ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * - - 1 คะแนน

พระมาลัย คือใครครับ ช่วยบอกหน่อยสิครับ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 สิทฺธิกโร(V-active)

สิทฺธิกโร(V-active)
  • Members
  • 486 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:สมุทรปราการ
  • Interests:ธรรมมะ และการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 25 October 2006 - 01:59 PM

http://www.abhidhamo.../pramalai01.htm


ช่วงบอกหน่อยสิครับ พระมาลัย คือใครครับ ที่ท่องนรก สวรรค ท่านใดรู้ ช่วยเล่าประวัติให้ฟังหน่อยครับ

#2 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 25 October 2006 - 05:04 PM

ตามตำนานว่าไว้ ว่าเป็นพระเถระที่มีชีวิตอยู่หลังพุทธปรินิพพานที่เกาะลังกา น่ะครับ

ณ ตามพปัณณิทวีป ซึ่งปัจจุบันคือเกาะลังกา มีพระเถระองค์หนึ่งชื่อ "พระมาลัย" ท่านเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ มีบุญญานุภาพ และฤทธิ์เดชเกริกไกร มีเกียรติคุณแผ่ไพศาล เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในทวีปนี้
http://www.doungjira...=...dex&catid=6

ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#3 สิทฺธิกโร(V-active)

สิทฺธิกโร(V-active)
  • Members
  • 486 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:สมุทรปราการ
  • Interests:ธรรมมะ และการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 25 October 2006 - 05:48 PM

ขอบคุณครับพี่หัดฝัน
สาธุ ครับ

ขอบคุณครับ

#4 panu

panu
  • Members
  • 530 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 October 2006 - 06:36 PM

แล้วสวด พระมาลัย จะเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า?

#5 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 25 October 2006 - 07:53 PM

http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=1970

ตามนี้อ่ะครับ

พระมาลัย ตอนพระอินทร์พรรณนาสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

นิยาย เรื่องเล่า

ลำดับนั้นพระมาลัยเถรอรหันต์ต้องการจักใคร่ทราบรายละเอียดของดาวดึงสาพิภพแห่งท้าวสหัสนัยน์จึงให้ท้าวเธอพรรณนาอาณาเขตบริเวณแห่งสวรรค์ชั้นนี้
องค์สมเด็จเทวนมินทร์ท้าวเธอก็ยินดีปรีดาแถลงสุนทรวาจาพรรณนาดังนี้ " ดูกรพระเถระเจ้า อันดาวดึงส์หมายความว่า มีเทวดาถือกำเนิดเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ๓๓ องค์ อันได้แก่ข้าพระองค์และเทวสหายจึงได้ชื่อเช่นนี้ มหานครแห่งนี้มีความกว้างยาว หนึ่งหมื่นโยชน์ รายล้อมด้วยกำแพงแก้วแวววับจับตาสูงขึ้นมาจากพื้นรวมได้ ๑๖ โยชน์ทั้งสี่ด้าน มีประตูเข้าออกนั้น ๑,๐๐๐ แห่ง เหนือประตูเมืองแต่ละแห่งมีปราสาทอันงดงามอยู่ด้านบนทุกแห่งไป

เมื่อจักเปิดประตูเมืองคราใดจะปรากฏเสียงทิพยดนตรีมโหรีพิณพาทย์อันไพเราะเสนาะโสตกังวานซ่านจับใจไปทุกครั้ง ภายในมหานครแห่งนี้ยังมีอุทยานรุกขชาติอันเดียรดาษด้วยพรรณพฤกษาแลผกาบุปผชาติอยู่ ๔ แห่งในแต่ละทิศ ณ เบื้องบูรพาตะวันออกมีอุทยานชื่อว่า นันทวัน เบื้องปรัศจิมตะวันตกนั้นมีชื่อว่า จิตรลดาวัน เบื้องทิศอุดรฝ่ายเหนือนั้นมีชื่อว่า สักกวัน เบื้องทักษิณฝ่ายใต้นั้นมีชื่อว่า ผรุกวัน อันเป็นสถานที่เที่ยวเล่นเด็ดดมชมผกา

หมู่พฤกษารุกขชาติที่บานดอกออกผลเกลื่อนกล่นของเหล่าเทพเทวดา แล้วยังมีสระโบกขรณีอันมีน้ำใสดุจดั่งแผ่นกระจกแก้วอัญมณี มีอุบลบานดอกออกฝักมากมาย โดยรอบขอบสระมีก้อนศิลาอันมีรัศมีเรืองโรจน์แต่งประดับ มีแท่นประทับสำหรับเทพบุตรเทพธิดามานั่งเล่นชมสวนสวรรค์สำราญอิริยาบท

ใจกลางแห่งมหานครนี้มีมหาปราสาทอันใหญ่โตโอฬารนามว่า ไพชยนต์มหาปราสาทอันเป็นที่ประทับของข้าพระองค์แลมิ่งมเหสี บรรจงสร้างด้วยแก้วมณีเจ็ดประการแต่ละด้านสูงพันโยชน์ ภายในปราสาทยังมีวิมานทองผ่องอำไพสูงใหญ่ได้ ๗๐๐ โยชน์ประดับประดาด้วยแก้วมณีอันเป็นที่รโหฐานของข้าพระองค์ ภายนอกยังคงมีปรางค์ปราสาทแก้วมณีมีจำนวนทั้งสิ้น ๓๒ หลังอันเป็นที่อยู่อาศัยของเทวผู้เป็นสหายของข้าพระองค์

ที่ตรงนี้คือพระเจดีย์จุฬามณีสถานอันเป็นที่สถิตประดิษฐานของมุ่นมวยพระโมลีเกศาธาตุของพระบรมศาสดาเมื่อคราเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ปลงผมแล้วโยนขึ้นกลางนภากาศ ตั้งสัตย์อธิษฐานว่าหากได้บรรลุพระโพธิญาณขออย่าได้ตกลงมา ข้าพระองค์จึงนำเอาพานทองคำนำไปรองรับกลับมาเนรมิตรพระเจดีย์นี้ไว้ และยังได้พระเขี้ยวแก้วเบื้องขวาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อคราวปรินิพานอันเตโชธาตุผลาญเผาพระวรกาย เหลือไว้แต่พระบรมสารีริกธาตุ ครั้นเมื่อโทนพราหมณ์ตวงแบ่งแล้วแอบฉวยเอาซ่อนไว้ในมวยผมแห่งตน ข้าพระองค์จึงอาราธนาอัญเชิญมาไว้ยังพระเจดีย์นี้ด้วยบารมีของโทนพราหมณ์มีไม่พอที่จะได้ไว้


พระเจดีย์นี้ก่อด้วยแก้วอินทนิลเป็นส่วนฐาน ส่วนกลางนั้นเป็นทองแท้ นพคุณจรดยอดประดับประดาสถาพรด้วยแก้วมณีเจ็ดประการ ความสูงนั้นได้แปดหมื่นวา กำแพงแก้วกาญจนายาวถ้วนแสนหกหมื่นวาในแต่ละด้าน สองข้างนั้นประดับด้วยธงทิว ธงชาย ธงตะขาบหลากสีสรร พระเจดีย์นั้นเป็นที่สักการบูชาของเหล่าเทพยดาทั้งฉกามาวจรภพจรดโสฬสพรหมโลก

นอกมืองแห่งนี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือยังมีอุทยานใหญ่ชื่อว่าปุณฑริกวันมีกำแพงกั้นโดยรอบทั้งสี่ด้าน ใจกลางสวนนั้นมีต้นปาริชาตอันเป็นไม้ทิพย์ประจำทวีปพิภพดาวดึงส์ สูงจากโคนต้นจรดยอดได้ ๑๐๐ โยชน์

วัดโดยรอบต้นได้ ๑๖ โยชน์ จากโคนต้นถึงคาคบ ๕๐ โยชน์ มีกิ่งอันใหญ่แผ่ไปยังสี่ทิศอันไกลได้กิ่งละ ๕๐ โยชน์ มีกำหนดบานดอกต้องครบ ๑๐๐ ปี ครั้นเมื่อคลี่บานรัศมีแห่งดอกปาริชาตนี้รุ่งเรืองไปไกลได้ แปดแสนวา

เมื่อเวลาพระพายพัดไปทางใดกลิ่นของดอกไม้นี้จักฟุ้งตระลบอบอวลไปถ้วนทั่วสวรรค์ เหล่าเทพบุตรเทพธิดานั้นจะมาชมดอกไม้อยู่ไม่ขาด กลิ่นปาริชาตจะทำให้รำลึกถึงอดีตชาตหนหลังในทันที แม้นมีใครต้องการดอกปาริชาตนั้นก็ไม่ต้องเด็ดต้องสอย ดอกปาริชาตจักลอยหลุดจากขั้วลงมาให้จนถึงมือ แม้นไม่ยื่นยื้อมืออกไปรับจับเอาดอกไม้นั้นก็หาได้ตกถึงพื้นไม่ ยังลอยไว้เช่นนั้นแล

ใต้ต้นปาริชาตนี้จักมีแท่นศิลาสีแดงดั่งดอกชบา กว้าง ๕๐ โยชน์ ยาว ๖๐ โยชน์ หนาได้ ๑๕ โยชน์ นามว่าบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ อันเป็นแท่นประทับของข้าพระองค์ เวลานั่งลงจักยุบอ่อนลงนิ่มพอดีหากข้าพระองค์นี้ลุกออกมาแท่นศิลานี้จักเต็มคืนดังเก่า หากคราวใดนั่งลงไปไม่ยุบกลับแข็งแกร่งกระด้างจักเป็นลางบอกว่าผู้มีบุญญาธิการเกิดอุปัทวันตรายร้ายกาจทำให้ข้าพระองค์ต้องลงไปช่วยเหลือ

ไม่ห่างไกลจากต้นปาริชาตพรรณพฤกษามีศาลาอยู่หนึ่งหลังอลังการงามตระหง่านชื่อว่า ศาลาสุธรรมาเทวสถานพื้นศิลาลาดด้วยแก้วผลึกและแก้วอินทนิล กว้างยาวทั้งสิ้น ๓๐๐ โยชน์ วัดโดยรอบทั้งหมดได้ ๙๐๐ โยชน์พอดี ภายนอกมีสวนรายล้อมศาลามีพรรณบุปผาสวรรค์นามนั้น อสาพตี ถ้วน ๑,๐๐๐ ปีจักบานดอกหนึ่งครั้งความหอมยังมากกว่าดอกปาริชาตฟุ้งสะพัดไปทั่วทั้งหมดสวรรค์

อันศาลาสุธรรมานี้ใช้เป็นที่ประชุมเทวดาทุกวันธรรมเสวนะ เมื่อเทพดาทั้งหลายมาประชุมสโมสรสันนิบาต จักมีพรหมกุมารเสด็จมาจากพรหมโลกเพื่อแสดงธรรม หากแม้นท่านนี้มิได้มาก็จะมีองค์ปาฐกอื่นมาแสดงแทน หากแม้นเป็นคราประชุมครั้งใหญ่ของเทวสภา ข้าพระองค์จะเป็นประธานอ่านชื่อมนุษย์ผู้บำเพ็ญกุศลผลทานจากแผ่นสุพรรณบัตร ทวยเทพก็จักแซ่ซ้องสาธุการเอิกเกริกปิติยินดีจับระบำรำฟ้อนทุกครั้งไป หากคราใดมีน้อยเหล่าทวยเทพก็จะเงื่อนหงอยด้วยโทมนัสาว่า มนุษย์ทั้งหลายนี้ยินดีในทางวิบัติหันไปสู่อบายภูมิเป็นเบื้องหน้า

อันตัวข้าพระองค์นี้มีมเหสีอยู่ ๔ นาง ชื่อ สุธรรมา สุจิตรา สุนันทา แลสุชาดา มีนางฟ้าปริจาริกาสองโกฏิกับอีกห้าล้านนาง อันเกิดจากบุญแต่ปางบรรพ์ของข้าพระองค์ที่ได้สร้างสมมาตั้งแต่เมื่อคราเป็นมนุษย์นั้นแล

คัดมาอีกทีนะครับผิดพลาดอะไรไปขออภัยด้วยนะครับ
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี

#6 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 October 2006 - 10:03 AM

พระมาลัยเป็นเรื่องที่พระภิกษุชาวสิงหลแต่งขึ้น
เมื่อประมาณ พ.ศ. ๙๐๐ เศษ กล่าวถึง พระอรหันต์
องค์หนึ่งซึ่งมากด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา กมลจิตสงบจากกิเลส
ที่มีนามว่าพระมาลัยเทวเถระ

* เรามีกรรมเป็นของตน *
เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด
มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง จักทำกรรมใด
*กรรมดีก็ตาม กรรมชั่วก็ตาม เราจะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น*

ตามลิงค์ข้างล่าง
http://www.larnbuddhism.com/pramarai/

หยุดคือตัวสำเร็จ

#7 usr27996

usr27996
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 January 2009 - 10:07 AM

พึ่งเข้ามาอ่าน ขอความกรุณาสรุปคำตอบหน่อยครับ

เท่าที่อ่าน พระมาลัย เป็นพระที่ไปนรกและสววรค์มา แล้วกลับมาแนะนำให้คนทำบุญกุศล และเท่าที่พบจากหนังสือนอกเวบก็คือ
ปรากฏในเทศน์มหาชาติของชาวอิสานด้วย แต่คุณ Smilingcat บอกว่าเป็นเรื่องแต่งของพระภิกษุชาวสิงหล เลยอยากเรียนถามผู้รู้ว่า จริงๆแล้วเรื่องพระมาลัยเป็นเรื่องที่มีบันทึกอยู่ในพระไตรปิฏก เป็นเรื่องที่พระพุทธองค์ได้ตรัสเล่าไว้ หรือเป็นเรื่องที่มีการแต่เสริมขึ้นภายหลัง ช่วยกรุณาตอบด้วยครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

MT