ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * - - 1 คะแนน

หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ตอนที่ 18


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 2 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 extra

extra
  • Members
  • 409 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 November 2006 - 06:12 AM

หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ตอนที่ 18
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra และรัชชา


“ธรรมะที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ” ได้แก่ “อิทธิบาท 4” ถือเป็นสูตรสำเร็จของธรรมะในพระพุทธศาสนาที่จะนำเอาความสุขและความสำเร็จมาสู่ตัวเราไม่ว่าจะเป็นกิจการงานทางโลกหรือว่างานทางธรรมก็ตาม

อิทธิบาท 4 คำว่า อิทธิ แปลว่า ฤทธิ์ หรือความสำเร็จ คำว่า บาท แปลว่า ทางไป อิทธิบาท 4 ก็คือ ทางไปสู่ความสำเร็จ ที่ประกอบด้วยองค์ 4 ได้แก่

ประการที่ 1 คือฉันทะ ได้แก่ ความรัก ความพอใจที่จะทำงาน งานใดมาถึงมือ ก็ทำด้วยความเต็มอกเต็มใจ ด้วยความสุขใจ นั่นคือ เต็มใจทำ ฉันทะในแง่ของความเต็มใจทำ มีความสำคัญอย่างมากต่อการทำงานทุกอย่าง ถ้าเราทำงานชิ้นไหนด้วยความรัก ด้วยความสนุกกับมัน งานนั้นย่อมประสบความสำเร็จได้ง่าย ในทางกลับกัน ถ้ามีงานชิ้นไหนทำด้วยความฝืนใจ ไม่อยากทำเลยจริง ๆ แต่ถูกสั่งให้ทำ ต้องจำใจทำ งานก็ออกมาไม่ดีนัก ทำด้วยความรัก ด้วยความสนุกกับงาน ต่างกับทำเพราะจำใจทำ ผลไม่เท่ากัน ค่าไม่เท่ากัน ความสำเร็จไม่เท่ากัน

ทหารอาสากับทหารเกณฑ์มีประสิทธิภาพไม่เท่ากัน ตัวอย่างอันหนึ่ง คือ เมื่อ 10-20 ปีที่ผ่านมา อเมริกาส่งทหารมารบที่เวียดนามถึง 5-6 แสนคน รบแล้วแพ้เวียดนามจนต้องกลับประเทศตัวเอง เป็นเรื่องที่ถือว่าน่าอับอายมาก เพราะเป็นประเทศมหาอำนาจ แต่รบแพ้ประเทศเล็ก ๆ เศรษฐกิจก็ไม่ดี กำลังทรัพย์ก็ไม่มี ที่รบแพ้เพราะฝ่ายหนึ่งรบเพราะคิดว่าจะปกป้องชาติบ้านเมือง อีกฝ่ายรบเพราะถูกสั่งให้มารบ ไม่ค่อยอยากมา ถูกเกณฑ์มา เขาสั่งให้มา ฝ่ายถูกเกณฑ์ แม้อาวุธจะดีแค่ไหนก็ตาม การสนับสนุนจะดีแค่ไหนก็ตาม ไปรบแล้วก็แพ้ อีกฝ่ายนุ่งผ้าเตี่ยวมารบ อีกฝ่ายมีอะไรทุกอย่างพร้อมหมดก็ยังสู้ที่นุ่งผ้าเตี่ยวมารบไม่ได้ เพราะฉันทะในการรบไม่เท่ากัน พอขาดฉันทะ ใจไม่รักที่จะทำ ประสิทธิภาพไม่เกิด ในทางกลับกัน ถ้าให้ทหารเวียดนามไปบุกอเมริกา พักเดียวเวียดนามก็สู้ไม่ได้ เพราะถ้าบุกอเมริกาเมื่อไร ทหารอเมริกาย่อมให้ใจแล้ว ดังนั้น การทำอะไรด้วยใจ ด้วยความรักจริง ๆ ผลจะเกิดเต็มที่ แต่ถ้าทำแบบเสียไม่ได้ ฝืน ๆ ทำ ผลไม่เกิด เราจะหยิบจะจับงานไหนก็ตาม ต้องทำด้วยใจรัก

ฉันทะจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ความรู้สึกรักงาน พอใจกับงานชิ้นนั้น จะเกิดขึ้นมาได้เมื่อเห็นถึงประโยชน์ของงาน ถ้ามองว่าทำไปแล้ว จะมีประโยชน์ตน ประโยชน์ท่านเป็นขั้น ๆ ไป ตั้งแต่หยาบไปจนถึงละเอียด การดูประโยชน์ของตัวเองเป็นขั้นพื้นฐานที่สุด คือ ดูว่าเราจะได้ผลประโยชน์อะไรตอบแทนบ้าง เหมือนคนทั่วไปทำงานทำการ ก็คิดว่าจะได้เงินทองมาเลี้ยงชีพ หรือนักเรียนเรียนหนังสือ ก็คิดหวังจะได้ความรู้ ได้ประกาศนียบัตร ได้ปริญญา ได้ทำงานทำการต่าง ๆ ส่วนขั้นสูงขึ้นไป คือ ทำไปแล้วไม่หวังผลตอบแทน แต่หวังการยอมรับจากสังคม แล้วเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในงานชิ้นนั้น พอทุกคนยอมรับยกย่องให้เกียรติ ก็รู้สึกภาคภูมิใจ

ความต้องการคนเราจะสูงเป็นขั้น ๆ ไป ต้องการความรู้สึกความเป็นเจ้าของงาน ถ้างานชิ้นไหนเราเป็นคนคิด เสนอความเห็น ให้แนวทางต่าง ๆ ไปแล้วทุกคนยอมรับ แล้วทำตาม พอรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของความคิด ก็อยากจะทำเต็มที่ รู้สึกว่านี่เป็นงานของเรา มีความรับผิดชอบ มีความรู้สึกรัก และเมื่อทำสำเร็จก็มีความภาคภูมิใจว่า ความคิดของเราดี ทำแล้วถึงได้ดีอย่างนี้ ได้สำเร็จอย่างนี้

ระดับที่สูงไปกว่าความต้องการความภาคภูมิใจ คือ การยอมรับจากสังคม ไม่ได้หวังเรื่องสิ่งตอบแทน เรื่องตำแหน่งชื่อเสียงเกียรติยศศักดิ์ศรี แต่ว่าคิดถึงเรื่องบุญ รู้ถึงเป้าหมายของชีวิตว่า ทำไปแล้วจะเกิดบุญอย่างไร แม้คนอื่นจะไม่เห็นคุณค่า คนอื่นจะเฉย ๆ ไม่มีใครให้เกียรติหรือบางทีเขาก็ดูหมิ่นเอา แต่เมื่อรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่เป็นสิ่งที่มีค่า ที่ประเสริฐ ทำแล้วทำให้เกิดบุญ ทำให้เราเองใกล้กับเป้าหมายของชีวิต คือ พระนิพพาน ก็ทำด้วยความเต็มอกเต็มใจ ด้วยความรัก ใจจดกับมันเต็มที่ พอผลสืบเนื่องถัดมา เมื่อตัวเองได้รู้ได้เห็นทุกอย่างเป็นอย่างดี เข้าใจหลักธรรมอย่างดีแล้ว ก็จะบำเพ็ญตนเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นต่อไป เหมือนอย่างองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลายมีความพอใจที่จะทำสิ่งต่าง ๆ กุศลฉันทะจะเกิดขึ้นมาเกิดเป็นขั้น ๆ จากหยาบไปหาละเอียดอย่างนี้

เริ่มจากสิ่งที่เป็นวัตถุ สิ่งที่เป็นผลตอบแทนในรูปทรัพย์สินเงินทอง สูงขึ้นมาเป็นการยอมรับจากสังคม ชื่อเสียงเกียรติยศ การยกย่อง และสูงขึ้นไปอีก คือเรื่องบุญและการรู้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต เราจะทำอะไรก็ตาม ต้องคำนึงเป็นขั้น ๆ อย่างนี้ ฝึกมองให้ออกว่า ทำไปแล้วดีอย่างไร ได้ประโยชน์อย่างไร เกิดผลดีต่อตัวเราอย่างไร เป็นผลดีต่อผู้คนรอบข้างอย่างไร พอมองเห็นได้ ฉันทะ คือ ความรักงานก็จะค่อย ๆ เกิดขึ้นมา ถ้าเราเป็นหัวหน้าคน ปกครองลูกน้อง จะใช้งานเขา ก็ต้องปลูกฉันทะให้เกิดขึ้นมาให้ได้ ให้เขารู้และตระหนักว่า เมื่อเขาทำงานที่เรามอบหมายไปแล้ว จะเกิดผลดีขึ้นมาอย่างไร พอเขาเข้าใจ ความรักความเต็มใจก็จะบังเกิดเช่นกัน

ทางประเทศกลุ่มยุโรปตะวันออก เดิมมีการปกครองระบอบสังคมนิยม ได้มีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่มาเป็นแบบประชาธิปไตย แม้นในรัสเซียก็มีการใช้นโยบายเปเรสทรอยก้า กราสน้อค เพื่อการเปิดกว้าง ที่ต้องปรับรูปแบบให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เพราะเศรษฐกิจไม่ดี สู้ประเทศแถบตะวันตกไม่ได้ สู้อเมริกา อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลีไม่ได้ เลยต้องเปลี่ยน เพราะคนขาดแรงจูงใจ ขาดฉันทะในการทำงาน ทำงานแบบซังกะตาย เพราะทำไปแล้วไม่รู้จะทำไปทำไม ทำไปได้มากได้น้อย เดี๋ยวก็เข้ารัฐบาลหมด แล้วตัวเองก็ไม่มีสิทธิคิดอะไร ต้องรอคำสั่งอย่างเดียว แม้นแต่จะผลิตนอตเพิ่มสัก 3 ตัว ก็ตัดสินใจเองไม่ได้ ต้องรอให้ส่วนกลางรัฐบาลสั่งมา ทุกอย่างรวมที่ส่วนกลางหมดเลย พอเป็นแบบนี้ทุกคนเลยทำงานแบบซังกะตาย เฉื่อย ๆ พอทำแบบเฉื่อย ๆ งานก็ไม่ออก เศรษฐกิจก็ไม่ดี สุดท้ายประเทศก็ไปไม่รอด จึงเป็นตัวบังคับว่าต้องมีการปรับเปลี่ยน จะเห็นว่า แรงจูงใจในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าขาดไป งานก็ไม่ก้าวหน้า ไม่สำเร็จ

