ขี้เกียจพิมพ์ใหม่ ผมขอก๊อปสิ่งที่ผมเคยพิมพ์มาเมื่อกระทู้ก่อนมาให้อ่านละกันนะครับ
ความเป็นมาของวัดพระธรรมกายสำหรับวัดพระธรรมกายนั้น นับว่าเป็นวัดเกิดใหม่สร้างมาได้แค่ 30 กว่าปี โดยการนำของศิษย์เอกในการเจริญสมาธิภาวนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ คือ แม่ชี จันทร์ ขนนกยูง (คนวัดจะเรียกว่า คุณยายอาจารย์ ครับ) โดย หลวงพ่อวัดปากน้ำยกย่องคุณยายอาจารย์ว่า เป็นหนึ่งไม่มีสอง
ครั้นสิ้นหลวงพ่อวัดปากน้ำแล้ว คุณยายอาจารย์ก็ยังคงสอนสมาธิภาวนาตามแนววิชชาธรรมกายต่อมา โดยได้เจอศิษย์คนหนึ่ง ซึ่งปัจจุบัน คือ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (พระไชยบูลย์ ธัมมชโย) และ เมื่อมีลูกศิษย์มาศึกษาสมาธิกับคุณยายอาจารย์มากขึ้น บ้านของคุณยายอาจารย์ที่วัดปากน้ำไม่สามารถรองรับสมาชิกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ หมู่คณะศิษย์จึงคิดสร้างสถานที่แห่งหนึ่งที่ใหญ่โตกว้างขวางเพียงพอ เพื่อเน้นการสอนเจริญสมาธิภาวนา ซึ่งก็คือวัดพระธรรมกายในปัจจุบัน ดังนั้นจึงอาจจะกล่าวได้ว่า วัดพระธรรมกาย ก็คือ "วัดลูก" ที่แตกออกมาจากวัดปากน้ำ โดยการก่อสร้างของลูกศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำนั่นเอง
ด้วยเหตุที่ ผู้มาในภายหลังได้เห็นคุณค่าของการเจริญสมาธิภาวนา ทำให้เกิดการชักชวนกันแบบปากต่อปาก สาธุชนจึงมามากขึ้นๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนในที่สุดต้องขยายพื้นที่เป็นวัดพระธรรมกายที่กว้างขวาง และ มีสิ่งก่อสร้างใหญ่โตมากมาย เพื่อรองรับการมาฝึกสมาธิภาวนาได้ครั้งละมากๆ เพราะ พระราชภาวนาวิสุทธิ์มีความคิดที่ว่า ถ้าสาธุชนจะมาวัดแล้วถ้าวัดเต็ม จะทำการปิดประตูวัด ไม่รับคนเพิ่มก็ทำไม่ได้ เพราะเป็นการทำลายศรัทธาของผู้ที่มีใจใฝ่ในธรรม แต่ถ้าคนมามาก แล้วไม่มีสถานที่รองรับ ที่พออำนวยความสะดวกตามสมควร ให้ไปนั่งสมาธิกลางแดด กลางฝน ก็ไม่ได้อีก เพราะจะทำให้คนที่ยังมีศรัทธาง่อนแง่น ไม่อยากมาฝึกสมาธิต่อเพราะความยากลำบาก ทำให้พวกเขาเหล่านั้นต้องเสียโอกาสของตนเองไป ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการก่อสร้างใหญ่โต จนเป็นที่กังขาของหลายๆ คนที่ยังไม่เคยมาวัด มาสัมผัสบรรยากาศในพิธีกรรมบุญต่างๆ ว่าแต่ละงานมีปริมาณสาธุชนมากเพียงไร
วิชชาธรรมกายคืออะไร ถูกต้องตามพระพุทธศาสนาหรือไม่สำหรับวิชชาธรรมกายนั้น เป็นวิชชาที่หลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี สด จนฺสโร ได้นั่งสมาธิเข้าถึงเมื่อกลางวันเพ็ญเดือน 10 ปี พ.ศ.2460 ณ พระอุโบสถวัดโบสถ์บน บางคูเวียง จังหวัดนนทบุรี คือเมื่อกว่า 80 ปีที่ผ่านมา
แท้จริงแล้ว แนวการปฏิบัติตามวิชชาธรรมกายนั้น เป็นวิธีการที่มีในคัมภีร์วิสุทธิมรรค รายละเอียดสามารถอ่านได้ที่ลิงค์
http://www.heritage....misc/study2.htmคัมภีร์วิสุทธิมรรคนี้ถือเป็นคัมภีร์แม่แบบของการเจริญสมาธิภาวนาของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย และ พระภิกษุจะได้ร่ำเรียนคัมภีร์นี้เมื่อเรียนบาลีสนามหลวงถึงประโยค 8
