แค่คิด "ผิดหรือยัง" ???
#1
โพสต์เมื่อ 14 November 2006 - 02:57 PM
“ถ้าเค้ามีที่ดินในกรุงเทพฯ
เค้าจะสร้างวัดและเกณฑ์ญาติที่เป็นผู้ชายมาบวชให้หมด
รับรอง...รวย...ธุระกิจนี้ไปได้สวยแน่ ๆ
ดูซิ...งานศพ เข้ามาก็มีเคตตาล็อคดอกไม้+พวงหรีดให้เลือกเลย ต้องเปลี่ยนดอกไม้หน้าศพทุกวันกำไรดีจะตาย
เงินค่าศาลาอีก!!! เงินใส่ซองจากกิจนิมนต์อีก!!!
ตอนนี้เค้าแค่คิด....เท่านั้น บาปแล้วยัง?
แล้วถ้าเกิดเค้าได้โอกาสมีที่ดินแล้วทำอย่างที่คิดจริง ๆ นั้นทำได้หรือไม่? (บุญโตไม่รู้ว่าการสร้างวัดกระทำได้ง่ายหรือยาก)
เฮ้อ!!คิดได้งัยไม่รู้...ถ้าเป็นบุญโตคิดแค่รับฝากรถก็คงพอ
#2
โพสต์เมื่อ 14 November 2006 - 03:06 PM
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
![smile.gif](style_emoticons/default/smile.gif)
![laugh.gif](style_emoticons/default/laugh.gif)
ดังนั้น ทุกๆ ความคิด ย่อมมี วิบาก คือผลของกรรม ด้วยเช่นกัน
ส่วนผล จะเป็นอย่างไร หนัก เบา มากน้อย เพียงไร ก็คงมีหลายองค์ประกอบอยู่หลายทีเดียว
คงต้องศึกษากันแบบพอดีๆ ไว้เป็น วิชาความรู้ ไว้ป้องกันตัว กันนะครับ
ความคิดที่ดีๆ ต้อง ฝึกครับ และ มักจะเกิดจาก การฝึกฝนอย่างตั้งใจ นั้นก็คือ ศีล กับ ภาวนา
ลองฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมประกอบ จากท่านอื่นๆ ด้วยนะครับ
อนุโมทนา สาธุ...สาธุ...สาธุ...สำหรับคำถามจ้า
![](http://i141.photobucket.com/albums/r52/peacefulness072/Dhammas%20for%20citation/b11.gif)
![](http://i141.photobucket.com/albums/r52/peacefulness072/Dhammas%20for%20citation/b11.gif)
![](http://i141.photobucket.com/albums/r52/peacefulness072/Dhammas%20for%20citation/b11.gif)
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7
.
รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า: คลิ๊กที่นี้คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>> CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
#3
โพสต์เมื่อ 14 November 2006 - 03:24 PM
1. คิดที่จะทำ (หรือมีเจตนา)
2. ลงมือกระทำแล้ว
3. กิจนั้นสำเร็จลุล่วงด้วยการกระทำของเรา
หากครบทั้ง3ข้อถือว่าบาปแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ นี่เป็นเพียงแค่การพิจารณาว่าบาปหรือไม่บาปนะครับ ส่วนจะมีวิบากกรรมหรือไม่นั้นมันอีกเรื่อง โดยจะยกตัวอย่างให้ดังนี้ครับ
