ภาณยักษ์เป็นพิธีกรรมของพุทธหรือปล่าวคะ
#1
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 09:08 AM
การสวดภาณยักษ์นั่นคืองานเดียวกับเทศน์มหาชาติใช่หรือไม่คะ?
การสวดน้ำเสียงกระแทกกระทั้นดุดันเกรี้ยวกราด และน่ากลัวจัง
แล้วในพิธีจะมีหลาย ๆ คนร้องไห้ ผีเข้า ฯลฯ เหล่านั้นจริงหรือปล่าวน๊า?
ขอบคุณค่ะ
#2
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 09:22 AM
#3
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 09:42 AM
www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=26631
1.ประวัติบทสวดป้องกันยักษ์
ไฟล์แนบ
#4
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 10:32 AM
#5
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 10:43 AM
#6
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 10:52 AM
#7
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 11:04 AM
เกี่ยวกับอาการต่างๆที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มาเข้าร่วมใน พิธีสวด ภาณยักษ์นี้ ได้มีนายแพทย์ท่านหนึ่งได้ให้ สัมภาษณ์ ์และวิจารณ์ว่า เสียงที่สวดมีความโหยหวนกระแทกกระทั้น และมีเสียงสูงต่ำ ยิ่งมีการจุดประทัดด้วย จะกระตุ้นระบบ ประสาท ทำให้เกิดมีอาการชักได้ง่าย การสวดนี้เป็นการ กระตุ้นทางกายและใจ คนที่ใจอ่อนอยู่แล้ว จะชักได้ง่ายยิ่ง คนที่ชักคิดว่ามีผีอยู่ในตัว ก็จะยิ่งมีแนวโน้มจะชักมากขึ้น ความรุนแรงของการดิ้นหรือชัก แตกต่าง กันตั้งแต่พนมมือ และสั่น ( ไม่ได้รวมไว้กับอาการดิ้นหรือชัก ) ซึ่งมีอยู่เป็น จำนวนมาก อาการรุนแรงได้แก่ ลุกขึ้นชัก กระตุกไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งแรงมาก โดยมีการชกต่อยเกิดขึ้น หรือทำร้าย ตัวเอง และหกคะเมนตีลังกา ในทรรศนะ ของจิตเวช แผน ปัจจุบันคือ ได้เกิดมีอาการแตกแยกของจิตใจไปชั่วขณะหนึ่ง ลักษณะต่างๆและพฤติกรรมที่มองเห็น เช่น การกระตุก การสั่น การชักดิ้น ในลักษณะอาการเช่นนี้จะเกิดขึ้นชั่วคราว พร้อมกับส่งเสียงร้องกรี๊ดอย่างน่ากลัว ทำให้บุคคลที่ใจอ่อน อยู่แล้ว เกิดมีอาการเอาอย่าง ขึ้นกับกลุ่มชนที่อยู่ร่วมกันใน ระหว่างพิธี ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ใน การเข้าพิธีสวดภาณยักษ์ ถือว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ซึ่งสิงอยู่ในร่างกายเช่น ถูกของ ผีเข้า ผีสิง ฯลฯ กำลังจะออกจาก ตัวการชักมีสาเหตุสองอย่าง คือ ชักเพราะจิตประสาท ถ้าชักเพราะกรณีนี้จะทำให้สุขภาพ จิตดีขึ้น ไม่มีผลเสียต่อ ร่างกายแต่อย่างใด แต่ถ้าเป็นการชัก อย่างที่สองคือ การชักเพราะมีพยาธิภายในสมอง อันนี้จะเป็น อันตรายต่อผู้ชัก จนอาจทำให้ความจำเลอะเลือน
นี่ก็คือการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนที่เป็นนายแพทย์ ์ในปัจจุบัน ที่ได้ลงสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ส่วนมากผู้ที่ ออกมาวิจารณ์นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่ไม่เชื่อเรื่อง ทางไสยศาสตร์ ส่วนพวกที่มีความรู้ทาง ไสยศาสตร์กัน จริงๆ ก็ยังไม่มีใครออกมาวิจารณ์ หรือแสดงความคิดเห็น กันเลย ก็เพราะหาผู้ที่รู้กันจริงนั้น ไม่ค่อยจะมี
คราวนี้ลองไปฟังความคิดเห็นของผู้ที่ไม่มีวิชาชีพ ทางแพทย์ กันบ้างว่า มีทรรศนะเกี่ยวกับพิธีสวดภาณยักษ์ นี้ ี้เป็น อย่างไรกันบ้าง ตลอดจนทรรศนะของผู้คนที่ได้เข้าพิธี ีกันว่ารู้สึกกัน อย่างไรเกี่ยวกับพิธีนี้
อาจารย์ท่านหนึ่งในมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ผู้ที่ติดตามศึกษาเรื่องพิธีสวดภาณยักษ์มาพอสมควรได้ ้แสดง ทรรศนะในเรื่องนี้ว่า กรณีที่เกิดการชักขึ้นนั้นเกิดได้สองกรณีคือ ผีเข้าจริงๆ ภูตผีปิศาจตกใจกลัว ต้อง การเอา ตัวรอด เลยมาสะกดจิตคนนั้นให้คล้อยตามตัวเอง หรือบางคนอาจโดนของ ซึ่งมีอยู่จริงอีกนั่นแหล่ะมี ีการปล่อย ของกันด้วยอำนาจเวทย์มนตร์ เป็นวิธีทางไสยศาสตร์ คนที่มีอำนาจจิตทำได้ แต่พระพุทธเจ้าไม่ ่สรรเสริญ เพราะ เป็นทางที่ผิด และสามารถฆ่าคนได้ พระพุทธเจ้าท่านมีทางป้องกันสิ่งเหล่านี้อย่างเป็น วิทยาศาสตร์ว่า จิตที่สงบ จะสร้างระบบสูญญากาศก็ไม่มีแรงดึงดูดอะไรๆก็เข้ามาไม่ได้ และการแผ่เมตตา จะทำให้คนที่คิดร้ายกับเรา เปลี่ยน เป็นดี
ส่วนอีกกรณีหนึ่งก็คือ คนๆนั้นเป็นคนใจอ่อน ทางการแพทย์เขาเรียกว่า "จิตวิทยากลุ่ม" เช่น คนหนึ่งเห็น คนอื่นชัก ตัวเองก็จินตนาการว่าจะต้องมีใครมาทำให้ชัก ผลที่สุดเลยชักหน้ามืดกันไปเลย เชื่อว่าเป็นไปได้ ้ทั้งสอง อย่าง ทางพุทธศาสนาเชื่อในเรื่องชีวิตหลังความตาย หรือชีวิตในอีกมิติหนึ่งมีจริง คนเราตายแล้วไปไหน
โลกมนุษย์เรามีทั้งสุขและทุกข์ ชีวิตหลังความตายก็เหมือนกัน บางครั้งเขาไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าเขาตาย ไปแล้ว เพราะเขาก็ปกติอย่างนี้ไม่ได้ทรมาน เว้นไว้แต่ว่าสภาพจิตไม่ดี ตกไปอยู่ในที่ๆไม่ดีเขาจะทรมานเหมือน เรา ถ้าวันไหนคิดสิ่งไม่ดีจะเร่าร้อน ทุกข์ทรมาน
ท่านผู้อ่านก็ได้รับทราบนานาทรรศนะ จากบุคคลซึ่งมีอาชีพที่แตกต่างกันไป ความคิดเห็นก็แตกต่าง กันไปด้วย คราวนี้ลองมารับฟังความรู้สึกของผู้ที่ได้เข้าพิธีสวดภาณยักษ์กันบ้างว่าเป็นอย่างไรกันบ้างครับ สาวใหญ่ผู้หนึ่งขอสงวนนาม ได้เข้าพิธีสวดภาณยักษ์แล้วเกิดอาการชักดิ้นขึ้นในขณะเข้าพิธีในวัดแห่ง หนึ่งซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า
"มาวัดแห่งนี้เป็นครั้งแรก เมื่อก่อนมีญาติเคยเอาสายสิญจน์ภาณยักษ์มาฝาก พอได้ผูกสายสิญจน์ก็ดิ้น พล่าน พี่โดนเขาตามรังควานมาหลายปีแล้วเขาบอกเลยว่าเขาเป็นนักเลง กินเหล้าเมาแล้วตกน้ำตาย วันหนึ่งพี่ ี่ไปซื้อปลาช่อนที่ตลาดมาตัวหนึ่ง พอจะทุบหัวปลาตัวนี้รู้สึกใจไม่ดี พี่เองไม่เคยทุบมาก่อน พอทุบปลาตัวนี้แล้ว หลังจากนั้นต่อมาอีกสี่ปีก็เริ่มมีอาการชักเลย พอพี่ให้คนที่เขามีญาณดูให้ เขาก็บอกว่าวิญญาณอยู่ในปลาช่อน เป็นแรงดลใจให้พี่ทุบหัวปลาช่อน และเขาเป็นวิญญาณที่มีความอาฆาตพยาบาท ตามล้างตามผลาญ พี่ทำบุญ อุทิศกุศลไปให้แต่เขาก็ยังไม่ยอมไปสักที เขาดื้อมากอย่างเมื่อกี้นี้ที่พี่ชักเพราะวิญญาณเขาทนไม่ได้ เขาจะ ครวญครางโอดโอย พี่จะพยามยามต่อสู้ต่อต้าน พอเขาสู้เสียงสวดและน้ำมนต์ไม่ได้เขาจะออกมา หมอสมัย ใหม่พี่ก็ไปมาแล้ว โรงพยาบาลก็ไปมาแล้ว เขาบอกว่าพี่เป็นประสาท พี่กินยาไปไม่รู้กี่ร้อยเม็ดแล้ว หมอบอกว่า ชักบ่อยๆแล้วความจำไม่ดี บางคนแนะนำว่าให้ไปผ่าตัดสมอง แต่บางคนว่าอย่าไปเลยยิ่งไปยิ่งแย่ ถ้าเจอหมอ ไม่เก่งเดี๋ยวเย็บเส้นประสาทไม่ต่อเนื่องสมองจะยิ่งเสื่อมใหญ่ ทุกวันนี้ก็รู้ตัวว่าความจำแย่ลง จำอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง"
ครับ นั่นก็คือความรู้สึกและเหตุผลของผู้ที่ได้ไปเข้าพิธีสวดภาณยักษ์ท่านหนึ่ง ผมพยายามที่จะนำความ คิดเห็นต่างๆ ของผู้คนหลายๆฝ่ายมาเสนอกัน เพื่อความเป็นประชาธิปไตยไม่ลำเอียง หรือฟังความคิดเห็นฝ่าย ใดเพียงแค่ฝ่ายเดียว ส่วนความคิดเห็นส่วนตัวของผมนั้น ขอวิจารณ์กันตามประสบการณ์ที่ได้พบมาด้วยตนเอง และ ในฐานะที่เป็นอาจารย์ทางไสยศาสตร์นะครับว่า พิธีสวดภาณยักษ์ในปัจจุบันนั้นแตกต่างกับสมัยก่อนมาก คนสมัยก่อนเขาทำพิธีกันเพื่อเป็นการปัดรังควาน เขาทำกันด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ และมีความรู้จริงในเรื่อง การทำพิธี ไม่สุกเอาเผากิน ประการสำคัญก็คือ ไม่ได้ทำพิธีบังหน้าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์เหมือนในปัจจุบัน (ไม่ได้เหมาไปหมดทุกแห่งนะครับ) จึงทำให้การประกอบพิธีสวดภาณยักษ์บังเกิดอานุภาพความขลัง และมีความ ศักดิ์สิทธิ์อย่างเพียบพร้อม ผู้ที่เข้าพิธีก็ได้ประโยชน์ในการเข้าพิธีกันจริงๆ ไม่มีโทษเหมือนการทำพิธีในปัจจุบันนี้ เพราะมีบางท่านหวังจะไปเข้าพิธีเพื่อสะเดาะเคราะห์ แต่กลับกลายเป็นว่าก่อนเข้าพิธีไปลำพังคนเดียว แต่ตอนขา กลับต้องเอาภูตผีติดตัวกลับไปด้วย แทนที่เข้าพิธีแล้วจะมีผลที่ดี กลับกลายเป็นว่าแย่ลงหนักกว่าเดิมเสียอีก***
ต่ออีกนิดค่ะ
ตัวผู้เขียนเองได้พบผู้คนหลายรายที่มาให้ช่วยรักษา เพราะมีภูตผีวิญญาณติดตัว บางคนเจ็บป่วยรักษาหมอ โรงพยาบาลแล้วไม่พบสาเหตุ บางรายมีแต่เรื่องที่ทำให้ต้องร้อนใจอยู่เสมอ พอสอบถามคนที่มาให้รักษาว่า ก่อนที่ ี่จะเป็นเช่นนี้เคยไปทำพิธีอะไรมาบ้างหรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบว่า ไปเข้าพิธีสวดภาณยักษ์กันมา หลังเข้าพิธีมาแล้ว ก็เจ็บป่วยบางรายพอผมนำเอาวัตถุมงคลใส่ในมือเขา ก็เกิดอาการดิ้นชักร้องโอดโอย พอสอบถามว่า เคยเกิดอาการ เช่นนี้มาก่อนหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่า แต่ก่อนเป็นปกติดีไม่เคยมีอาการดิ้นชักพอหลังจากที่ได้ไป เข้าพิธีสวดภาณ ยักษ์ที่วัดแห่งหนึ่งแถวๆลาดพร้าว ก็เกิดอาการเช่นนี้เรื่อยมา ได้ยินเสียงพระสวดหรือถูกน้ำมนต์ ์เมื่อใดก็จะเกิด อาการดิ้นชักร้องกรี๊ดออกมาทุกครั้ง
ส่วนอาการต่างๆที่ผู้คนแสดงอาการออกมาในขณะเข้าพิธีสวดภาณยักษ์นั้น มีหลายประเภท บางคนเกิดอาการ ชักดิ้นเพราะมีภูตผีวิญญาณอยู่ในตัวจริง ซึ่งส่วนมากเป็นภูตผีวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรมากกว่าถูกคุณถูกของต่างๆ ประเภทนี้เข้าพิธีสวดภาณยักษ์แล้วจะไม่บังเกิดผลดี เพราะวิญญาณนั้นมีเวรมีกรรมอยู่กับคนๆนั้น หรือที่เรียกว่าติด วิบากกรรมกันอยู่ วิญญาณเจ้ากรรมนายเวรนี้จะไม่สามารถหลุดออกไปได้ ไม่ว่าจะใช้น้ำมนต์ใดๆ มาสาดรดก็ไม่มี ีประโยชน์เลย กลับแต่จะเป็นการทรมานวิญญาณนั้นให้ทุกข์ร้อนหนักขึ้น และจะกลับกลายเป็นว่าทำให้วิญญาณเกิด ความอาฆาตแค้นมากขึ้นไปอีก วิญญาณเจ้ากรรมนายเวรบางรายนั้น เขาพร้อมที่จะอโหสิกรรมกับร่างที่ติดกรรมกัน อยู่แล้ว เพียงแต่รอคอยบุญกุศลที่จะทำให้วิญญาณหมดกรรมต่อกันจึงจะสามารถไปผุดไปเกิดได้เท่านั้น ดังนั้นควร ใช้วิธีการสร้างบุญกุศล แล้วอุทิศไปให้กับเขา บางรายเคยฆ่ากันตายมาก่อน จะให้ทำบุญโดยการใส่บาตรหรือถวาย สังฆทานเพียงอย่างเดียว แล้วจะให้หมดกรรมต่อกันเลยนั้นยังไม่พอเพียงหรอกครับ ดังเช่นสาวใหญ่ที่ให้สัมภาษณ์ ข้างต้น เปรียบเสมือนปวดหัวแล้วไปรับประทานยาแก้ปวดท้อง จะให้หายปวดหัวจะเป็นไปได้หรือครับ บ่อยครั้งที่ ผมได้มีโอกาสพบเห็นไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์ก็ดี หรืออาจารย์ฆราวาส หรือพวกที่อ้างเป็นร่างทรงต่างๆ ไม่ว่าใครไป หาเป็นต้องจับอาบน้ำมนต์หมดทุกคน บางคนมีวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรอยู่แท้ๆ แต่ไม่รู้จริงพออาบรดน้ำมนต์กัน คนที่ถูกน้ำมนต์ก็เกิดอาการดิ้นชักร้องโอดโอย แล้วก็ซี้ซั้วบอกว่าไปถูกคนเขาทำของใส่มา ยิ่งรักษาก็ยิ่งมีแต่อาการ ทรงกับทรุดเท่านั้น
บางรายเกิดอาการดิ้นหรือทำท่าเหมือนวางมวย ก็เพราะบางคนที่เคยไปให้พระหรืออาจารย์ต่างๆ ทำการลง ของ หรือสักน้ำมัน หรือสักหมึกยันต์กันมา พอเข้าพิธีแล้วได้ยินเสียงการจุดประทัดก็จะเกิดอาการตกใจ ของที่ได้ลง อยู่ในตัวจึงแสดงอานุภาพออกมา เพื่อเป็นการป้องกันร่างกายของผู้ที่ทำการลงของนั้น หรือแม้แต่พวกที่เป็นร่างทรง ก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่พวกร่างทรงบางรายอาจจะเกิดอาการลุกขึ้นมาร่ายรำ บางรายก็ดิ้นชักหรือกระโดดโลดเต้น แต่ก็มีพวกที่เป็นร่างทรงบางคนพอเห็นคนอื่นเกิดอาการสั่นหรือชักดิ้น ก็เกิดอาการเอาอย่างเหมือนกัน เห็นคนอื่นมี ีอาการสั่นก็คิดว่าตัวเองต้องสั่นมากกว่าเขา เพื่อแสดงว่าองค์ในตัวนั้นมีฤทธิ์มากกว่าของคนอื่นก็มี
บางรายเกิดอาการดิ้นชักเพราะบางรายเคยไปรับองค์รับขันธ์ เพราะถูกทักว่ามีองค์เทพอยู่ในตัว ทั้งที่จริง แล้วไม่มี แต่พอรับขันธ์กันมาแล้วก็กลายเป็นว่าทำให้ร่างนั้นถูกเปิด พวกวิญญาณสัมภเวสีก็เลยแทรกเข้าไปแทน บางรายก็มีวิญญาณภูตผีอยู่ แต่ถูกหลอกว่ามีองค์เทพอยู่ แล้วให้รับองค์รับขันธ์ ประเภทนี้ยิ่งไปรับขันธ์ก็มีแต่ยิ่ง แย่หนักขึ้นไปอีก บางรายแต่ก่อนเคยเจ็บป่วย พอรับแล้วก็ดีขึ้นพักหนึ่ง ต่อจากนั้นก็ป่วยเหมือนเดิมหรือหนักกว่า เดิมเสียอีก บางรายแม้แต่ชีวิตความเป็นอยู่ ไม่ว่าหน้าที่การงาน การค้า คู่ครอง การเงินพังย่อยยับไปหมดประเภท นี้เข้าพิธีสวดภาณยักษ์ก็จะมีอาการต่างๆ แสดงออกมา เพราะภูตผีวิญญาณที่ไปรับองค์รับขันธ์กันมานั่นเอง
บางรายชอบนั่งสมาธิเองโดยขาดผู้รู้จริงแนะนำ ไปนั่งกันจนกระทั่งภูตผีวิญญาณเข้ามาแฝงแทรกอยู่ในตัว พอเข้าพิธีสวดภาณยักษ์ก็ทนเสียงสวดไม่ได้จึงแสดงอาการออกมา ซึ่งส่วนมากมักคิดว่าถูกของเขาทำหรือ ถูกลม เพลมพัดกันมา ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่
...นั่งสมาธิเอง โดยขาดผู้รู้แนะนำ... แล้ว.........!!!! อย่างนี้จริงเหรอค่ะ???
