ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

การกินเจถือว่าเป็นบุญใหญ่ใช่ไหมค่ะ สามารถปิดอบายได้ไหมค่ะ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 30 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#31 usr28788

usr28788
  • Members
  • 2 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 March 2009 - 01:13 AM

จงปล่อยสรรพสตว์ให้ตายไปอย่างธรรมชาติเถิด อย่าตัดอายุขัยพวกเขาอีกเลย

หากเราดำรงชีวิตอยู่ของเราดีๆ ทันใดนั่นเราก็ต้องเจอกับฆาตกรใจโหด ใจของเราตอนนั้นก็คง อกสั่นขวัญหาย นึกถึงชีวิตที่จะต้องดำรงต่อไป และ เสียดายชีวิตตนเอง เพราะยังห่วงและยังมีภาระอีกมากมายที่ยังไม่สะสาง

เราเองก็ไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉานที่ถูกกักขังหรอก ต้องรอการประหารชีวิตที่ไร้สาเหตุเป็นแน่

มนุษย์ที่หน้าตาใจดี จิตใจดูเป็นผู้มีความเมตตา แต่ใจซ่อนพิษ คือ งูเห่า เสือ สัตว์ร้ายที่เป็นนักล่า

สัตว์เดรัจฉาน เช่น หมู เป็ด ไก่ วัว ควาย นก กบ ปลาช่อน ปลาดุก สัตว์ในท้องทะเล และสัตว์ที่กินได้อีกมากมาย ที่มนุษย์เรียก "การกระทำ" อันเอ็นดู มีพระคุณ ของตนเองว่า "การเลี้ยงดู"

ทุกวัน จะเมตตา เลี้ยงสัตว์ โดยให้อาหารพวกเขาได้อิ่มหนำสำราญ แสนสบาย ไม่ต้องออกหาอาหารเอง มีคนมาให้อาหารให้อิ่มหนำสำราญตลอดทุกวัน สัตว์ผู้ไร้เดียงสา ต่างก็เข้าใจว่า เจ้านายตนเองใจดี ไม่เป็นอันตรายดั่งเสือสิงโต จึงเข้าใกล้สนิทชิดเชื้อกับมนุษย์ ณ ตอนนั้น สัตว์ก็คิดว่า มนุษย์มีพระคุณต่อพวกเขาเหลือเกิน ซึ่งก็เปรียบได้กับพ่อแม่เลี้ยงดูลูกรักนั่นเอง ในใจของสัตว์ตอนนั้นก็คงคิดว่า มนุษย์ คือ พ่อแม่ ของพวกเขา เพราะฟูมฟักพวกเขามาตั้งแต่ที่ได้ลืมตามาดูโลก

เลี้ยงนานเข้าจนเจริญเติบโต เต็มวัย เมื่อเวลาของการค้าขายเริ่มขึ้น คือ มีลูกค้ามาสั่งซื้อสินค้าอยู่เสมอ การฆาตกรรมก็มาถึง สัตว์ที่เคยเข้าใจว่า ผู้เลี้ยงตนมาจนเติบใหญ่ คือ ผู้มีพระคุณ แต่กลับฆ่าเราได้ลงคออย่างโหด####ม การประหารชีวิตมีหลายรูปแบบมาก แต่ก็เจ็บปวดทรมานไม่แพ้กัน เช่น ที่ต่างประเทศ โรงฆ่าสัตว์ จะใช้เทคโนโลยี เครื่องจักรหรือเครื่องไฟฟ้าฆ่าให้ตายอย่างรวดเร็ว สะดวก สัตว์ที่ถูกเครื่องจักรล็อคแขนขาหัวไว้ ก็คงไม่ต้องดิ้นหลุดมือ ไม่ต้องมาคอยจับให้เหนื่อยยาก อยากดิ้นก็ดิ้นไปเถิด มนุษย์บางคนก็อ้างว่า การใช้เครื่องจักรที่ใช้เทคโนโลยีสูงมาประหารสัตว์นั่น เป็นการทำให้สัตว์ไม่ทรมานมากนัก อนิจจา แต่หากตัวเองไปอยู่บนเครื่องจักรประหารบ้าง คงไม่ยอมเอาเสียเลยใช่ไหมเล่า บอกว่า เป็นการทรมานน้อยลง งั้นก็ลองไปเป็นเหยื่อบ้าง จะเป็นอย่างไรบ้างหนอ

จิตญาณสัตว์ที่ออกจากร่างตอนนั้น คงสับสนอยู่ไม่น้อย ทั้งสับสน ทั้งโกรธแค้น ทั้งอกหัก และเศร้าเสียใจเป็นที่สุด ว่า ทำไมผู้มีพระคุณต้องทำร้ายเราด้วย นี้หรือผู้มีพระคุณ อะไรเป็นเหตุที่เขาต้องฆ่าเรากันนะ

เมื่อจิตญาณที่เคียดแค้นหลุดออกไปเห็น ขบวนการของการปศุสัตว์ที่โรงฆ่าสัตว์ทั้งหมดว่า ที่เขาเลี้ยงเรามาก เพื่อเลี้ยงเราเอาเลือดเนื้อเรามาค้าขายนั่นเอง เป็นการขายชีวิตที่แลกด้วยเงินทั้งสิ้น เพื่อความสุขของทั้งคนฆ่าและคนกิน จิตญาณของสัตว์ตอนนั้น ก็เริ่มอาฆาตแค้นทวีคูณ แล้วจึงออกติดตามว่า ใครกันเป็นเหตุให้เราต้องถูกฆ่า ค้นหาต้นตอของสาเหตุของการฆ่าครั้งนี้ เหมือนกับการสืบคดีเลยทีเดียว ติดตามการลำเลียง ขนส่งเนื้อทุกชิ้นที่แยกชิ้นส่วนไว้แล้ว ไปตามตลาดที่ต่างๆ จนกระทั่งไปพบผู้ซื้อและผู้กิน จนเนื้อชิ้นนั่นหายลงกระเพราะไปเลยทีเดียว

หลังจากนั้น จิตญาณก็ต้องตกสู่นรการต์ หรือ หากมีกรรมที่ยังต้องชดใช้ต่อไป เช่น บ้างก็ต้องเกิดเป็น วัวควาย 10 ชาติ เป็นปลาอีก 3 ชาติ เป็นต้น และความแค้นก็ยังคงฝังรากอยู่กับจิตนั่นเอง

อาชีพธุรกิจโรงฆ่าสัตว์ อาจเป็นอาชีพสุจริตที่ถูกกฏหมายในโลกของมนุษย์เท่านั้น แต่สำหรับสัจธรรมแล้ว เป็นอาชีพที่ผิดศีลธรรมแน่นอน เพราะไม่พ้นจากคำว่า "ฆ่า" ฆ่ามาให้ใครกิน ก็พวกเราทั้งหลายที่ไม่รู้ประสาอะไรเลยในเบื้องหลังของอาหารจานอันน่ารับประทานจานนั้น

สมมติว่า เจ้าของโรงฆ่าสัตว์สำนึกผิด กลัวบาปกลัวกรรม กลัวตกนรกไปกันหมดทั้งโลก ต่างก็ปิดกิจการไปหมด หากไม่มีโรงฆ่าสัตว์เลย ใครหนอจะฆ่าสัตว์สักตัวมาให้เรากิน พวกเราคงต้องฆ่าเองแล้วกระมั้ง แล้วหากท่านกระหายเนื้อสัตว์อย่างทุรนทุรายเล่า ตัวท่านเองก็เป็นคนบำเพ็ญปฏิบัติธรรมเสียด้วย คงเข้าใจเรื่องศีลดี ท่านจะฆ่ากินเองไหม ท่านคงไม่เอาใช่ไหม เพราะฉะนั้น สัจธรรม ย่อมยุติธรรม คือ คนกินต้องรับกรรมไปด้วย

บาปอยู่ที่คนทำ กรรมอยู่ที่คนกิน หากทำทั้งสองอย่างเสียเอง คือ ทั้งกินทั้งฆ่าเอง นรกก็คงอยู่ไม่ไกล

เรามาช่วยกันงดเว้นการฆ่าทั้งปวงเถิด ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางตรง ทางอ้อม

ความจริง คือ ความจริง จะสรรหาคัมภีร์หรือตำราจากภายนอก มาอ้างเพื่อปกป้องความหลงผิด หรือปิดบังกิเลสตนไปทำไมหรือ พระไตรปิฎกหรือคัมภีร์ พระสูตรที่แท้จริงของทุกศาสนา ลัทธิ ก็คือ จิต นั่นเอง จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้นและดับขึ้นที่ตรงจิตนี้เองเล่า



สาธุ