ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ทำใจให้ยอมรับว่าตัวเรามีแต่ของเน่าเสีย ผมทำไม่ได้


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 14 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 สาคร

สาคร
  • Members
  • 764 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 September 2006 - 07:53 AM

มีท่านใดทำใจได้หรือไม่ครับ หรือมีแนวคิดที่จะแนะนำได้ใหม ทำยังไงถึงจะคิดให้อยู่ในกรอบอันนี้ได้ แบบจริงใจนะ ทุกวันนี้ผมรู้ว่าตัวผมเองมีแต่ของเน่าเสีย แต่จิตใจผมยังไม่ยอมรับ ยังมีการแต่งตัวใส่เครื่องประดับเหมือนเดิม คนอื่นเขาทำกันยังไงแล้วเขาทำกันได้ใหมครับ
ความรักความเมตตาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่คนดีเขามีกัน


[email protected]

#2 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2192 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 13 September 2006 - 08:34 AM

ทำได้ถ้าได้ทำ...ต้องเริ่มทำค่ะ

สงสัยต้องผู้ชายด้วยกันตอบ! smile.gif

#3 dmm

dmm
  • Members
  • 28 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 September 2006 - 08:48 AM

ถ้าคุณเคยผ่านการบวชมาแล้วคงจะไม่ใช่เรื่องอยากเลยนะครับ สำหรับคำถามนี้ ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริงที่ทุกคนมีต้องยอมรับนะครับการที่คุณจะแต่งตัวเพื่ออะไรนั้นก็ทำได้นะครับ แต่ต้องพิจรณาบ่อยๆแล้วจะยอมรับได้เอง

#4 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 13 September 2006 - 08:54 AM

จะเอาแบบพิจารณาตัวเองหรือคนอื่นล่ะครับ ถ้าพิจารณาตัวเองก็ยากหน่อยนะครับ เพราะต้องใช้ระยะเวลาและสมาธิช่วย ผมขอแนะนำวิธีที่ผมใช้อยู่ประจำทุกวันให้นะครับ เผื่อจะได้ผลกับคุณ ให้เริ่มตั้งแต่ตื่นนอนเลยนะครับ

1. เมื่อตื่นนอนแล้ว ก่อนจะลุกจากที่นอน ให้เอาใจเข้าศูนย์กลางกายสัก10นาที
2. อย่าพึ่งเข้าห้องนํา อย่าพึ่งล้างหน้า และอย่าพึ่งแปลงฟัน ให้หากระจกที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วไปยืนส่องดูตัวเอง แล้วนึกในใจว่า นี่หรือคือตัวจริงของเรา
3. ให้เอามืออังปากตัวเองแล้วพ่นลมหายใจออกมาทางปาก แล้วสูดดมเข้าไปลึกๆ แล้วนึกในใจว่า นี่คือกลิ่นภายในที่แท้จริงของเรา
4. เมื่อใดที่ต้องเสียเหงื่อ จนมีกลิ่นกายออก ให้นึกเสมอว่านี่แหละกลิ่นตัวของเรา แม้จะพยายามปกปิดด้วยนําหอมหรือเครื่องประดับสุดท้ายก็ไม่เป็นผล ปกปิดได้แค่ชั่วคราว สุดท้ายกลิ่นตัวเราก็ส่งกลิ่นเหม็นออกมาอยู่ดี
5. ให้สังเกตุเครื่องประดับ ว่ามีความสกปรกหรือไม่ หากมี ให้คิดในใจว่า เครื่องประดับเหล่านี้ตอนซื้อมาก็สวยดี แต่พอโดนตัวเราปุ๊บของสวยงามนี้ก็หม่นหมอง ร่างกายเรามีแต่ของสกปรก เครื่องประดับที่ตอนแรกดูสวยงามกลับต้องมาหม่นหมองเพราะร่างกายเรา

เอาแค่5ข้อนี้ไปลองทำดูก่อนนะครับ ถ้าคุณเจ้าของกระทู้เอา5ข้อนี้ไปฝึก ผมคิดว่าต้องช่วยได้ไม่มากก็น้อยครับ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#5 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 13 September 2006 - 09:08 AM

สอ่งที่ตบแต่งร่างกายนั้นไม่ใช่ของจริงของที่จริงนั้นอยู่ในภายตัวเราเคยได้ยินทุกวันใช่มั้ยครับที่หลวงพ่อว่ายิ้มกันหรือยังจ๊ะ ถ้าเราไม่ยิ้มเหมือนว่าเรายังไม่ได้แต่งตัวเหมือนขาดอะไรไปสิ่งที่ครูบาอาจารย์สั่งสอนมานั้นเชื่อเถอะคราบมีผลดีเยอะถ้าเราลองมาพิจารณากันดูแต่ละอย่างสิครับว่าถูกมั้ยผมว่าถูกนะตั้งแต่สมัยหลวงปู่ คุณยาย หลวงพ่อธัมมะ และหลวงพ่อทัตตะ ท่านสอนอะไรมาถ้าเราคิดตามล่ะก็สว่างเลยครับช่วงฝันในฝันทุกวันหลวงพ่อจะมาให้ธรรมะทุกวันธรรมะมีแตกต่างกันไปที่พระสัมมาสัมพุทธพระองค์สั่งสอนมาไม่มีวันรู้จบเรียนทั้งชาติหรือกี่ชาติก็ยังไม่จบ อย่าลืมนะให้เราคิดธรรมตามนะแล้วจะดีเอง
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี

#6 Tanay007

Tanay007
  • Members
  • 616 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 September 2006 - 09:38 AM

อาจจะไม่ถูกกับอัธยาศัยก็ได้ เรื่องนี้แม้แต่ในพุทธกาลก็เกิดมาแล้ว
มีสัทธิวิหาริกของพระสารีบุตร (พระลูกศิษย์ที่ท่านบวชให้) ออกบวชจากตระกูลช่างทอง พระอุปัชฌาย์เห็นว่าดูแล้วพวกช่างทองคงจะมีอุปนิสัยรักความสวยความงาม ก็เลยให้กรรมฐานประเภทอสุภกรรมฐาน (ดูศพบ้าง ดูอาการ 32 บ้าง) แต่ยิ่งให้ ก็ดูเหมือนนักเรียนก็ยิ่งจะเครียด ก็พาไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พอพระองค์ตรวจดูอุปสัยที่สั่งสมมาปรากฏว่าสั่งมาแต่เรื่องสวยๆ งามๆ ทั้งนั้น ก็เลยประทานกรรมฐานที่เหมาะสมให้ (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นดอกไม้สีแดง) และนั่นเองจึงเป็นเหตุให้ท่านใจหยุด จนได้บรรลุอริยผลในที่สุด
ถามว่าพระสารีบุตรท่านไหม? ท่านไม่ผิดเลย ท่านก็ว่าไปตามหลักสูตรของท่านเลยครับ (เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ) แต่ภิกษุท่านนี้ เป็นแบบพุทธเวไนย ต้องให้พระพุทธเจ้าโปรดเท่านั้น
ส่วนคุณสาคร ก็พอที่จะประยุกต์ใช้ได้ ถ้าอารมณ์ดังกล่าวไม่ถูกกับอัธยาศัยตนเอง ก็ต้องเลือกเอาอารมณ์ที่สบาย ให้เหมาะกับจริตตนเองครับ ขอแต่เพียงให้อารมณ์นั้นทำให้ใจเราหยุดนิ่งได้ ก็ถือได้ว่าทำถูกวิธีแล้ว

#7 ปาลินารี

ปาลินารี
  • Members
  • 258 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 September 2006 - 09:42 AM

เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องทำใจกันหน่อย บางเรื่องง่ายสำหรับคนหนึ่ง ยากสำหรับอีกคน บางเรื่องยากสำหรับคนหนึ่ง แต่ง่ายสำหรับอีกคน

สำหรับตัวเอง เรื่องที่ทำใจอยู่พักใหญ่สมัยเข้าวัดใหม่ ๆ คือ ยอมรับว่า ผู้หญิงเป็นเพศอาภัพ เกิดมาเป็นผู้หญิงเพราะทำผิดกาเม แต่เดี๋ยวนี้ยิ่งกว่ายอมรับอีก ยิ่งฟังเคสมาก ยิ่งยอมรับมาก รวมถึงความรู้ที่ยิ่งเรียนรู้ยิ่งยอมรับว่าใช่เลย

ในเรื่องทำใจว่าภายในตัวมีแต่ของเน่าเหม็นนั้น ไม่แน่ใจว่าจำผิดหรือเปล่า

สมัยหลวงปู่ ให้พระบวชใหม่เก็บผมที่โกนเอาไว้หลาย ๆ วัน แล้วเอามาดูภายหลัง...ผมเปียกที่เก็บไว้มีกลิ่นแน่นอน

ไปวัดบ่อย ๆ ฟังธรรมมาก ๆ นั่งสมาธิเยอะ ๆ บวชด้วยยิ่งเยี่ยม อีกหน่อยก็ยอมรับไปเองแหละค่ะ ...ไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจนะคะ

อนุโมทนาบุญค่ะ




#8 PhraDhamma_son

PhraDhamma_son
  • Members
  • 25 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 September 2006 - 09:46 AM

มีวิธีที่ง่ายที่สุดเลยนะครับ การพิจารณาก่อนจะนำของเหม็นเข้า ของเน่าออกจากร่างกาย คือก่อนคำข้าวเข้าปากหน้าตาอาหารนั้นเป็นอย่างไร เมื่อป้อนคำข้าวนั้นเข้ายังช่องปากแล้ว อมไว้ยังไม่เคี้ยว หรือเคี้ยวสัก2-3ครั้ง แล้วลองคายออกมาดูสิ ภาพที่น่าเอร็ดอร่อยของคำอาหารเมื่อไม่นานมานี้ แปรเปลี่ยนสภาพไปแล้วแม้นเราเองยังขยะแขยง ยื่นให้ใครมองดู เข้าก็หน้าเบ้ ในภาพที่ได้เห็นนั้น นี้จึงพิจารณาได้ไม่ต้องรอนาน แล้วสามารถสัมผัสได้ไม่ยากนักครับ

#9 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 13 September 2006 - 01:44 PM

ก็ใช้วิธีเดียวกันกับที่ เรายอมรับว่าร่างกายเรามีเสื้อผ้าเครื่องประดับสวยงาม แต่จะต่างกันตรงที่ แบบนั้นมันเห็นภาพชัดเจน ก็เลยนึกยอมรับเอาอย่างง่ายๆได้ แต่ถ้าจะไห้ยอมรับสภาพเน่าเหม็นของ อวัยวะภายใน บางท่านอาจจะยาก เพราะมันอยู่ข้างใน มองไม่เห็นด้วยสายตา อาจจะทำได้โดย นึกเอาให้เห็นของเน่าเหม็นต่างๆของร่างกายที่มองเห็นได้ด้วยตาก่อน อย่างพวกของเน่าๆผิวนอกเช่น น้ำมูก น้ำลาย อุจจาระ ปัสาวะ (ขี้มูก ขี้ตา ขี้ฟัน) (ขี้หู ขี้เล็บ รังแค ชันตุ) แค่นี้ก็แทบอ๊วกแล้ว




#10 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 13 September 2006 - 02:08 PM

เรื่องนี้ ก็ขึ้นอยู่กับบารมีที่สั่งสมมาด้วยนะครับ อย่างผมนี่ ถ้าให้บวชชั่วคราว ก็มีใจอยากบวช แต่ถ้าจะให้บวชตลอดชีวิตนี่คิดหนักเลย เพราะเรารู้ตัวเองเลยว่า จิตใจเรายังไม่ถึงขั้น สละกามคุณทั้ง 5 (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส) ได้ เรื่องนี้บางท่านอย่ามองแค่เรื่องเพศตรงข้ามนะครับ เพราะกามคุณทั้ง 5 นั้นรวมหมด เช่น อยากมีบ้านสวยๆ มีรถยนต์คันหรู มีชื่อเสียงหน้าตาในสังคม เป็นต้น ผมยอมรับว่าตอนนี้ ยังสละเรื่องพวกนี้ไม่ได้ แต่ผมก็มั่นใจว่า เมื่อผมได้บำเพ็ญบารมีไปเรื่อยๆ รวมทั้งเนกขัมมบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป สิ่งที่ทำไม่ได้ในตอนนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะทำไม่ได้ตลอดไป มันก็ต้องสั่งสมบารมีกันไปน่ะครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#11 นักรบทิศตะวันตก

นักรบทิศตะวันตก
  • Members
  • 354 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Bangkok Thailand
  • Interests:...หยุด...

โพสต์เมื่อ 13 September 2006 - 06:18 PM

ร่างกายนี้แก่หง่อมแล้ว เป็นที่อาศัยของโรค
แตกทำลายง่าย ร่างกายอันเน่าเหม็นนี้
จักแตกสลายพังภินท์
เพราะชีวิตสิ้นสุดลงที่ความตาย



จงดูร่างกายที่ว่าสวยงามนี้เถิด
เต็มไปด้วยแผล สร้างขึ้นด้วยกระดูก
มากด้วยโรค มากด้วยความครุ่นคิดปรารถนา
หาความยั่งยืนถาวรมิได้
พุทธพจน์

ผู้มีความกล้า....ย่อมมีความหวัง...

