คิดยังไงกับคำว่า "พอเอาตัวรอดกลับดุสิตบุรีได้"
#1
โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 02:29 PM
ส่วนตัวของผมคิดว่า คำนี้ไม่ใช่คำที่พูดให้ภูมิใจอย่างเดียว ผมคิดว่านี่คือคำเตือนซะมากกว่า เพราะ
1. สะกิดใจกับคำว่า "พอเอาตัวรอดได้" เป็นคำเตือนให้รู้ว่า ในชาติที่ผ่านเรายังมีความประมาทอยู่ เพราะในยุคพุทธันดรที่ผ่านมา อายุมนุษย์มีถึง 10000 ปี แล้วเรานั่งธรรมะกันมากน้อยแค่ไหนนะ กว่าจะได้มาซึ่งคำว่า พอเอาตัวรอดได้
2. เราเห็นด้วย ยอมรับ ตอบรับและขอเป็นส่วนหนึ่งของปณิธานรื้อสัตว์ ขนสัตว์เข้าฝั่งพระนิพพาน แต่คำพอเอาตัวรอดได้ เหมือนกับจะเป็นคำเตือนว่า เรายังทำหน้าที่กัลยาณมิตรต่อชาวโลกได้ไม่ดีพอ
3. อายุมนุษย์ปัจจุบัน 75 ปี กับอายุในพุทธันดรที่แล้ว 10000 ปี (พอเอาตัวรอด..) มันต่างกันเหลือหลาย..อายุมนุษย์สั้นขนาดนี้แล้ว เรายังจะเอารอดกลับ....ได้หรือไม่
เพราะฉะนั้น จึงไม่ควรประมาท ใครที่ยังไม่นั่งธรรมะ หรือนั่งน้อยต้องขวนขวายมากยิ่งขึ้น
หรือว่าคนจะจับประเด็นอย่างอื่นได้อีกครับ
#2
โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 02:40 PM
1. ถ้าวิบากกรรมยังไม่หมด จะสามารถกลับดุสิตบุรีได้มั๊ยคะ
2. ต้องทำขนาดไหนถึงจะกลับดุสิตบุรีได้ (นั่งสมาธิ เห็นดวงแก้ว องค์พระ หรือ ต้องทำทานขนาดไหน ต้องรักษาศีลนานแค่ไหน)
3. รู้ได้อย่างไรว่าวิบากกรรมของเราหมดแล้ว กัลยาณมิตร หลายท่านบอกว่า การสร้างองค์พระ เท่ากับตัดวิบากกรรม ปิดอบาย แต่...
ตรงนี้ต้องขอประทานอภัยไว้ก่อนนะคะ เพราะไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร เพียงแค่เป็นผู้ที่ยังมีความเข้าใจไม่ลึกซึ้งเท่านั้น
ถ้าอย่างหลวงพ่อที่ ทำทุกๆอย่าง สร้างบารมีอย่างถวายชีวิต แต่ยังหนีวิบากกรรมไม่พ้น (ยังเจ็บ ยังป่วยแบบไม่หายอยู่) แล้วอย่างเราๆ นี่ จะยังไงคะ หรือว่าต้องสร้างสม บุญ บารมี ไปอีกหลายๆ ชาติ เพื่อที่จะได้ไปดุสิตบุรี หรือ เราทำเพียงชาตินี้ อย่างเต็มที่ ก็ได้ไปเลย
อยากจะทำค่ะ อยากจะไปให้ถึง รบกวนท่านที่รู้ช่วยชี้ทางให้ koonpatt ด้วยค่ะ
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#3
โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 02:50 PM
หรือว่าคนจะจับประเด็นอย่างอื่นได้อีกครับ___By 'Tanay007'
อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็ใคร่จักขอ ขอบคุณ ท่าน Tanay007 ที่ได้ช่วยขยายความในเรื่องที่ดูเหมือนจะเล็กน้อยเช่นนี้ ให้ได้เป็น ข้อเตือน ข้อคิดสะกิดใจ กัน ให้ได้เกิด ความตระหนัก และไม่ประมาทกัน ไปมากกว่านี้ ได้อย่างชัดเจนที่เดียว นะครับ ข้าพเจ้าคิดว่า ท่าน Tanay007 ช่างเป็นคน ที่ช่างสังเกตุ และ ละเอียดอ่อน กับ ทุกๆคำพูดของคุณครูบาอาจารย์เสียจริงๆ นะครับ เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ เลยครับ ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงขอ จำ และ น้อมนำ เอาไว้เป็นแบบอย่างที่ดี ด้วยอีกจ้า
ขอ อนุโมทนาบุญ กับ ท่าน Tanay007 ด้วยครับ
สาธุ...สาธุ...สาธุ...ครับ
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7
.
รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า: คลิ๊กที่นี้คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>> CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
#4
โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 03:49 PM
1. การกลับดุสิตบุรีได้ ไม่ได้เกิดจากหมดวิบากกรรมครับ (เพราะแต่ละภพชาติที่เราเคยมาเกิดไ้ด้กระทำกรรมต่างๆทั้งดีและชั่วเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน)
2. สำหรับการที่ใครจะกลับดุสิตบุรีวงบุญพิเศษได้ ต้องเริ่มจากการตั้งความปรารถนาว่าอยากไปพักชั่วคราวที่นั่นในระหว่างทางที่ยังไปไม่ถึงพระนิพพานที่สุดแห่งธรรม แล้วก็ลงมือปฏิบัติธรรมกระทั่งเข้าถึงความสว่างภายในหรือถ้าจะให้ชัวร์ก็เข้าถึงพระธรรมกายเลยครับ และก็เพียรรักษาศีลให้บริสุทธิฺเต็มที่ และหมั่นทำทานอย่างเต็มกำลัง เพื่อภพเบื้องหน้าจะได้เกิดมา รวย หน้าตาดี ฉลาด ยังไงล่ะครับ
3. ดังนั้นเราจึงไม่ได้ใส่ใจว่าวิบากกรรมของเราจะหมดเมื่อไหร่ แต่เราสนใจว่าเราจะสั่งสมบุญทั้งทาน ศีล ภาวนาได้เต็มเปี่ยมเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็หยุดการเวียนว่ายตายเกิดได้ ถึงวิบากกรรมยังมีก็หมดสิทธิส่งผลแล้วครับ และสำหรับการสร้างพระประจำตัว ก็เป็นการปิดอบายได้วิธีหนึ่ง แต่สุคติที่ไปยังมีอีกมากหลายทาง แต่หมู่คณะของเราจะมุ่งไปสู่ที่สุดแห่งธรรมเท่านั้น โดยพักเหนือยระหว่างทางที่ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษครับ และการจะติดตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อไปได้ตลอดรอดฝั่ง ก็จึงจำเป็นต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี ไม่ประมาท ไม่พลัดพรากจากหมู่คณะ ด้วยการสร้างบุญร่วมกันกับหมู่คณะให้เป็นสายบุญเชื่อมโยงได้อีกทางหนึ่งครับ และจากที่คุณ koonpat ได้ยกตัวอย่างกรณีเจ็บป่วยมา ก็เป็นภัยอย่างหนึ่งในสังสารวัฏยังไงครับ ว่าตราบใตที่เรายังเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร เราก็ยังต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่เขาวางไว้
[attachmentid=8793]
ไฟล์แนบ
#5
โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 03:52 PM
ยิ่งทำให้รู้สึกถึงภัยในวัฎฐสงสาร
ขนาดอายุ 10000 ปี แล้วยังได้แค่พอเอาตัวรอด
ถ้าอายุไขแค่ 75 ปี ....
ซึ่งก็คงไม่ต่างกับเอาอายุเราไปเทียบกับอายุของแมลงวัน (แมลงวันมีอายุแค่ 7 วัน)
ช่างรวดเร็วจริงๆ
สุขน้อยทุกข์มาก
มาตั้งหน้าตั้งตาสร้างบารมีกันดีกว่าครับ
ขอยืนยันว่าเห็นด้วยกับกัลยาณมิตรทุกท่าน
ขออนุโมธนาบุญครับ
#6
โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 03:55 PM
คำถามบางคำถาม ก็ยังสงสัยค่ะ แต่ ไม่กล้าถาม และถ้าไม่ถามในบอร์ดนี้ ก็ไม่ทราบว่าจะถามใคร
ขอขอบพระคุณ นะคะ สำหรับความเมตตา และ ปรารถนาดี ที่มีให้กันเสมอมา ของสมาชิก ชาว DMC
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#7
โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 04:18 PM
#8
โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 05:00 PM
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต้ อุกาสะ ขะมามิ ภันเตฯ
หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี
ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดยกโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ
#9
โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 05:18 PM
ซึ่งส่วนมากจะได้ไปอยู่ในชั้นดาวดึงส์ซะมากกว่า ขนาดสร้างบุญใหญ่ สร้างมหาวิหาร สร้างมหาทาน ก็ยังไปอยู่แค่ชั้นดาวดึงส์ (แต่ก็มีวิมานที่ใหญ่โตมาก)
สวรรค์ชั้นดุสิต จึงไม่ธรรมดาแน่นอน คนทั่วไป ทำบุญทั่วไปอย่างมหาศาล ก็คิดว่ายังยากที่จะได้ไปอยู่
ดังนั้น จึงไม่แปลกใจเลยกับคำว่า พอเอาตัวรอด กลับดุสิตบุรีได้
เพราะคิดว่า ลำพังตัวเอง ถ้าไม่โชคดีมาเจอหมู่คณะ บอกได้เลยว่า
ดุสิตบุรีนะ หมดสิทธิแน่นอน
แต่เมื่อเจอหมู่คณะแล้ว ก็บอกกับตัวเองว่า ดุสิตบุรี ยังพอมีสิทธินะ
ยังพอมีสิทธิ อยู่ที่ตัวเราแล้วหละ
#10
โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 05:43 PM
แล้วกลับมาคิดถึงตัวเราเอง บารมีอ่อน อย่างเราจะไปได้มั๊ยหนอ? จะพอเอาตัวรอดมั๊ยหนอ น่าคิดจริงๆ...
แต่คำพูดของหลวงพ่อท่าน เป็นสิ่งที่เหมือนคำเตือนสติลูกของท่าน แต่ตัวเราเอง ก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ท่านต้องการ
แต่พยามอย่างยิ่งทำการบ้านสิบข้อของท่านให้ได้มากที่สุด
สวรรค๋ยิ่งสูง การสร้างบารมี ย่อมไม่ได้มาง่าย เหมือนเพชร ที่ต้องผ่านการเจียระไนจากช่างฝีมือเยี่ยมแล้วเท่านั้น จึงจะคู่ควรกับตัวเรือนที่เหมาะสม
#11
โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 05:59 PM
แล้วก็คิดว่า แย่แล้ว จะ "สอบเกือบตก" หรือ "สอบเกือบฝ่าน" กันเนี่ยรอบนี้
#12
โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 06:02 PM
สำหรับคำว่า "พอเอาตัวรอดกลับดุสิตบุรีได้" ถ้าเป็นผมได้รับคำนี้ก็ไม่ค่อยภูมิใจหรอกครับ แต่ถึงจะได้คำนี้ ถ้าส่ง case ไป ก็ยังดีใจที่ได้เจอหมู่คณะ และเป็นเครื่องเตือนตัวให้ดียิ่งๆขึ้นไป แม้ในที่สุดได้คำว่า กลับสู่ดุสิตบุรีได้สบายๆ ทำวิชชา ก็ยังไม่ควรประมาทเพราะเรายังไม่ชนะเค้า สำคัญก็คือปัจจุบันทำให้ดี แล้วอนาคตมันจะสร้างตัวมันเอง อดีตที่ผ่านไปแล้วเพียงเพื่อให้เราใช้เป็นบทเรียนแต่อย่าไปยึดติดนะครับเสียเวลา เพราะเวลาเรามีไม่มากนะครับ
อนุโมทนาบุญนะครับกับ จขกท.และนักสร้างบารมีทุกท่าน สาธุ
ผู้ที่ทำนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)
#13
โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 06:34 PM
1. ถ้าวิบากกรรมยังไม่หมด จะสามารถกลับดุสิตบุรีได้มั๊ยคะ
2. ต้องทำขนาดไหนถึงจะกลับดุสิตบุรีได้ (นั่งสมาธิ เห็นดวงแก้ว องค์พระ หรือ ต้องทำทานขนาดไหน ต้องรักษาศีลนานแค่ไหน)
3. รู้ได้อย่างไรว่าวิบากกรรมของเราหมดแล้ว กัลยาณมิตร หลายท่านบอกว่า การสร้างองค์พระ เท่ากับตัดวิบากกรรม ปิดอบาย แต่...
ตรงนี้ต้องขอประทานอภัยไว้ก่อนนะคะ เพราะไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร เพียงแค่เป็นผู้ที่ยังมีความเข้าใจไม่ลึกซึ้งเท่านั้น
ถ้าอย่างหลวงพ่อที่ ทำทุกๆอย่าง สร้างบารมีอย่างถวายชีวิต แต่ยังหนีวิบากกรรมไม่พ้น (ยังเจ็บ ยังป่วยแบบไม่หายอยู่) แล้วอย่างเราๆ นี่ จะยังไงคะ หรือว่าต้องสร้างสม บุญ บารมี ไปอีกหลายๆ ชาติ เพื่อที่จะได้ไปดุสิตบุรี หรือ เราทำเพียงชาตินี้ อย่างเต็มที่ ก็ได้ไปเลย
อยากจะทำค่ะ อยากจะไปให้ถึง รบกวนท่านที่รู้ช่วยชี้ทางให้ koonpatt ด้วยค่ะ
ข้าพเจ้าใคร่ ขอออกตัวไว้ก่อนว่ายังเป็นนักเรียนอนุบาลๆ ไม่ต่างอะไรกับทุกๆท่าน นะครับ คลิ๊กที่นี้ แล้วท่านก็จะเข้าใจในตัวข้าพเจ้ามากขึ้นนะครับ
อย่างไรก็ตามขออนุญาตขอออก แสดงความคิดเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้า อันที่เกิดมาจาก การจำ ความเข้าใจ ตามที่ได้ถูกอบรบ สั่งสอน และเรียนรู้ จากท่านผู้รู้ทั้งหลาย มาเช่นกันนะครับ
ตอบข้อที่ 1) เรื่องของวิบากกรรม (ผลที่มาจากกรรม, กรรม แปลอย่างง่ายแปลว่า การกระทำ) จะมาได้จากสองอย่าง นั้นก็คือจาก กุศลกรรม (บุญ) กับ อกุศลกรรม (บาป) โดยความเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้าแล้ว การจะได้เสวยผลบุญ ในสวรรค์ชั้นดุสิต หรือชั้นไหนๆก็ตาม ผู้ที่จะได้เสวยผลอย่างนี้ ก็ ต้องทำเหตุประกอบเหตุ สำหรับผลอย่างนั้น เช่นนั้น ด้วยครับ และในทางพระพุทธศาสนา ถ้าหมดซึ่งวิบากกรรมต่างๆ (โดยทั้งนี้การประกอบกรรมบ้างอย่าง ก็ยังสามารถเป็นเหตุที่ยังไม่สามารถให้เข้าถึง พระนิพาน ได้) ทั้งสองอย่างที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ก็สามารถเข้าถึงสิ่งประเสริฐอันสุดที่สุด นั้นก็คือ พระนิพพาน
ตอบข้อที่ 2) สิ่งนี้ต้องพยายามเรียนรู้ กันต่อนะครับ (อย่างง่าย ก็ลอง พิจารณา ศึกษา และดู Case Study เยอะๆนะครับ) แล้วโปรดลองพิจารณาข้อคิดเห็นนี้ด้วยครับ คลิ๊กที่นี้ ประกอบตามไปด้วยนะครับ โดยทั้งนี้จะต้อง เพิ่มปริมาณทุกๆ อย่าง ที่ได้กล่าวไว้ตามข้อคิดเห็นที่ได้แสดงไว้แล้ว อย่างเข้มข้นมากๆ เลยที่เดียวครับ ซึ่งก็คงต้อง ขยัน และอดทน กันเป็นปกตินะครับ ตามตัวอย่างดีๆ ของ ท่านคุณครูบาอาจารย์ ทั้งหลายๆ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน ที่ ได้ประพฤติปฎิบัติ ไว้ให้ดู ให้พิจารณา และให้ศึกษา กันไว้ดีแล้วนะครับ
สำหรับการที่เราจะสามารถทราบว่า เราประพฤติปฎิบัติ ได้เข้มข้น ขนาดไหน อย่างไร นั้น อย่างแรก คือการตรวจสอบอย่างง่ายๆ หยาบๆ ด้วยตัวเอง การตรวจสอบอย่างเบื่องต้นด้วยตัวของเราเองทำได้ไม่ยากนักนะครับ โดยส่วนตัวแล้ว เสนอให้ลอง พิจารณาทุกขณะจิตของเราแล้วเช็กว่า ทำดีที่สุด พอเหมาะสม พอดี แล้วหรือยัง เพียงเท่านี้ ก็เป็น การสำรวจ และประเมินตัวของเราเอง อย่างหยาบๆ ง่ายๆ ในเบื้องต้นแล้วนะครับ (โปรดลองพิจารณา ลิงค์ใต้ลายเซ็นของข้าพเจ้าดูได้ ถ้าต้องการศึกษาเพิ่มมากขึ้นในละเอียดที่เพิ่มขึ้นอีก) อย่างที่สอง ก็คงต้องอาศัย ความเมตตา และกรุณา จากท่านผู้รู้ ท่านผู้ปฎิบัติ จริง หรือ ท่านคุณครูบาอาจารย์ ทั้งหลาย มาคอยอบรบ ชี้แนะ หรือ มาสอบอารมณ์ ให้นะครับ
ตอบข้อที่ 3) สืบเนื่องจากข้อ 2 เราที่จะพอสามารถรู้ได้ด้วยตัวเองอย่าง หยาบๆ นะครับ และถ้าถึงขนานที่หมดสิ้นกันแล้วละก็ ของอย่างนี้ ตัวเองพึงจะสามารถที่จะรู้ได้ดีในระดับหนึ่งที่เดียว (ถ้า ทาน ศีล ภาวนา ข้อนข้างที่จะ สมบรูณ์แล้ว ตนเองจะสามารถเป็นครูให้กับตนเองได้ ในระดับหนึ่งที่ใช่ได้ เลยที่เดียว)
ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมดังที่ตัวเองได้เข้าใจนะครับ เผื่อว่าจะพอเป็นประโยชน์สำหรับ ท่านบางท่านได้ ไม่มากก็น้อยนะครับ ว่า วัฐฐสงสาร แห่งนี้ ข้าพเจ้าใคร่เปรียบเสมือนเป็น คุก ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ท่านบ้างท่าน ที่เผลอพลาดพลั่งได้ประมาท กระทำผิด พลาดไป ก็จะได้ไป ติดคุก ในส่วนที่เป็นของ ความทุกข์ (ทุกข์ติภูมิ) ในทางตรงกันข้ามแล้ว ท่านบ้างท่าน ที่ได้ตั้งใจ ประกอบคุณงามความดี อย่างตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ดี ก็จะได้ไป ติดคุก ในส่วนที่เป็นของ ความสุข (สวรรค์ภูมิ) เรื่องราวเหล่านี้ ถ้าไม่ประมาทต้องมั่นเรียนรู้ และศึกษากัน จะได้ปรอดภัยมากที่สุดนะครับ และที่ DMC.tv (ก็หลายๆ ท่านที่กำลังอ่าน และที่แสดงความคิดเห็นกันอยู่เนื่องที่ DMC webboard นั้นแหละครับ )ก็เป็นอีกที่หนึ่ง ที่ดีมาก และ น่าศึกษา เลยที่เดียว โดยส่วนตัวแล้ว ข้าพเจ้าได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะเลย ณ. ที่แห่งนี้ และกับ ท่านคุณครูบาอาจารย์ หลายๆท่าน ของทาง วัดพระธรรมกาย
พระปัจเจกพุทธ พระสัมมาสัมพพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์เจ้า และ ท่านอริยบุคคล ทุกๆท่าน ทุกๆคน สำหรับท่านทั้งหลายเหล่านั้นแล้ว ทุกๆท่านต่างล้วนแต่ เคยท่อง และข้องแวะ ไปในทั้งสองส่วนของ คุกอันยิ่งใหญ่ แห่งนี้ มาไม่มากก็น้อย เสียจนกระทั้ง ท่านทั้งหลายเหล่านั้น เกิดความรู้สึกระอา และเบื่อหน่าย อย่างแท้จริงๆ และสุดๆ ในการที่จะต้องมาเกี่ยวข้อง ข้องแวะ ต่อทุกๆสิ่งๆ ทุกๆอย่าง ที่เกิดขึ้นอยู่ ภายในคุกแห่งนี้ ท่านเหล่านั้นจึงค้นหาทางออก และ พากันสอน บอกถึงวิธีการออกจากคุกนี้ และนำพากันออกไปได้บ้างบางส่วนแล้ว ด้วย ความตั้งใจจริงอย่างแรงกล้าของ ทุกๆท่านเหล่านั้น ที่จะแสวงหาความสูขอย่างแท้จริงอย่างยิ่งที่สุด นั้นก็คือ พระนิพพาน (นิพพานเป็นสูขอย่างยิ่ง) ก็ยังคงไว้ถึงซึ่งวิชาที่ท่านเหล่าค้นพบ และใช้เป็นวิชาศึกษาถึงวิธีการต่างๆในการออกจาก คุกแห่งนี้ และ วิชาที่ว่านี้ เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับ ท่านทั้งหลาย ที่กำลังตั้งใจอยากจะออกก็ดี หรือ ทั้งอยากจะออกแล้วก็ดี อย่างเราๆท่านๆ นั้นก็คือ วิชาพระพุทธศาสนา นี้เอง said me!!!
และสิ่งที่คอยเป็นตัวขัดขวาง เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย ในการออกจาก คุกที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ก็คือ เหล่า(พญา)มาร (ศึกษาเพิ่มเติมเรื่อง (พญา)มาร ได้ที่นี้ คลิ๊กที่นี้)
ยังไงก็อย่าท้อใจกันซะก่อนนะครับ เพราะ ทุกๆสรรพชีวิตทั้งหลาย ทั้ง ที่ออกจากคุกแห่งนี้ได้แล้วก็ดี หรือ ที่กำลังจะออกจากคุกแห่งนี้ก็ดี ต่างก็ต้องเผชิญสิ่งขัดขวาง อย่างเดียวกัน จึงถือได้ว่า ไม่มีใครได้เปรียบและเสียเปรียบ กันซะเท่าไร โดยเฉพาะ ในตอนแรกๆ แต่พอมาหลังๆนี้ เพราะได้ทำกรรม ที่แตกต่างกันไป สิ่งเหล่านี้ (กรรมทั้งหลาย) เลยเป็นผลอย่างสำคัญยิ่งยวด ต่อทุกสรรพสัตว์ทั้งหลายที่กำลังศึกษา และหาทางออกจากคุกแห่งนี้ ที่จะทำหน้าที่ เป็นเสบียง(บุญ) หรือไม่ก็ เป็นภาระ(บาป) ใช้ สำหรับการที่จะออกจากคุกแห่งนี้ไปได้
ท้ายสุดนี้ข้าพเจ้าขอฝากภาพเหล่านี้ให้ ทุกๆท่าน ได้ พิจารณาและศึกษา กัน ตามสะดวกและสมควร ด้วยนะครับ
โดยส่วนตัวแล้ว สำหรับข้าพเจ้า เห็นว่าสิ่งที่ต้องกังวล มากทุกสุด (ในขณะที่ยังมีสติ และความตระหนัก ที่ข้อนข้างสมบรูณ์อยู่บ้างในระดับหนึ่ง) ณ. ตอนนี้ ก็คือ ณ. วันนี้ ทุกๆวัน ทุกๆนาที ทุกๆวินาที และ ทุกๆลมหายใจของเรา ถูกใช้ไปคุ้มค่าแล้วหรือยัง สำหรับเพื่อ การพัฒนาตนเอง ความสูข และความเจริญ อย่างยิ่ง สำหรับตนเองต่อๆ ไปในภายภาคหน้า ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้นแล้วไซร้ ตัวข้าพเจ้ายังไม่คิดจะกังวล มากนักซักเท่าไรจ้า และ ถ้าหากว่าตัวของข้าพเจ้ายังคงมี เหตุที่จะ ต้องยังเวียน และข้องเกี่ยวอยู่กับ คุกแห่งนี้อยู่ละก็ ข้าพเจ้าก็ขอปราถนาที่จะอยู่แต่เฉพาะใน สวรรค์ภูมิ และ มนุษย์ภูมิ (ซึ่งสองอย่างนี้ รวมกันเรียกว่า สุขคติภูมิ) ทั้งนี้เพื่อการพัฒนาระดับของ บารมีทั้ง 10 ทัส ให้สมบรูณ์ขึ้นยิ่ง เรื่อยๆ นะครับ ถ้าข้าพเจ้าจำไม่ผิด ท่านคุณครูไม่ใหญ่เหมือนจะเคยพูดไว้ว่า "พวกเราทุกๆคนล้วนสามารถจะเป็น ผู้ออกแบบชีวิตของเราเองได้ทั้งสิ้น" (อันนี้ ข้าพเจ้าขอเพิ่มเติมตามความเข้าใจของตัวเองนะครับ, โดยทั้งนี้ ถ้าเราสามารถเข้าใจหลักวิชาพระพุทธศาสนาได้ดีในระดับหนึ่ง)
ข้าพเจ้าขอแสดงความคิดเห็นตามที่ตัวเองเข้าใจ ตามนี้ ไว้เป็นเบื่องต้น ไว้เท่านี้นะครับ อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็ใคร่อยากที่จะ ศึกษาถึงข้อคิดเห็นอื่นๆ ของท่านสมาชิกท่านอื่นๆ ด้วยเช่นกันครับ เพื่อจะได้เป็นเป็น การแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นซึ่งกันและกัน และ ช่วยกันทำความเข้าใจให้ ถูกต้อง และสมบรูณ์มากขึ้น ครับ เพื่อพวกเราและท่านทั้งหลายๆ จะได้ ไปเรียนรู้ และสอบถาม กับท่านคุณครูบาอาจารย์ กันอีกต่อไปนะคร้บ
ขออนุโมธนาบุญ กับ ทุกๆท่าน สำหรับ ทุกๆความคิดเห็น ที่ดี และเป็นประโยชน์ยิ่ง สำหรับ กาลต่อไปในภาคหน้าด้วยนะครับ
สาธุ...สาธุ...สาธุ...ครับ
ปล. ข้อแสดงความคิดเห็นของ ท่าน สัมมาอะระหัง ที่ได้แสดงไว้ข้างต้นนั้น สั่น กระชับ เข้าใจ และ ง่าย จริงๆนะครับ
ไฟล์แนบ
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7
.
รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า: คลิ๊กที่นี้คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>> CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
#14
โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 07:42 PM
ก็คิดอย่างเดียวคือขอให้ได้กลับดุสิตกับเค้าซักคนด้วยเถ้อะ เนี่ยมันต่างกันอย่างนี้แหละ ข้างบนคิดอย่างพอลงมาก็คิดอีกอย่าง ถึงได้เรียกว่าสังสารวัฎนี่น่ากลัวจริงๆ
การจะกลับดุสิตได้นั้นมีเหตุดังนี้
1)เข้าถึงพระธรรมกาย หรือดวงธรรม (ชัวร์ที่สุดปลอดภัยที่สุด)
2)กำลังบุญถึง
3)สั่งสมบุญแล้วตั้งจิตอธิษฐานอย่างแรงกล้า
....แต่หากไม่เข้าถึงพระรัตนตรัยในชาตินี้(แม้ได้กลับดุสิตบุรี)....สิทธิ-หน้าที่บนดุสิตย่อมแตกต่าง และ ไม่ขอยืนยันว่ารอบหน้าจะได้ลงหรือไม่(หากไม่ได้ลงอย่านึกว่าสบายตัว แต่ กำลังบุญจะยิ่งห่างหมู่คณะ).....
.ฟังเรื่องราวดีๆได้ที่นี่ครับ
#15
โพสต์เมื่อ 13 October 2006 - 08:54 PM
นึกถึงคำพูดที่คุณยายกล่าวไว้ว่า ยายรอดแล้ว ทำให้ยิ่งสำนึกเข้าไปใหญ่ เพราะธรรมะระดับคุณยายยังพูดเรื่องแบบนี้ ส่วนตัวเรายังไม่รู้ ยังไม่เห็นอะไรเลย คิดว่าตัวเองอาจจะรอด หรือรอดแน่ ๆ ก็ประมาทเต็ม ๆ ครับ
#16
โพสต์เมื่อ 14 October 2006 - 03:03 AM
ดุสิตบุรี เป็นภพของผู้ที่มีบุญบารมีเต็มเปี่ยม
เทวดายากเป็นมนุษย์
มนุษย์ยากเป็นเทวดา
ต่างคนต่ามีกิเลส ความยาก ตัณหา เป็นตัวเหตุแห่งทุกข์
วันคืนล่วงไป ล่วงไป บัดนี้เราทำอะไรอยู่ ?
อดีต ผ่านมาแล้ว อนาคต ยังมาไม่ถึง
ดุสิตบุรี เป็นเรื่องของอนาคต สำหรับทุกท่านในที่นี้
ปัจจุบัน อยู่ที่ dmc.tv เป็นคนด้วยกันทั้งนั้น
แล้วควรทำเช่นไร ?
จงเตือนตนด้วยตน
เพียรละความไม่ดีที่มีอยู่ในใจ ความไม่ดีอันอื่นเพียรระวังอย่าให้มันเกิดขึ้นในใจ
บุญกุศลที่ยิ่งขี้นไปอันใดที่ใจเรายังไม่มี เพียรให้มีขึ้น (องค์ธรรมกายในตัว)
บุญที่มีอยู่แล้วเพียรระวังรักษาอย่าให้มันเสื่อม
ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ผ่องใสที่สุด ได้เท่าไรก็แช่มชื่นไว้ วันนี้ได้เท่านี้
วันหน้าถ้ามีลมหายใจอยู่ ก็สู้ต่อไป(กับกิเลสในใจ)
ผมคิดแค่นี้แหละครับ รอดไม่รอด ไม่ทราบ แต่วันนี้รอดแล้ว ส่วนพรุ่งนี้ไม่ทราบเหมือนกัน
โปรดพิจารณาด้วยน่ะครับ
ขอให้สมความปรารถนาทุกท่าน
#17
โพสต์เมื่อ 14 October 2006 - 11:12 AM
เรียนหนังสือ สอบไม่ผ่านยังมีสอบซ่อม
กลับดุสิตบุรีไม่ได้ นี่ไม่รู้ไปอยู่ไหนเลย พอกลับมาเกิดอีกที ไม่เจอใคร จะไปทำกรรมอะไรบ้างก็ไม่รู้ ขนาดชาตินี้ ก่อนจะมาเจอคุณครูไม่ใหญ่ ก็ทำอะไรมาเยอะแยะ
กลัวๆๆๆๆๆๆ
#18
โพสต์เมื่อ 14 October 2006 - 11:49 AM
สติ หมายถึง อย่าประมาท ความไม่ประมาท คือ โอวาทสุดท้ายที่พระพุทธเจ้าท่านฝากไว้ ก่อนจะปรินิพพานน่ะครับ ความไม่ประมาทนี่สำคัญมากทีเดียวนะครับ ดังพุทธวาจาว่า "ภิกษุทั้งหลาย รอยเท้าของสัตว์ทั้งหลาย รวมลงได้ในรอยเท้าช้าง เพราะรอยเท้าช้างใหญ่ฉันใด กุศลธรรมความดีงามทั้งปวงก็สามารถรวมลงได้ในความไม่ประมาทฉันนั้น ความไม่ประมาทจึงถือว่าเป็น ยอดแห่งกุศลธรรม"
สบาย หมายถึง อย่ากังวล คือ แม้ไม่ประมาทแต่ใช้ชีวิตแบบวิตกกังวลไปทั่ว กลัวตัวเองไม่ได้กลับดุสิตบุรี กลัวอนาคตล้มเหลว อะไรต่างๆ ผิดหลักวิชชาอย่างยิ่ง เพราะความวิตกกังวลไม่เคยช่วยอะไรได้ ตัวผมเองชาติในอดีตเคยเป็นมาแล้ว ปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่แต่น้อยลงแล้ว เพราะคุณครูท่านเมตตาฝันในฝันให้ จึงขอฝากเพื่อนนักเรียนทั้งหลายว่า อย่าเป็นอย่างผมเลยครับ
สติกับสบายนี่แหละ ดีนัก
#19
โพสต์เมื่อ 14 October 2006 - 12:11 PM
สติ หมายถึง อย่าประมาท ความไม่ประมาท คือ โอวาทสุดท้ายที่พระพุทธเจ้าท่านฝากไว้ ก่อนจะปรินิพพานน่ะครับ ความไม่ประมาทนี่สำคัญมากทีเดียวนะครับ ดังพุทธวาจาว่า "ภิกษุทั้งหลาย รอยเท้าของสัตว์ทั้งหลาย รวมลงได้ในรอยเท้าช้าง เพราะรอยเท้าช้างใหญ่ฉันใด กุศลธรรมความดีงามทั้งปวงก็สามารถรวมลงได้ในความไม่ประมาทฉันนั้น ความไม่ประมาทจึงถือว่าเป็น ยอดแห่งกุศลธรรม"
สบาย หมายถึง อย่ากังวล คือ แม้ไม่ประมาทแต่ใช้ชีวิตแบบวิตกกังวลไปทั่ว กลัวตัวเองไม่ได้กลับดุสิตบุรี กลัวอนาคตล้มเหลว อะไรต่างๆ ผิดหลักวิชชาอย่างยิ่ง เพราะความวิตกกังวลไม่เคยช่วยอะไรได้ ตัวผมเองชาติในอดีตเคยเป็นมาแล้ว ปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่แต่น้อยลงแล้ว เพราะคุณครูท่านเมตตาฝันในฝันให้ จึงขอฝากเพื่อนนักเรียนทั้งหลายว่า อย่าเป็นอย่างผมเลยครับ
สติกับสบายนี่แหละ ดีนัก___By ท่าน 'หัดฝัน'
สติ(ไม่ประมาท) กับ สบาย(ไม่กังวล) เป็น สองคำ(ประโยค) ง่ายๆ ในเบื่องต้น ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับ นักสร้างบารมี ในยุคนี้ (พ.ศ.2549) เลยนะเนี้ย ทั้ง สั้นและกระชับ ได้ใจความจริงๆ เลยจ้า
ข้าพเจ้าใคร่ขอ อนุโมทนาบุญ กับ ท่านหัดฝัด และกับ ทุกๆท่าน สำหรับ ความคิดเห็นเพิ่มเติม ที่ดีๆ และมีสาระประโยชน์ สำหรับ เส้นทางของการออกจาก กองทุกข์ ที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ (วัฐสงสาร หรือ คุก) และ ท้าทาย (เหล่าดวงจิตดวงน้อยๆ เดิมๆ ดวงนี้) พวกเราๆ ท่านๆ อันเป็นที่สุดของที่สุดจริงๆ ครับ
สาธุ...สาธุ...สาธุ...ครับ
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7
.
รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า: คลิ๊กที่นี้คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>> CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
#20
โพสต์เมื่อ 14 October 2006 - 12:51 PM
ที่สุดของที่สุด ฟังแล้วน่าตื่นเต้นดีจัง
โอ้ที่แห่งนี้ล้วนมีแต่เหล่าผู้กล้า ท้าความฝัน ยอดกัลยาณมิตร
เดินมาจนท้อไม่เจอจุดหมายปลายทางที่ฝัน
จะกลับได้ไหม ถ้าเดินต่อไปยากเย็นขนาดนั้น ยังถามใจ
ตลอดชีวิต ฉันเจอในสิ่งที่คิด
หรือมันจะเป็นอะไรที่ผิด และฉันเองที่หลงทาง
ชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝัน หกล้มคลุกคลานเท่าไหร่
มันจะไปจบที่ตรงไหน เมื่อเดินเท่าไหร่มันก็ไปไม่ถึง
เดินต่อช้าๆ ไม่อยากปล่อยฝัน ให้มันหลุดมือ
ที่สั่งให้ฉันไปต่อก็คือความเชื่อเท่านั้น
ถ้าในวันนี้เรี่ยวแรงยังเหลือ ก็ยังต้องฝัน ต้องก้าวไป
ตลอดชีวิต ฉันเจอในสิ่งที่คิด
แม้ไม่ว่ามันจะถูกหรือผิด จะขอทำสุดหัวใจ
*ชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝัน หกล้มคลุกคลานเท่าไหร่
มันจะไปจบที่ตรงไหน แต่จะยังไงก็ต้องไปให้ถึง
ที่สุดถ้ามันจะไม่คุ้ม แต่มันก็ดีที่อย่างน้อย
ได้จดจำว่าครั้งนึงเคยก้าวไป
แค่คนที่เชื่อในความฝันจะเหน็ดจะเหนื่อยก็ยังต้องเดินต่อไป
**ฉัน(แม้)ท้อแท้สักกี่ที ยังมีหวัง แม้พลาดพลั้งสักกี่ครั้งยังฝันไกล
แม้ฉันล้มฉันก็คงไม่ตาย ฉันยังไม่ตายฉันยังคงหายใจ
***ฉัน(แม้)ท้อแท้สักกี่ที ยังมีหวัง แม้พลาดพลั้งสักกี่ครั้งยังฝันไกล
แม้ฉันล้มฉันก็คงไม่ตาย ฉันยังไม่ตายฉันยังคงหายใจ
.ฟังเรื่องราวดีๆได้ที่นี่ครับ
#21
โพสต์เมื่อ 14 October 2006 - 12:56 PM
จะอย่างไร ก็สู้ๆ ค่ะ
#22
โพสต์เมื่อ 14 October 2006 - 02:42 PM
จะรู้สึกว่า..อย่างไรก็ยังได้กลับ..ดีจังเลย
แล้วจะนึกว่า..เอ..แล้วเราล่ะ...ชาตินี้จะได้กลับมั๊ย ?...
ว่าแล้วก็จะขยันนั่งธรรมะมากขึ้นค่ะ
..กลับไม่ได้ละแย่เลย...
เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน
#23
โพสต์เมื่อ 14 October 2006 - 07:03 PM
ชาติที่แล้วจะลงมาจากไหนก็ตาม แต่ชาตินี้ต้องกลับดุสิตบุรีให้ได้
หยุดนั่นเองเป็นตัวสำเร็จ
ทั้งทางโลกและทางธรรม สำเร็จหมด
#24
โพสต์เมื่อ 14 October 2006 - 11:58 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#25
โพสต์เมื่อ 15 October 2006 - 08:16 AM
-----------------------------------------------
#26
โพสต์เมื่อ 15 October 2006 - 10:28 PM
#27
โพสต์เมื่อ 16 October 2006 - 02:41 AM
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#28
โพสต์เมื่อ 16 October 2006 - 02:57 PM
แต่ก่อนเคยอ่านหนังสือของวัดรุ่นแรก ๆ คือ เดินไปสู่ความสุข
เราต้องมั่นใจว่าทำได้ ต้องเอาชีวิตเข้าแรก แล้วลงมือนั่งสมาธิผลสุดท้ายต้องถึงธรรมได้เท่านั้น
#29
โพสต์เมื่อ 16 October 2006 - 10:45 PM
แต่ชาตินี้น่ากลัวจังเลยครับ ตอนนี้ก็ยังไปไม่ถึงไหนเลยครับ ฮือๆๆ
#30
โพสต์เมื่อ 25 October 2006 - 08:01 PM
เเต่จะสู้ให้ถึงที่สุดนะคะ