ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

อยาก ได้ความรู้เกี่ยวกับ มาร ห้า ฝูง ครับ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 19 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 peter10

peter10
  • Members
  • 331 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 01:14 AM

เคยได้ยินได้ฟังมาแล้ว แต่อยากได้เป็นรายละเอียด เป็นหัวข้อที่เข้าใจง่ายๆคับ ขอขอบคุณล่วงหน้าครับจะเอาไว้เล่าให้เพื่อนๆฟังเวลาไปบอกบุญหรือคุยเรื่องธรรมะอ่ะคับ
เลือกเอา บัวมีสี่เหล่า
เลือกเอา ใจใสๆ

#2 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 10:24 AM

มาร5ฝูงที่ว่ามีดังนี้ครับ
1.กิ เ ล ส ม า ร
กิเลส ได้แก่ความขุ่นมัวที่เกิดขึ้นในใจ แล้วทำให้จิตใจเศร้าหมองและเกิดความคิดเลวร้ายต่างๆ กิเลสเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมาก ไม่สามารถมองเห็นได้วยตามนุษย์ แต่เห็นได้ด้วยตาธรรมกาย ความขุ่นมัวหรือกิเลสนี้ เมื่อเกาะเคลือบห่อหุ้ม บีบคั้นแทรกซึม เอิบอาบ หมักดอง กัดกร่อนใจของใครแล้ว ย่อมทำให้ใจของผู้นั้นเสื่อมสมรรถภาพ เกิดความคิดร้ายกาจต่างๆ นานา ทำนองเดียวกับเชื้อโรค ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายผู้ใด ย่อมทำให้ร่างกายของผู้นั้นอ่อนแอ วิปริตแปรปรวนไปต่างๆ นานา ฉะนั้น ถ้ากิเลสเกิดขึ้นในใจครั้งใด ย่อมเป็นมารขัดขวางการทำความดีทันที แม้กำลังทำความดีอยู่ก็หยุดชะงัก เลิกทำเสียกลางคัน ถ้ายังไม่เคยทำความดีมาก่อนเลยก็ไม่คิดทำ นอกจากไม่คิดทำแล้ว บางทียังแถมเพิ่มความคิดร้ายๆ มาให้อีกด้วย ดังนั้น กิเลสมาร ก็คือ อุปสรรคขัดขวางการทำความดีซึ่งเกิดจากความขุ่นมัว เศร้าหมองในใจของแต่ละคน
กิเลสมารมีอยู่มากมายนับไม่ไหว แต่สามารถแยกตามความร้ายกาจที่แสดงออกได้ ๓ ตระกูลใหญ่ๆ คือ ตระกูลโลภะ ตระกูลโทสะ และตระกูลโมหะ

2.ขั น ธ ม า ร
มีองค์ประกอบ ๕ ส่วนด้วยกัน คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ได้แก่ร่างกายและจิตใจของเราที่ไม่สมประกอบ พิการไปด้วยเหตุอันใดอันหนึ่ง เช่นสุขภาพไม่ดี ร่างกายเสื่อมโทรม เจ็บไข้ได้ป่วย ก็เลยทำให้ขันธ์ของเราเป็นมารแก่ตัวเอง แม้ที่สุดการที่กินข้าวผิดเวลา นอนดึกๆ ดื่นๆ หรืออยู่ในอิริยาบถเดียวต่อเนื่องกันไปนานๆ เช่น นั่งนานๆ เลยทำให้ปวดเมื่อยเกินเหตุ รวมทั้งการที่ตัวเรามีประสาทสัมผัสเสื่อม ความจำเสื่อม ความคิดไม่แล่น การตัดสินใจยืดยาด ไม่เด็ดขาด เหล่านี้เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นขันธมารบั่นทอนความดีของเราลงทั้งสิ้น

3.อ ภิ สั ง ข า ร ม า ร ได้แก่ ผลกรรมชั่วในอดีตที่ตามมาล้างมาผลาญเรา แม้เราเลิกการกระทำเหล่านั้นแล้ว บาปกรรมก็ยังตามล้างผลาญไม่ลดละ แม้แต่ชาวบ้าน เขาก็ไม่เชื่อถือเรา ตามสาปแช่งเรา ตายแล้วยังแถมตกนรกหมกไหม้อีกด้วย พอเกิดมาใหม่ก็พิการ ใบ้ บ้า ปัญญาอ่อน

