั่นตรึกดวงใส หรือองค์พระ สวดมนต์ ทำทาน รักษาศีล
นั่งสมาธิ อธิษฐานจิตกับหลวงปู่ คุณยาย วางอุเบกขาไม่ไปยึดมั่นถือมั่นให้ใจขุ่น ไม่ทิฐิอะไรมาก
และฝึกแผ่เมตตาอยู่เสมอเมื่อรู้สึกตัวทำให้ติดนิสัยวันละเป็นสิบ เป็นร้อยครั้ง
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#11
โพสต์เมื่อ 06 September 2006 - 08:23 PM
#12
โพสต์เมื่อ 07 September 2006 - 09:15 PM
#13
โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 10:03 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี