วิมานในสวรรค์เลิศหรูงดงามหยาดย้อย แต่ถ้าเราไม่ต้องการหละ?
#1
โพสต์เมื่อ 01 November 2006 - 01:02 PM
แต่หากเผอิญว่าเราไม่อยากได้วิมานอันเลิศเลอนั้น คือแบบว่าไม่ยึดติดกับบริวารทั้งหลายหนะ ไม่ต้องมีเพชรพลอย หรือมวลดอกไม้ก็ได้ แต่เราอยากได้เพียงแค่อยู่ในที่ที่สะอาด สงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมต่อไปเรื่อย ๆ หละ แค่ห้องนั่งสมาธิอย่างห้องปัญญาก็พอ ทำนองนี้
อย่างนี้เราจะต้องทำยังไง
แล้วถ้าสมมุติว่าเรามีบุญพอที่จะได้วิมานอันงดงามแต่เราบอกว่าขอแค่ห้องเล็ก ๆ จะได้รึเปล่า
(คิดไว้ล่วงหน้าเผื่อว่าจะมีโอกาส หุ หุ )
#2
โพสต์เมื่อ 01 November 2006 - 01:21 PM
อุปมาเหมือนดั่งเรามีเงินมาก จะหาซื้อสิ่งใดย่อมไม่ใช่เรื่องยาก เช่นเดิมทีเรามีรถโตโยต้าอยู่ แต่หากเรามีเงินมากเราย่อมเปลี่ยนไปใช้รถที่เลิศหรูให้ยิ่งขึ้นไปได้เช่นเบนซ์ หรือเฟอร์รารี่ก็ได้ หรืออาจจะเปลี่ยนจากรถโตโยต้ามาเป็นขี่จักรยานแทนก็ได้เช่นกัน ฉันใดฉันนั้นครับ
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#3
โพสต์เมื่อ 01 November 2006 - 01:22 PM
แต่เกิดขึ้นเพราะการประกอบเหตุต่างหากครับ
จำได้ว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ เคยพูดถึงเรื่องวิมานไว้ในช่วงเปิดฝันในฝันใหม่ๆ ว่า
ในวิมานหนึ่งๆ จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ซึ่งเกิดจากบุญญกิริยาวัตถุหลัก 3 อย่าง (ทาน ศีล ภาวนา)
ทั้ง 3 ส่วนจะมีความสมดุลกันอยู่ จากนั้นท่านก็ไม่ได้ให้รายละเอียดต่อ (ทิ้งไว้เป็นปริศนา) รู้สึกจะเป็นช่วงที่เอาเครื่องประดับชาวสวรรค์มาดู
ส่วนบริวาร ส่วนใหญ่จะเป็นกายสิทธิ์ที่เกิดด้วยผลบุญครับ ไม่ใช่เทวดาอื่นมาขออาศัย (ดุสิต) เพราะฉะนั้นเจ้าของบุญ ก็ต้องมีบุญรองรับในส่วนนี้เช่นกัน
#4
โพสต์เมื่อ 01 November 2006 - 01:24 PM
http://www.84000.org...ka2/sutta18.php
#5
โพสต์เมื่อ 01 November 2006 - 02:19 PM
มีบุญมากไว้ก่อน อยากได้อะไรก็ง่ายกว่า
#6
โพสต์เมื่อ 01 November 2006 - 03:14 PM
เหมือนกับสิ่งที่สังคมมนุษย์แคร์น่ะครับ เช่น บางท่าน อาจรู้สึกว่า ไม่เห็นต้องรวยก็ได้ แค่ขอให้เรียนจบปริญญาตรีก็พอ ดังนั้น ถ้าเขาเรียนไม่จบขึ้นมา เขาย่อมรู้สึกเป็นปมด้อย เขาจะย่อมไม่มีทางคิดว่า ไม่เห็นเป็นไรเลย เรียนไม่จบก็ได้ ขอเลือกเรียนไม่จบอย่างนี้แหละ สบายใจดีแล้ว เป็นต้น
หรือเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่งที่สังคมมนุษย์แคร์ คือ ผลงาน บางท่าน อาจรู้สึกว่า ไม่เห็นต้องรวยก็ได้ แค่ขอให้มีผลงานดีๆ ต่อสังคม และต่อชาวโลก แต่ถ้าเขาทำอะไรก็ล้มเหลวทั้งสิ้นเลย แม้ความรักก็ผิดหวังในความรัก เขาจะย่อมไม่มีทางคิดว่า ไม่เห็นเป็นไรเลย ผลงานไม่มีก็ได้ ทำอะไรล้มเหลวหมด ก็สบายใจดี ขอเลือก ล้มเหลวอย่างนี้แหละ ไปตลอดทุกเรื่องของชีวิต เขาย่อมไม่คิดอย่างนี้แน่นอน (ถ้าคิดก็คิดแบบประชดตัวเองมากกว่าครับ)