.
ฟังเรื่องราวดีๆได้ที่นี่ครับ

#12 ~ รั ก บุ ญ ~

~ รั ก บุ ญ ~
  • Members
  • 98 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Thailand
  • Interests:^-^ กรุณา เผื่อแผ่ เหลียวแลเอื้อ ^-^<br />^-^หวังช่วยเหลือ เพื่อนยาก ลำบากขันธ์^-^<br />^-^เห็นเพื่อนทุกข์ ทุกข์ด้วย เข้าช่วยพลัน^-^<br />^-^ให้เพื่อนนั้น พ้นทุกข์ ได้สุขใจ ฯ^-^

โพสต์เมื่อ 13 September 2006 - 06:26 PM

QUOTE
มีท่านใดทำใจได้หรือไม่ครับ หรือมีแนวคิดที่จะแนะนำได้ใหม ทำยังไงถึงจะคิดให้อยู่ในกรอบอันนี้ได้ แบบจริงใจนะ ทุกวันนี้ผมรู้ว่าตัวผมเองมีแต่ของเน่าเสีย แต่จิตใจผมยังไม่ยอมรับ ยังมีการแต่งตัวใส่เครื่องประดับเหมือนเดิม คนอื่นเขาทำกันยังไงแล้วเขาทำกันได้ใหมครับ

ตอบ การที่จะทำให้ใจของเรายอมรับว่า ร่างกายของเราเป็นสิ่งไม่สะอาด ไม่น่าดู ไม่น่าชม นั้น ต้องพิจารณาตามหลักอสุภกรรมฐาน หรือ กายคานุสติ ซึ่งเริ่มแรกที่เราพิจารณานั้น เราอาจจะยังยอมรับไม่ได้ว่าร่างกายของเราเป็นสิ่งที่ไม่สะอาด เราต้องหมั่นพิจารณาบ่อยๆ จึงสามารถมองเห็นร่างกายของเราตามความเป็นจริงได้
แต่ถ้าปัจจุบัน เรายังไม่สามารถยอมรับได้ว่าร่างกายของเราเป็นสิ่งไม่สะอาดสกปรก หรือยังเห็นว่าร่างกายเราเป็นของสะอาดอยู่
ขอให้เราลองนึกถามตัวเอง เป็นต้นว่า หากตัวเราสะอาดจริงแล้ว ทำไมเราถึงต้องอาบน้ำ แปรงฟัน ทุกวันเล่า ? ก็เพราะตัวเราไม่สะอาดมิใช่หรือ เราจึงจำเป็นต้องอาบน้ำชำระร่างกายทุกวัน เพื่อให้ร่างกายของเรานี้ ไม่สกปรกยิ่งกว่าที่เป็น


น้ำลาย น้ำมูก สิ่งปฏิกูล ที่ออกมาจากร่างกายของเรา เมื่อพ้นจากตัวเราออกสู่ข้างนอกแล้ว มีแต่คนว่า น้ำลาย น้ำมูก สิ่งปฏิกูลเหล่านั้นไม่สะอาด มีแต่คนรังเกียจ ไม่กล้าแตะต้อง ขอให้เรานึกถามตัวเองว่า ก็น้ำลายน้ำมูก หรือสิ่งปฏิกูลอันหลากหลายที่สกปรกเหล่านี้ ได้ออกมาจากร่างกายของเราเองมิใช่หรือ แล้วด้วยเหตุนี้ ร่างกายของเราจะเป็นของที่สะอาดได้อย่างไรกัน
พิจารณาอย่างนี้เป็นต้น

ขอให้หมั่นพิจารณาบ่อยๆตอนแรกๆอาจจะยังยอมรับไม่ได้ แต่เมื่อทำบ่อยๆแล้วทำเป็นประจำ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง จะทำให้เรามองเห็นร่างกายของเราและผู้อื่นไปตามความเป็นจริง ทำให้เราคลายความกำหนัด กามราคะ ต่างๆลงได้

_/|\_ ส า ธุ อ นุ โ ม ท น า บุ ญ ค รั บ
*************************************

ใ ค ร ช อ บ. . .ใ ค ร ชั ง. . .ช่ า ง เ ถิ ด
ใ ค ร เ ชิ ด. . .ใ ค ร ชู. . .ช่ า ง เ ข า
ใ ค ร เ บื่ อ. . .ใ ค ร บ่ น. . .ท น เ อ า
ใ จ เ ร า. . .ร่ ม เ ย็ น. . .เ ป็ น พ อ
. . .|2@|<_|3( )( )|\| @ |-|()T/\/\@I|_.C()/\/\. . .


#13 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1423 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 13 September 2006 - 09:04 PM

ไม่ยากค่ะ หากคุณมีความตั้งใจที่จะหาทางยอมรับ

อันดับแรก คุณต้องมียอมรับประโยคกระทู้ที่คุณตั้งนะคะ ว่าร่างกายมนุษย์และสัตว์มีของเน่าเสียอยู่จริง

2. คุณลองตื่นมาแล้วไม่บ้วนปาก ไม่แปรงฟัน ไม่อาบน้ำ คุณไปกินข้าวเช้าแล้วก็ไม่แปรงฟันหลังอาหาร แต่งตัวไปทำงาน โดยไม่ใช้โรลออน หรือน้ำหอมทุกอย่าง ข้าวเที่ยงก็ทานเลย จนถึงตอนเย็น กลับบ้านก็ไม่ต้องอาบน้ำแปรงฟัน ทำธุระก่อนนอน แล้วก็นอนเลยค่ะ คือให้ลองใช้ชีวิตแบบร่างกายมนุษย์เพียวๆ ดูสัก 2-3 วัน (ถ้าทนได้นะ)
แล้ว....
ไม่เกิน 7 วัน
3. เพื่อนที่ทำงานของคุณจะยอมรับได้เองละค่ะว่า ตัวมนุษย์มีแต่ของเน่าเสีย ..เพื่อนคุณจะมาบอกคุณ มาตอกย้ำคุณ ให้คุณทราบเอง

ในทางตรงข้าม ถ้าคุณต้องการยอมรับความจริง ให้คนสนิทของคุณ หรือเพื่อนที่คุณต้องทำงานด้วยที่นั่งใกล้คุณที่สุด ลองทำแบบนี้ ไม่นานคุณจะยอมรับได้ด้วยตัวคุณเองค่ะ แต่คนอื่นในที่ทำงานจะทนไหวรึเปล่าไม่รู้นะคะ laugh.gif
..............................................................................................
แต่ถ้ายังทำใจรับไม่ได้ คุณก็ไปที่สถาบันนิติเวช หรือโรงพยาบาลที่สอนนักษาศึกษาแพทย์ (ไม่รู้ว่าเขาอนุญาตยังไงนะ คือเคยมีหมอพาให้ไปดูเองแล้ว ส่วนใหญ่เจอแต่อาจารย์ใหญ่ที่แห้งแล้วค่ะ) จะดูรูปอย่างเดียว หรือจะขอเข้าไปดูการผ่าศพก็ชัดดีนะ ว่า(เมื่อปราศจากฟอร์มาลีนแล้ว) นอกจากเน่าเสียได้ กลิ่นก็รุนแรงมากๆ ค่ะ

คิอร่างมนุษย์เนี่ย ยังมีชีวิตอยู่ก็เน่า มีขี้ต่างๆ ไหลออกทุกทวาร ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมากมาย และเสริมสวยเสริมหล่อกันมาก เลยลืมๆไปว่าร่างนะเน่าเป็นปกติ
แต่คุณสาคร พยายามยอมรับความเป็นจริง เนี่ยถือว่ากำลังพยายามอยู่ ดีมากค่ะ ขอให้ทำได้สำเร็จนะคะ
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#14 supapalo

supapalo
  • Members
  • 29 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 September 2006 - 09:24 PM

บทฝึกของคุณยายอาจารย์ ที่ให้ล้วงขัดวิมาน(ไม่ได้สวมถุงมือ) เคยนำมาใช้ได้ผลดีสำหรับตัวเองในเรื่องเหล่านี้ได้มาก รวมอีกมีคุณในอีกหลายๆเรื่อง

#15 iMac24

iMac24
  • Members
  • 437 โพสต์
  • Location:Dmoc
  • Interests:เกิดมาสร้างบารมี

โพสต์เมื่อ 15 September 2006 - 07:26 PM

นั่งธรรมะเยอะ ทำการบ้านหลวงพ่อ ทำแต่ความดี รักษาศีล เมื่อใจสบาย อยู่ในบุญแล้วทุกอย่างจะดีเอง
จงสู้และอย่าท้อ ลูกเอย
ต้องถึงธรรมอย่างเสบย แน่แท้
ให้ทำอย่างที่เคย สอนสั่ง
นั่ง บ่ มีข้อแม้ จักได้ธรรมครอง

สุนทรพ่อ

มาร่วมกันสร้างสันติสุขให้กับโลกกันเถอะ