4.มั จ จุ ม า ร คือความตายที่คอยจ้องตัดรอนชีวิตอยู่ทุกขณะจิต หากประมาทเมื่อใด เพียงหายใจเข้าแล้วไม่หายใจออกก็ตาย ออกแล้วไม่เข้าก็ตาย ยิ่งไม่ออกไม่เข้ายิ่งตายเร็วหนักเข้าไปอีก รวมทั้งความกลัวตายที่พลอยผสมโรง ริดรอนกำลังใจด้วย

5.เ ท ว บุ ต ร ม า ร ซึ่งอยู่นอกตัวเรา แต่ก็พร้อมจะเข้ามาสิงในตัวเราเมื่อไหร่ก็ได้ มันมีตัวตนจริงๆ พร้อมที่จะแสดงตัวออกมาด้วยกายหยาบก็ได้ กายละเอียดก็ได้ แม้แต่ท้องพระอรหันต์อย่างพระมหาโมคคัลลานะซึ่งทีฤทธิ์มาก มันก็ยังเข้าไปได้ง่ายๆ หากมันได้โอกาสก็พร้อมจะพิฆาตเข่นฆ่าเราทันที

รายละเอียดเรื่องมาร5ฝูงสามารถหาอ่านได้จากเวปนี้เลยนะครับ
http://www.dhamma.ne...mma/Mara/1.html








1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#3 niwat

niwat
  • Members
  • 1420 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 11:03 AM

IPB Image
สำหรับเรื่องมาร 5 ฝูง คุณครูได้เมตตาอธิบาย เมื่อต้นเดือนมกราคม 2548 ที่ผ่านมาsmile.gif

กระทู้ที่เกี่ยวข้องกับมาร 5 ฝูง ที่พี่ๆ กัลฯ ได้ร่วมอธิบายไว้ก่อนแล้วอย่างละเอียด
สามารถหาอ่านได้ตาม link ข้างล่างนี้ครับ (Read Only Topic)
http://www.dmc.tv/fo...wtopic=2824&hl=

#4 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2192 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 12:00 PM

http://www.dmc.tv/fo...p;mode=threaded

#5 ณ.ใจ

ณ.ใจ
  • Members
  • 84 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 12:22 PM

มารไม่มี บารมีไม่เกิด (จริงหรือเป่าค่ะ)
ไม่มีอะไรใหม่ต้องแสวงหาอีกแล้ว
[email protected]

#6 มองอย่างแมว

มองอย่างแมว
  • Members
  • 722 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:NYC

โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 12:45 PM

มารไม่มี บารมีไม่เกิด เป็นคำพูดที่คนทั่วๆไปชอบใช้
แต่หลวงพ่อบอกว่าจริงๆแล้วต้องกลับกันครับ
คือถ้ามารยิ่งน้อย บารมีจะยิ่งมีเยอะขึ้น
"ฉุดมันเอาไว้ หยุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันรวนเร ต้องหยุดนิ่งสุดใจ หยุดมันเอาไว้ ฉุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันซวนเซ ต้องฉุดให้ใจหยุด"
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)

#7 niwat

niwat
  • Members
  • 1420 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 12:58 PM

QUOTE
แต่หลวงพ่อบอกว่าจริงๆแล้วต้องกลับกันครับ
คือถ้ามารยิ่งน้อย บารมีจะยิ่งมีเยอะขึ้น

"มารมีบารมีลด มารหมดบารมีเพิ่ม"

#8 arraya

arraya
  • Members
  • 298 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 04:36 PM

มารรังครวญได้มาก แสดงว่ามีบุญบารมีติดตัวมาน้อย

#9 หยุดอะตอมใจ

หยุดอะตอมใจ
  • Members
  • 729 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 05:11 PM

QUOTE
มารรังครวญได้มาก แสดงว่ามีบุญบารมีติดตัวมาน้อย


ไม่เสมอไปนะครับ แต่น่าจะแสดงว่ามีวิบากกรรม และวิบากมาร มาส่งผลพร้อมๆ กัน ทำให้มารตามรังควาญได้มาก

ดูอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีบารมีติดตัวมาเต็มเปี่ยม ยังโดนมารรังควาญเลยครับ

แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง


#10 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 05:40 PM

แล้วผมจะออกความเห็นไงดีล่ะตอบกันหมดแย้ว....
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี

#11 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 06:27 PM

หยุดนิ่งเฉยๆสิครับหลวงพี่ งิงิ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#12 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1423 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 08:51 PM