สิ่งที่มนุษย์ยุคนี้แคร์ อาจไม่ใช่ ยศศักดิ์ ฐานะการเงิน แต่ก็เป็นอย่างอื่น เช่น ผลการเรียน ผลการทำงาน ความสำเร็จในชีวิตรัก อื่นๆ แต่สิ่งที่ชาวสวรรค์แคร์คือ บุญ
ดังนั้น หากเรานำสิ่งที่ชาวสวรรค์ แคร์ มาเทียบกับสิ่งที่มนุษย์ไม่แคร์ บางทีเราอาจไม่เข้าใจ แต่ถ้าเมื่อไหร่ เราลองเทียบกับสิ่งที่มนุษย์แคร์ดูบ้าง ตอนนั้น เราจะเข้าใจขึ้นมาทันทีบ้าง
#7
โพสต์เมื่อ 01 November 2006 - 03:23 PM
(อืม เกินขอบขีดความคิดอันน้อยนิดของเราจังเลย)
#8
โพสต์เมื่อ 01 November 2006 - 05:26 PM
จะทานอาหารด้วยจานทองคำก็ได้
จะทานอาหารด้วยจานดินก็ได้ อย่างงี้ไงละครับ สมถะ
ผู้ที่ทำนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)
#9
โพสต์เมื่อ 01 November 2006 - 07:15 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#10
โพสต์เมื่อ 01 November 2006 - 09:42 PM
#11
โพสต์เมื่อ 02 November 2006 - 09:17 AM
ทำไมถึงไม่อยากได้ล่ะคะ
เมื่อเราชมวิมานแล้วจะปลื้มเหรอคะว่าเราทำบุญนี้มาทำบุญนั้นมา ถ้าเป็นแค่ห้องเล็กๆอย่างเดียว
ถ้าเอาความเห็นหนูนะคะ ยิ่งวิมานสวยสะอาด หยาดย้อย อลังการเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี เพราะจะได้ปลื้มว่าบุญที่เราทำนั้นปราณีต
แล้วจะได้เบื่อในของที่เราเคยยึดว่าสวยว่างามได้ จะได้ไม่น้อยหน้าเทวดาอื่นๆว่ามีของทิพย์มากกว่าเรา
พอเรื่องกังวลที่เป็นกิเลสเหล่านั้นหมดไปแล้ว หนูก็จะได้ไม่สนใจมันอีก จะได้ไปปฏิบัติธรรมที่วิมาณหลวงปู่กับหมู่คณะ เข้าถึงธรรมง่ายๆ
เพราะไม่ต้องไปอับอายเขาว่าเราไม่มีของที่เขามี
ความคิดเห็นส่วนตัวค่ะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#12
โพสต์เมื่อ 02 November 2006 - 01:10 PM
หลวงพ่อเปรียบเปรยไว้ว่า กำลังบุญข้างบนนั้น วัดกันได้ก็ด้วยทิพยสมบัติเหล่านี้
ทีนี้ใครมีสมบัติน้อย บริวาร น้อย ก็จะรู้สึกอ๊าย อาย...เวลาราชรถสวนทางกันที่ถนน ใครบุญน้อยก็ต้องหลบหลีก ถอยกันออกไป
เวลาฟังธรรมก็ได้นั่งอยู่ปลายๆแถว...ไกลลิบๆ
หลวงพ่อบอกว่า ตอนนี้เราอาจจะรู้สึกว่า ไม่เห็นเป็นไร แต่พอภพมันเปลี่ยน มันจะอ๊าย อายไปเอง
หลวงพ่อย้ำแล้วย้ำอีก ว่าเขาอายกันจริงๆนะ
#13
โพสต์เมื่อ 02 November 2006 - 04:35 PM
สามารถทำด้วยการ ผูกใจให้สมัครรักใคร่ในภพภูมิที่คุณต้องการ ด้วยการอธิษฐานเวลาทำบุญ ให้บ่อยๆ
ดังตัวอย่าง ที่เคยออกทาง DMC ที่ลูกชายเศรษฐีสองคน มีอาจารย์เป็นฤาษี 2 คน คนนึงยามว่างชอบไปนั่งเล่นบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อีกคนก็ชอบไปนาคพิภพ ต่างฝ่ายต่างก็มาบอกลูกศิษย์ว่าภพนั้นดี
ลูกศิษย์ เวลาทำทาน ก็อธิษฐานอยากไปอยู่ภพนั้น
เวลาละโลก อีกคนเลยได้ไปเกิดเป็นพญานาค สมใจ แต่ก็ไปเสียใจในภายหลัง
จขกท ก็ระวังอย่าไปเสียใจในภายหลังก็แล้วกัน ศึกษาให้ดีๆก่อน
#14
โพสต์เมื่อ 02 November 2006 - 08:29 PM
ขอตามไปอยู่ดุสิตบุรีด้วยคนค่ะ
#15
โพสต์เมื่อ 02 November 2006 - 09:43 PM