ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

สงสัยในธรรมกาย


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 20 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ปราบไตรภพ

ปราบไตรภพ
  • Members
  • 37 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 September 2006 - 09:04 AM

เพิ่งเป็นสมาชิกใหมเมื่อวาน สาเหตุเพราะเห็นมีคนโจมตีกันเหลือเกิน จึงอยากศึกษาด้วยตัวเอง
เราเป็นพระอยู่บ้านนอก สุดชายแดนติดแม่นำ้โขง ทำอย่างไรจึงจะศึกษาเรื่องธรรมกายได้
ท่านผู้รู้ช่วยแนะนำสมาชิกใหม่หน่อย แต่อย่าเพิ่งชวนติดจานดาวธรรมนะ ยังไม่มีปัจจัย
เราอยู่หมู่บ้านเล็กๆมีพระ ๒ รูป ท่านผู้รู้เริ่มแนะนำได้เลย ขอเจริญในธรรม

#2 ธุลีดิน

ธุลีดิน
  • Members
  • 40 โพสต์
  • Location:785/113 คลองจั่น บางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
  • Interests:เดินทางรวมกับหมู่คณะจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม

โพสต์เมื่อ 08 September 2006 - 09:39 AM

นมัสการพระคุณเจ้า

ผมขอนำความรู้ จากคำครูอาจารย์ มาถ่ายทอดให้เริ่มเป็นแนวทางนะครับ

สมเด็จพระสังฆราชคูรูปาจารย์ หลวงปู่ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด)
พระเถระสมัยกรุงศรีอยุธยา

พุทธะ อยู่ในกายมนุษย์

อีกจุดหนึ่งที่มนุษย์ไม่ยอมสนใจ คือไม่สนใจค้นในกายของตนเอง สิ่งหนึ่งที่เรียกว่า พุทธะ นั้นอยู่ในกาย ถ้าจิตของผู้นั้นสามารถค้นเข้าไปถึงกายในกายอันบริสุทธิ์ สิ่งนี้ภาษาทางโลกเรียกว่า พลัง ชนิดหนึ่งที่ยอดเยี่ยมอยู่ในตัวเรา แต่เราไม่รู้จักค้นออกมาใช้ เพราะอะไรเล่า ทำไมเราจึงถามว่าเหตุใดองค์สมณะโคดมจึงสามารถระลึกชาติได้ เพราะมีบุพเพนิาสานุสติกญาณ มีอนาคตญาณ หรือมีญาณอะไร สิ่งเหล่านี้เราไม่ต้องไปรับรู้ เราไม่ต้องยุ่ง เราไม่ต้องไปคิดถึงว่าเราจะได้ฌานโน้นฌานนี้ หลักของการปฏิบัติอันหนึ่งมีอยู่ว่า เราจะยึดอะไรเป็นสรณะของการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน

คำว่า กรรมฐาน นั้นหมายถึงการกำหนดจิตของเราให้จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อรวมพลังจิตไม่ให้ฟุ้ง เมื่อรวมพลังจิตอันนั้นไม่ให้ฟุ้งแล้ว รวมอยู่ในจุดใดจุดหนึ่ง รวมจนได้อารมณ์แห่งปีติ คือนิ่งเฉยแห่งจุดนั้น เมื่อนั้นให้ขึ้นวิปัสสนา วิปัสสนาคือให้พิจารณาในทุกสิ่งทุกอย่างว่าเป็นอนัตตา อนัตตาคือการเดินทางไปสู่โลกแห่งนิพพาน โลกแห่งอรหันต์ โลกแห่งโพธิสัตว์ โลกแห่งอนาคา อนาคามี โลกเรานี้เป็นโลกแห่งอัตตา ทำอย่างไรเราถึงจะไปสู่จุดแห่งการเป็นอนัตตาได้

เพิ่มเติม หนังสือ ประวัติสังเขป พระโพธิสัตว์ หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด พิมพ์ครั้งที่ ๑ ปี 2536 บ.เคล็ดไทย จำกัด จำหน่าย (ที่คัดมาหน้า 135-136)
"ขอตามติด ติดตามสร้างบารมีกับ หลวงปู่ คุณยาย หลวงพ่อ และหมู่คณะไปทุกภพทุกชาติ "

#3 Wuddy ลูกพระธัมฯ

Wuddy ลูกพระธัมฯ
  • Members
  • 15 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 September 2006 - 09:40 AM

นมัสการหลวงพี่ด้วยความเคารพอย่างสูง

ก่อนอื่นต้องขออนุโมทนากับหลวงพี่ก่อนครับ
ที่ยังไม่เชื่อไปตามข่าวโคมลอย

นำตนเองมาพิสูจน์ นับว่าเป็นบัณฑิต นักปราชญ์ที่แท้จริง

ถ้ามี internet อยู่แล้วเข้ามาที่นี่ก่อนก็ได้ครับ
อาจจะเริ่มจาก รายการสุดฮิต case study
เป็นกรณีศึกษาเรื่องกฏแห่งกรรม

และถ้าหลวงพี่สงสัยอะไรเพิ่มเติมมา post ถามต่อได้ครับ

กราบนมัสการครับ

#4 ธุลีดิน

ธุลีดิน
  • Members
  • 40 โพสต์
  • Location:785/113 คลองจั่น บางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
  • Interests:เดินทางรวมกับหมู่คณะจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม

โพสต์เมื่อ 08 September 2006 - 09:44 AM

หลวงพ่อ วัดปากน้ำภาษีเจริญ (พระมงคลเทพมุณี สด)

...... รูปทั้งหลายนั้นไม่ว่าประณีตสวยงามหรือไม่ ก็มาลงเอยที่อนิจจาด้วยกันทั้งสิ้น คือตายหมดไม่เหลือ ย่อมเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้ มีแต่ความไม่เที่ยง เมื่อไม่เที่ยงก็ต้องทุกข์ทั้งนั้น การที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าอะไรๆ ไม่เที่ยงนั้น จุดประสงค์คือจะให้เข้าถึง กายธรรม นอกจากกายธรรมแล้ว จะเป็นกายมนุษย์ กายทิพย์ กายพรหม กายอรูปพรหม เหล่านี้ต่างเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาทั้งนั้น คือต้องเวียนว่ายอยู่ในภพทั้ง ๓ ต่อเมื่อเข้าถึงกายธรรม จึงเป็นของเที่ยงเป็นสุขเป็นตัวตนทันที .....

ดูเพิ่มเติมที่ หนังสือรู้ตรึกรู้นึกรู้คิด หน้า98 (หาซื้อได้ที่ร้านแพร่พิทยา)

......"นิพพานอยู่ข้างบน สูงจากภพ 3 โตเท่าภพ 3 นี่ สว่างเป็นแก้วไปหมดทั้งนั้น งดงามมาก โตเท่าภพ 3 นี่" .....

จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "โอวาทปาฏิโมกข์" 20 ตุลาคม 2497

พระเดชพระคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย ์( สิริจนฺโท จันทร์ )

.... อันตัวที่ไม่ตายนั้นท่านให้ชื่อว่าโพธิสัตว์ พึงสันนิษฐานได้ว่าสัตว์นั้นแลคือตัวเรา เป็นผู้ไม่ตายเหมือนอย่างพระอริยเจ้ามีพระพุทธเจ้าเป็นต้น เมื่อได้สำเร็จพระอรหัตตผลแล้ว ก็เป็นอันได้สำเร็จพระนิพพาน เมื่อท่านสำเร็จพระนิพพานแล้ว สัตว์ที่ตรัสรู้ที่ไม่เคยตายนั้น ก็ยังอยู่ไม่สูญไปข้างไหน สูญแต่กิเลสเครื่องก่อภพก่อชาติเท่านั้นเอง จึงพอสันนิษฐานเห็นได้ว่า พระนิพพานไม่สูญอย่างเอก แต่การที่จักทำให้สำเร็จ ต้องฝ่าฝืนอำนาจของพระยามาร ....

เพิ่มเติมที่ แสดงพระธรรมเทศนากัณฑ์ที่ 8 เรื่องมงคลกถา เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2470 ในหนังสือพระธรรมเทศนา มงคลกถา 38 ธรรมวิจยานุศาสน์ คิริมานนทสูตร พร้อมด้วยอธาตุ ชุดพิเศษ เล่มที่ 5 หน้า 96-97

......บุคคลผู้มิได้พ้นจากิเลส ราคะ ตัณหา นั้นจะทำบุญให้ทานสร้างกุศลอย่างแข็งแรงเท่าใดก็ดี ก็จักได้เสวยความสุขในมนุษย์โลกแลเทวดาโลกเพียงเท่านั้น ที่จะได้เสวยความสุขในพระนิพพานนั้นเป็นอันไม่ได้ เลย ถ้าจะประสงค์ต่อพระนิพพานแท้ให้โกนเกล้เข้าบวชในพระศาสนา ในว่าบุรุษหญิงชายถ้าทำได้อย่างนี้ชื่อว่าปฏิบัติใกล้ต่อพระนิพพาน เพราะว่าเมืองพระนิพพานนั้นปราศจากกิเลสตัณหา เมืองมนุษย์แลเมืองสวรรค์เป็นที่ซึ่งทรงไว้กิเลสตัณหา ไม่เหมือนเมืองพระนิพพาน
........นิพฺพานํ นครํ นาม อันชื่อว่าเมืองพระนิพพาน ย่อมตั้งอยู่ในที่สุดแห่งโลก โลกมีทีสุดเพียงใด พระนิพพานก็ตั้งอยู่ที่สุดนั้น พระนิพพานเป็นพระมหานครอันใหญ่เป็นที่บรมสุขหาที่เปรียบมิได้ อย่าเข้าใจว่าจะไปนิพพานด้วยกำลังกาย หรือกำลังพาหนะมียานช้างม้าได้ อย่าเข้าใจว่านิพพานตั้งอยู่ในทีสุดโลกเหล่านั้น อย่าเข้าใจว่าตั้งอยู่ที่ใดเลย แต้ว่าพระนิพพานนั้นหากมีอยู่ในที่สุดของโลกเป็ของจริง ไม่ต้องสงสัย ให้ท่านทั้งหลายศึกษาให้เห็นโลกรู้โลกเสียให้ชัดเจน ก็จักเห็นพระนิพพาน พระนิพพานก็หากตั้งอยู่ในที่สุดแห่งโลกนั่นเอง

ดูเพิ่มเติมที่ หนังสือ คิริมานนทสูตร และ อัตตปวัตติ หน้า ๑๐-๑๒ ISBN974-8239-69-1 สนพ.ดวงแก้ว

"ขอตามติด ติดตามสร้างบารมีกับ หลวงปู่ คุณยาย หลวงพ่อ และหมู่คณะไปทุกภพทุกชาติ "

#5 ธุลีดิน

ธุลีดิน
  • Members
  • 40 โพสต์
  • Location:785/113 คลองจั่น บางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
  • Interests:เดินทางรวมกับหมู่คณะจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม

โพสต์เมื่อ 08 September 2006 - 09:57 AM

อดีตพระอริยคุณาธาร (เส็ง ปุสโส) ศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

....ในปกรณ์ของฝ่ายเถรวาท ท่านโบราณาจารย์แบ่งพระกายของพระพุทธเจ้าเป็น ๓ ภาค ดังนี้คือ

๑. พระรูปกาย เป็นพระกายซึ่งกำเนิดจากพระพุทธบิดาและพระพุทธมารดา ที่เป็นมนุษย์ธรรมดาประกอบด้วยธาตุทั้ง ๔
๒. พระนามกาย เป็นพระกายซึ่งกำเนิดชั้นใน นามกายเป็นของมีทั่วไปแม้แต่สามัญมนุษย์ แต่ดีเลวกว่ากันด้วยอำนาจกุศลที่ตนทำไว้ก่อน ส่วน พระนามกายของพระพุทธเจ้า ท่านดีวิเศษกว่าสามัณมนุษย์ ด้วยอำนาจพระบุญญาบารมี ที่ทรงบำเพ็ญมาเป็นเวลาหลายอสงไขยกัป
๓. พระธรรมกาย ได้แก่พระกายอันบริสุทธิ์ ไม่สาธารณะทั่วไปแก่เทวดาและมนุษย์หมายถึงจิตที่พ้นจากกิเลสแล้ว เป็นจิตที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง พระธรรมกายนี้เป็นพระพุทธเจ้าที่จริงแท้ เป็นพระกายที่พ้นเกิดแก่เจ็บตาย เป็นพระกายที่เที่ยงแท้ถาวรไม่สูญสลาย แต่ท่านมิได้บอกให้แจ้งชัดว่า พระธรรมกายนี้มีรูปพรรณสัญฐานเช่นไรหรือไม่

อนึ่ง ความเชื่อว่าพระอรหันต์นิพพานแล้วยังมีอยู่อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นพระอรหันต์นิพพานแล้วยังมีอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นพระอรหันต์แท้ไม่สลายตามกาย คือความเป็นพระอรหันต์ ไม่สูญ ตัวอย่างเช่น พระยมกะ เมื่อยังไม่บรรลุอรหัตผลได้แสดงความเห็นว่า พระอรหันต์ตายแล้วสูญได้ถูก พระสารีบุตร สอบสวน เมื่อบรรลุพระอรหันต์แล้ว จึงเห็นตามความจริงว่า “สิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่ง ย่อมเป็นไปตามปัจจัย คือสลายไป ส่วนพระอรหันต์มิใช่สิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่งจึงไม่สลายไป แปลว่า ไม่ตาย” ความเป็นพระอรหันต์นี้ ท่านก็จัดว่าเป็นอินทรีย์ชนิดหนึ่ง เรียกว่า “อัญญินทรีย์” พระผู้มีพระภาคเจ้าคงหมายถึงเอาอินทรีย์นี้เอง บัญญัติเรียกว่า “วิสุทธิเทพ” เป็นสภาพที่คล้ายคลึง “วิสุทธาพรหม” ในสุทธาวาสชั้นสูง (พรหมอนาคามี ชั้น ๑๒ - ๑๖ ) เป็นแต่บริสุทธิ์ยิ่งกว่าเท่านั้น อินทรีย์ของพระอรหันต์ประณีตสุขุม แม้แต่ตาทิพย์ของเทวดาสามัญก็มองไม่เห็น มนุษย์สามัญซึ่งมีตาหยาบ ๆ จะเห็นได้อย่างไร อินทรีย์ของพระอรหันต์นั้นแหละ เรียกว่า “อินทรีย์แก้ว” คือตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจของท่านเป็นแก้ว คือใสบริสุทธิ์ดุจแก้ว มณีโชติ ผู้บรรลุถึงภูมิแก้วแล้ว ย่อมสามารถพบเห็น “พระแก้ว” คือพระอรหันต์ที่นิพพานแล้วได้...

ความรู้เรื่องนี้ เป็นความรู้ลึกลับในพระธรรมวินัย ผู้สนใจพึงศึกษาค้นคว้าต่อไปถ้ายังรู้ไม่ถึงอย่าพึ่งค้าน อย่าพึงโมทนา เป็นแต่จดจำเอาไว้ เมื่อใดตนเองได้ษึกษาค้นคว้าแล้ว ได้ความรู้ได้เหตุผลที่ถูกต้องดีกว่า เมื่อนั้นจึงค้าน ถ้าได้เหตุผลลงกันจึงอนุโมทนา ถ้ารู้ไม่ถึงแล้ว ด่วนวิพากษ์วิจารณ์ติเตียนผู้พูดเรื่องเช่นนี้ จะเป็นไปเพื่อบอดตาบอดญาณตนเอง ยิ่งจะซึ้าร้ายใหญ่ ดังนี้.....

ดูเพิ่มเติมที่หนังสือ ทิพยอำนาจ อดีตพระอริยคุณาธาร (เส็ง ปุสโส)
"ขอตามติด ติดตามสร้างบารมีกับ หลวงปู่ คุณยาย หลวงพ่อ และหมู่คณะไปทุกภพทุกชาติ "

#6 ธุลีดิน

ธุลีดิน
  • Members
  • 40 โพสต์
  • Location:785/113 คลองจั่น บางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
  • Interests:เดินทางรวมกับหมู่คณะจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม

โพสต์เมื่อ 08 September 2006 - 10:09 AM

หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม

.... เมื่อเป็นพระเจ้าแผ่นดินโลกุตตรมนุษย์ ได้เป็นพระอรหันต์เข้าพระนิพพานแล้ว พระนิพพานก็ยังมีอยู่ ไม่เสื่อมสูญ พระพุทธเจ้าเข้าพระนิพพานก็มีอยู่ในพระนิพพาน นั้นแล

พระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร พระอนุรุทธ พระอานนท์ เข้านิพพาน ก็มีอยู่พระนิพพานนั้นแล นางภิกษุณีทั้งหลายได้บวชกาย วาจา ใจ ใจก็เป็นพระนิพาน แล้วเข้าพระนิพพานได้ด้วย เหมือนพระจันทร์ พระจันทร์ไม่มีวันแก่ พระจันทร์ไม่มีวันเจ็บ พระจันทร์ไม่มีวันร้อนวันหนาว ดาวไม่มีเกิดไม่มีตาย

คนเรานี้มันเป็นบ้าเป็นบอ คอยาว ตาขาว ลิ้นยาว ใช้ไม่ได้ ส่วนพระธรรมคำสั่งสอนเกิดจากหัวใจของพระพุทธเจ้า เกิดากหัวใจของพระอรหันต์ทั้งหลาย ทำไมพวกเราทั้งหลายและพวกท่านทั้งหลายจึงไม่รู้ เราจึงไม่เห็น ถ้าเราเป็นพระอรหันต์ เป็นพระโสดาบัน เป็นพระอนาคาเมื่อใด ก็เมื่อนั้นแหละ จึงจะเห็นจะรู้ที่อยู่พระพุทธเจ้า ที่อยู่ของพระอรหันต์เจ้าทั้งหลาย......

อาจารีธัมโมทยาน พศ.๒๕๓๖ หน้า 127 หอรัตนชัยการพิพม์
"ขอตามติด ติดตามสร้างบารมีกับ หลวงปู่ คุณยาย หลวงพ่อ และหมู่คณะไปทุกภพทุกชาติ "

#7 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 September 2006 - 10:31 AM

กราบนมัสการพระอาจารย์ที่เคารพอย่างสูงนะคะ

ในเว็บไซต์ dmc.tv มีอะไรมากมายให้ติดตามหาความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงค่ะ

กรณีศึกษากฎแห่งกรรมวีดีโอ ดูผ่านเว็บไซต์ได้เลยค่ะ
http://www.dmc.tv/pr...case_study.html

กฎแห่งกรรม ฉบับนักอ่านค่ะ

http://www.dmc.tv/ar.../casestudy.html

การเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น ของคนจากทั่วทุกมุมโลก ทุกเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธ์ กับสิ่งที่ DMC ได้สร้างคนดี และได้เข้าไปช่วยสร้างสรรค์โลกใบนี้ให้น่าอยู่ขึ้นค่ะ
http://www.dmc.tv/ar...meditation.html

นอกจากนี้ยังมีซีดีต่างๆ ให้ศึกษาอีกมากมายค่ะ
http://www.kalyanami...mmateaching.asp


ยังมีโครงการเทเหล้าเผาบุหรี่ ปิดบ่อนไก่ ปิดซ่อง ปิดบ่อปลา ฯลฯ ที่ทางมูลนิธิธรรมกายได้ทำโครงการขึ้นทั่วประเทศ อีกทั้งช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ ค่ะ


และสามารถโทรติดต่อ สำนักพระกัลยาณมิตรสากล เขตภาคอิสานค่ะ ที่นี่จะสามารถให้คำแนะนำดีๆ และแนะนำกัลยาณมิตรในเขตจังหวัดหนองคายให้กับหลวงพี่ได้ค่ะ (ปล.อาจจะมีเจ้าภาพใจดี อยากจะถวายจานดาวธรรมให้กับหลวงพี่ก็ได้ค่ะ)
02-831-1901-2
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#8 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 September 2006 - 12:24 PM

กราบนมัสการพระคุณเจ้าทั้ง 2 รูปด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

ตามที่พระคุณเจ้าบอกว่า วัดของพระคุณเจ้ามีเพียงพระ 2 รูปนั้น กระผมรู้สึกปลื้มยินดียิ่งนัก ที่ได้ยินว่า ยังมีพุทธบุตรอีก 2 รูป ยังคงยืนหยัดรักษาวัด ซึ่งถือเป็น ศาสนาสถานที่สำคัญยิ่งของพุทธศาสนิกชนไม่ให้กลายเป็นวัดร้าง และกำลังจะกลายเป็นวัดรุ่งในอนาคตอีกด้วย ขออนุโมทนาบุญต่อพระคุณเจ้าทั้ง 2 มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ...สาธุ สาธุ สาธุ

ความเป็นมาของวัดพระธรรมกาย
สำหรับวัดพระธรรมกายนั้น นับว่าเป็นวัดเกิดใหม่สร้างมาได้แค่ 30 กว่าปี โดยการนำของศิษย์เอกในการเจริญสมาธิภาวนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ คือ แม่ชี จันทร์ ขนนกยูง (คนวัดจะเรียกว่า คุณยายอาจารย์ ครับ) โดย หลวงพ่อวัดปากน้ำยกย่องคุณยายอาจารย์ว่า เป็นหนึ่งไม่มีสอง

ครั้นสิ้นหลวงพ่อวัดปากน้ำแล้ว คุณยายอาจารย์ก็ยังคงสอนสมาธิภาวนาตามแนววิชชาธรรมกายต่อมา โดยได้เจอศิษย์คนหนึ่ง ซึ่งปัจจุบัน คือ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (พระไชยบูลย์ ธัมมชโย) และ เมื่อมีลูกศิษย์มาศึกษาสมาธิกับคุณยายอาจารย์มากขึ้น บ้านของคุณยายอาจารย์ที่วัดปากน้ำไม่สามารถรองรับสมาชิกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ หมู่คณะศิษย์จึงคิดสร้างสถานที่แห่งหนึ่งที่ใหญ่โตกว้างขวางเพียงพอ เพื่อเน้นการสอนเจริญสมาธิภาวนา ซึ่งก็คือวัดพระธรรมกายในปัจจุบัน ดังนั้นจึงอาจจะกล่าวได้ว่า วัดพระธรรมกาย ก็คือ "วัดลูก" ที่แตกออกมาจากวัดปากน้ำ โดยการก่อสร้างของลูกศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำนั่นเอง

ด้วยเหตุที่ ผู้มาในภายหลังได้เห็นคุณค่าของการเจริญสมาธิภาวนา ทำให้เกิดการชักชวนกันแบบปากต่อปาก สาธุชนจึงมามากขึ้นๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนในที่สุดต้องขยายพื้นที่เป็นวัดพระธรรมกายที่กว้างขวาง และ มีสิ่งก่อสร้างใหญ่โตมากมาย เพื่อรองรับการมาฝึกสมาธิภาวนาได้ครั้งละมากๆ เพราะ พระราชภาวนาวิสุทธิ์มีความคิดที่ว่า ถ้าสาธุชนจะมาวัดแล้วถ้าวัดเต็ม จะทำการปิดประตูวัด ไม่รับคนเพิ่มก็ทำไม่ได้ เพราะเป็นการทำลายศรัทธาของผู้ที่มีใจใฝ่ในธรรม แต่ถ้าคนมามาก แล้วไม่มีสถานที่รองรับ ที่พออำนวยความสะดวกตามสมควร ให้ไปนั่งสมาธิกลางแดด กลางฝน ก็ไม่ได้อีก เพราะจะทำให้คนที่ยังมีศรัทธาง่อนแง่น ไม่อยากมาฝึกสมาธิต่อเพราะความยากลำบาก ทำให้พวกเขาเหล่านั้นต้องเสียโอกาสของตนเองไป ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการก่อสร้างใหญ่โต จนเป็นที่กังขาของหลายๆ คนที่ยังไม่เคยมาวัด มาสัมผัสบรรยากาศในพิธีกรรมบุญต่างๆ ว่าแต่ละงานมีปริมาณสาธุชนมากเพียงไร

วิชชาธรรมกายคืออะไร ถูกต้องตามพระพุทธศาสนาหรือไม่
สำหรับวิชชาธรรมกายนั้น เป็นวิชชาที่หลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี สด จนฺสโร ได้นั่งสมาธิเข้าถึงเมื่อกลางวันเพ็ญเดือน 10 ปี พ.ศ.2460 ณ พระอุโบสถวัดโบสถ์บน บางคูเวียง จังหวัดนนทบุรี คือเมื่อกว่า 80 ปีที่ผ่านมา

แท้จริงแล้ว แนวการปฏิบัติตามวิชชาธรรมกายนั้น เป็นวิธีการที่มีในคัมภีร์วิสุทธิมรรค รายละเอียดสามารถอ่านได้ที่ลิงค์ http://www.heritage....misc/study2.htm

คัมภีร์วิสุทธิมรรคนี้ถือเป็นคัมภีร์แม่แบบของการเจริญสมาธิภาวนาของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย และ พระภิกษุจะได้ร่ำเรียนคัมภีร์นี้เมื่อเรียนบาลีสนามหลวงถึงประโยค 8

โดยคัมภีร์ได้กล่าวว่าสมาธิสามารถฝึกได้ 40 วิธี โดย วิธีการฝึกสมาธิแบบตามลมหายใจ หรือที่เรียกว่า อานาปานสติ ซึ่งคนไทยรู้จักกันดี ก็เป็นวิธี 1 ใน 40 วิธีที่มีบันทึกไว้ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคนี้เช่นกัน

สำหรับการปฏิบัติตามแนววิชชาธรรมกายนั้น จะพูดให้ถูกต้องแล้ว คือ การฝึกสมาธิแบบ อาโลกสิณ และ พุทธานุสติ ซึ่งทั้ง 2 วิธีนี้ ก็มีในคัมภีร์วิสุทธิมรรคเช่นเดียวกัน โดย
1) การที่สอนให้นึกถึง ดวงแก้วกลมใส จัดเป็น อาโลกสิณ (กสิณแสงสว่าง)
2) การสอนให้นึกถึงพระพุทธรูปแก้วใส จัดเป็น พุทธานุสติ (นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์)
3) การสอนให้ภาวนาว่า "สัมมา อะระหัง" จัดเป็น พุทธานุสติ เช่นเดียวกัน

โดยเมื่อทำสมาธิภาวนาจนใจหยุดถูกส่วนจะเห็นดวงสว่างภายในเกิดที่กลายกาย ซึ่งหลวงพ่อวัดปากน้ำเรียกว่า " ดวงปฐมมรรค " หรือ " ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน " และเมื่อดำเนินจิตให้นิ่ง ยิ่งขึ้น หยุดใจให้นิ่งมากขึ้นไปอีก จิตก็จะดำเนินเข้าไปสู่ภายใน จนถึง กายๆ หนึ่ง เรียกว่า " พระธรรมกาย " หรือ " กายธรรม " ด้วยเหตุนี้ การเจริญสมาธิตามที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านสั่งสอนโดย ฝึกแบบอาโลกสิณ และ พุทธานุสติ จึงได้อีกชื่อหนึ่งว่า " การฝึกสมาธิตามแนววิชชาธรรมกาย " นั่นเอง ซึ่งทำให้ผู้คนเกิดการเข้าใจผิดพลาดว่า การฝึกสมาธิตามแบบหลวงพ่อสดนี้ ไม่มีในคัมภีร์วิสุทธิมรรค ซึ่งถือเป็นการเข้าใจที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนอย่างแรง

การฝึกสมาธิในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่ อาโลกสิณ และ พุทธานุสติ นี้ สามารถเข้าถึงพระธรรมกายได้หรือไม่
ถ้าฝึกสมาธิในรูปแบบอื่น ก็สามารถเข้าถึงดวงสว่างภายใน หรือ ที่เรียกว่า "ดวงปฐมมรรค" และ พระธรรมกายได้เช่นเดียวกัน แม้แต่การปฎิบัติแบบอานาปานสติ ของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ก็ได้ดวงสว่างเช่นกัน แต่ท่านเรียกว่า "ดวงพุทโธ" ดังหลักฐานข้อความข้างล่าง
QUOTE
การฝึกสมาธิตามแบบพุทธศาสนาเถรวาท

อานาปานสติ

การฝึกสมาธิแบบอานาปานสติ เป็นรูปแบบการฝึกสมาธิที่นิยมฝึกกันมาก ในทางพระพุทธศาสนาเถรวาท ในที่นี้จักขอยกเอาการฝึกสมาธิตามแบบสายพระธุดงค์อีสาน โดยมีพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ เป็นครูผู้สอนสมาธิที่มีชื่อเสียงมากในสายพระธุดงค์อีสาน[๒๙] ซึ่งท่านใช้คำว่า พุท-โธ เป็นหลักในการภาวนาตามจังหวะลมหายใจเข้า-ออก นอกจากนี้ท่านยังเน้นการเดินจงกรม โดยระยะที่จะเดินประมาณ ๕ เมตร ถึง ๑๐ เมตร

มองทอดสายตาดู ไปข้างหน้าประมาณ ๔ ก้าวเพื่อไม่ให้จิตใจวอกแวก ส่วนมือซ้ายก็นำมาวางที่หน้าท้องและมือขวามาวางทับ เพื่อป้องกันแขนแกว่งขณะเดิน และดูสวยงาม เมื่อได้ท่าที่พอดีแล้วก็เดินก้าวขาขวาไป ก็นึกคำว่า "พุท" และเมื่อก้าวขาซ้ายไปก็นึก คำว่า "โธ" เวลาเดินไม่หลับตาแต่ให้ลืมตา และกำหนดสัมผัสของเท้าที่ก้าวเหยียบลงพื้น เดินว่าพุทโธไปเรื่อย พอถึงปลายทาง เดินก็หยุดนิดหนึ่ง แล้วก็หันกลับด้านขวามือ มาทางเดิม และเดินว่าพุทโธต่อไป อย่าเร็วเกินไป หรือช้าเกินไป กำหนดจิตของเราอยู่ที่ก้าวเดินและคำภาวนา ไม่ให้จิตวอกแวก

สิ่งสำคัญคือ การกำหนดจิตให้ทันการเคลื่อนไหว ส่วนการเดินเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น เราควรทำอย่างน้อย ๓๐ นาที และจะดีมากขึ้นถ้าตามด้วยการนั่งสมาธิ เพราะการเดินจงกรม เป็นการเปลี่ยน อิริยาบถ ปล่อยอารมณ์ และเตรียมร่างกายให้พร้อมสู่การนั่งสมาธิ

อิริยาบถนั่งสมาธิ

นั่งขัดสมาธิ เอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย วางลงบนตัก ตั้งกายตรง (ไม่นั่งก้มหน้า ไม่นั่งเงยหน้า ไม่นั่งเอียงซ้าย ไม่เอียงขวา ไม่โยกหน้า ไม่โยกหลัง) ไม่กดและข่มอวัยวะในร่างกาย

วางกายให้สบาย ๆ ตั้งจิตให้ตรง ลงตรงหน้า กำหนดรู้ซึ่งจิตเฉพาะหน้า ไม่ส่งจิตให้ฟุ้งซ่าน ไปในเบื้องหน้า-เบื้องหลัง (อนาคตและอดีต) พึงเป็นผู้มีสติ กำหนดจิตรวมเข้าตั้งไว้ในจิต บริกรรม พุทโธจนกว่าจะเป็นเอกัคคตาจิต

สรุปการทำสมาธิแบบอานาปานสติ จะใช้วิธีเอาสติไปอยู่ที่ลมหายใจเข้า-ออก โดยภาวนาพุท-โธ กำกับด้วย ส่วนนอกรอบก็ฝึกสติด้วยการเดินจงกรมพร้อมกับภาวนา พุท-โธ ไปด้วย ซึ่งผลการปฏิบัติที่ดีก็จะทำให้ใจสงบ มีดวงสว่าง เป็นต้น หรือที่พระอาจารย์มั่นมักเรียกว่า ดวงพุทโธ

อ้างอิงจากลิงค์ http://dou_beta.trip...D101_03_th.html

พระธรรมกายคืออะไร คำว่า "ธรรมกาย" มีหลักฐานในพระพุทธศาสนาหรือไม่
" พระธรรมกาย " ซึ่งเป็นกายพระแก้วใส มีลักษณะเป็นพระปฏิมากรแก้วใส เกศดอกบัวตูม หลวงพ่อวัดปากน้ำกล่าวว่า เป็น กายเดิมจิตเดิม มีอยู่มนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด ชาติไหน ภาษาไหน เชื่อว่าตนเองมีพระธรรมกายหรือไม่ ก็ตาม เพียงแต่การเจริญสมาธิภาวนา เป็นการทำให้เข้าไปพบของจริงที่มีอยู่ภายในตัวของมนุษย์ทุกคนเท่านั้น ไม่ว่า เค้าเหล่านั้นจะตายและเกิดกี่ครั้งก็ตาม พระธรรมกายนี้ ก็ยังคงอยู่กับเขาผู้นั้น ไม่ว่าจะไปเกิดอยู่ที่แห่งหนใด ของโลกใบนี้ เชื่อหรือไม่เชื่อถึงการมีอยู่ของพระธรรมกายภายในของตนก็ตาม

พระธรรมกายนี้ ผู้เข้าถึงจะรู้ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องไปถามใคร หมดข้อสงสัย ว่าใช่ของแท้ทางพระพุทธศาสนาหรือไม่ สมดังบทสวดยกย่องพระธรรมในการทำวัตรเช้า วัตรเย็นที่ว่า " ปัจจัตตัง เวทิตัพโพวิญญูหิ แปลว่า วิญญูชนพึงรู้ได้เฉพาะตน "

ถามว่าสิ่งที่เรียกว่า "พระธรรมกาย" นี้ เป็นสิ่งที่มีบันทึกในพระไตรปิฏกหรือไม่ ขอตอบว่า สำหรับพระไตรปิฏกชุดปัจจุบัน ก็มีบันทึกกล่าวถึงคำนี้อยู่หลายแห่งด้วยกัน สามารถดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์นี้ครับ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=2541

สำหรับคำพูดของพระอริยะสงฆ์หลายท่านในอดีตที่ คุณธุลีดิน ยกมานั้น ก็เป็นถ้อยคำที่สนับสนุนว่า กายภายในของมนุษย์นั้นมีอยู่จริง พระอริยะสงฆ์ในอดีต ท่านรับรู้ถึงความจริงข้อนี้ ด้วยเหตุนี้ ดังที่คุณฟ้าร้าง ได้ให้รายละเอียดถึงเวปไซด์ DMC และ ความรู้ทางพระพุทธศาสนาผ่านทางช่องดาวธรรมนี้ นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่พระคุณเจ้าจะได้มาศึกษาถึงความจริงของชีวิตร่วมกัน ไปพร้อมๆ กับ สาธุชนทั่วโลก

นอกจากนี้ พระคุณเจ้า ยังสามารถที่จะติดต่อไปยังสำนักพระกัลยาณมิตรสากล เขตภาคอิสาน ดังที่คุณฟ้าร้างได้ให้รายละเอียดไว้แล้ว เพื่อที่จะได้มีโอกาสติดจานดาวธรรมที่วัดของพระคุณเจ้า เพื่อประโยชน์ในการงานพระศาสนา และ สามารถศึกษาธรรมะผ่านทางรายการ DMC ได้อย่างสะดวก ทันต่อเหตุการณ์มากยิ่งขึ้น

และนอกจากนี้ ยังได้ยินมาว่า บางวัดเมื่อได้ติดจานดาวธรรมแล้ว ก็นำมาเปิดที่ศาลาให้ญาติโยมที่อาศัยอยู่ในละแวกวัดมาดู ทำให้ชาวบ้านและเด็กๆ ที่อาศัยอยู่รอบๆ วัดของพระคุณเจ้าเหล่านั้นมาดู เมื่อมาดูแล้วก็เกิดความเข้าใจในพระพุทธศาสนา และ ตระหนักถึงคุณค่าของพระรัตนตรัย และ หันมาอุปถัมภ์ บำรุงดูแลวัดใกล้บ้านมากยิ่งขึ้น ทำให้สังคมบริเวณนั้นดีขึ้น ทำให้ บ้าน วัด โรงเรียน เกิดการสอดประสาน ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ในการที่จะจรรโลงสังคมใกล้ตัวให้ดีขึ้น น่าอยู่ยิ่งขึ้นด้วยครับ

ผมหวังว่า พระคุณเจ้า คงจะได้อะไรไม่มากก็น้อยนะครับ จากสิ่งที่ผมโพสมาทั้งหมด แม้จะยาวมาก ไปหน่อยก็ตามทีนะครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#9 เป็นหนึ่ง

เป็นหนึ่ง
  • Members
  • 354 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 September 2006 - 12:30 PM

กราบนมัสการพระคุณเจ้าด้วยความเคารพอย่างสูง

ขอกราบขอบพระคุณพระคุณเจ้าที่ได้สละเวลาเข้ามาสอบถาม เกี่ยวกับ "ธรรมกาย" ซึ่งกระผมขออนุญาตแยกตอบเป็น ๒ ประเด็น ดังนี้

ประเด็นแรก เรื่องวิชชาธรรมกาย
สำหรับวิชชาธรรมกายนั้น เป็นผลแห่งการปฏิบัติ ซึ่งเรียกว่าปฏิเวธ ที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ท่านได้ทุ่มชีวิต ปฏิบัติธรรม แบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน จนเห็นผลในการปฏิบัตินั้น ในวันเพ็ญกลางเดือนสิบ พุทธศักราช ๒๔๖๐ สมดังคำสรรเสริญพระคุณของพระธรรม คือ อกาลิโก ไม่จำกัดกาล เอหิปัสสิโก พิสูจน์ได้ และปัจจัตตัง ผู้ปฏิบัติจะรู้เองเห็นเอง ส่วนวิธีปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงผลแห่งการปฏิบัติ ที่เรียกว่าวิชชาธรรมกายนั้น นิมนต์พระคุณเจ้า อ่านรายละเอียดได้จาก

http://www.kalyanami...tion/7base.html
http://www.dhammakay...ditation_th.php


ประเด็นที่สอง เรื่องวัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกาย
วัดพระธรรมกาย สร้างขึ้นมาด้วยจุดประสงค์ สร้างวัดให้เป็นวัด สร้างพระให้เป็นพระ สร้างคนให้เป็นคนดี ซึ่งตลอด ๓๖ ปีที่ผ่านมา พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์(หลวงพ่อธัมมชโย) พระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณ(หลวงพ่อทัตตชีโว) รวมถึงบรรดาเหล่ากัลยาณมิตรและสาธุชนวัดพระธรรมกาย ได้ดำเนินการเผยแผ่พระศาสนา ด้วยมโนปนิธานนี้มาโดยตลอด ด้วยตระหนักว่า โลกใบนี้จะเกิดความสงบสุข สวยงามน่าอยู่ มีสันติภาพที่แท้จริงได้ ก็ต้องเกิดมาจากมนุษย์ทุกคน ที่อาศัยอยู่บนโลกได้รู้จักกับ สันติสุขภายใน ของตนเองเสียก่อน และสันติสุขภายในที่จะเกิดขึ้นได้นั้น ก็ด้วยพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยเหตุนี้ วัดพระธรรมกาย จึงได้ทำการเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างยิ่งยวด ตลอดระยะเวลา สามสิบกว่าปีมานี้ ซึ่งปรากฏเป็นผลงานมากมาย ซึ่งพระคุณเจ้าสามารถอ่านรายละเอียดได้จาก



ความเป็นมาของวัดพระธรรมกาย

http://www.dhammakay...history_th5.php



เกียรติคุณ

http://www.dhammakay...gnitions_th.php







สุดท้ายนี้ กระผมขอกราบขอบพระคุณพระคุณเจ้าที่ได้กรุณาเข้ามาสอบถาม และเปิดโอกาสให้กระผมได้มีโอกาสอธิบาย เกี่ยวกับข้อสงสัยในเรื่องธรรมกาย ที่พระคุณเจ้าสงสัยอยู่ ขอกราบขอบพระคุณครับ
I just gotta get out of this prison cell.
Someday I'm gonna be free.

#10 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1423 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 08 September 2006 - 06:52 PM

กราบนมัสการเจ้าค่ะ

วัดต่างๆ หากต้องการจานดาวธรรมไปติดที่วัด เคยได้ยินว่า... โดยวัดนั้นทำเรื่องเป็นจดหมายเป็นทางการ มายังวัดพระธรรมกาย พิมพ์เนื้อหาว่าต้องการจานดาวธรรม
ส่วนค่าติดตั้งนั้น ก็เดี๋ยวคงมีเจ้าภาพ ก็นิมนต์แจ้งมายังที่ตามเบอร์โทรข้างบนค่ะ คิดว่าที่จังหวัด ฯ มีเจ้าภาพผู้นำบุญอยู่ไม่น้อยทีเดียวเจ้าค่ะ

กราบนมัสการมาด้วยความเคารพอย่างสูง
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#11 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 08 September 2006 - 07:03 PM

ผมคิดว่า พวกเรา ชาวสมาชิก ร่วมบุญกันติดตั้งให้ พระคุณเจ้าท่านร่วมกันดีมั้ยครับ ใครเห็นด้วยบ้างครับ




#12 ao mk

ao mk
  • Members
  • 32 โพสต์
  • Gender:Female
  • Interests:อาสาสมัครมัคคุเทศก์ตลอดไป

โพสต์เมื่อ 08 September 2006 - 08:48 PM

เห็นด้วยคะ

เมื่อเราสว่าง โลกก็สว่างด้วย

#13 kasaporn

kasaporn
  • Members
  • 870 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 September 2006 - 10:48 PM

กราบนมัสการพระคุณเจ้าด้วยความเคารพอย่างสูง
กราบรบกวนพระคุณเจ้าลงที่อยู่ที่สามารถส่งไปรษณีย์ได้ จะส่งหนังสือของทางวัดไปให้เจ้าค่ะ


#14 ท่านต้นผู้ยิ่งใหญ่

ท่านต้นผู้ยิ่งใหญ่
  • Members
  • 265 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 September 2006 - 11:52 PM

กราบนมัสการพระคุณเจ้าที่เคารพ

ขณะนี้ได้มีเจ้าของบริษัทเคเบิ้ลทีวีประจำท้องถ่นหลายแห่งได้ติดต่อรับสัญญาณช่องDMCไปเผยแพร่แล้วครับ เช่น บริษัทเอสทีวี เป็นต้น นิมนต์หลวงพี่ลองสอบถามบริษัทเคเบิ้ลทีวีประจำท้องที่ดูนะครับว่ามีใครรับช่องDMCไว้รึเปล่า

#15 ปราบไตรภพ

ปราบไตรภพ
  • Members
  • 37 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 September 2006 - 08:46 AM

เจริญพร คุณโยมผู้เป็นกัลยามิตรทุกท่าน เรารู้สึกตืันตันในความปรารถนาดีของทุกท่าน ที่พร้อมจะส่งเสริมพระบ้านนอก
ให้มีความรู้ในธรรมมากยิ่งๆขึ้น แต่ไม่มีอะไรไม่มีอุปสรรค เราขอชี้แจงเพิ่มเติมดังนี้
๑ เนทเราเป็นแบบใช้มือถือต่อ ไม่สามารถโหลด คลิป วีดีโอ หรือ ทีวีได้
๒ เราใช้ระบบ จีพีอาร์เอส ซึ่งสามารถใช้ได้ไม่เกินวันละ ๒ ช.ม.เพราะงบจำกัด
๓ ที่มีชุด คอม นี้ใช้เพราะโยมแม่ซื้อไว้ให้เมื่อตอนสอบนักธรรมได้เป็นของมือสอง
๔ เรายังเป็นพระเล็กๆในจังหวัดนี้ ไม่รู้ว่าพระผู้ใหญคิดอย่างไรเราจึงยังไม่พร้อมที่จะแจ้งที่อยู่ในเวป
๕ เคเบิลทีวียังมาไม่ถึงเพราะอยู่ห่างจากคัวเมือง ๑๓ กม และเป็นหมู่บ้านเล็กๆ
๖ สำหรับพวกท่านที่พร้อมจะแนะนำ หรือสอบถามที่อยู่ แจ้ง อีเมล์แอสเดรสให้เราติดต่อกลับไปก็ได้
สำหรับเบอร์โทรศัพท์เราคือ ๐๘๗ ๐๗๔ ๙๔๖๖
ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งในนำั้ใจของพวกท่าน ที่มีต่อพระบ้านนอกอย่างเรา ตอนนี้กำลังอ่านที่พวกท่านแนะนำมา มี
อะไรสงสัยจะเข้ามาถาม และหวังว่า ออกพรรษาแล้วคงมีโอกาส ได้ร่วมกิจกรรมดีๆ กับท่านๆผู้มีใจเป็นกุศล
ขอเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกท่าน

#16 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1423 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 09 September 2006 - 10:30 AM

ถ้าที่วัดของท่าน ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถติดจานดาวธรรมหรือยัง น่ะเจ้าคะ
กราบนิมนต์พระคุณเจ้า กรุณาแจ้งชื่อ-ที่อยู่ของวัด ให้กัลยาณมิตรที่เวบdmcทราบ เพื่อส่งหนังสือธรรมะ หรือสื่อธรรมอื่นๆ เช่น vcdธรรมะ
ไปยังพระคุณเจ้า ที่วัดของพระคุณเจ้า ทางไปรษณีย์ เจ้าค่ะ
เพื่อพระคุณเจ้าจะได้ศึกษาจากสื่อเหล่านี้ไปก่อน และนำเสนอสื่อต่างๆ เหล่านี้ต่อท่านเจ้าอาวาส
ท่านเจ้าอาวาสก็จะได้เห็นว่าสื่อdmc ว่ามีแนวทางธรรมเป็นแบบนี้ ๆ
เมื่อท่านเจ้าอาวาสสนใจ และอนุญาตให้ติดดาวธรรมได้
แล้วสมาชิก dmc ก็ช่วยกันดำเนินการติดดาวธรรมให้ท่านดีไหม
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#17 เด็กน้อยคอย(หา)บุญ ^^

เด็กน้อยคอย(หา)บุญ ^^
  • Members
  • 92 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 September 2006 - 03:28 PM

QUOTE
กราบนิมนต์พระคุณเจ้า กรุณาแจ้งชื่อ-ที่อยู่ของวัด ให้กัลยาณมิตรที่เวบdmcทราบ เพื่อส่งหนังสือธรรมะ หรือสื่อธรรมอื่นๆ เช่น vcdธรรมะ
ไปยังพระคุณเจ้า ที่วัดของพระคุณเจ้า ทางไปรษณีย์ เจ้าค่ะ
เพื่อพระคุณเจ้าจะได้ศึกษาจากสื่อเหล่านี้ไปก่อน และนำเสนอสื่อต่างๆ เหล่านี้ต่อท่านเจ้าอาวาส
ท่านเจ้าอาวาสก็จะได้เห็นว่าสื่อdmc ว่ามีแนวทางธรรมเป็นแบบนี้ ๆ
เมื่อท่านเจ้าอาวาสสนใจ และอนุญาตให้ติดดาวธรรมได้
แล้วสมาชิก dmc ก็ช่วยกันดำเนินการติดดาวธรรมให้ท่านดีไหม