ใครถูกมารรังควาญ ก็สู้นะ... สู้ สู้

อย่าไปยอมแพ้ (ชะเอิงเอย)

ต้องสู้ ...จึงจะชนะ
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#13 VCO

VCO
  • Members
  • 322 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 11:21 PM

วิบากกรรม และวิบากมาร
ต่างกันยังไง

#14 วัดในดวงใจ

วัดในดวงใจ
  • Members
  • 1199 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 11:26 PM

มารต้องรับผลแห่งการกระทำของตนหรือเปล่าครับ
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์

#15 iMac24

iMac24
  • Members
  • 437 โพสต์
  • Location:Dmoc
  • Interests:เกิดมาสร้างบารมี

โพสต์เมื่อ 22 September 2006 - 02:15 AM

ต้องปราบมารให้ได้ครับ
จงสู้และอย่าท้อ ลูกเอย
ต้องถึงธรรมอย่างเสบย แน่แท้
ให้ทำอย่างที่เคย สอนสั่ง
นั่ง บ่ มีข้อแม้ จักได้ธรรมครอง

สุนทรพ่อ

มาร่วมกันสร้างสันติสุขให้กับโลกกันเถอะ

#16 niwat

niwat
  • Members
  • 1420 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 22 September 2006 - 10:38 AM

QUOTE
วิบากกรรม และวิบากมาร
ต่างกันยังไง


วิบากกรรม คือผลจากการกระทำทางกาย ทางวาจา ทางใจ ในทางดีและไม่ดีล้วนมีผลทั้งสิ้น
และวิบากกรรมที่ติดตัวมาข้ามชาติ จะทำให้เกิดการเวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่รู้จักหมดสิ้น
เพื่อรับผลของกรรม เช่น การดื่มสุราเป็นปกติ ก็จะมีวิบากกรรมให้มาเกิดเป็นคนปัญญาอ่อน

วิบากมาร คือเศษของวิบากกรรมที่เราได้ใช้มาเกือบหมดแล้วเหลือเป็นแค่เพียงเศษกรรม
เล็กๆ น้อยๆ แต่หลายๆเศษของวิบากกรรมนั้น ก็ยังรวมส่งผลให้ได้รับผลแห่งกรรมนั้นๆได้อีก


#17 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 22 September 2006 - 12:29 PM

ผู้ตั้งกฏย่อมไม่ต้องรับผล จากกฏที่ตนตั้งน่ะครับ เช่น เจ้าของบ้านสั่งคนใช้ว่า ใครหยิบมะม่วงในสวนของข้าไปกิน เจ้าจัดการได้หมดเลย แต่เจ้าของสวนเด็ดกินเองได้ใช่มั้ยครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#18 วัดในดวงใจ

วัดในดวงใจ
  • Members
  • 1199 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 09:00 AM

แล้วเขาจะตั้งกฎให้มีคนปราบเขาได้เหรอตรับ
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์

#19 ลูกพระธัมฯ Merry Ma

ลูกพระธัมฯ Merry Ma

    The STRONGEST is the GENTLEST!!!

  • Members
  • 891 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Bangkok, Thailand

โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 10:59 AM

เห็นภาพชัดดีค่ะ พี่หัดฝัน ว่าทำไมหนอ....

QUOTE
ผู้ตั้งกฏย่อมไม่ต้องรับผล จากกฏที่ตนตั้งน่ะครับ เช่น เจ้าของบ้านสั่งคนใช้ว่า ใครหยิบมะม่วงในสวนของข้าไปกิน เจ้าจัดการได้หมดเลย แต่เจ้าของสวนเด็ดกินเองได้ใช่มั้ยครับ


The Strongest is The Gentlest!

ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด

#20 D_jung

D_jung
  • Members
  • 109 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 September 2006 - 01:41 PM

QUOTE
ผู้ตั้งกฏย่อมไม่ต้องรับผล จากกฏที่ตนตั้งน่ะครับ

yes เพราะถ้าเป็นคนเขียนกฏเองได้ เขาก็ไม่เขียนกฏที่ปล่อยให้ตัวเองจะตกอยู่ในกฏนั้นหรอก
จะวางตัวผู้เขียนกฏไว้เป็นตัวควบคุมเกมทั้งหมด แล้วให้คนอื่นๆ เดินไปตามเกมที่เขาเขียนไว้