โดยคัมภีร์ได้กล่าวว่าสมาธิสามารถฝึกได้ 40 วิธี โดย วิธีการฝึกสมาธิแบบตามลมหายใจ หรือที่เรียกว่า อานาปานสติ ซึ่งคนไทยรู้จักกันดี ก็เป็นวิธี 1 ใน 40 วิธีที่มีบันทึกไว้ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคนี้เช่นกัน
สำหรับการปฏิบัติตามแนววิชชาธรรมกายนั้น จะพูดให้ถูกต้องแล้ว คือ การฝึกสมาธิแบบ อาโลกสิณ และ พุทธานุสติ ซึ่งทั้ง 2 วิธีนี้ ก็มีในคัมภีร์วิสุทธิมรรคเช่นเดียวกัน โดย
1) การที่สอนให้นึกถึง ดวงแก้วกลมใส จัดเป็น อาโลกสิณ (กสิณแสงสว่าง)
2) การสอนให้นึกถึงพระพุทธรูปแก้วใส จัดเป็น พุทธานุสติ (นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์)
3) การสอนให้ภาวนาว่า "สัมมา อะระหัง" จัดเป็น พุทธานุสติ เช่นเดียวกัน
โดยเมื่อทำสมาธิภาวนาจนใจหยุดถูกส่วนจะเห็นดวงสว่างภายในเกิดที่กลายกาย ซึ่งหลวงพ่อวัดปากน้ำเรียกว่า " ดวงปฐมมรรค " หรือ " ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน " และเมื่อดำเนินจิตให้นิ่ง ยิ่งขึ้น หยุดใจให้นิ่งมากขึ้นไปอีก จิตก็จะดำเนินเข้าไปสู่ภายใน จนถึง กายๆ หนึ่ง เรียกว่า " พระธรรมกาย " หรือ " กายธรรม " ด้วยเหตุนี้ การเจริญสมาธิตามที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านสั่งสอนโดย ฝึกแบบอาโลกสิณ และ พุทธานุสติ จึงได้อีกชื่อหนึ่งว่า " การฝึกสมาธิตามแนววิชชาธรรมกาย " นั่นเอง ซึ่งทำให้ผู้คนเกิดการเข้าใจผิดพลาดว่า การฝึกสมาธิตามแบบหลวงพ่อสดนี้ ไม่มีในคัมภีร์วิสุทธิมรรค ซึ่งถือเป็นการเข้าใจที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนอย่างแรง
การฝึกสมาธิในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่ อาโลกสิณ และ พุทธานุสติ นี้ สามารถเข้าถึงพระธรรมกายได้หรือไม่ถ้าฝึกสมาธิในรูปแบบอื่น ก็สามารถเข้าถึงดวงสว่างภายใน หรือ ที่เรียกว่า "ดวงปฐมมรรค" และ พระธรรมกายได้เช่นเดียวกัน แม้แต่การปฎิบัติแบบอานาปานสติ ของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ก็ได้ดวงสว่างเช่นกัน แต่ท่านเรียกว่า "ดวงพุทโธ" ดังหลักฐานข้อความข้างล่าง
QUOTE
การฝึกสมาธิตามแบบพุทธศาสนาเถรวาท
อานาปานสติ
การฝึกสมาธิแบบอานาปานสติ เป็นรูปแบบการฝึกสมาธิที่นิยมฝึกกันมาก ในทางพระพุทธศาสนาเถรวาท ในที่นี้จักขอยกเอาการฝึกสมาธิตามแบบสายพระธุดงค์อีสาน โดยมีพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ เป็นครูผู้สอนสมาธิที่มีชื่อเสียงมากในสายพระธุดงค์อีสาน[๒๙] ซึ่งท่านใช้คำว่า พุท-โธ เป็นหลักในการภาวนาตามจังหวะลมหายใจเข้า-ออก นอกจากนี้ท่านยังเน้นการเดินจงกรม โดยระยะที่จะเดินประมาณ ๕ เมตร ถึง ๑๐ เมตร
มองทอดสายตาดู ไปข้างหน้าประมาณ ๔ ก้าวเพื่อไม่ให้จิตใจวอกแวก ส่วนมือซ้ายก็นำมาวางที่หน้าท้องและมือขวามาวางทับ เพื่อป้องกันแขนแกว่งขณะเดิน และดูสวยงาม เมื่อได้ท่าที่พอดีแล้วก็เดินก้าวขาขวาไป ก็นึกคำว่า "พุท" และเมื่อก้าวขาซ้ายไปก็นึก คำว่า "โธ" เวลาเดินไม่หลับตาแต่ให้ลืมตา และกำหนดสัมผัสของเท้าที่ก้าวเหยียบลงพื้น เดินว่าพุทโธไปเรื่อย พอถึงปลายทาง เดินก็หยุดนิดหนึ่ง แล้วก็หันกลับด้านขวามือ มาทางเดิม และเดินว่าพุทโธต่อไป อย่าเร็วเกินไป หรือช้าเกินไป กำหนดจิตของเราอยู่ที่ก้าวเดินและคำภาวนา ไม่ให้จิตวอกแวก
สิ่งสำคัญคือ การกำหนดจิตให้ทันการเคลื่อนไหว ส่วนการเดินเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น เราควรทำอย่างน้อย ๓๐ นาที และจะดีมากขึ้นถ้าตามด้วยการนั่งสมาธิ เพราะการเดินจงกรม เป็นการเปลี่ยน อิริยาบถ ปล่อยอารมณ์ และเตรียมร่างกายให้พร้อมสู่การนั่งสมาธิ
อิริยาบถนั่งสมาธิ
นั่งขัดสมาธิ เอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย วางลงบนตัก ตั้งกายตรง (ไม่นั่งก้มหน้า ไม่นั่งเงยหน้า ไม่นั่งเอียงซ้าย ไม่เอียงขวา ไม่โยกหน้า ไม่โยกหลัง) ไม่กดและข่มอวัยวะในร่างกาย
วางกายให้สบาย ๆ ตั้งจิตให้ตรง ลงตรงหน้า กำหนดรู้ซึ่งจิตเฉพาะหน้า ไม่ส่งจิตให้ฟุ้งซ่าน ไปในเบื้องหน้า-เบื้องหลัง (อนาคตและอดีต) พึงเป็นผู้มีสติ กำหนดจิตรวมเข้าตั้งไว้ในจิต บริกรรม พุทโธจนกว่าจะเป็นเอกัคคตาจิต
สรุปการทำสมาธิแบบอานาปานสติ จะใช้วิธีเอาสติไปอยู่ที่ลมหายใจเข้า-ออก โดยภาวนาพุท-โธ กำกับด้วย ส่วนนอกรอบก็ฝึกสติด้วยการเดินจงกรมพร้อมกับภาวนา พุท-โธ ไปด้วย ซึ่งผลการปฏิบัติที่ดีก็จะทำให้ใจสงบ มีดวงสว่าง เป็นต้น หรือที่พระอาจารย์มั่นมักเรียกว่า ดวงพุทโธ
อ้างอิงจากลิงค์
http://dou_beta.trip...D101_03_th.htmlพระธรรมกายคืออะไร คำว่า "ธรรมกาย" มีหลักฐานในพระพุทธศาสนาหรือไม่" พระธรรมกาย " ซึ่งเป็นกายพระแก้วใส มีลักษณะเป็นพระปฏิมากรแก้วใส เกศดอกบัวตูม หลวงพ่อวัดปากน้ำกล่าวว่า เป็น กายเดิมจิตเดิม มีอยู่มนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด ชาติไหน ภาษาไหน เชื่อว่าตนเองมีพระธรรมกายหรือไม่ ก็ตาม เพียงแต่การเจริญสมาธิภาวนา เป็นการทำให้เข้าไปพบของจริงที่มีอยู่ภายในตัวของมนุษย์ทุกคนเท่านั้น ไม่ว่า เค้าเหล่านั้นจะตายและเกิดกี่ครั้งก็ตาม พระธรรมกายนี้ ก็ยังคงอยู่กับเขาผู้นั้น ไม่ว่าจะไปเกิดอยู่ที่แห่งหนใด ของโลกใบนี้ เชื่อหรือไม่เชื่อถึงการมีอยู่ของพระธรรมกายภายในของตนก็ตาม
พระธรรมกายนี้ ผู้เข้าถึงจะรู้ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องไปถามใคร หมดข้อสงสัย ว่าใช่ของแท้ทางพระพุทธศาสนาหรือไม่ สมดังบทสวดยกย่องพระธรรมในการทำวัตรเช้า วัตรเย็นที่ว่า " ปัจจัตตัง เวทิตัพโพวิญญูหิ แปลว่า วิญญูชนพึงรู้ได้เฉพาะตน "
ถามว่าสิ่งที่เรียกว่า "พระธรรมกาย" นี้ เป็นสิ่งที่มีบันทึกในพระไตรปิฏกหรือไม่ ขอตอบว่า สำหรับพระไตรปิฏกชุดปัจจุบัน ก็มีบันทึกกล่าวถึงคำนี้อยู่หลายแห่งด้วยกัน สามารถดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์นี้ครับ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=2541