นมัสการ เจ้าคะหลวงพี่
เห็นด้วย จะได้ช่วยอีกแรงเจ้าค่ะ
อาภรณ์ ชุดสุดท้าย        กาสายะ<br />  ชีพสุดท้ายคือพระ         ผ่องแผ้ว<br /> วิชชาสุดคือธรรมะ        พุทธเจ้า<br />จารจดไว้ลูกแก้ว          จักแคล้วบ่วงมาร<!--sizec--></span><!--/sizec--><!--colorc--></span><!--/colorc-->

#18 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 09 September 2006 - 06:09 PM

กราบคาราวะครับหลวงพี่ทั้ง2 รูป แรกๆๆอยากให้หลวงพี่ดูdmc ผ่านทางเน็ตก่อนนะครับ ถ้าหลวงพี่สนใจจะขอจาน จะมีหลายท่านอยากได้บุญและทางวัดจะจัดส่งให้ นโยบายของวัดอยากให้ทุกวัดมีจานไปติดทุกวัดทางวัดจะได้ศึกษาและแนะนำสั่งสอนญาติโยมต่อไป ถ้าหลวงพี่สนใจดูตัวอย่างด้านบนได้นะครับ

กราบคาราวะหลวงพี่ทั้ง2 รูปด้วยความเคารพยิ่งครับ
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี

#19 เอกายนมรรค

เอกายนมรรค
  • Members
  • 15 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 September 2006 - 09:06 PM

นมัสการพระคุณเจ้า

ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ท่านได้มีโอกาสเข้ามาในทางสายกลาง ทางไปแห่งพระพุทธเจ้าพระอรหันต์
ทางนี้ ทางที่เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา

ทางสายกลางอยู่ที่ไหน
อยู่ในตัวของเรานั่นเอง ในกายยาววา หนาคืบ กว้างศอก
ตั้งอยู่ที่กลางท้อง เหนือระดับสะดือขึ้นมาสองนิ้วมือ :7j'ที่นี่คือทื่ตั้งของกำเนิดธาตุธรรมเดิม เราเรียกว่า ศูนย์กลางกาย
แต่จะไปสู่ศูนย์ กลางกาย ไปสู่ทางสายกลางนี้ได้ ต้องเข้าสู่ประตูทางเดินของใจเสียก่อน รวมทางเดินของใจมีอยู่ 7 ที่ 7 แห่ง 7 ฐาน
เรื่องนี้ต้องเรียนในรายละเอียด

เมื่อใจกลับเข้าสู่ที่ตั้งของกำเนิดธาตุธรรมเดิมได้แล้ว ใจก็หยุด
เมื่อใจหยุด นั่น ถูกตัว "สมถะกรรมฐาน" แล้ว
สมถะ แปลว่า หยุด นิ่ง สงบ ระงับ
กรรมฐาน แปลว่า ที่ตั้งแห่งใจ
เมื่อพระคุณท่าน เอาใจไปหยุดอยู่ที่ศูนย์กลางกาย อันเป็นที่ตั้งของกำเนิดธาตุธรรมเดิม พระคุณท่านย่อมได้ชื่อว่าเดินตามรอยบาทของพระบรมศาสดาแล้ว
และเมื่อใจหยุด จิตของพระคุณท่านก็จะเป็นขึ้น (จิตฺตํ ภวิยติ) ท่านก็จะเห็นดวงธรรมอันเป็นดวงกลม ขาว ใส สว่างโชติขึ้น
เห็นได้ด้วยตัวของท่านเอง จะไม่เกิดความลังเลสงสัย
เมื่อสมถะกรรมฐานเกิดแล้ว นั่นก็จะเป็นบาทฐานให้ท่านได้ไปเรียนวิปัสสนา ซึ่งวิชชาธรรมกายสอนเอาไว้ทั้งเบื้องต้น เบื้องกลาง และเบื้องสูง
หมายความว่า พระคุณท่านสามารถบรรลุมรรคผนิพพานได้ด้วยวิชานี้ แต่จะว่าเร็วหรือช้า จะในชาตินี้หรือในชาติหน้า ก็แล้วแต่ความแก่กล้าในอินทรีย์ของท่าน
คือแล้วแต่กำลังบารมีของพระคุณท่านนั่นเอง

วิชชาธรรมกายไม่ได้หยุดอยู่แค่ดวงแก้ว หรืออะไรอย่างที่ใครที่ไม่รู้เรื่องโจมตีเอา
ดวงแก้วที่เห็นวางตั้ง ๆ กันอยู่ เป็นเพียงเครื่องมือให้เราจดจำเป็นบริกรรมนิมิต
และเมื่อท่านฝึกจนใจขงอท่านสงบจนจิตนั้นเป็นขึ้น เมื่อนั้นท่านก็จะเข้าถึง "กายธรรม"
กายธรรมนั่นแหล่ะคือพุทธรัตนะ
ดวงธรรม คือดวงกลม ขาว ใส ในท้องของกายธรรม นั่นแหล่ะคือธรรมรัตนะ
ใจ จิต วิญญาณ ของกายธรรม นั่นแหล่ะคือสังฆรัตนะ
นั่นคือ ครบองค์ของพระรัตนตรัยแล้ว ความลังเลสงสัยในพระศาสนาไม่มีแล้ว ศรัทธาปักหลักหนักแน่นมั่นคงไม่ไหวเคลื่อนแล้ว

ขอให้ประกอบเหตุ สังกตผล ทนเอาเถิด ประเสริฐนัก
ขอกราบอนุโมทนา
http://www.dhammakaya.or.th





#20 น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

    เราคือ นักรบกล้าอาสาสมัคร กองทัพธรรม

  • Members
  • 1961 โพสต์
  • Gender:Female
  • Interests:ช่วยงานบุญที่วัด ให้ถึงที่สุดกำลัง ตราบวันที่ชีวิตจะสิ้นลมหายใจ

โพสต์เมื่อ 12 September 2006 - 10:22 PM

QUOTE
ผมคิดว่า พวกเรา ชาวสมาชิก ร่วมบุญกันติดตั้งให้ พระคุณเจ้าท่านร่วมกันดีมั้ยครับ ใครเห็นด้วยบ้างครับ

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะพี่เอ็กซ์
"ด้วยใจกล้าอาสา พัฒนาไม่หยุดยั้ง"

น้ำฝนลูกพระธัมฯ

#21 คนรักวัด

คนรักวัด
  • Members
  • 626 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 October 2006 - 12:14 PM

อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ

ไฟล์แนบ

  • แนบไฟล์  0_8.jpg   53.05K   44 ดาวน์โหลด

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ

เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก

Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain