หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ตอนที่ 14
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra และรัชชา
“หลักของการยึดเหนี่ยวน้ำใจกันในพระพุทธศาสนา” คนทั้งหลายเห็นแล้วว่า เราทุกคนอยู่ร่วมกันด้วยความพร้อมเพรียง ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้หลักข้อคิด แนวทางในการปฏิบัติตนอย่างไร ให้พวกเราทุก ๆ คนอยู่ร่วมกันด้วยความผาสุก ด้วยความสงบ และเกิดความพร้อมเพรียง หลักการสงเคราะห์กัน คือ “หลักสังคหวัตถุ 4”
สังคหวัตถุ 4 คือ วัตถุ หรือ สิ่งที่เป็นเครื่องสงเคราะห์และยึดเหนี่ยวน้ำใจซึ่งกันและกัน 4 ประการ ทำให้เกิดความรักใคร่นับถือกัน ความรักใคร่นับถือ เกรงอกเกรงใจกันจะเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันด้วยความสุข จะเป็นพี่เป็นน้อง เป็นพ่อแม่ลูก เป็นเพื่อนฝูง สามีภรรยา เพื่อนร่วมงาน หัวหน้าลูกน้อง จะเป็นใครก็แล้วแต่ เมื่อมีหลักสังคหวัตถุ 4 จะทำให้เกิดความรักใคร่นับถือเกรงอกเกรงใจ แล้วอยู่ร่วมกันด้วยความผาสุก ในครอบครัวก็มีความสุข ในโรงเรียนก็มีความสุข ที่ทำงานก็มีความสุขเบิกบาน อยู่ในชุมชนไหนก็มีความสุขทั้งหมด
“หลักสังคหวัตถุ4” ได้แก่
ประการแรก คือ ทาน คือ การให้ก่อน การให้ในที่นี้ ทานในพระพุทธศาสนาแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ตามวัตถุประสงค์
ประเภทที่ 1 คือ “การให้เพื่อทำบุญ เพื่อเอาบุญ” เช่น เราทำบุญตักบาตร เรียกว่าให้เพื่อเอาบุญ หรือการทอดผ้าป่า ทอดกฐิน ทำบุญสร้างวัด ถวายภัตตาหารพระเหล่านี้ เรียกว่า “ให้เพื่อเอาบุญ” นี้เรียกว่าประเภทที่ 1
ประเภทที่ 2 คือ “ให้เพื่อเอาคุณ” คือ หวังให้เขารักเรา ไม่ได้หวังเอาบุญ เช่น ชายหนุ่มไปหาหญิงสาว เอาข้าวของของขวัญไปฝาก ก็เพื่อจะให้เขารักเรา หรือคนจะสมัครเลือกตั้งผู้แทน เอาของไปแจกเขา เพื่อให้เขาชอบใจตัวเองแล้วก็ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้ นี้เรียกว่าให้เพื่อเอาคุณ คือ หวังจะให้เขารักเรา
ประเภทแรก “ให้เพื่อเอาบุญ” เป็นการเพ่งที่ตัวเอง คือ หวังจะให้บุญเกิดขึ้นที่ตัว เกิดขึ้นที่ใจของตัวเอง
ส่วนประเภทที่ 2 “ให้เพื่อเอาคุณ” เป็นเพ่งที่คนอื่น คือ หวังให้เขารักเรา ให้ใจเขามาผูกพันกับเรา
ในการเรื่องทาน ในหัวข้อสังคหวัตถุ 4 นี้เราเน้นที่ประเด็นที่ 2 เป็นหลัก คือ “หวังจะให้เกิดความผูกพันน้ำใจกันขึ้น”
ไม่ได้เน้นที่ข้อ 1 การให้เพื่อเอาบุญอยู่ในเรื่อง “บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ” ทานในสังคหวัตถุ 4 นั้น เป้าหมายเน้นที่การผูกพันน้ำใจ การสงเคราะห์ ซึ่งกันและกันเป็นหลัก
ไม่ใช่เฉพาะหัวข้อธรรมในเรื่อง “สังคหวัตถุ 4” เท่านั้นที่ขึ้นต้นด้วยทาน แม้นในทศบารมี บารมี 10 ทัศ ก็ขึ้นต้นด้วย “ทานบารมี” หัวข้อธรรมหลาย ๆ อย่างขึ้นต้นด้วย “ทาน” ทั้งนั้น บุญกิริยาวัตถุ 3 “ทาน-ศีล-ภาวนา” บุญกิริยาวัตถุ 10 ก็ขึ้นต้นด้วย “ทาน” เหมือนกัน
“ทาน” สำคัญอย่างไรจึงยกมาเป็นหัวข้อประเด็นแรกกันในหลาย ๆ หมวดธรรม คำตอบคือ สำคัญมาก เนื่องจากว่า ธรรมชาติของใจคนมีความอยากเป็นเจ้าเรือน คนเราทั่วไปที่ยังไม่หมดกิเลสจะมีความอยากเป็นเจ้าเรือนอยู่ทั้งนั้น
ตื่นเช้ามาอยากทานข้าว บางคนอยากฟังเพลง อยากดูหนังบ้าง อยากอาบน้ำ อยากแต่งตัว อยากไปโรงเรียน อยากจะทำนั่นอยากจะทำนี่ มีความอยากอยู่ตลอดเวลา นี่คือสภาพใจคน เจอของสวย ๆ งาม ๆ ก็อยากได้ เจอคนที่ดี ๆ ก็อยากได้เป็นเพื่อนอีก นี่คือความอยากของใจคน มีความอยากอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเมื่อคนเรามีความอยากอยู่อย่างนี้ ใครก็ตามที่ช่วยตอบสนองความอยากของเขาได้ ตั้งแต่เริ่มต้นด้วยการเห็นใจเขาก่อน เข้าอกเข้าใจเขา เห็นใจเขา หรือช่วยเขาสมอยาก เขาก็พร้อมจะรักคน ๆ นั้นเหมือนกัน เมื่อธรรมชาติของใจคนมันเป็นอย่างนี้แล้ว พระองค์จึงเริ่มต้นสังคหวัตถุ 4 ด้วยทาน คือ “ให้” รู้จักการให้เสียก่อน พอให้แล้วเขาสมอยาก เขาก็จะมีความรักเรา มีความพอใจเรา รู้สึกถูกอกถูกใจเรา ถูกชะตา ต้องชะตาเกิดขึ้นมา
การให้ นี้คือการแบ่งปันให้ ไม่ใช่ให้จนหมดเนื้อหมดตัว เช่น น้ำฝนที่เก็บไว้มี 10 ตุ่ม แขกมาบ้านตักให้สักแก้ว 2 แก้ว ให้เขาดื่มให้เขาชื่นใจ เราหุงข้าวหม้อหนึ่ง เอาตักให้เขาทาน ร่วมวงกันทาน นี่คือการแบ่งปันให้ ไม่ใช่ให้จนหมดเนื้อหมดตัว ให้พอเหมาะพอดี ให้ในสิ่งที่เขาปรารถนาและต้องการเป็นประโยชน์ นี่คือ การให้ในเรื่องทานข้อนี้
คนให้คือคนได้เปรียบ ถ้าเรามองให้ออก มองให้ดี ลองมองในระดับกว้าง ๆ ก็ได้ แต่ละประเทศก็มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประเทศที่มีกำลังทางเศรษฐกิจมากก็ช่วยประเทศที่มีกำลังทางเศรษฐกิจน้อยกว่า เช่น ในเมืองไทย ญี่ปุ่นช่วยทางเศรษฐกิจมาบ้าง อเมริกาช่วยมาบ้าง ยิ่งการช่วยให้เงินกู้ เดี๋ยวเขาก็ได้คืน หรือแบบที่เขาให้เปล่า เช่น ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ต่างประเทศให้เครื่องจักรมาฟรี เครื่องจักรทางการเกษตร รถแทรกเตอร์ เครื่องมือเครื่องกลต่าง ๆ เราได้ของมา ส่วนผู้ให้ก็ได้เหมือนกัน และอาจได้มากเสียยิ่งกว่าที่เขาให้เราด้วยซ้ำไป เมื่อเขาให้เครื่องจักรกลมาให้นักเรียนใช้เรียนใช้ศึกษา พอนิสิตนักศึกษาเรียนเครื่องมือเครื่องกลนั้น ๆ แล้วเกิดความชำนาญคุ้นเคย พอเรียนจบออกไป ไปทำงาน ถึงคราวต้องสั่งซื้อเครื่องมือมาใช้ รับรองว่าเขาก็ต้องซื้อเครื่องมือของประเทศที่เขาคุ้นเคยและชำนาญ เพราะเคยศึกษา เคยใช้ เคยเรียนมา ไม่ได้ซื้อของประเทศอื่น เพราะถ้าซื้อแล้วต้องมาฝึกความชำนาญใหม่ มันไม่คุ้นมือ ดังนั้น คนให้คือคนได้ตลอด แต่ต้องมองทอดไปไกลๆ อย่ามองเพียงเฉพาะหน้า
แม้แต่เราให้ของใครก็ตาม เช่น เราซื้อดอกไม้มาช่อหนึ่งสมมุติว่าราคา 10 บาท พอให้คนอื่นเขาไป ราคาไม่ใช่ 10 บาทแล้ว เพราะทุนที่เราซื้อมามัน 10 บาท แต่เราได้หยอดเอาน้ำใจของเราใส่ลงไปด้วย เมื่อถึงมือเขา มูลค่ามันไม่ใช่ 10 บาทแล้ว มันล้ำมันเกินไปตั้งเท่าไรไม่รู้ เวลาชายหนุ่มให้ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งแก่หญิงสาว ราคามันไม่เท่านั้นแล้ว ยิ่งมีปักอะไรที่มุมผ้า หรือสลักชื่อไว้ เมื่อหยิบจับ ก็รู้สึกว่าวูบวาบ ที่เป็นอย่างนั้นเพราะมูลค่ามันล้ำมันเกินขึ้นไป มันแถมน้ำใจไปด้วย ซึ่งน้ำใจไม่ต้องลงทุน ถือเพียงความรู้สึกจากใจเราไปสู่ใจผู้อื่นเขา ถึงคราวสิ่งที่เราได้กลับมา มันไม่ได้มีแค่มูลค่าของที่เราให้หรอก แต่มันล้ำเกินค่านั้นเพราะเราได้หยอดน้ำใจเราไปด้วย
ทุกอย่างมีแต่ว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แต่ต้องมองให้ยาว ๆ ไกล ๆ อย่ามองเฉพาะหน้าใกล้ ๆ ว่าเราต้องจ่ายกันไปเราต้องเสียนั่นเสียนี่ แต่ต้องมองให้ไกลออกไป แล้วจะพบว่าผู้ให้ คือ ผู้ที่ได้เสมอ ไม่ว่าในสถานะไหนก็ตาม เพราะใจคนนอกจากอยากได้วัตถุสิ่งของแล้ว ยังมีความอยากอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นธรรมชาติของใจคนเหมือนกัน คือ ความหิวความรัก อยากได้ความรักจากคนอื่น ต้องการความรักและความอบอุ่น มีคนเห็นใจเขา ให้ความรักเขา ให้ความอบอุ่นเขา เขาก็จะรักคนนั้น พอใจคนนั้น ซึ่งการสื่อถึงความรักความเข้าใจ ความอบอุ่นต่าง ๆ ดูได้จากหลาย ๆ อย่าง ซึ่งอย่างหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ การให้ของ เพราะวัตถุสื่อสัมผัสได้ง่าย ถ้าไม่มีของให้ มีเพียงใจอยู่ ก็สื่อได้แต่ต้องใช้เวลามากกว่า นานกว่า แต่ถ้าให้ของนำไปให้จะสื่อสัมผัสได้ทันที และเมื่อตามด้วยคำพูด ด้วยการแสดงออกที่ต่อเนื่องก็ยิ่งดีไปใหญ่ ของที่ให้เป็นสื่อที่เร็วและฉับไวที่สุดเป็นตัวเบิกและตัวนำ นั่นคือ “ทาน”
ทาน ไม่ใช่วัตถุทานแต่เพียงอย่างเดียว ยังมี “อภัยทาน” การให้อภัยทาน คือการผูกใจอย่างหนึ่ง เพราะคนเราอยู่ด้วยกัน คบกัน จะเป็นครอบครัวเดียวกันก็ตาม เป็นเพื่อนกันก็ตาม ไม่มีทางที่จะถูกอกถูกใจกันตลอดชีวิต ต้องมีเรื่องขัดใจกัน แม้ตัวเราเองยังเคยนึกขัดใจตัวเอง ไม่น่าไปทำแบบนั้นเลย ไม่น่าทำอย่างนี้เลย ไม่น่าพูดอย่างนี้เลย ทำไปแล้ว พูดไปแล้วมานึกเสียดาย เสียใจ นึกติตัวเอง ขัดใจตัวเอง บางทีอาจจะวันละหลาย ๆ ครั้ง เมื่อตัวเราเองเป็นเจ้าของหัวใจตัวเอง ควบคุมตัวเราเอง เรายังขัดใจตัวเอง อย่าไปนึกถึงตัวคนอื่นเขา ไม่มีใครจะมาถูกใจเราไปหมด คบกันอยู่ด้วยกัน ก็มีเรื่องขัดใจกันจนได้ เมื่อขัดใจแล้วต้องมีการให้อภัยกันด้วย ถ้ารู้จักการให้อภัยกัน ก็อยู่ได้ยืนยาว สัมพันธภาพก็ยืนยาว เป็นการให้อภัยทานอย่างหนึ่ง ถือเป็นการให้ทานอย่างหนึ่ง ถ้าไม่ให้อภัยกันเลย ขัดใจกันขึ้นมาแต่ไม่แสดงออก เก็บกดเอาไว้ ถึงจุดหนึ่งระเบิดตูม สัมพันธภาพก็ขาดลง ก็หมดกันไป จบกันไป เราต้องให้อภัย มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมา อย่าใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ให้ใช้ความนุ่มนวล ให้อภัย พยายามใช้ความเข้าใจเขา เห็นใจเขา และหาทางปรับ ถ้าเมื่อไรใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา แทนที่ความรุนแรงจะหมดไป ตรงกันข้ามจะมากเป็นทวีคูณ เช่น ข่าวที่ฟิลิปปินส์ อาควิโนกลับมาที่สนามบิน เมื่อมีการเดินขบวน เขาก็ถูกยิงตาย กระแสการต่อต้านก็ขึ้นมาจนถึงขีดสุด สุดท้าย มาคอสก็อยู่ไม่ได้ต้องหนีไปต่างประเทศ ไปเสียชีวิตที่ต่างประเทศ แม้เป็นเผด็จการมีอำนาจมากเท่าไรก็ตาม แต่เมื่อแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง ก็ไปได้ไม่ตลอด โรมาเนีย แม้จะมีกำลังทหารมากเท่าไรก็ตาม ประชาชนเดินขบวน สั่งตำรวจลับช่วยกันยิง ตายไป 6 - 7 หมื่นคน ก็อยู่ไม่ได้ สุดท้ายตัวเองก็ต้องถูกจับด้วยเหมือนกัน ดังนั้น เมื่อไรแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง ปัญหาจะไม่จบ ปัญหาจะยิ่งพอกพูนขึ้น จะแก้ให้ดีต้องแก้ด้วยความนุ่มนวล ด้วยความเข้าใจ ให้อภัยกัน ถ้าหากอาฆาตมาดร้าย จองเวรกัน จะไม่จบ เราเอง ถ้าเจอคน ที่เคยทำให้เราขัดใจแล้วทำให้ไม่รู้สึกถูกชะตากัน
ทางแก้มี 2 แบบคือ แบบที่ 1 หาทางแกล้งเขาให้เขาย่ำแย่จนล้มหายตายจากกันไปข้างหนึ่ง แบบที่ 2 คือ หาทางทำให้เขากลายเป็นมิตร ทางแก้ไหนสะดวกกว่ากัน การให้อภัยง่ายกว่า พอนึกให้อภัย ปรับที่ใจเราเรียบร้อย สบายอกสบายใจ สุขใจและไม่เกิดปัญหา ถ้าไปแกล้งเขาให้เขาหายไปจากโลกนี้ ก็ไปจ้างมือปืนไปยิงเขา ไปแกล้งเขา อาจถูกตำรวจจับไปด้วย ถ้ายังไม่ถูกจับก็คอยระแวงว่าเมื่อไรจะถูกจับ หรือกังวลว่าเขาจะรู้ไหม และที่สำคัญคนที่เราขัดใจไม่ใช่มีเพียงคนเดียว แต่มีหลาย ๆ คน บางทีคนละหลาย ๆ ครั้งด้วย สามารถมีได้วันละ 5 คน 10 คนก็เป็นไปได้ ถ้าขัดใจใครก็แกล้งเขาไปเรื่อย ชาตินี้ไม่มีความสุขหรอก และเป็นคนที่เข้าที่ไหนก็เข้าไม่ได้ แต่ถ้าแก้ด้วยการให้อภัย อาจจะเคยนึกขัดใจใคร ไม่ถูกใจใคร ก็พยายามเข้าใจเขา ที่เขาเป็นอย่างนั้นอาจไม่ใช่เขาตั้งใจ และแม้เขาจะตั้งใจ แต่มันไม่ใช่พื้นใจเดิมของเขา
พระพุทธเจ้าบอกจิตมนุษย์แต่เดิมประภัสสรงดงาม แต่เปลี่ยนสภาพไปเนื่องจากสิ่งที่พอกพูนขึ้นมา จากการอบรมเลี้ยงดูมาแต่เด็ก สภาพแวดล้อมของเขาได้อบรมและบ่มให้เขาเป็นสภาพแบบนั้น เราต้องพยายามเข้าใจ เมื่อเขามีสิ่งที่ไม่ดีไม่งามออกมากระทบกับเราเข้า เขาคือคนที่น่าเห็นใจมากกว่า เมื่อกับเรายังกระทบอย่างนี้ ไม่ต้องห่วงเลยว่ากับคนอื่นจะไม่กระทบ ก็ต้องกระทบเหมือนกัน และคนที่ไม่สบายใจมากที่สุด คือ เจ้าตัวเขา เมื่อเรานึกได้อย่างนี้แล้วก็จะมีความเห็นใจความเข้าใจเขาเกิดขึ้นมา ความรู้สึกขัดเคืองในใจเราก็จะค่อย ๆ ลดลงไป ต้องพยายามเข้าใจว่า ทุกคนมีทั้งข้อดีข้อเสียผสมกัน อย่าไปมองเฉพาะข้อไม่ดีข้อเสีย ให้มองข้อดีเขาเยอะ ๆ ความรู้สึกไม่พึงพอใจก็จะลดระดับลง ใครทำอะไรให้เราไม่พอใจ แทนที่เราจะมาผูกและจดจ่ออยู่กับเรื่องไม่พอใจนั้น เรายกใจเราขึ้นแล้วนึกถึงสิ่งที่ดี ๆ ที่เขาเคยทำกับเรา พอนึกได้อย่างนั้น ใจก็จะสบาย ความอึดอัดที่กดใจให้คับแค้นอยู่ข้างในก็จะคลายออก สุขใจสบายใจ พอสบายใจหน้าตาก็เบิกบาน พอใจมันสบาย เมื่อถึงคราวเจอหน้าเขา การแสดงออกก็สื่อได้ว่าเราสบายใจ และเราพอใจเขา ไม่ได้ขัดใจเขา ปฏิกิริยาที่เขาจะตอบเราก็จะเปลี่ยนไป คนที่ทำได้อย่างนี้ ย่างเท้าเข้าไปถึงไหนก็จะเป็นที่รักไปถึงที่นั้น ยิ้มแย้มแจ่มใสอิ่มเอิบเบิกบานตลอดทั้งวันเพราะการให้อภัยทานซึ่งกันและกัน
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ตอนที่ 14
เริ่มโดย extra, Nov 09 2006 01:51 AM
มี 4 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 09 November 2006 - 01:51 AM
#2
โพสต์เมื่อ 09 November 2006 - 02:13 AM
ขออภัยที่โพสซ้ำค่ะ เนื่องจากมีความผิดพลาดของ internet ที่ใช้
รบกวน webmaster ช่วยลบกระทู้ที่ซ้ำออกด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
รบกวน webmaster ช่วยลบกระทู้ที่ซ้ำออกด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
#3
โพสต์เมื่อ 10 November 2006 - 02:03 PM
ช่วงท้ายของเนื้อหามีความไม่สมบูรณ์ แต่ได้แก้ไขแล้ว เชิญเพื่อนๆ อ่านอีกครั้ง ถือเป็นการทบทวนนะคะ
#4
โพสต์เมื่อ 10 November 2006 - 02:44 PM
QUOTE
ช่วงท้ายของเนื้อหามีความไม่สมบูรณ์ แต่ได้แก้ไขแล้ว เชิญเพื่อนๆ อ่านอีกครั้ง ถือเป็นการทบทวนนะคะ ___By ท่าน 'extra'
จ้า รับทราบครับข้าพเจ้าปราถนา ขอให้ ท่าน extra และ รัชชาได้รับ ความ extra สมบูรณ์ บริบรูณ์ ของ การทำ ธรรมทาน แบบนี้ ด้วยเทอญ
ขอขอบคุณ และ อนุโมทนาบุญ กัน ท่าน extra และ รัชชา ด้วยครับ
สาธุ...สาธุ...สาธุ...ครับ
ขออนุโมทนาบุญ และ ขอบคุณกับ ท่าน Extra และ รัชชา
สำหรับนำ หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ตอนที่ 14
มาให้ได้อ่าน และศึกษากันครับ
ขอติดตามตอนต่อไปด้วยครับ
สาธุ... สาธุ... สาธุ... ครับ
.
ปล.
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 1
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 2
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 3
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 4
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 5
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 6
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 7
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 8
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 9
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 10
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 11
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 12
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 13
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 14
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 15
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 16
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 17
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 18
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 19
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 20 (ตอนจบจ้า)
.
.
.
.
ข้าพเจ้าใคร่ขออนุญาต ท่าน Extra เพิ่มเติม สำหรับท่านผู้ที่สนใจจะฟัง พระธรรมเทศนานี้ ดังนี้
.
.
.
สามารถ Download ได้ทั้งหมดโดย กดที่ "GET iT ALL" ขนาดประมาณ 57.45 MB
.
.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดปากน้ำภาษีเจริญ คลิ๊กที่นี้
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
.
Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
.
รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า: คลิ๊กที่นี้คลิ๊กที่นี้ เพื่อ ได้รับ ภาพทั้งหมดของ คำสอนคุณยาย ฉบับรวมเล่ม และภาพ (ฉบับสมบรูณ์)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 157 files, 557.61 MB, ธรรมมะเทศนา มงคล 38 โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺตชีโว)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
ที่มา: คลิ๊กที่นี้ ปล. สืบเนื้องมาจาก กระทู้นี้ โพสต์โดย ท่าน ฟ้าร้าง
.
เรื่อง การสร้างบารมีของพระโพติสัตว์ เข้าใจได้ไม่ยาก โปรดลอง คลิ๊กที่นี้
.
สนใจอ่าน
The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้
(With some english explanation)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
"Do not confuse having a career with having a life"
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>> CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>> CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
Lastest Revised: 16/12/2006 | 08:43 PM
#5
โพสต์เมื่อ 28 March 2007 - 10:58 AM
ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