ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * - - 1 คะแนน

หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ตอนที่ 16


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 3 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 extra

extra
  • Members
  • 409 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 November 2006 - 02:25 AM

หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ตอนที่ 16
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra และรัชชา


สังคหวัตถุข้อที่ 3 คืออัตถจริยา ได้แก่ ทำตนให้เป็นประโยชน์ ในข้อนี้มี 2 ประเด็นที่ทำให้เห็นชัดขึ้น คือ
ประเด็นที่หนึ่ง คือ เราต้องเป็นคนที่มีประโยชน์ เพราะของที่มีประโยชน์ มีค่า ใคร ๆ เขาก็ชอบและหวงแหน มีของ 2 อย่างน้ำหนักเท่ากัน อย่างหนึ่งเป็นก้อนอิฐ อีกอย่างเป็นก้อนทองคำ คนเราจะสนใจทองคำมากกว่า เพราะราคาคุณค่าประโยชน์ของทองคำมีมากกว่า ของที่มีค่ามาก ๆ เขาเอาไปเก็บใส่ตู้เซฟ ใส่หีบเหล็กลั่นดาน เก็บรักษาดูแลอย่างดี ของไม่มีประโยชน์ก็ปล่อยเอาไว้ ไม่ได้สนใจอะไร ไม่เห็นค่า

คนเราก็เช่นกัน คนไหนฝึกตัวเองมาดี เป็นคนที่มีประโยชน์มีความสามารถ มีความรู้มีคุณธรรม คน ๆ นั้นก็จะเป็นที่รักของคนอื่น ใคร ๆ ก็อยากเข้าใกล้ อยากเจอคน ๆ นี้ เขาเป็นคนเก่ง มีความสามารถ มีคุณธรรม ใครก็อยากไปเข้าใกล้ เพราะเห็นคุณของเรา ประโยชน์ของคนมีอยู่ที่กำลังกาย กำลังความคิด กำลังสติปัญญา กำลังใจ เป็นต้น


เราสามารถฝึกตนได้ เพราะคนทุกคนมีอวัยวะ มีแขนขามือเท้าเหมือนกัน สามารถฝึกให้เป็นคนมีประโยชน์ได้ คือ ต้องมีสติกำกับตัว จะคิดจะพูดจะทำอะไรต้องมีสติ และทำให้ดีที่สุด ให้เต็มสติปัญญาความสามารถ ฝึกให้เป็นนิสัย จะหยิบจะจับอะไร ทำให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุดให้สุดความสามารถ เมื่อทำเต็มความสามารถแล้ว ก็ได้ใช้พลังเต็มที่ ถึงคราวทำใหม่ ความสามารถจะพัฒนาออกไป เหมือนคนเราจะเป็นนักวิ่งแข่ง จะเป็นนักวิ่งที่เก่งได้เลย ต้องฝึกกันก่อน วันนี้ฝึกวิ่งไปให้เต็มกำลังให้เร็วที่สุด พอฝึกไปทุกวันให้เต็มที่ ฝีมือจะก้าวหน้าไปจนเป็นแชมป์โลกได้ แต่คนที่วิ่งแบบไม่เต็มที่ ทำเหยาะ แหยะ สักแต่ว่าวิ่ง ฝีมือก็ไม่ก้าวหน้า ไม่มีการพัฒนา ดังนั้น ทำอะไรให้เต็มที่สุดฝีมือไป แล้วพลังจะล้ำออกไปเรื่อย ๆ เกินออกไป ขณะเดียวกัน เปิดใจให้กว้าง ใครให้คำแนะนำ คำวิจารณ์ ทั้งติทั้งชม รับฟังเอาไว้แล้วปรับปรุงแก้ไขกันไป ถ้าทำได้อย่างนี้ก็ถือว่าใช้ได้ ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่เก่งเต็มที่ แต่ก็จะเก่งในโอกาสต่อ ๆ ไป เพราะเขาได้สร้างเหตุปัจจัยของความสามารถของตนให้เป็นคนที่มีประโยชน์ นั่นคือ การมีสติไว้กำกับใจ มีใจจดจ่อ ทำอะไรเต็มที่ ทำให้ดีที่สุด มีเหตุปัจจัยอย่างนี้ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเป็นคนเก่งในอนาคตต่อไป สามารถฝึกกันได้

อัตถจริยา ประเภทที่ 2 คือ เมื่อเราเป็นคนที่มีประโยชน์แล้วก็ต้องสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่น ๆ ด้วย เอาประโยชน์เอาความสามารถที่เรามีอยู่ ทำประโยชน์ให้คนอื่นเขา ช่วยเขา เพราะธรรมชาติของใจคนอีกเหมือนกันว่า มีความอยากตั้งแต่ อยากได้สิ่งของ อยากทำสิ่งต่างๆ ใจที่มีความอยากจะพุ่งไปเร็วเสียด้วย เหมือนที่เราเปรียบว่า “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” ใจก็เหมือนนายที่นั่งรถเก๋ง แต่กายเป็นบ่าวที่นั่งเกวียนอยู่ กายตามใจไม่ทัน ใจนึกจะทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย แต่กายของเรา กำลังของเราทำตามไม่ทัน เพราะใจคิดเร็ว ถ้าใครก็ตามมาช่วยตอบความอยากของเขา มาช่วยเป็นมือเป็นเท้า มาช่วยงานเขาบรรลุตามที่เขาตั้งใจ คน ๆ นั้นก็ย่อมเป็นที่รักเช่นกัน ดังนั้น ถ้าเราเอากำลังกายกำลังใจกำลังความสามารถของเราไปช่วยกิจการงานต่าง ๆ ทั้งของส่วนรวม หรือของใครก็ตาม ก็ย่อมจะเป็นที่รักของบุคคล ๆ นั้นหรือของชุมชนสังคมนั้น ๆ ต้องฝึกให้ตัวเราเองมีประโยชน์และก็สร้างประโยชน์ให้คนอื่นเขาด้วย

พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงแบ่งคนเป็น 3 ประเภท
ประเภทที่ 1 อัตถจารี เป็นผู้ที่สร้างประโยชน์ เห็นใครเขาทำงานอะไรที่เป็นกุศล เป็นเรื่องดีงาม ก็ไปช่วยเขา กิจการใดพอทำได้ ก็ทำเลย ไม่ดูเบา แม้นสิ่งเล็กน้อย อะไรหยิบจับได้ ฉวยแล้วทำ ฝึกเป็นนิสัย แม้แต่บนถนน เห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ เข็นรถขยะขึ้นสะพาน เข็นไม่ค่อยไหว ก็ไปช่วยดันให้รถผ่านไปได้ เห็นเขารถเสียจอดอยู่กลางถนน ถ้าพอช่วยได้ก็ช่วยออกแรงเข็นให้เขา ช่วยกันเก็บขยะที่ตกหล่นอยู่ในโรงเรียน เป็นต้น ฝึกจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างนี้ จะก้าวไปเป็นอัตถจารีในเรื่องสำคัญยิ่ง ๆ ขึ้นไปในอนาคต ฝึกให้เป็นนิสัย ไม่ดูดายในสิ่งต่าง ๆ อะไรพอหยิบพอจับ พอทำได้ ก็ช่วยกันไป นี่เป็นคนที่เรียกว่า “อัตถจารี” คือ ผู้ทำประโยชน์

ประเภทที่ 2 คือ โมฆบุรุษ ผู้ว่างเปล่า พวกว่างเปล่า อยู่ไปวัน ๆ อยู่ไปเรื่อย ๆ ไม่หือไม่อือ ไม่เอาเรื่องกับใคร ธุระของใคร ข้าไม่เกี่ยว ไม่ช่วย เรื่องธุระไม่ใช่ ไม่ยอมช่วยเหลือใคร อยู่ไปเฉย ๆ เขาเรียกว่า พวก “โมฆะบุรุษ” บุรุษผู้ว่างเปล่า

ส่วนพวกที่ 3 เรียกว่า “อนัตถจารี” ผู้ทำสิ่งไม่ใช่ประโยชน์ คือ นอกจากไม่ช่วยเขาแล้ว ยังคอยขวางด้วย เป็นคนที่ใจตกต่ำมืดมัวมืดมิดมากจนมองอะไรไม่ออก แล้วไปทำในสิ่งที่ไม่ควร เช่น คนที่เอาสีไปพ่นกำแพงให้เลอะเทอะ ทุบของสาธารณะให้แตก เป็นต้น คนเหล่านี้ย่อมไม่เป็นที่รักแน่นอน ทำสิ่งไม่ดีแล้วชอบใจสบายใจ นี่คือสภาพใจที่ตกต่ำที่เรียกว่า อนัตถจารี


เราต้องยกใจเราให้สูงขึ้นไปสู่ผู้เป็น “อัตถจารี” ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ โดยเริ่มต้นจากสิ่งรอบตัว เห็นเขาเป็นอะไร ตาดูหูฟัง อะไรพอจับ พอทำได้ก็ทำ ไม่ดูดาย ฝีมือทุกอย่างจะพัฒนาไปในตัว พอทำอย่างนี้แล้ว จะก้าวหน้าพัฒนาต่อไป แล้วเราก็จะเป็นที่รักของทุกคน เป็นที่ยกย่องให้เกียรติในสังคมทุกแห่ง คนที่ทุกคนให้เกียรติ คือ คนที่มีประโยชน์ต่อสังคมนั้น ๆ เช่น ในประเทศญี่ปุ่นสมัยก่อนเมื่อหลาย ๆ ร้อยปีก่อน แบ่งสังคมเป็น 4 ชนชั้น ชนชั้นสูงสุด คือ ชนชั้นซามูไรเป็นนักรบ ไม่ต้องทำอาชีพอื่น มีหน้าที่เป็นนักรบอย่างเดียว ชนชั้นที่ 2 คือ ชนชั้นชาวนา ผลิตอาหารข้าวเลี้ยง ชนชั้นที่ 3 คือ ช่างฝีมือต่าง ๆ รองลงมาจากชาวนา ต่ำกว่าชาวนา แล้วชนชั้นสุดท้ายที่ต่ำที่สุด คือ พวกพ่อค้า เพราะว่าสภาพสังคมญี่ปุ่นตอนนั้น การค้าขายไม่ค่อยมีความจำเป็น แต่ละชุมชนก็ผลิตหาเลี้ยงชุมชนตัวเองข้าวของข้าวปลาอาหาร ที่เขาถือว่าซามูไรสูงสุดเพราะมีหน้าที่ในการรบปกป้องชุมชนของตัวเองจากชุมชนอื่น นครรัฐของตัวเองจากนครรัฐของคนอื่น จึงยกย่องให้เกียรติสูงสุด รองลงมา คือ ผู้ผลิตอาหารป้อน คือ พวกชาวนามีเกียรติรองลงมา ส่วนช่างฝีมือก็รองลงไปอีก คือว่า ข้าวของต่าง ๆ ยังจำเป็นน้อยกว่าอาหาร ส่วนพ่อค้าแลกเปลี่ยนก็ต่ำสุด เพราะพวกนี้ไม่ทำอะไร เอาแต่คอยซื้อขายแลกเปลี่ยนเอากำไร ต่อมาสภาพสังคมญี่ปุ่นมีโชกุนดูแล สิ่งต่างๆ เปลี่ยนไป มีการเปิดประเทศให้อเมริกาเข้ามา ฝรั่งเข้ามา มีการติดต่อค้าขายจนถึงปัจจุบัน การศึกสงครามเปลี่ยนสภาพกลายเป็นสงครามเศรษฐกิจ ไม่ได้รบด้วยอาวุธแต่รบด้วยกำลังทางเศรษฐกิจแทน เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจแทน พอสภาพสังคมเปลี่ยนไปอย่างนี้ ทหารการรบก็มีความจำเป็นน้อยลงไป สถานภาพของ 4 ชนชั้นญี่ปุ่นก็เปลี่ยนไป พ่อค้าที่เดิมเคยต่ำสุดก็กลายเป็นคนที่ได้รับการยกย่อง เพราะถือเป็นหัวหอก เป็นผู้บุกเบิกทะลวงในการสร้างอำนาจทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นกับสังคมกับประเทศชาติ เขาก็ยกย่องให้เกียรติพ่อค้า

ในแต่ละชุมชน คนที่ได้รับการให้เกียรติได้รับการยกย่อง คือ คนที่มีประโยชน์ต่อสังคมนั้น ๆ การฝึกตัวเองให้เป็นคนมีประโยชน์จึงมีความสำคัญมาก จะอยู่ในชุมชนไหน ไม่ว่าชุมชนเล็ก หรือแม้แต่ในบ้าน ก็ต้องทำให้เป็นประโยชน์ เช่น คนรับใช้ในบ้าน คนไหนฝึกฝีมือตัวเองได้ดี รู้ใจเจ้านาย ขยันขันแข็งทำงานทำการ ไม่ขี้เกียจ ไม่ต้องให้คอยจ้ำจี้จ้ำไช ทำความสะอาด ดูแลข้าวของ หุงข้าว ปัดกวาดเช็ดถู ซักเสื้อผ้า ดูแลรับผิดชอบอย่างดี คนอย่างนี้เจ้านายต้องเกรงใจนะ ได้รับการให้เกียรติจากหัวหน้าผู้บังคับบัญชา เป็นที่รักที่ทะนุถนอม ทั้งที่เป็นเพียงคนรับใช้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาเป็นคนที่มีประโยชน์


สังคหวัตถุ ประการที่ 4 ก็คือ สมานัตตตา แปลว่า เป็นผู้วางตนเสมอ ไม่ใช่ตีตนเสมอท่าน แต่หมายถึง วางตัวสมกับฐานะและบทบาทของตัวเอง เช่น เราเป็นพี่ก็วางตัวให้สมพี่ เป็นน้องวางตัวให้สมน้อง เป็นคุณพ่อคุณแม่ก็วางตัวให้สมกับที่เป็นคุณพ่อคุณแม่ เป็นลูกก็วางตัวให้สมลูก ทำหน้าที่ที่บุตรพึงกระทำต่อบิดามารดา พระพุทธเจ้าพระองค์สอนไว้อย่างไรก็ตั้งใจทำตามนั้น เคารพเชื่อฟังคำสั่งสอนของท่าน ปรนนิบัติดูแลท่านเมื่อยามท่านชรา ถ้ามีงานการอะไรช่วยได้ก็ช่วยกันเต็มที่ ท่านละโลกไปแล้วละตั้งใจทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้สม่ำเสมอ ตั้งใจดำรงวงศ์สกุลของท่านให้ดี ทำตัวดีให้สมกับการได้รับมรดก เป็นต้น กิจที่ตัวเองพึงทำตามหน้าที่ตน ทำให้สมกับหน้าที่นั้น ๆ เป็นครูบาอาจารย์ เป็นศิษย์ เป็นเพื่อนหน้าที่ของเพื่อนที่ต้องปฏิบัติต่อกันมีอะไรบ้าง เป็นนายจ้างลูกจ้างลูกน้องต้องทำกับหัวหน้าอย่างไร และหัวหน้าต้องทำกับลูกน้องอย่างไร ปฏิบัติให้สมกับหน้าที่นั้น ๆ ก็เป็นที่รักให้สมฐานะที่ตนเป็น ตำแหน่งหน้าที่ที่ตัวเป็นและให้สมกับภูมิธรรม วางตัวให้สมตัว ให้พอดีตัว อย่าให้เกินตัวและอย่าให้เล็กกว่าตัว ให้พอดี ๆ เหมือนการตัดเสื้อผ้า ต้องวัดตัวให้พอดีขนาดตัว ถ้าตัดมาแล้วหลวมไป ก็ไม่เป็นทรง ถ้าตัดมาคับเกินไป ก็รัดติ้ว อึดอัด ไม่สบาย จะใส่เสื้อผ้าต้องให้พอดีตัว ไปยืดไปเบ่งมากเกินตัว ก็เกิดปัญหา


#2 Chadawee

Chadawee
  • Members
  • 299 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 14 November 2006 - 09:38 AM

อนุโมทนาบุญกับน้องหลิวที่เอาธรรมะดีๆ มาให้อ่านค่ะ

พี่เปิ้ล laugh.gif

Ple

#3 Peacefulness ™

Peacefulness ™
  • Members
  • 1145 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:On the planet Earth.
  • Interests:Almost everything that helps me to become better and better; especially, the Grestest Dharma of the Lord Buddha

โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 02:36 AM

ขออนุโมทนาบุญ และ ขอบคุณกับ ท่าน Extra และ รัชชา
สำหรับนำ หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ตอนที่ 16
มาให้ได้อ่าน และศึกษากันครับ laugh.gif
laugh.gif ขอติดตามตอนต่อไปด้วยครับ
สาธุ... สาธุ... สาธุ... ครับ
.
ปล.
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 1
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 2
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 3
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 4
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 5
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 6
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 7
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 8
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 9
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 10
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 11
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 12
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 13
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 14
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 15
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 16
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 17
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 18
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 19
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 20 (ตอนจบจ้า)
.
.
.
.
ข้าพเจ้าใคร่ขออนุญาต ท่าน Extra เพิ่มเติม สำหรับท่านผู้ที่สนใจจะฟัง พระธรรมเทศนานี้ ดังนี้
.
.
.
สามารถ Download ได้ทั้งหมดโดย กดที่ "GET iT ALL" ขนาดประมาณ 57.45 MB
.
.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี

ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดปากน้ำภาษีเจริญ คลิ๊กที่นี้
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
.

Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

For any inquiries please

.

รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า:
คลิ๊กที่นี้
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ ได้รับ ภาพทั้งหมดของ คำสอนคุณยาย ฉบับรวมเล่ม และภาพ (ฉบับสมบรูณ์)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 157 files, 557.61 MB, ธรรมมะเทศนา มงคล 38 โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺตชีโว)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
ที่มา: คลิ๊กที่นี้ ปล. สืบเนื้องมาจาก กระทู้นี้ โพสต์โดย ท่าน ฟ้าร้าง
.
เรื่อง การสร้างบารมีของพระโพติสัตว์ เข้าใจได้ไม่ยาก โปรดลอง คลิ๊กที่นี้
.
สนใจอ่าน

The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้

(With some english explanation)

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

"Do not confuse having a career with having a life"
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>>
CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
Lastest Revised: 16/12/2006 | 08:43 PM

#4 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 28 March 2007 - 01:03 PM

ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