ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ไล่ตงจิ้น ตอนที่ 3 [ภาคจบ]


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 extra

extra
  • Members
  • 409 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 September 2006 - 01:57 AM

ไล่ตงจิ้น ตอนที่ 3 [ภาคจบ] (เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra)

พอเขากลับถึงบ้าน ความดีใจค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ถ้าเป็นเด็กทั่วไป กลับไปบ้าน ก็จะนำรางวัลไปอวดพ่อแม่ แล้วพ่อแม่ก็ชื่นชมและไปคุยโม้ให้คนอื่นฟัง เขาคิดว่า ถ้าคุยให้แม่ฟัง แม่จะรู้เรื่องไหม “ผมกอดเกียรติบัตรไว้แน่น ยืนมองดูแม่ที่กำลังเล่นดินทรายอยู่ที่พื้นหน้าบ้าน ผมรู้สึกสะท้อนใจขึ้นมาทันที เกียรติบัตรใบนี้ก็คงเป็นเพียงแค่เศษกระดาษธรรมดาใบหนึ่งสำหรับแม่เท่านั้น” เขาพูดกับพ่อว่า “พ่อครับ พ่อลองจับกระดาษแผ่นนี้ดูสิครับ” พ่อคลำดูอยู่นิดหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย “พ่อครับ นี่เป็นเกียรติบัตรนะครับ เป็นใบประกาศผลสอบได้ที่ 1 ของผมไงครับพ่อ” แม้แต่พ่อจะตอบว่า “อือ” ซักคำก็ยังไม่มี พ่อใช้ไม้เท้าประคองตัวลุกขึ้นยืนช้าๆ “ผมคิดว่า พ่อน่าจะลูบหัวผมซักหน่อย หรืออย่างน้อยก็น่าจะพูดซักคำว่า เก่งจริง หรือไม่ก็พูดว่า เยี่ยมไปเลย ก็ยังดี ผมเงยหน้าขึ้นมองพ่อ ท่านกระแอมเหมือนตั้งท่าจะพูด ผมรอคอยท่านด้วยสายตาเปี่ยมหวัง พ่อพูดแล้ว พ่อพูดว่า รีบไปหุงข้าวซะ เดี๋ยวต้องออกไปขอทานกันแล้ว พูดจบ พ่อก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้องทันที ผมรอจนท่านเดินออกไปจากห้องแล้ว จึงมีกำลังเปล่งคำนี้ออกมาได้อย่างยากเย็น ครับ ผมจะไปหุงข้าวเดี๋ยวนี้ล่ะ ทำไมถึงคัดจมูกจังนะ เอาละ เดี๋ยวก็ต้องออกไปเป็นขอทานเหมือนเดิมแล้ว ทำไมมันช่างเจ็บแปลบในใจอะไรเช่นนี้ ครับ ผมเต็มใจทำทุกอย่างอยู่แล้วล่ะ แต่เกียรติบัตรใบนี้ ผมจะถือกลับมาให้ใครชื่นชม ไม่รู้ว่าผมเกิดมุทะลุอะไรขึ้นมา จู่ๆ ก็วิ่งออกไปนอกประตูรั้ว นั่งคุกเข่าลงกับพื้น สองมือประคองใบเกียรติบัตรเอาไว้ แหงนหน้าขึ้นมองฟ้า แล้วผมก็อ่านตัวหนังสือบนเกียรติบัตรดังๆ ชัดๆ ทีละตัว เกียรติบัตรนี้ ขอมอบเพื่อเป็นเกียรติแก่เด็กชายไล่ตงจิ้น นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ห้อง ข ที่สอบได้ที่ 1 ในการสอบครั้งที่ 1 เทอมที่ 1 ปีไต้หวันที่ 57 ขอมอบเกียรติบัตรไว้ ณ โอกาสนี้ เพื่อเป็นเกียรติและกำลังใจ พอผมอ่านจบรอบแรก ก็ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำมูกและน้ำตา แล้วก็เริ่มอ่านอีก” นี้คือรางวัลแรกในชีวิตของเขา ตั้งแต่ ป.1 ถึง ป.6 เขาได้เกียรติบัตรมา 80 กว่าใบ จนข้างฝาไม่พอจะติด ทั้งการเรียน การเขียนพู่กัน งานศิลปะ งานกีฬา

