**มั่นใจว่าทำบุญมากกว่าบาป เลยคิดอยากตายหนีความวุ่นวาย**
#1
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 03:45 PM
เบื่อกับความเห็นแก่ตัวของคน คนไม่ค่อยมีศีลธรรมและไม่มีคุณธรรม ทำชั่วโดยไม่กลัวบาปกรรม
อยากไปเสียจากโลกใบนี้ ที่อื่นน่าจะดีกว่า โดยผม มั่นใจในบุญกุศลที่ทำด้วยว่าเมื่อตายแล้ว
เราไม่ไปอบายแน่ คิดแม้กระทั่งว่าถ้าโดน งูพิษ กัดผมก็จะไม่ไปหาหมอ จะนั่งทำสมาธิจนกว่าจะตาย
ตอนนั้นมันรู้สึกเบื่อไปหมด แต่ไม่ท้อแท้นะ อยากรู้ว่าท่านเคยคิดอย่างนี้บ้างใหมครับ
#2
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 03:53 PM
แต่ตอนนี้มีลูก....และได้ศึกษาธรรมะ...รู้ว่าบุญยังไม่มากพอ ก็เลยขอส่งลูกให้ดูแลตัวเองได้ และขอทำบุญให้มากพอก่อนนะคะ
*คุณสาคร...น้อยใจใครที่บ้านหรือปล่าวค่ะ?*
#3
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 03:55 PM
จะมั่นใจได้เมื่อได้เข้าถึงธรรมกายได้แล้ว ว่าไม่ไปอบาย อย่างแน่นอน
แต่หากยังไม่ถึงจุดนั้น ก็ไม่ควรประมาทในชีวิต เพราะกรรมอดีตก็มี ไม่มีใครบอกได้แบบฟันธงว่า จะได้ไปไหน
ทำให้ดีที่สุด ด้วยทำบุญให้มากที่สุด ไม่ชะล่าใจทุกวินาที ใจต้องอยู่ที่ศูนย์กลางกาย แบบใสๆ นะคะ
คิดว่า ไปหาหมอดีกว่าค่ะ ร่างกายนี้ยังไว้สร้างบารมีได้ สำคัญมากมาก ต้องถนอมรักษาไว้ให้ดี
#4
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 04:15 PM
เบื่อกับความเห็นแก่ตัวของคน คนไม่ค่อยมีศีลธรรมและไม่มีคุณธรรม ทำชั่วโดยไม่กลัวบาปกรรม
อยากไปเสียจากโลกใบนี้ ที่อื่นน่าจะดีกว่า โดยผม มั่นใจในบุญกุศลที่ทำด้วยว่าเมื่อตายแล้ว
เราไม่ไปอบายแน่ คิดแม้กระทั่งว่าถ้าโดน งูพิษ กัดผมก็จะไม่ไปหาหมอ จะนั่งทำสมาธิจนกว่าจะตาย
ตอนนั้นมันรู้สึกเบื่อไปหมด แต่ไม่ท้อแท้นะ อยากรู้ว่าท่านเคยคิดอย่างนี้บ้างใหมครับ
ไม่รุ้ว่าคุณสาครกำลังเจอกับอะไรอยู่ครับ คนที่ไม่มีศีลธรรมและคุณธรรมนั้น
สามารถทำความเลวได้ทุกอย่าง กลั่นแกล้ง พูดปด ส่อเสียด เจ้าเล่ห์ เอารัด เอาเปรียบ
ใช้อิทธิพลทุกอย่างเท่าที่จะทำได้
ในขณะที่คนดี ไม่มีอะไรสู้นอกจากความดี ศีล สมาธิ ปัญญา และ ขันติบารมี เช่นเรื่องจันทชาดก
ถ้าเป็นแบบนี้ผมแนะนำว่าต้องหมั่นวางอุเบกขาครับ ทำใจให้หนักแน่น อะไรจะเกิด ก็ช่างมัน คนทำดี
ไม่มีใครเห็น อย่างน้อยก็เราเองนี่แหละเห็นตลอดเวลา คนทำความชั่วตัวเองก็รุ้เห็นตลอดเวลา ทำใจให้
ใส ใส เอาไว้ก่อน ตรงกันข้ามคนทำชั่วใจจะขุ่นตลอดเวลาไปเอง
#5
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 04:34 PM
ดังนั้นจึงอยากแนะว่า ถ้าตอนนี้ยังมีอาการเบื่อแบบไม่ท้อ ก็รอพัฒนาสภาพจิตของตนเองให้หนักแน่นกว่านี้ ไม่วุ่นวายใจกับความไม่มีศีลธรรมของคนอื่น แต่ตื่นตัวในการพัฒนาความผ่องใสในใจตน และให้มีอาการไม่เบื่อและไม่ท้อซะก่อน แล้วถ้าจะตายด้วยเหตุอันใดต่อจากนั้นค่อยเป็นไปตามธรรมชาติน่าจะดีกว่าไหมครับ โลกนี้ยังมีสิ่งที่สวยงามและร่างกายของเราก็มีเพื่อสร้างบารมีจนกว่าจะหมดอายุขัยนะครับ
ถ้าเกิดวันไหนเกิดความคิดแบบที่นำมาโพสต์วันนี้อีก ก็ให้ถามตนเองว่า ใช้ร่างกายนี้เพื่อการสร้างบารมีคุ้มหรือยัง
[attachmentid=9937]
ไฟล์แนบ
#6
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 05:00 PM
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
#7
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 05:05 PM
ถ้าดูอย่างผิวเผิน ที่ๆนั้นก็คือ..."ความตาย"
แต่พอมาปฎิบัติธรรม กลับพบว่า ที่ๆตรงนั้นก็คือ ศุนย์กลางกายนั่นเอง
คุณสาครคะ..คนเราหลีกหนีความทุกข์ไปได้ไม่ตลอดหรอกค่ะ...เพราะ..ความทุกข์คือส่วนหนึ่งของชีวิต
ถ้าเราหนี...ผังชีวิตของเราก็จะถูกกำหนดให้หนีตลอดไป เมื่อเจอกับปัญหา ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่หนทางที่ถูกที่ควร
เมื่อทราบอย่างนี้..เราสร้างผังชีวิตใหม่ดูไหมคะ..เป็นผู้ที่กล้าจะยอมเผชิญปัญหากับชีวิต
ที่พูดได้อย่างนี้ เพราะดิฉันได้ค้นพบตัวเองว่า มีผังชีวิตแบบ "หนี" มาเหมือนกัน..ก็เลยพยายามตั้งผังให้ตนเองใหม่
อนึ่ง..คุณสาครอย่าปักใจค่ะว่าความดีของเรามากเกินพอ..เพราะเราเองมองไม่เห็นตลอดสาย..ว่าในอดีตเราเคยไปทำผิดพลาดและมีกรรมที่ยังไม่ส่งผลอะไรบ้าง...ความตายเหมือนม่านดำค่ะ ที่เรามองไปไม่รู้หรอกว่าหลังม่านจะมีอะไร นอกจากจะแหวกม่านออกดู
ได้เกิดเป็นมนุษย์นี่สุดแสนจะน่าดีใจที่สุดแล้วล่ะค่ะ ควมามทุกข์ของมนุษย์เทียบไม่ได้กับความทุกข์ของอบายภูมิค่ะ
#8
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 05:11 PM
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
ผู้ที่ทำนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)
#9
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 05:11 PM
หาคำตอบได้หรือยังครับ คุณสาคร
แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง
#10
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 05:28 PM
#11
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 05:34 PM
เพราะว่าก็เคยเบื่อแบบคุณสาครเหมือนกันค่ะ (ตอนนี้ก็ยังเบื่ออยู่) เบื่อภาระทางโลกที่ไม่มีวันจบสิ้นซะที พอแก้ปัญหาปลดภาระหนึ่งไปแล้ว มันก็ยังมีภาระอื่นเข้ามาอีก แล้วก็มีสิ่งต่าง ๆ อีกสารพัด ทั้งความรักที่กลับกลายเป็นความทุกข์ ที่เรายังต้องคงทุกข์ต่อไปเพราะยังตัดใจไม่ได้ด้วย
เบื่อแม้กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การทำความสะอาดบ้าน ที่ต้องทำกันทั้งชาติ พอเราทำความสะอาด เจ้าน้องชายตัวดีก็ืทำรกเสียอีก จะไม่ทำก็ไม่ได้ เดี๋ยวพ่อแม่ก็ต้องทำ ลำบากท่านเปล่า ๆ (ด้วยเหตุนี้ถึงอยากมีบ้านเล็ก ๆ ไม่อยากมีของอะไรมากนัก เหมือนพระสงฆ์ที่ท่านมีแค่อัฐบริขารก็พอแล้ว เพราะเบื่อการดูแล)
เคยคิดเหมือนกัน ว่าถ้าอยู่ดีดี เราหายตัวไปเฉย ๆ จากโลกนี้ซะเลยก็คงดี จะได้หมดเรื่องวุ่น ๆ ซะที
แต่หากอยู่ดี ๆ หายตัวไปเลย คุณพ่อคุณแม่คงเสียใจแย่ ท่านคงเสียใจมากกว่าที่เราเสียใจเพราะรักที่ผิดหวังหลายเท่านัก (แค่นี้ก็ทุกข์จะแย่อยู่แล้ว คุณพ่อคุณแม่ไม่ทุกข์หนักว่าที่เราเป็นอยู่อีกเหรอ)
ก็เลยคิดได้ ลองหันมานั่งสมาธิดูค่ะ ปรากฏว่าพอนั่งสมาธิทีนึง ก็หายเบื่อหายทุกข์ทีนึง แต่ซักพักก็ทุกข์ใหม่อีกแล้ว เบื่อใหม่อีกแล้ว
ตอนนี้ก็เลยตั้งใจว่าจะนั่งสมาธิให้สม่ำเสมอมากขึ้น หวังว่าจะทำให้มีความสุขมากขึ้นค่ะ
ขอให้กำลังใจคุณสาครด้วยนะคะ
#12
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 05:37 PM
ฆ่าตัวเองตาย ก็ผิดศีลข้อแรกสิครับ ที่ว่าตัวเองมีบุญมากพอ ก็เท่ากับว่าฆ่าคนที่มีบุญมาก มันก็บาปมาก มันก็คงไปสวรรค์ไม่ได้หรอก นรกแหงๆ
เก็บอัตภาพมนุษย์ไว้ทำประโยชน์ให้กะเพื่อนร่วมโลกดีกว่า
การได้เกิดเป็นมนุษย์ ยากนะครับ
แล้วเกิดมาครบ32 ยิ่งยากใหญ่เลย
สัตว์ในโลกนี้ไม่รวมโลกอื่น มีสักกี่ล้านสายพันธ์ครับ แล้วมนุษย์มีมากเท่านั้นมั๊ย เปล่าเลย^^ น้อยกว่าตั้งเยอะ
เพราะฉะนั้น จงภูมิใจในการเกิดเป็นมนุษย์ และรักษาร่างกายเราไว้ให้ดีเถิด
คนที่ทุกข์กว่าเราเค้าก็ยังมี เยอะเลยนะครับ มากๆๆๆๆๆๆๆ
เราไม่ได้เกิดมาเพื่อทุกข์ครับ^^
ไปดูคนกระโดดตึกค่าตัวตายกันเถอะครับ ^^ http://www.thaireade...mp;f_group=life
-----------------------------------------------------------------------------------------
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#13
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 06:04 PM
#14
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 06:10 PM
ขอให้มีชีวิตที่ยืนยาว เพื่อจะได้สร้างความดี เป็นบุญกุศลติดตัวไปข้ามภพข้ามชาติ เพราะตระหนักว่าการได้อัตภาพเป็นมนุษย์นี้ยาก ได้เกิดในท้องถิ่นที่เอื้อต่อการสร้างบุญกุศลนี้ เป็นเรื่องยาก ได้เกิดมาพบพบพระพุทธศาสนาก็เป็นเรื่องยิ่งยาก ได้โอกาสปฏิบัติธรรม ได้ฟังธรรม ได้ศึกษาธรรมะจากผู้ทรงธรรมอันประเสริฐ ได้รู้เรื่องธรรมะภายใน นั้น สุดยากยิ่ง
โอกาสแบบนี้ ไม่ใช่เกิดขึ้นง่ายๆ ในอัตภาพของความเป็นมนุษย์ ผมคนหนึ่งละ อยากจะมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างแข็งแรงสัก 150 ปี สำหรับยุคนี้
#15
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 06:26 PM
เมื่อวันก่อนได้ฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่อเล่าเรื่องเปรดขี่ม้าขาว เรื่องย่อก็มีอยู่ว่า
เปรตตนนี้ ได้เคยสร้างสังคมสงเคราะห์โดยเอากระโหลกสัตว์มาถมที่ๆ ถูกน้ำท่วมให้คนได้เดิน ภายหลังถูกเข้าใจผิดว่าไปลักขโมยมา เพราะหลานชายหัวขโมยเอาของกลางไปซ่อนไว้ที่บ้านตน จึงถูกประหารชีวิต ตายแล้วไปเกิดเป็นเปรตมีวิมาน มีม้าขาว ด้วยผลบุญสงคมสงเคราะห์ (ความจริงแกตั้งถมที่ให้พระได้เดินบิณฑบาตได้สะดวก) แต่ไม่มีเสื้อผ้าใส่ เพราะอุตริไปแกล้งเพื่อนโดยเสื้อผ้าไปซ่อน เขาก็เลยต้องเดินแก้ผ้ากลับบ้าน
ทีนี้หลังจากแกถูกประหารแล้ว เจ้าหลานก็ถูกจับได้ และถูกพิพากษาให้ไปถูกเสียบหลาวจนกว่าจะตาย
ลุงเปรต พอทราบความก็ไม่ได้เคืองหลานชายเลย ทุกๆ เที่ยงคืน จะต้องมาให้กำลังใจหลานชาย (ที่ถูกหลาวเสียบ) ว่าให้อดทนไว้ การมีชีวิตแม้จะวันเดียวก็ประเสริฐ ถ้าเจ้าตายไปต้องตกนรกแน่ๆ เจ้าหลานก็อึดทนอดทนเหลือเกินจากการให้กำลังใจของลุงเปรต
วันหนึ่งพระราชาเห็นเปรตลุงเข้า (ร่างกายงดงาม) จึงสนทนาธรรมด้วย และได้ขอให้พระราชาช่วยถวายจีวรแก่พระ เขาจะได้มีผ้าทิพย์
พระราชาก็จัดการให้ตามประสงค์ เปรตนั้นจึงละอัตภาพเปรตกลายเป็นเทพบุตร และได้มาขอให้พระราชทานอภัยโทษแก่หลานชาย (ไหนๆ ลุงก็รับกรรมแทนไปแล้ว) เจ้าหลานชายก็เลยรอดตายหวุดหวิด
ต้องขอบคุณลุงเปรตจริงๆ ที่เชียร์ให้เห็นคุณค่าของชีวิต ทุกเฮือกลมหายใจก็มีคุณค่า
#16
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 07:07 PM
ไหนๆก็เกิดมาแล้ว เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ก่อนแล้วค่อยตายแล้วกันนะครับ
#17
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 07:42 PM
ความตาย ไม่น่ากลัว มันน่ากลัวตอนใกล้จะตาย
ขนาดคนเตรียมตัวมาดี ๆ พอใกล้ตายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด
ด้ายเส้นเดียว .........ไม่เป็นผืนผ้า
อิฐก้อนเดียว .... ไม่เป็นบ้านเรือน
ทำบุญคนเดียว ...ไม่เป็นกัลยาณมิตร
#18
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 10:03 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#19
โพสต์เมื่อ 03 November 2006 - 10:09 PM
ที่ผ่านมาผมเป็นทุกข์กับความคิด แต่เมื่อพิจารณาให้ดี เราไปคิดมากเอง ความคิดที่ทำให้เกิดทุกข์ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ หากเบื่อ ทำตัวน่าเบื่อ ก็ยิ่งเบื่อ หาอะไรๆทำ มองตามจริง อย่ามองข้าม เวลาแห่งบุญแห่งการใช้ปัญญาพินิจพิเคราะห์มาถึงแล้ว
ขอให้เจริญในธรรม สาธุ
อย่างไรก็ตาม คุณก็จะสามารถผ่านช่วงเวลาน่าเบื่อไปได้ ไม่ช้าก้นานขอเพียงเข้าใจและอดทน อย่างมีสติน๊ะ
#20
โพสต์เมื่อ 04 November 2006 - 09:15 AM
#21
โพสต์เมื่อ 04 November 2006 - 01:51 PM
เบื่อกับความเห็นแก่ตัวของคน คนไม่ค่อยมีศีลธรรมและไม่มีคุณธรรม ทำชั่วโดยไม่กลัวบาปกรรม
อยากไปเสียจากโลกใบนี้ ที่อื่นน่าจะดีกว่า
++ไม่เคยคิดอยากตายเลยครับ และไม่เคยเบื่อขนาดอย่างที่คุณสาครกล่าวถึงด้วยครับ
แต่ชีวิตเคยผ่านความลำบาก ประสบปัญหาชีวิตหรือไม่? ตอบว่าเคยครับ
++ทุกครั้งที่ประสบปัญหา เจอสถานการณ์ยากๆ ก็สู้อย่างมีหลักการครับ
โดยมีหลักในการแก้ไข เบื้องตนสำหรับตนเองไว้ดังนี้ครับ
1) ต้องอดทน
2) แก้ให้ตรงจุด หาปัญหาหลัก
3) รวบรวมข้อมูล
4) รวบรวมทางแก้ไข
5) เลือกทางแก้ไข
6) วางแผน
7) ปฏิบัติ และประเมินผลโดยมีเงื่อนไขของเวลากำหนด
8) หมั่นนึกถึงบุญและอธิฐานขอพร
9) ต้องรู้จักรอคอยและเชื่อหมั่นต่อตนเอง
++ข้อแนะนำสำหรับคุณสาครหากเกิดความเบื่อตามที่โพสต์
1) หาสังคมใหม่ หรือฝึกการให้อภัย ฝึกแผ่เมตตา
2) หาสิ่งที่ตัวเองต้องการให้เจอ
3) หากสิ่งที่ต้องการต้องเกี่ยวข้องกับเงิน หรือใช้เงินเป็นทางสู่ความสำเร็จ
หากเพียงพออยู่แล้วก็ทำทันที
หากไม่เพียงพอก็ต้องคิดทำการงานอื่นเพิ่ม หรือเปลี่ยนใหม่
4) เดี๋ยวความคิดเราก็จะเปลี่ยนใหม่อีกครับ เพราะเหตุการณ์ใหม่ๆ มีผลต่อความคิดเราเสมอ
ยิ่งเรามีกิเลสมากยิ่งมีผลต่อเรามากครับ ข้อแนะนำคือทำกิเลสของเราให้เบาบางลงให้ได้
ดีที่สุดคือทำให้กิเลสหมดไปครับ หรืออย่างน้อยหมั่นปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ เรียนรู้หลักวิชชา
ทำอย่างสมำเสมอ ผมเชื่อว่าความเบื่อของคุณสาครเข้าสู่ใจไม่ได้แน่นอน
5) เกิดมาในยุคที่มีศาสนาของพระพุทธเจ้า มีคำสอนของพระองค์
มีพระสงฆ์ที่เป็นพระแท้ มีการปฏิบัติธรรมอันยิ่งของพระพุทธเจ้าอยู่
หากคิดตายโดยไม่ศึกษาธรรมะ หรือไม่สำเร็จวิชชาถือว่าเราประมาท
น่าเสียดายมากครับ
#22
โพสต์เมื่อ 04 November 2006 - 03:50 PM
เบื่อกับความเห็นแก่ตัวของคน คนไม่ค่อยมีศีลธรรมและไม่มีคุณธรรม ทำชั่วโดยไม่กลัวบาปกรรม
อยากไปเสียจากโลกใบนี้ ที่อื่นน่าจะดีกว่า โดยผม มั่นใจในบุญกุศลที่ทำด้วยว่าเมื่อตายแล้ว
เราไม่ไปอบายแน่ คิดแม้กระทั่งว่าถ้าโดน งูพิษ กัดผมก็จะไม่ไปหาหมอ จะนั่งทำสมาธิจนกว่าจะตาย
ตอนนั้นมันรู้สึกเบื่อไปหมด แต่ไม่ท้อแท้นะ อยากรู้ว่าท่านเคยคิดอย่างนี้บ้างใหมครับ___By ท่าน 'สาคร'
![unsure.gif](style_emoticons/default/unsure.gif)
![smile.gif](style_emoticons/default/smile.gif)
![laugh.gif](style_emoticons/default/laugh.gif)
![smile.gif](style_emoticons/default/smile.gif)
![](http://i141.photobucket.com/albums/r52/peacefulness072/Dhammas%20for%20citation/Handbook_of_Abbots/Handbook_of_Abbots_055.jpg)
![](http://i141.photobucket.com/albums/r52/peacefulness072/Dhammas%20for%20citation/Handbook_of_Abbots/Handbook_of_Abbots_056.jpg)
![](http://i141.photobucket.com/albums/r52/peacefulness072/Dhammas%20for%20citation/Handbook_of_Abbots/Handbook_of_Abbots_057.jpg)
![](http://i141.photobucket.com/albums/r52/peacefulness072/Dhammas%20for%20citation/Mysignature.jpg)
![smile.gif](style_emoticons/default/smile.gif)
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
![](http://i141.photobucket.com/albums/r52/peacefulness072/Dhammas%20for%20citation/Endlessrain.jpg)
![laugh.gif](style_emoticons/default/laugh.gif)
![smile.gif](style_emoticons/default/smile.gif)
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
ปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้า พยายามอย่างยิ่ง ที่จะกระทำตนให้เป็น "พุทธ" ซึ่งแปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จ้า
![smile.gif](style_emoticons/default/smile.gif)
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
ไฟล์แนบ
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7
.
รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า: คลิ๊กที่นี้คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>> CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
#23
โพสต์เมื่อ 04 November 2006 - 06:15 PM
![](http://www.slimtech2002.com/images/FV103.jpg)
#24
โพสต์เมื่อ 04 November 2006 - 06:48 PM
คุณนวมทอง แกผูกคอตายเลยกลายเป็น "วีรบุรุษ" แต่แกหารู้ไม่ว่ายมฑูตรอแกอยู่ที่นรกอเวจี
ผมไม่อยากให้คุณเป็นวีรบุรุษแบบคุณนวมทอง เพราะไม่แน่ใจว่าคุณจะไม่ไป "อบาย" อย่างที่คุณคิด
ผมฟังหลวงพ่อทุกวันว่า คนที่ฆ่าตัวตายต้องไปอบายไม่ใช่หรือครับ คุณเป็นลูกหลวงพ่อจริง คุณต้อง
ไม่ทำให้หลวงพ่อผิดหวังนะครับ
#25
โพสต์เมื่อ 04 November 2006 - 08:36 PM
มันรู้สึกเบื่อไปหมด , so bu huu!! it all happen to all kah
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
you think you have enought boon ? boy! you are arrogane na kah not even LP Chart think like this. Stop that thong once and pls wake up ans smell the flowers and keep collecting boon baramee kah.... let me show you the wonders of the world and boon....( reach out my hand )
Sorry to be harsh kah but some one need to say it as it is, not sugar coat it kah. To see life in real time is hard, coz many people dont see reality as it is.
any how if there any thing... I will be here for you to listen.
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ
![^_^](https://www.dmc.tv/forum/public/style_emoticons/default/happy.png)
#26
โพสต์เมื่อ 04 November 2006 - 09:43 PM
เมื่อพุทธองค์ทราบเข้า จึงทรงห้ามและชี้ให้เห็นโทษของการฆ่าตัวตาย การปฎิบัติธรรมนั้นทำให้เกิดความเห็นว่าทุกสิ่งในโลกนั้นเป็นทุกข์ก็จริง
แต่ทางดับทุกข์(หรือสมุทัย)นั้นคือการปฎิบัติธรรมให้เข้าถึงธรรมภายในจึงจะมองเห็นทางดับทุกข์ ,ความสุข(นิโรธ)และวิธีทำให้เกิดสุข(มรรค)
เป็นลำดับต่อไป
การปลงชีวิตของตนนั้น พระพุทธเจ้าแสดงไว้ว่าไม่ใช่ทางดับทุกข์ เป็นแต่เพียงการหนีจากทุกข์หนึ่งไปสู่อีกทุกข์หนึ่งซึ่งทุกข์ที่หนีมานั้น
ก็ไม่ได้หายไปไหนและเราไม่มีวันหนีทุกข์ที่เราต้องเจอพ้นไม่ว่าจะฆ่าตัวตายกี่ครั้งจะเวียนเกิดเวียนตายอีกกี่หนก็ไม่มีใครหนีวิบากแห่งกรรมของตน
ไปได้เว้นแต่ผู้หมดแล้วซึ่งอาสวะกิเลสเป็นสมุทเฉทประหาร คับขันธนิพพานแล้วเท่านั้น[color=#FF0000]
#27
โพสต์เมื่อ 05 November 2006 - 09:56 PM
#28
โพสต์เมื่อ 06 November 2006 - 12:47 PM
ที่สำคัญ หลวงพ่อท่านก็ยังมีภาระอีกมาก
ยังตายไม่ได้ค่ะ
#29
โพสต์เมื่อ 06 November 2006 - 02:38 PM
เพราะถ้าเบื่อจริงนะ คุณสาคร จะนั่งธรรมะ ได้เข้าถึงธรรมกายไปแล้วครับ
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า ถ้าเบื่อ จิตจะคลายจากความยึดมั่นถือมั่น แล้วจะเข้าถึงทำ
ขอให้เบื่อจริงเถอะครับ แต่ต้องเบื่อแบบคนมีปัญญานะ ไม่ใช่เบื่อแล้วไปกินยาเบื่อ
#30
โพสต์เมื่อ 09 November 2006 - 04:44 AM
มีคนดี ๆ อีกมากมายในโลกนี้ ที่เรายังหาไม่พบ
มีความรู้ดี ๆ ในธรรมะ ที่ผมฟังแล้ว อีกมากมายที่ก็ยังไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงรู้สึกว่า
ตัวเองมีหน้าที่ มีหน้าที่ อีกมากมายที่ยังต้องทำ แต่ยังไม่ได้ทำ ถ้าเอาแค่ตนว่าดี
มันก็เห็นแก่ตัวหรือเปล่า ที่จะไม่บอกคนอื่น อีกมากมาย ... หลังจากนี้ ...
ขอตัวไปนั่งสมาธิ ฟังธรรมะก่อนนะครับ