#8
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 11:12 AM
#9
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 12:19 PM
ต้องถึงธรรมอย่างเสบย แน่แท้
ให้ทำอย่างที่เคย สอนสั่ง
นั่ง บ่ มีข้อแม้ จักได้ธรรมครอง
สุนทรพ่อ
มาร่วมกันสร้างสันติสุขให้กับโลกกันเถอะ
#10
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 12:35 PM
แสดงว่าเป็นบทสวดที่ประสงค์จะให้ยักษ์ฟังเพื่อจะเกิดความเกรงกลัว จะได้ไม่มาทำร้ายพระภิกษุ
ดังนั้น พวกที่โดนวิญญานยักษ์เข้าสิงเมื่อได้ยินบทสวดนี้ ก็จึงต้องเต้นด้วยความกลัว แล้วจึงออกจากร่างมนุษย์ผู้นั้นไป (เดาเอาเอง)
แต่ผมว่า พวกที่เต้นเร่าๆ ขณะได้ยินบทสวด ส่วนมากจะเป็นประเภท เตรียมตัวจะมาโชว์ให้คนดูอยู่แล้วครับ
#11
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 12:41 PM
เหมือน "หน้าม้า" อะไรอย่างนี้เหรอค่ะ?
#12
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 12:47 PM
#13
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 12:55 PM
#14
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 01:56 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#15
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 02:01 PM
#16
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 02:21 PM
พอดีเมื่อก่อนโน้นตอนยังไม่เคยมาวัดพระธรรมกาย ตนเองไปถวายปัจจัยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง (ทุกวันเสาร์)
แล้วพระท่านบอกว่าจะมีงาน ให้ลองมาร่วมงานดูนะ ... ก็เลยมีโอกาสไปสัมผัส
เสียงสวดกระหึ่ม + บางคนร้องไห้ + บางคนผีเข้า ก็ทำเอาเราตลึงตึง ๆ ขนลุกขนพองอัตโนมัติจริง ๆ น้ำตาไหลด้วยความกลัว(ผีไม่ได้เข้านะ)
#17
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 04:44 PM
เพราะในหมู่พวกนี้เจ้าทรงจะชอบแนะนำให้ไปเข้าพิธีภาณยักษ์
ถ้าใครไปได้แล้วไม่มีอาการถือว่าจิตแข็ง
บทที่สวดก็เสียงสูงต่ำขึ้นๆลงๆ ฟังไม่ออกด้วยซ้ำ
แล้วคนที่เชื่อในเรื่องนี้มักจะสำแดงอาการซึ่งก็คงมีทั้ง
วิญญาณที่มาจริง และ คิดไปเองด้วย ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้
ในหมู่คนทรงเขาสรรเสริญกันว่าศักดิ์สิทธิ์ ปัดเป่าเภทภัย
ดังนั้นเพื่อขจัดความเชื่อเหล่านี้ให้คลายลง
ถ้าเรามีโอกาสฟังเทศน์ภาณยักษ์ กรุณาทำใจ
ให้สงบเป็นสมาธิและระลึกถึงพระพุทธเจ้า
อย่าแสดงอาการเพี้ยนๆ ใดๆ ส่งเสริมลัทธิทรงเจ้า
หรือสนอกสนใจ ตื่นเต้นกับอาการผีเข้าเจ้าออก
สังเกตุเวลามีใครสนใจ คนพวกนี้ก็จะออกอาการหนัก
ถ้าไม่มีคนสนใจไม่นานก็สงบไปเอง
#18
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 06:54 PM
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#19
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 07:18 PM
#20
โพสต์เมื่อ 18 September 2006 - 09:37 PM
จริงๆดูไม่ยากครับว่าพิธีกรรมของพุทธเป็นอย่างไร
พิธีกรรมจะต้องสงบ เสงี่ยม สง่างามครับ
ยังทำให้จิตเลื่อมใส น้อมตรึกระลึกถึงพระรัตนตรัยได้ง่าย
อย่างนี้ครับ เป็นพิธีกรรมของพุทธ
พวกที่ดิ้นเร่าๆ เต้นแร้งเต้นกา ร้องโหวกเหวกโวยวาย
มองแล้วไม่สบายตา ฟังแล้วไม่สบายหู
อย่างนี้ก็ลองไปดูตามเทคตามผับนั่นละครับ คล้ายๆกัน
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#21
โพสต์เมื่อ 19 September 2006 - 04:15 PM
มีเสียงดัง กระแทกกระทั้นเข้าไปถึงหัวใจ แล้วก็มีคนเค้าดิ้นกันเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ภายในกัน
ก็จะทำให้คนเราเริ่มปรับตัวรับฟังเพลงเหล่านั้น ซึ่งไปประทุอารมณ์โกรธ อาฆาต สุข เศร้า เหงา รักออกมา
แล้วในเมื่อใจถูกยิงให้หลุดออก 072 ไปแล้ว ก็จะถูกเข้าไปค้นไปดึงเอาอะไรภายในออกมา
ไม่ว่าจะเรียกว่าเป็นปมจิต วิบากกรรมเก่า จิตใต้สำนึก อารมณ์ความรู้สึก ไห้ไหลบ่าท่วมออกมาจนควมคุมไม่ได้
ก็ถ้าจิตหยุดที่ 072 ได้สนิท แล้วตรึก ก็จะไม่รู้สึกอะไรค่ะ
แต่ถ้าไม่สนิท ก็จะหวิวๆไปตามท่วงทำนองแบบนั้น และก็ถูกสิ่งที่เราเห็นว่าใครก็ออกอาการได้
ใจภายในก็จะถูกล่อลวงให้เอาออกมาแสดงบ้าง
อย่างตอนไปงานศพ ตอนเด็ก ก็ไม่ใช่ญาติเรา แต่พอฟังสวดแล้ว
ร้องไห้รู้สึกเหมือนพลัดพรากจากใครบางคนที่รักไป มันเหมือนกับถูกกระตุ้นออกมา
เคยได้ยินว่า มีการห้ามใช้บทสวดภาณยักษ์ อย่างไม่ระมัดระวัง
เพราะว่าเป็นการไปข่มพวกยักษ์ ด้วยการอ้างถึงท้าวจตุโลกบาล
เอาไว้ป้องกันตัวเฉยๆ ซึ่งถ้าไม่ใช่เค้ามาทำร้ายเราจริงๆ ก็ถือว่าเราพาลเค้า
แมรี่จึงไม่คิดว่าการสวดภาณยักษ์ มีจุดประสงค์เพื่อไล่ผี แก้มนต์ดำ
แต่ที่คนเกิดอาการก็เป็นวิธีการทางจิตประสาทที่เหมือนกับคนเข้าเท็ค
ใครอยากแก้คุณไสย มาวัดพระธรรมกาย มาร่วมพีธีบุญใหญ่ๆ คุณไสยกระเด็นแน่นอนเลย
เพราะว่าพุทธคุณล้วนค่ะ ทำด้วยความสงบเสงี่ยมสง่างามเหมือนคุณมองอย่างแมวบอกไว้ด้วยค่ะ
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#22
โพสต์เมื่อ 24 October 2007 - 03:09 PM