“นับแต่ที่ได้รางวัลเป็นต้นมา เหมือนเห็นแสงสว่างร่ำไรท่ามกลางความมืด เพชรที่แท้ ความขยันหมั่นเพียร ตั้งใจเรียนหนังสือ ก็นำมาซึ่งเกียรติยศ ที่แท้ ชื่อเสียงเหม็นโฉ่ของการขอทาน นานกว่า 30 ปีของพ่อกับแม่ ถูกลบล้างได้ ด้วยเกียรติยศบางๆ แผ่นแล้วแผ่นเล่า เด็กขอทานคนหนึ่งที่ถูกหัวเราะเยาะมาเป็น 10 ปี พลันเกิดมีความมั่นใจในตัวเองขึ้นมา มีศักดิ์ศรีน่าเคารพขึ้นมาทันควัน เหมือนดอกไม้สวยสดงดงามที่โผล่พ้นโคลนตม ผมตั้งปณิธานในใจอย่างแน่วแน่ว่า ซักวัน ผมจะต้องสลัดคราบขอทานตัวเหม็นและความอับโชคให้หมดไปจากครอบครัวเราให้จงได้ และจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกพวกเราได้อีก ถ้าเริ่มนับตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ 1 จนถึงจบชั้นประถมปีที่ 6 เกียรติบัตรที่ผมเคยได้รับรวมกันทั้งหมดก็ประมาณ 80 กว่าใบได้ ทั้งรางวัลสอบใหญ่ สอบย่อย รางวัลนักเรียนตัวอย่าง รางวัลประกวดเขียนพู่กัน รางวัลงานวาดภาพศิลปะ ตลอดจนรางวัลกีฬาแทบทุกประเภท ผมก็ชนะคนอื่นแทบทั้งนั้น ในที่สุด ความมุมานะของผม ก็เป็นที่ล่ำลือกันไปทั่วละแวกบ้าน ใครๆ ก็รู้ว่า ลูกของวูซื่อ เรียนหนังสือเก่งเป็นที่หนึ่ง เวลาสอนลูกหลาน เขามักจะบอกว่า ดูไอ้ลูกขอทานคนนั้นสิ พ่อแม่เขาทั้งพิการ ทั้งไม่รู้หนังสือ แถมยังเป็นขอทานอีก ออกลูกมาทั้งขยันและกตัญญูอย่างนี้ เราต้องรู้จักเอาอย่างอาจิ้นนะ แต่ก่อน พ่อไปไหนมาไหน ก็มีแต่คนรังเกียจ เดี๋ยวนี้เดินไปที่ไหน ใครๆ ก็รู้จัก ไม่ว่าจะเป็นคนขายผัก เถ้าแก่ร้านของชำ อาซิ้มข้างบ้าน ต่างก็พากันยกนิ้วหัวแม่มือชูขึ้นให้พ่อมาแต่ไกล ตะโกนปาวๆ ว่า วูซื่อเอ้ย ลูกแกนี่ยอดไปเลย ที่หนึ่งเชียวนะเนี่ย พวกรุ่นพี่ที่เคยกลั่นแกล้งหัวเราะเยาะผม ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงท่าทีเป็นละอายต่อผมขึ้นมาบ้าง พอเห็นผม เขาก็เพียงแต่ยิ้มน้อยๆ ให้ แล้วก้มหน้าเดินผ่านไป เพื่อนบางคนถึงกับคำนับผมก่อน”

นิยามของคำว่า “ศักดิ์ศรี” ถ้าดูจากชีวิตของเขา ก็จะมองออกว่า ศักดิ์ศรีจริงๆ เป็นอย่างไร แม้จะเป็นในภพนี้เป็นหลักก็ตาม ประโยชน์ในชาตินี้ เพราะสู้มาขนาดนี้ เมื่อเรามีโอกาสได้มาศึกษาธรรมะได้ถึงขนาดนี้ เราเข้าใจอะไรมากกว่าเขา ส่วนความลึกซึ้งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เขายังเข้าใจไม่มากเท่าเรา รู้ก็เพียงแค่สิ่งที่พบเห็นได้ในภพนี้ แต่เขาทำอย่างถึงที่สุด เอาชีวิตเป็นเดิมพัน แล้วก้าวมาถึงจุดนี้ เมื่อดูตัวอย่างนี้แล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไป เราทุกคนไม่ควรมีคำว่าบ่น พร่ำเพ้อรำพันว่า ทำไมถึงต้องเป็นเรา ให้ลบไปจากพจนานุกรมของเรา ทำไมนะ ไม่ยุติธรรมเลย พี่เขาทำกับเราอย่างนี้ได้อย่างไร เพื่อนทำไมทำกับเราอย่างนี้ ตัดพ้อต่อว่า โชคชะตาราศีต่างๆ ทั้งปวง รู้สึกว่าไม่ถูกใจ ให้ลบไปเถอะ ที่เราอยู่ มันคือสวรรค์แท้ๆ ถ้าเทียบกับที่ไล่ตงจิ้นมีต้นทุนอยู่ ให้เรามีความอดทน ความวิริยะอุตสาหะ ความพากเพียรพยายามในการฝึกตัวเองในการทำหน้าที่งานทางพระศาสนา ถ้าเราคิดเช่นนี้ เราจะสร้างบารมีอย่างมีความสุขตลอด ทุกวันที่ผ่านไป เห็นอะไรก็ดีไปหมด เหมือนเราอยู่บนสวรรค์แท้ๆ สวรรค์บนดิน มองว่า สิ่งที่เรามีก็สุดยอดแล้ว จะหวังให้ทุกอย่างดีอย่างใจ 100% ในโลกนี้ หาได้ยาก ไม่มีทางเป็นไปได้ ถ้าไปมองส่วนที่พร่อง ส่วนที่ขาด มองเท่าไร ก็ยิ่งกลุ้ม ถ้ามองส่วนที่เรามีอยู่ตอนนี้ จะเห็นว่าเหลือเฟือ ถ้าเราตั้งใจฝึกตัวเอง ตั้งใจทำงานเพื่อพระศาสนา งานจะไปได้อย่างรวดเร็ว ปัญหาจะน้อย การกระทบกระทั่งจะน้อย เมื่อแต่ละคนไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เป็นเงื่อนไข มันก็จบแล้ว มันจะประสานกันได้สนิท ศักดิ์ศรีไม่ใช่ความแข็งกระด้าง เพราะนั่นไม่ใช่ศักดิ์ศรี แต่คือ อติมานะ ศักดิ์ศรีคือดวงบุญภายใน คุณธรรมภายใน นุ่มนวล ไม่มีการกระทบกระทั่ง ไม่มีความแข็งกระด้าง มีแต่ความอ่อนโยน และความนิ่มนวล มุ่งเน้นการฝึกตัวเองให้มีคุณธรรมสูงขึ้น

ไล่ตงจิ้นเกิดปี พ.ศ.2502 ถือเป็นบุคคลร่วมสมัย เขาทำได้ แล้วทำไมลูกพระธัมจะทำไม่ได้ เราต้องเดินหน้ายืนหยัดทำให้ได้ เพราะเป้าหมายของเรายิ่งใหญ่กว่านี้ พวกเราทุกคนมีบุญที่ได้มาพบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เราจึงได้รู้ว่า เราอยู่ตรงนี้ เราจะไปที่ไหน ซึ่งอีกหลายคนไม่มีโอกาสรู้

ไล่ตงจิ้น มีความวิริยะอุตสาหะ แต่เมื่อเทียบกับพวกเราแล้ว เรามีเนื้อนาบุญ อยู่ในแหล่งบุญ ได้มีโอกาสให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ถ้าเราเอาความพากเพียรวิริยะของไล่ตงจิ้นมาใช้กับเราซึ่งมีโอกาสมากกว่า ก็จะต่อยอดกันไปอีก บุญที่เราจะสร้างจะทวีคูณเป็นสิบเท่า ร้อยเท่า ดังนั้น เราไม่ควรหยุดอยู่ตรงนี้

ภาษาจีนมีอยู่ว่า “เข่อสี” แปลเป็นไทยได้ว่า รู้จัก ตระหนัก ดีใจในโอกาสที่มาถึงมือ สิ่งที่ตนเองมีอยู่ ได้มีโอกาสอะไรแล้วมีความปีติเหลือเกิน แล้วรีบใช้โอกาสนั้นให้เป็นประโยชน์ ไม่ดูเบา แล้วปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป หลายคนมาเสียดายตอนสายไป เราต้องไม่เป็นอย่างนั้น ต้องรู้จัก “เข่อสี” คือ ใช้โอกาสให้เต็มที่ในการสร้างบุญ สร้างบารมี ในการฝึกฝนอบรมตัวเอง


โลกโหยหาบุคคลตัวอย่าง ถ้ามีบุคคลตัวอย่างเกิดขึ้นมามากๆ จะทำให้โลกสว่างขึ้น ผู้คนใจสูงขึ้น เมื่อได้สัมผัสกับชีวิตของบุคคลเหล่านี้ ตอนหลัง ไล่ตงจิ้นจะเรียนต่อชั้นมัธยม แต่พ่อไม่ให้เรียนต่อ เพราะไม่มีเงิน เขาก็พยายามทำงานเก็บเงินมาให้พ่อ จนกระทั่งพ่อใจอ่อน ยอมให้เขาเรียนต่อได้ พอจบมัธยม ก็คิดว่า คงเรียนต่อมหาวิทยาลัยไม่ไหว เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะห่างบ้าน เขาจึงเรียนสายวิชาชีพ แล้วทำงานในบริษัท เขาก่อร่างสร้างบริษัทมากับเถ้าแก่ เริ่มจาก 2 คนจนบริษัทใหญ่ขึ้น เขาได้เป็นหัวหน้าบริหารสาขาทั้งหมด ก็ประสบความสำเร็จ

พอเขาจะไปจีบสาว พ่อแม่ของผู้หญิงบอกว่า แกจะไปแต่งงานกับลูกขอทานเหรอ หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอม เพราะเสียชาติตระกูล แต่ทั้งสองคบหากันนาน 2 ปีจนพ่อแม่ของผู้หญิงยอมให้แต่งงาน มีลูก และดูแลทุกอย่างอย่างดี เขาซื้อบ้านของตัวเองได้ ไถ่พี่สาวออกมาได้ และซื้อบ้านอีกหลังให้พี่สาวอยู่ใกล้ๆ ส่วนแม่และน้องชายที่ปัญญาอ่อนก็ดูแลอยู่ในบ้าน เขาส่งเสียน้องๆ คนอื่นจนเรียนจบและแยกครอบครัวออกไป เขาได้สร้างสิ่งต่างๆ ที่เน้นเรื่องความกตัญญู เช่น สวนกตัญญู ชีวิตของเขาที่ผ่านมาทั้งหมด ก็กลายเป็นประวัติ เขาได้รับคัดเลือกเป็นบุคคลตัวอย่าง 1 ใน 10 คนในปี พ.ศ.2542 เขาได้รับความชื่นชม ได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรตามที่ต่างๆ จนเขาได้เขียนหนังสือของเขาขึ้นมา


ผู้ที่สนใจ สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือชื่อ “ไล่ตงจิ้น ลูกขอทาน ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต”

#2 Peacefulness ™

Peacefulness ™
  • Members
  • 1145 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:On the planet Earth.
  • Interests:Almost everything that helps me to become better and better; especially, the Grestest Dharma of the Lord Buddha

โพสต์เมื่อ 25 September 2006 - 02:17 AM

ขออนุโมทนาบุญ และขอบคุณกับ ท่าน Extra
สำหรับ ความตั้งใจจริง ที่นำอัตชีวประวัติต้องสู้ของ ท่านไล่ตงจิ้น
มาให้ได้อ่าน และศึกษากันต่อครับ laugh.gif
happy.gif ขอติดตามบทความดีๆ ชิ้นต่อๆ ไปอีกนะครับ happy.gif
.
ขออนุญาติ ท่าน Extra ในการเพิ่มเติมในกระทู้นะครับ สำหรับท่านที่อยากอ่านแบบละเอียด
.
[attachmentid=7988]
ที่มาของรูป หรือ คลิ๊กดูหนังสือที่ Se-ed.com
.
QUOTE
The Beggar's son
Taiwanese writer Lai Dong Jin was a beggar's son. His father was a blind beggar and his mother is retarded. As the eldest son, Lai Dong Jin had had to take care of his poor family and made a living by begging from the rich. How did he beat the odds to become the famous author that he now is in Taiwan?
.
.
.
สาธุ... สาธุ... สาธุ... ครับ laugh.gif smile.gif happy.gif

ไฟล์แนบ


ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดปากน้ำภาษีเจริญ คลิ๊กที่นี้
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
.

Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

For any inquiries please

.

รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า:
คลิ๊กที่นี้
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ ได้รับ ภาพทั้งหมดของ คำสอนคุณยาย ฉบับรวมเล่ม และภาพ (ฉบับสมบรูณ์)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 157 files, 557.61 MB, ธรรมมะเทศนา มงคล 38 โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺตชีโว)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
ที่มา: คลิ๊กที่นี้ ปล. สืบเนื้องมาจาก กระทู้นี้ โพสต์โดย ท่าน ฟ้าร้าง
.
เรื่อง การสร้างบารมีของพระโพติสัตว์ เข้าใจได้ไม่ยาก โปรดลอง คลิ๊กที่นี้
.
สนใจอ่าน

The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้

(With some english explanation)

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

"Do not confuse having a career with having a life"
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>>
CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
Lastest Revised: 16/12/2006 | 08:43 PM

#3 ปุฉฉา13

ปุฉฉา13
  • Members
  • 104 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 September 2006 - 07:28 AM

หาชื้อหนังสือได้ที่ไหนครับ ออกมานานหรือยังครับ..
สา..อนุโมทนาบุญทุกท่านครับ

#4 panu

panu
  • Members
  • 530 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 September 2006 - 08:22 AM

หนังสือออกมานานหลายปีแล้วครับ หาซื้อได้ที่ร้านหนังสือตามห้างใหญ่ทั่วไป

ผมเคยอ่านเมื่อหนังสือออกใหม่ๆ อ่านแล้วยังคิดเลยว่า ชีวิตจริงขนาดนี้เลยหรือ

#5 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 25 September 2006 - 12:22 PM

ครับ ลูกพระธรรมทั้งหลายให้ดู ไล่ตงจีน เป็นตัวอย่าง แต่ไม่ใช่ให้ดูเป็นตัวอย่างเฉพาะเรื่องของความขยัน อดทนเท่านั้น เพราะขยัน อดทน ในการทำสิ่งที่ไม่ดีก็มีอยู่ ดังนั้น ขอให้เราขยัน อดทน ทำแต่สิ่งที่ดีๆ ต่อไป สิ่งที่ไม่ดี งดกระทำเป็นอันขาด แล้วผลแห่งความดี ก็จะเจริญงอกงาม งอกเงยในใจเราและสังคมรอบข้างตลอดไป
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#6 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 25 September 2006 - 05:44 PM

น่าอนุโมทนาอย่างยิ่งเลยนะ
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี

#7 Sareochris

Sareochris
  • Members
  • 207 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:-
  • Interests:-

โพสต์เมื่อ 26 September 2006 - 11:44 AM

อืม ตัวอย่างดีๆในปัจจุบัน นั้นหายาก
การได้ยินได้ฟังเรื่องราวดีๆก็หายาก

#8 จริยคุณกุลภัทร์

จริยคุณกุลภัทร์
  • Members
  • 368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 September 2006 - 12:17 PM

สาธุค่ะ

#9 คนรักวัด

คนรักวัด
  • Members
  • 626 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 September 2006 - 04:00 PM

อนุโมทนา.....สาธุครับ
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ

เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก

Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain