โพสต์เมื่อ 27 September 2006 - 01:33 AM
นิทานพื้นบ้าน ส่วนใหญ่เป็นนิทานลาว มีหลายเรื่องด้วยกัน เป็นเรื่องในอดีตชาติของนางวิสาขา
เรื่องนางผมหอม เรื่องมีอยู่ว่า พระโพธิสัตว์ เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นลูกท้าวพระยา ในอดีตกาลมีเมืองนครศรี พระราชาและพระมเหสีมีธิดารูปงามชื่อนางสีดา เมื่ออายุได้ ๑๖ ปี ได้ไปเที่ยวป่าแล้วพลัดหลงจากพวกนางสนมกำนัล รอนแรมในป่าอยู่หลายวัน ได้ไปดื่มน้ำที่รอยเท้าช้าง และรอยเท้ากระทิง ต่อมาเมื่อนางกลับถึงเมืองก็ตั้งครรภ์ อันเนื่องมาจากการดื่มน้ำครั้งนั้น ได้ประสูติเป็นธิดาสององค์คือนางผมหอม และนางลุน นางผมหอมนั้นมีผมหอมเหมือนเกสรดอกไม้นานาชนิด เมื่อทั้งสองนางเจริญวัย ก็พยายามไต่ถามมารดาถึงบิดาของตน แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน แต่ในที่สุดนางสีดาก็เล่าเรื่องให้ลูกทั้งสองฟัง เมื่อธิดาทั้งสองเจริญวัยได้ ๑๓ ปี ทั้งสองนางได้ขออนุญาตมารดาไปตามหาบิดา
ครั้นได้พบพระยาช้างผู้พ่อของนางผมหอม พระยาช้างก็ทำการเสี่ยงทายว่าถ้าเป็นเชื่อสายก็จะสามารถไต่ตามงาขึ้นไปนั่งบนหลังช้างได้ นางลุมไม่สามารถทำได้เพราะนางเป็นลูกกระทิง จึงถูกจับกินเป็นอาหาร นางผมหอมเสียใจมากที่พระยาช้างฆ่าน้องของตน แต่ต้องจำใจไปกับพระยาช้าง พระยาช้างให้ฝูงช้างสร้างปราสาทเสาสูงให้นางผมหอมอยู่ และพระยาช้างได้แสวงหาเครื่องใช้ของมนุษย์ อาหารการกินและจับหญิงชาวบ้านมาให้เป็นคนรับใช้นางผมหอม
เมื่อนางผมหอมอายุได้ ๑๖ ปี คิดอยากมีคู่ครองจึงนำผมของตนใส่ผอบลอยน้ำไปพร้อมกับเสี่ยงทายว่า หากคู่ครองของนางอยู่ที่ใด ก็ขอให้ผอบทองลอยน้ำไปถึงที่นั่น โดยที่นางได้ใส่สารแจ้งความจำนงของนางไปด้วย
มีเมืองหนึ่งเจ้าเมืองมีโอรสอายุได้ ๑๖ พรรษา จึงได้จัดทำพิธีให้เจ้าชายเลือกคู่ โดยได้สั่งให้หัวเมืองต่าง ๆ ส่งพระธิดามาให้เจ้าชายเลือกเป็นนคู่ครอง ในงานพิธีนั้นเสนาอำมาตย์ได้พบผอบทองเสี่ยงทายของนางผมหอมจึงนำมาถวายเจ้าชาย เมื่อเจ้าชายเปิดดูพบสารเสี่ยงทายและเส้นผมก็เกิดความคลั่งไคล้นางผมหอมมาก จึงออกไปติดตามนางได้เดินทางผ่านเมือง นางผีโพง นางได้แปลกายเป็นนางผมหอมแต่เจ้าชายจับได้ จากนั้นก็ได้เดินทางต่อไปจนถึงแดนพระยาช้าง และได้พบนางผมหอม นางได้ซ่อนเจ้าชายไว้บนปราสาทสูงจนมีโอรสธิดาสององค์ โอรสชื่อ สีลา ธิดาชื่อ ชาดา
ต่อมาเจ้าชายและนางผมหอมคิดจะกลับเมืองจึงพาโอรสธิดาหนีพระยาช้างไป พระยาช้างรู้เรื่องเข้าก็โกรธ และออกติดตามจนมาทันที่ภูเขาลูกหนึ่ง พระยาช้างอ้อนวอนให้นางผมหอมลงมาหา แต่นางผมหอมไม่ยอมลงมา ก่อนตายพระยาช้างได้บอกให้เอางาของตนไป งาขวาเป็นอาวุธทำลายศัตรูได้ทุกประการ ส่วนงาซ้ายสามารถใช้เป็นพาหนะได้ทุกชนิดตามที่ต้องการ
เจ้าชายกับนางผมหอม พร้อมทั้งโอรสธิดาได้เดินทางกลับเมืองโดยใช้งาพระยาช้างเป็นเรือ ระหว่างทางต้องผ่านเขตเมืองนางผีโพง นางผีโพงหาโอกาส ผลักนางผมหอมแล้ว แปลงตนเป็นนางผมหอม ส่วนนางผมหอมพยายามร้องเรียกให้ช่วย แต่เจ้าชายไม่ได้ยิน เพราะถูกเวทมนตร์ของนางผีโพง แต่โอรสธิดาได้ยินก็อ้อนวอนให้บิดาจอดเรือคอยมารดา แต่นางผีโพงแปลงขู่จะทำร้าย ในที่สุดเจ้าชายก็พานางผีโพงกลับเข้าเมือง
โอรสธิดาทั้งสองพากันหนีไปตามหามารดา นางผมหอมได้ไปอาศัยอยู่กับฝูงลิงกัง เมื่อพบแล้วก็พากันกลับเมือง เจ้าชายทราบเรื่องแล้วจึงพากันไปประพาสป่า และพบนางผมหอมจึงพากลับเมือง แล้วกำจัดนางผีโพงแสียแล้ว ทั้งสี่จึงพากันเข้าเมืองและอยู่กันมาด้วยความปกติสุข
ตอนท้ายเรื่องได้กล่าวถึงการประชุมชาดกไว้ด้วยคือ นางสีดากลับชาติมาเกิดเป็นนางปชาบดีโคตมี นางลุนเป็น นางวิสาขา พระยาช้างเป็น พระโมคคัลลานะ เจ้าชายเป็น พระพุทธองค์ นางผมหอมเป็น นางพิมพา ฯลฯ
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain