โหดร้ายมาก!!
#1
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 03:35 PM
http://www.petatv.co...i...&speed=_med
http://www.petatv.co...i...&speed=_med
ชาวพุทธทั้งหลายพึงรักษาพระพุทธศาสนาด้วยความเพียรของตน โดยไม่คิดหวังพึ่งอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลแม้ฉันนั้น
#2
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 03:41 PM
![cry_smile.gif](style_emoticons/default/cry_smile.gif)
![dry.gif](style_emoticons/default/dry.gif)
#3
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 03:48 PM
รู้สึกเหมือนเราเป็น ส่วนหนึ่งของวงจรอำมหิตนี้ ถึงจะเป็นลำดับสุดท้ายก็เถอะค่ะ "ผู้บริโภค"
แต่ที่เค้าทำทั้งหมดก็เพื่อ ผู้บริโภคอย่างเรานี่แหล่ะ
![cry_smile.gif](style_emoticons/default/cry_smile.gif)
![cry_smile.gif](style_emoticons/default/cry_smile.gif)
![cry_smile.gif](style_emoticons/default/cry_smile.gif)
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#5
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 04:41 PM
ไม่จริงค่ะ เขาทำเพื่อตัวเองต่างหาก
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#6
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 04:51 PM
#7
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 05:41 PM
#8
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 05:52 PM
คนถ่ายเค้าซูมเข้าไปดูหน้าตา อาการของสัตว์เหล่านั้นที่แสดงออกมา
มันช่าง...
อธิษฐานกันนะคะ ว่าอย่าได้ตกไปเกิดมีอาชีพ มีนิสัยใจคอแบบคนพวกนี้เลย
อย่ากลัวด้วยค่ะ ว่าถ้ามนุษย์ทั้งหมดเลิกฆ่าสัตว์แล้วจะเอาอะไรกิน
ถ้ามนุษย์เจริญได้ขนาดนั้น บุญของพวกเราก็จะไปดึงเอง
อาหารที่ละเอียดกว่ามาให้เรากิน (กลับไปกินหง้วนดินแล้วบินได้เหาะได้)
ยังไงก็จะมีผลไม้วิเศษรสโอชา ทั้งหอมหวาน กินแล้วหอมไปทั้งตัว
อิ่มแบบที่ไม่ต้องท้องผูก ย่อยง่าย ถ่ายก็ไม่เหม็น 555
กินแล้วสุขภาพแข็งแรงมีกำลังวังชา ไม่ต้องทำงาน ไม่หาซื้อ ไม่ต้องปลูก
ขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่ต้องใส่ปุ่ยเร่งโต ไม่ต้องฉีดสารกันแมลง
อีกทั้งไม่มีสารพิษเจือปนให้เป็นมะเร็งกันแบบนี้ด้วยค่ะ
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#9
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 06:38 PM
สาธุครับ คุณพี่Merry Ma
ช่างรู้จักหาแง่มุม มองที่ดี ในภาพอันแสนโหด จังเลย
สงสารทั้งสัตว์ ทั้ง คนฆ่า
รู้สึกเสียใจมากเลย
อย่าเก็บเอาไว้ในใจเลยครับ
.ฟังเรื่องราวดีๆได้ที่นี่ครับ
#10
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 07:15 PM
ผู้ที่ทำนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)
#11
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 07:16 PM
![confused_smile.gif](style_emoticons/default/confused_smile.gif)
#12
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 07:35 PM
ครับ ทำใจลำบากเหมือนกัน ดูแล้วก็เวทนา แทน
ทำให้นึกถึงว่าทำไม คนที่ตายแล้วตกนรกนั้น ต้องทำกรรมเท่าไหร่ถึงไปได้
แล้วก็หวนมานึกถึงตัวเองว่า ถ้าไม่ได้เข้าวัดมาศึกษา ก็คงจะไปตามกระแสโลก
เห็นสิ่งที่ น่าสงสารก็เศร้า ... เห็นเรื่องที่ดีใจก็ดีใจ ...
แต่คิดให้ดีแล้ว ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างเช่นเรื่องที่เอามานำเสนอ ก็ทำให้ใจตกไปอยู่ดี
ฮือ ๆๆๆ ต้องนั่งสมาธิเยอะ ๆ จะได้ใจนิ่งๆ เวลาเจอเรื่องแบบนี้ จะได้วางใจได้
..................
อนุโมทนาบุญ ด้วยนะครับที่นำเรื่องนี้มาให้ฝึกใจ ... สาธุ คราบ
เ มื่ อ เ ร า ส ว่ า ง * * * โ ล ก * * * ก็ ส ว่ า ง ด้ ว ย ^^~*
ส า ธุ . . . ค รั บ ^^~*
#13
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 08:22 PM
แต่ที่เค้าทำทั้งหมดก็เพื่อ ผู้บริโภคอย่างเรานี่แหล่ะ
ไม่จริงค่ะ เขาทำเพื่อตัวเองต่างหาก
![laugh.gif](style_emoticons/default/laugh.gif)
![laugh.gif](style_emoticons/default/laugh.gif)
ที่ koonpatt พูดหมายถึง เรื่องของ ความต้องการซื้อ และ ความต้องการขายน่ะค่ะ เรื่องของ demand & supply ถ้าไม่มีคนต้องการซื้อ เค้าก็ไม่ต้อง ฆ่า เพราะถึงฆ่าก็ไม่ได้ขาย
เหมือนกับ อุ้งตีนหมี ดีงู นอแรด สมองลิง น่ะค่ะ เมื่อก่อน คนเราก็ไม่ได้กินกันพิศดารขนาดนี้ แต่พอมีคนเล่าลือขึ้นมาว่า กินแล้วจะอย่างนั้นจะอย่างนี้
เมื่อเกิดความต้องการซื้อ คนที่ต้องการขายอยากได้เงินนี่คะ ก็ต้องไปเสาะแสวงหามาขาย มันเป็น เรื่องของต้นสายปลายเหตุน่ะค่ะ
ฉันใดก็ฉันนั้น ในหมู่บ้านมังสวิรัติ ย่อมไม่เกิดการฆ่าสัตว์ เพราะไม่มีคนซื้อ
หรือไปขายหมู ในประเทศที่ไม่กินหมู
ขายวัวในประเทศที่ไม่กินวัว
หรือ เหมือน คนกรุงเทพ ไม่นิยมกินสุนัขน่ะค่ะ ก็ไม่เกิดการ ฆ่าสุนัข เพื่อการบริโภคในกรุงเทพ (รึเปล่าคะ) อย่างน้อยก็อาจแอบมั๊ง ไม่มากฆ่ากินกันเอง
เทศกาลตรุษจีน หมู เป็ด ไก่ ถูกฆ่าตายมากขึ้น ใช่ค่ะ คนฆ่าเค้าทำเพื่อรายได้ แต่ถ้า ผู้บริโภคไม่ซื้อ เค้าจะฆ่าไปขายใคร และจะฆ่ามากๆ ทำไมล่ะคะ
![ohmy.gif](style_emoticons/default/ohmy.gif)
ผู้บริโภคอย่างเราๆ นี่ฉลาดเลี่ยงความผิดค่ะ ก็เราไม่ได้บอกให้ฆ่า เราไม่ได้ฆ่า แต่ถ้าเค้า ฆ่า เราก็ช๊อบชอบกิน
บาปอยู่กับคนทำค่ะ กรรมอยู่กับคนกิน (รึเปล่าน๊า คำโบราณน่ะค่ะ คุ้นๆ)
ไม่กินเนื้อสัตว์ ตายมั๊ย ไม่ตาย แต่...เธอฆ่ามาสิ ชั้นไม่ผิดนะ เอากระดาษให้หนึ่งใบ หนึ่งร้อยบาท ซื้อบาป จากการไม่ต้องฆ่ากินเอง
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#14
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 08:31 PM
#15
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 08:41 PM
ถ้าใจไม่แข็งก็อย่าดูเลยค่ะ koonpatt ดูยังอยากเลิกกินเนื้อสัตว์เลยค่ะ
นึกถึงหมูนะ เค้าเอาเหล็กแหลมแทงคอ ปล่อยให้ดิ้นจนตายไปเอง แล้วแล่เนื้อมา รู้สึกเหมือน กำลังกิน...ศพ...น่ะค่ะ
ไก่เงี้ย เค้าจับมา เชือดที่คอ แล้วโยน เชือดแล้วโยน ให้ดิ้นจนตายไปเอง เลือดนอง
เป็ดเงี้ย ยิ่งตายยากนะคะ ปลาเวลาโดนทุบหัวน่ะ มันดิ้น ดิ้น ดิ้น จนตกเขียง แถกไปตามพื้น
โอย...... คิดไปคิดมา จะชวนแม่ เลิกกินสิ่งมีชีวิต ที่ต้องฆ่ามาขายแล้วค่ะ (จะทำได้มั๊ยคะเนี่ย น่า คนกินมังสวิรัติเยอะแยะไป เค้ายังไม่ตายเลย หน้าใสปิ๊ง ผิวสวยอีกต่างหาก จะพยายามค่ะ อันนี้ ส่วนตัวนะคะ)
อย่างน้อย ผัก มันก็ไม่มีน้ำตานะคะ แล้วก็ไม่มีตาที่ใส แป๋วแหวว คอยมองเพื่อร้องขอชีวิตด้วยค่ะ
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#16
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 10:07 PM
#17
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 11:53 PM
ถ้าดูแล้วหัวเราะ จาบาปไหมหว่า?
#18
โพสต์เมื่อ 19 October 2006 - 12:40 AM
พยายามดูให้จบจะได้รู้ว่าเป็นงัย พบว่า ผู้คนเหล่านี้ไม่มีความรู้เรื่องกฏแห่งกรรมเลยโดยสิ้นเชิง และยังไม่รู้เลยว่า ต้องไปเผชิญกับ กรรมที่ตนสร้างไว้ในมหานรก แล้วยังต้องมาถูกทำแบบนี้ ตอนเกิดมาเป็นสัตว์ แล้ว เวลามาเกิดเป็นมนุษย์ ก็ต้องถูกระทำเช่นนี้อีก
สัตว์ที่ถูกกระทำ เปรียบเทียบไปแล้วก็ยัง โหดร้ายน้อยกว่า การที่จะต้องไปถูกทรมานในมหานรก หลายเท่านัก ดูไว้เป็นเครื่องสอนใจนะครับ แล้วก็รีบๆ ลืมมันซะ
#19
โพสต์เมื่อ 19 October 2006 - 05:31 AM
แต่เราไม่นิยมทาน ฉะนั้นการไม่กินเนื้อสัตว์อย่าบอกว่าไม่ได้บุญ เพราะเป็นการลดการผลิต แม้การตายไม่ลดลงแต่ความโหดร้ายทารุณต้องน้อยลงการทำแบบนี้เป็นกิจการใหญ่โตเพราะมีผู้บริโภคมาก ดีแล้วที่เราไม่ชอบทานเนื้อสัตว์ แต่ไม่ได้ว่าคนทาน เราอย่าไปฆ่าเองกะแล้วกัน...สงสารมันแผ่ส่วนกุศลให้มันไปนะคะ...ขอให้ไปสู่สุขตินะพวกท่านทั้งหลาย....
![cry_smile.gif](style_emoticons/default/cry_smile.gif)
#20
โพสต์เมื่อ 19 October 2006 - 08:35 AM
#21
โพสต์เมื่อ 19 October 2006 - 08:51 AM
#22
โพสต์เมื่อ 19 October 2006 - 08:55 AM
หนูมีเพื่อนที่โรงเรียน เมื่อวานหนูถามความเห็นเขาเรื่องการตกปลา
(ที่ถามเพระว่าครูบอกว่าการตกปลาและการล่าสัตว์เอาลงประวัติได้ ใส่ไว้ในแฟ้มสุขภาพได้ว่าเป็นการระบายความเครียด หนูไม่เห็นด้วยเลยลองถามเพื่อนดูว่าเขาคิดอย่างไร)
เพื่อนบอกว่า เราจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าสัตว์เจ็บเป็น ถ้าตกแล้วก็ปล่อย มันก็ยังมีชีวิตอยู่ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ที่สัตว์มันดิ้นทุรนทุรายไม่ใช่เพราะเจ็บ แต่เป็นสัญชาติญาณต่างหาก
คนพวกนี้เข้าใจยากมากเลยค่ะ
หนูไม่มีโอกาสได้อธิบาย แต่ขอแก้ตัวในที่นี้แล้วกัน ว่าถ้ามีโอกาส หนูจะตอบแบบไหน
และถือว่าเป็นการแบ่งปันความคิดเห็นให้กับพี่ๆน้องๆที่กำลังอ่านอยู่ด้วย
การพิสูจน์ว่าสัตว์นั้นได้รับความทุกข์ทางกายอยู่หรือไม่นั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่ใครจะรู้ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีของยุคนี้
มีเพียงแต่พลังทางความก้าวหน้าของใจเท่านั้นที่จะมองเห็นได้ทะลุปรุโปร่ง
แต่ในเมื่อข้อนั้น ไม่มีใครที่จะพิสูจน์ ทดลองแทนผู้อื่นได้นอกจากจะลองเอง ก็ต้องมีเหตุผลทางจิตวิทยาที่บอกได้ว่าเราก็พิสูจน์ไม่ได้เช่นกันว่าสัตว์ไม่รู้จักความเจ็บปวด
การที่สิ่งมีชีวิตนั้นจะสร้างสัญชาติญาณอะไรขึ้นมานั้น ก็เป็นไปเพื่อปกป้องความเป็นอยู่ของตัวมันเอง
ถ้าจะบอกว่าการดิ้นทุรนทุรายนั้นเป็นแค่สัญชาติญาณ จะว่าอย่างนั้นก็ถูกแล้ว มันเป็นสัญชาติญาณ...
... ที่เกิดจากความเจ็บปวด ยิ่งบาดแผลใหญ่ ร่างกายก็จะแสดงให้รู้ว่ากำลังถูกทำร้าย ก็ยิ่งส่งความรู้สึกให้รุนแรงขึ้นไปอีก
ความรู้สึกของสัตว์ก็ดูได้จากมนุษย์นี่ล่ะ โครงสร้างเราก็มาจากธาตุเดียวกันหมด
สิ่งที่แตกต่างก็มีแค่นิ้วโป้งบนมือที่ทำให้เราสร้างสิ่งสร้างความสะดวกสบาย
และความสามัคคีที่ยอมให้เราแบ่งปันทุกสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เรารู้เท่านั้นล่ะ
แต่ที่บอกมานั้นก็เปลี่ยนใจคนที่ไม่มีความหลงเจือปนอยู่ได้เท่านั้นล่ะค่ะ
เพราะผู้ที่หลงในการเบียดเบียนนั้น ย่อมหาเหตุผลมากมายมาอ้างและแก้ตัวอยู่เสมอ
คืนนี้คงต้องขอนั่งสมาธิแผ่เมตตาให้สัตว์ที่ได้รับความทุกข์ทรมาณเหล่านั้นล่ะค่ะ
เห็นแล้วทนไม่ได้
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#23
โพสต์เมื่อ 19 October 2006 - 10:19 AM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#24
โพสต์เมื่อ 19 October 2006 - 12:01 PM
อย่าดูเลยค่ะ
#25
โพสต์เมื่อ 19 October 2006 - 12:10 PM
เคยได้ยินมาว่า ท้องของคนเราคือสุสานที่ใหญ่ที่สุด เพราะกินศพมาแล้วนับไม่ถ้วน
![dry.gif](style_emoticons/default/dry.gif)
ต้อแผ่ส่วนบุญให้สัตว์เหล่านี้มากๆ
![mad.gif](style_emoticons/default/mad.gif)
#26
โพสต์เมื่อ 19 October 2006 - 01:26 PM
#27
โพสต์เมื่อ 19 October 2006 - 02:37 PM
เขาว่า ฑัณน์ทรมานในนรกน่ากลัวกว่านี้อีก หลายเท่า
#28
โพสต์เมื่อ 19 October 2006 - 03:22 PM
ช่างไม่มีความเกรงกลัวต่อบาปเลย
ดูแล้วสงสารสัตว์ครับ
#29
โพสต์เมื่อ 19 October 2006 - 08:14 PM
1. เราโชคดีมากที่ได้เกิดมาในร่มเงาพระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย และได้มาพบหมู่คณะที่สอนให้เข้าใจเรื่องกฏแห่งกรรม เกิดความละอายและเกรงกลัวต่อบาป ไม่ใช่เพียงท่องจำได้จากในตำรา และยังเกิดแรงบันดาลใจอยากให้สรรพสัตว์อื่นพ้นทุกข์ด้วย ถ้าไปเกิดในบุญเขตอื่นที่เป็นศาสนาเทวนิยม สอนว่า พระเจ้าสร้างสรรพสัตว์มาเพื่อเป็นอาหารแก่มนุษย์ หรือว่า การกินเนื้อสัตว์ที่ถูกต้องตามหลักศาสนาต้องถูกฆ่าด้วยน้ำมือศาสนิกของตนเอง หรือต้องฆ่าสัตว์นั้นให้ตายเองกับมือ ห้ามกินสัตว์ที่ไม่ได้ตายด้วยการฆ่าของเราเองเพราะจะเป็นบาป จะทำให้วัฏสงสารยิ่งวนเวียนยาวไกลไม่จบสิ้นนานขึ้นไปอีก
2. ถ้าอยากดูบรรยากาศการทรมานสัตว์นรก ที่ต้องตายเกิดตายเกิดในแต่ละรอบเป็นอย่างไร สามารถหาดูได้จาก โรงฆ่าสัตว์ทุกชนิด
3. มนุษย์ที่ทำปานาติบาตมากกระทั่งตกนรก พอพ้นจากนรกแล้วก็ต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานแล้วละก็ หือ นานเมื่อไหร่จะหมดกรรมก็ไม่รู้ ต้องมาถูกฆ่า อย่างที่ครั้งนึงสมัยเป็นมนุษย์เคยฆ่าสัตว์เหล่านี้มาก่อน เป็นเรื่องน่ากลัวในสังสารวัฏที่มนุษย์ส่วนใหญ่ยังไม่รู้กันเลย