คงเคยจำกันได้นะครับเรื่องบุพกรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้ก่อไว้ในชาติก่อนๆ เลยทำให้แม้ชาติที่ได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วยังต้องมารับวิบากกรรมเหมือนกัน มีอยู่เคสหนึ่งที่ชาติหนึ่งเมื่อครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์ ได้คิดไม่ดีแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าเอาไว้ แค่คิดนะครับ ชาติสุดท้ายของพระองค์จึงต้องมาทนทุกรกิริยาถึง6ปี ถึงจะได้บรรลุสัมมาสัมโพธิญาน นี่แค่คิดนะครับ วิบากกรรมยังขนาดนี้ ดังนั้นในกรณีของคุณบุญโต ลองคิดเองดูแล้วกันนะครับ หุหุ ไม่อยากเซท
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#4
โพสต์เมื่อ 14 November 2006 - 03:53 PM
ไม่อยากคิดต่อว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากความคิดนี้
#5
โพสต์เมื่อ 14 November 2006 - 04:04 PM
แต่ใจก็หม่นหมอง เพราะประกอบไปด้วยความโลภ กับความหลง
ใจเป็นประธาน ใจเป็นใหญ่ เมื่อคิดแล้ว ก็จะมีแรงจูงใจให้เกิดการกระทำตามมาค่ะ
#6
โพสต์เมื่อ 14 November 2006 - 05:32 PM
#7
โพสต์เมื่อ 14 November 2006 - 06:04 PM
#8
โพสต์เมื่อ 14 November 2006 - 08:18 PM
ถ้าหมายถึงผิดศีล ก็ยังไม่ถึงกับผิดศีล
แต่อย่าลืมว่า คิดไม่ดี ก็ถือเป็นมโนกรรม อย่าคิดว่ามโนกรรมไม่มีผลครับ กิเลส บังคับให้เกิด กรรม (กาย วาจา ใจ) กรรม เมื่อทำไปแล้วก็มีผลเป็น วิบาก วนเวียนไม่มีที่สิ้นสุด เราเรียกว่า "วัฏฏจักร" ครับ การกระทำนี้เรียกว่า "มิจฉาสังกัปปะ" เทียบกับกรรมบถแล้ว ไม่ถึงกับเป็นมิจฉาทิฏฐิครับ
#9
โพสต์เมื่อ 14 November 2006 - 11:57 PM
#10
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 02:34 AM
ผืดศีลด้วย เพราะพูดจาเลอะเทอะ เพ้อเจ้อ แกขี้เล่นไม่ดูกาละเทศะ หรือเปล่า ถ้าฟังไปเรื่อย ๆ อีกหน่อย ก็เอาวัดเข้าตลาดหุ้น
#11
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 05:54 AM
เค้าจะสร้างวัดและเกณฑ์ญาติที่เป็นผู้ชายมาบวชให้หมด
รับรอง...รวย...ธุระกิจนี้ไปได้สวยแน่ ๆ
ดูซิ...งานศพ เข้ามาก็มีเคตตาล็อคดอกไม้+พวงหรีดให้เลือกเลย ต้องเปลี่ยนดอกไม้หน้าศพทุกวันกำไรดีจะตาย
เงินค่าศาลาอีก!!! เงินใส่ซองจากกิจนิมนต์อีก!!!
ง่า!! โห....ฟังดูแล้วว่ามันแลแปลกๆอ่ะ ไม่รู้คิดได้ไงเนอะ
เหมือนอยากเป็นเจ้าของวัด แล้วคิดหวังกอบโกยเงินหรือผลกำไรจากการทำธุรกิจ โดยเอาสถานที่ที่ขึ้นว่า"วัด"และ"คณะสงฆ์"เป็นเครื่องมือประกอบการทางธุรกิจของตนเองเพื่อหวังผลกำไรหวังรวยด้วยวิธีเช่นนี้ (อันเป็นผลประโยชน์ส่วนตน)
ถ้าได้กระทำขึ้นมาจิงๆล่ะก็... ต้องบาปแน่ๆ
"ถ้าหากข้าพเจ้า ผิดพลาดแต่ประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ"
ความคิดอันวิเศษ มาจากใจที่สงบ
ความอดทนอันสูงสุด มาจากใจที่หยุดนิ่ง
น้องขวัญ
...A LiTTle GuiDE...
อาสาสมัครแผนกมัคคุเทศก์
สังกัดกองปฏิสันถาร สำนักศรัทธาภิบาล
#12
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 11:17 AM
ไฟล์แนบ
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain
#13
โพสต์เมื่อ 15 November 2006 - 09:34 PM
ไม่ควรหากินกับวัด
ไม่ควรนำความเป็นวัด มากอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวเอง
ถ้าอยากทำมาหากิน คิดแค่ทำร้านขายพวงหรีดก็พอแล้ว
ไปซื้อที่ดินหรือเช่าที่ใกล้ๆวัด แล้วเปิดร้านดอกไม้ ขายดอกไม้-พวงหรีดตามปกติ ไม่ต้องคิดเกินเลยแบบเนื้อหาในกระทู้
ทรัพย์ที่ได้มาโดยไม่บริสุทธิ์ จะไม่คงทน จะมีเชื้อวิบัติติดมาด้วย ...ถ้ารวย ก็รวยได้ไม่นานหรอก
#14
โพสต์เมื่อ 16 November 2006 - 12:02 AM
ไม่คิดถึงบาปบุญคุณโทษ
ผมขอนำโพสจาก ท่านไชยานุภาพปราบหงสา มาลงให้ดูครับ
มิจฉาทิฏฐิ หมายถึง ความเห็นที่วิปริตผิดแผกไปจากความเป็นจริง (ไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม) ซึ่งมิจฉาทิฏฐิที่สำเร็จเป็นอกุศลกรรมบถนั้น เรียกว่า "นิยตมิจฉาทิฏฐิ" ดังปรากฏอยู่ในสามัญผลสูตร ฑีฆนิกาย สีลขันธวรรค มี ๓ ประการดังต่อไปนี้คือ
๑. นัตถิกทิฏฐิ มีความเห็นผิดว่า จะทำสิ่งใดก็ตาม ทำแล้วก็แล้วกันไป ไม่มีผลเกิดขึ้น (ปฏิเสธผล)
๒. อเหตุกทิฏฐิ มีความเห็นผิดว่า วิถีแห่งสรรพสัตว์ทั้งหลายที่กำลังเป็นไปอยู่ มิได้มีเหตุนำ เหตุหนุน เหตุเนื่องอยู่เบื้องหลัง ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเกิดและเป็นขึ้นได้เอง (ปฏิเสธเหตุ)
๓. อกิริยทิฏฐิ มีความเห็นผิดว่า การกระทำของสรรพสัตว์ทั้งหลายไม่สำเร็จเป็นบุญ-บาปแต่อย่างใด เป็นสักแต่ว่ากิริยาอาการเท่านั้น (ปฏิเสธทั้งเหตุและผล)
ในบรรดานิยตมิจฉาทิฏฐิทั้ง ๓ ประการนั้น ผู้ที่มีนัตถิกทิฏฐิย่อมมีความเห็นผิดดังต่อไปนี้
๑. นตฺถิ ทินฺนํ เชื่อว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล
๒. นตฺถิ ยิฏฺฐํ เชื่อว่า การบูชาบุคคลที่ควรแก่การบูชา มีบิดามารดา อุปัชฌาย์อาจารย์ และอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย เป็นต้น ไม่มีผล
๓. นตฺถิ หุตํ เชื่อว่า การปฏิสันถารบุคคลที่ควรแก่การต้อนรับเชื้อเชิญไม่มีผล
๔. นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํวิปาโก เชื่อว่า กฎแห่งกรรมไม่มีจริง
๕. นตฺถิ อยํ โลโก นตฺถิ ปโร โลโก เชื่อว่า โลกนี้ โลกหน้าไม่มี (เชื่อว่า "ตายแล้วสูญ" นั่นเอง)
๖. นตฺถิ มาตา นตฺถิ ปิตา เชื่อว่า พระคุณของบิดามารดาไม่มี
๗. นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา เชื่อว่า สัตว์โลกที่เกิดขึ้นแล้วโตทันที (โอปปาติกะ) อาทิ เทวดาและสัตว์นรก เป็นต้น ไม่มีจริง
๘. นตฺถิ โลเก สมณพฺรหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนติ เชื่อว่า สมณะผู้สามารถบำเพ็ญเพียรเพื่อเผาผลาญอาสวะกิเลสให้หมดสิ้นได้ อาทิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และเหล่าพระอรหันตสาวกไม่มีจริง
ในบรรดาโทษของอกุศลกรรมทุกชนิดนั้น โทษอันเกี่ยวเนื่องกับนิยตมิจฉาทิฏฐิ จัดเป็นโทษที่ร้ายแรงที่สุด สมดังมีพระพุทธดำรัสไว้ ในอังคุตตรพระบาลีว่า
"ปรมานิ ภิกฺขเว วชฺชานิ"
ดูกร! ภิกษุทั้งหลาย ความเห็นผิดที่เป็นนิยตมิจฉาทิฏฐินี้ มีโทษภัยอันใหญ่หลวงที่สุด
ปล. อนันตริยกรรม ๕ ลงมหานรกขุมอเวจี แต่สำหรับนิยตมิจฉาทิฏฐินั้น มีโทษถึงลงโลกันตร์ครับ
เพื่อนท่านนั้นของคุณบุญโต มีกรรมหนักมากจริง ๆ ถ้าเขาคิดอย่างนั้นจริง ๆ ไม่ใช่แค่พูดเล่นตลก ๆ