ธรรมทายาทชาวไทยท่านหนึ่งไปเรียนที่เยอรมันและทำงานที่นั่นอยู่ 20 ปี แล้วมาอบรมธรรมทายาท เขาเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้คนเยอรมันตะวันออกอพยพเข้าเยอรมันตะวันตกเป็นล้าน ๆ คน ทางตะวันตกมีนโยบายโอบอุ้มเต็มที่ เขามาถึง แม้ยังหางานไม่ได้ ก็หาที่อยู่ให้ ให้เงินใช้ก่อนระหว่างหางาน ให้เงินหนึ่งพันกว่ามาร์คต่อคนต่อเดือน คิดเป็นเงินไทยสองหมื่นกว่าบาท ที่ให้สูงเพราะค่าครองชีพสูง เขาช่วยเต็มที่ตามนโยบายของฝั่งตะวันตก ให้โรงงานต่าง ๆ รับคนตะวันออกเข้าไปทำงาน โรงงานไหนรับเข้าไป รัฐบาลออกเงินเดือนให้ครึ่งหนึ่งเพราะต้องการส่งเสริมให้โรงงานต่าง ๆ รับคนตะวันออกเข้าไปทำงาน ในช่วงแรกที่รับคนเข้าทำงานขลุกขลักมาก เพราะคนตะวันออกอยู่กับระบบเดิมเสียเคย ติดความเฉื่อย ทำงานแบบเรื่อย ๆ เรียกว่าใช้เวลาเป็นปี ๆ กว่าจะทำให้ active ให้กระตือรือร้นกันได้ เนื่องจากระบบเดิมที่ไม่ทำให้เกิดแรงจูงใจ ไม่สร้างฉันทะในการทำงาน จึงค่อย ๆ ทำให้คนในระบบเฉื่อย แล้วก็ชิน ชินแล้วก็ชา กว่าจะปรับแก้ได้ ก็ต้องใช้เวลา ดังนั้น เรื่องฉันทะ การจูงใจในการทำงาน อย่ามองเป็นเรื่องเล็กน้อย เรื่องนี้มีความสำคัญ ถ้าเราทำอะไรเฉื่อย ๆ ให้ลองดูว่า เราขาดแรงจูงใจหรือเปล่า ลืมการตอกย้ำเป้าหมายของเราหรือเปล่า ไม่ว่างานนั้น ๆ จะเป็นงานบุญหรืองานกิจการทางโลกก็ตาม ต้องตอกย้ำเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วฉันทะ คือ ความเต็มใจทำจะเกิดขึ้น
ประการที่ 2 คือ วิริยะ ได้แก่ ความขยันหมั่นเพียร ความพากเพียรบากบั่นในการทำงานนั้น ๆ ไม่ยอมแพ้ต่อความเกียจคร้าน ความขี้เกียจ ความเฉื่อยชา ความซึมเซา เรียกง่าย ๆ ว่า แข็งใจทำ แม้บางครั้งอาจจะขี้เกียจ เหนื่อยเพลีย อยากพัก อยากนอน อยากเล่น อยากเที่ยว แต่ก็ไม่ยอมแพ้ต่อความอยากเหล่านั้น ไม่ยอมแพ้ต่อความขี้เกียจ แข็งใจสู้ แข็งใจทำ ต้องทำไปไม่ยอมแพ้ นี่คือความวิริยะ ความพากเพียรพยายาม ซึ่งเราทุกคนเห็นได้ชัดอยู่แล้วว่า “วิริยะ” มีความสำคัญอย่างไร เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ง่ายที่สุดในอิทธิบาท 4 เรามักจะตระหนักดีอยู่แล้วว่า ทำงานจะสำเร็จได้ ต้องมีวิริยะ มีความพากเพียร ถ้าไม่มี งานนั้นก็ไม่สำเร็จ จะทำอะไรเอาแต่นั่งนึกอย่างเดียว ก็ทำไม่เสร็จ ถ้าคิดแล้วไม่ทำ ก็กลายเป็นการฝันเฟื่อง สร้างวิมานในอากาศ คิดแล้วต้องทำงานจึงจะสำเร็จออกมาได้ ถ้าเกิดเรามีความวิริยะ ความสำเร็จก็จะเกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

หลวงพี่เคยไปเทศน์ที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี เป็นโรงเรียนมัธยมที่ใหญ่เป็นที่ 2 ของประเทศไทย มี 4 พันกว่าคน นักเรียนมากที่สุดในประเทศไทย คือ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ประวัติของผู้อำนวยการโรงเรียนนี้น่าสนใจทีเดียว ท่านเรียนจบป. 4 แล้วก็ไม่ได้เรียนต่อเพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี เลยไปทำงานรับจ้างเป็นลูกจ้างอยู่ในโรงลิเกคณะหอมหวนที่มีชื่อเสียง ทำหน้าที่เป็นเด็กรับใช้ยกของบริการในโรงลิเก ทำอยู่หลายปีจนเป็นหนุ่ม ต่อมาลิเกวงแตกเนื่องจากนายวงกับพระเอกทะเลาะกันเรื่องแย่งภรรยา เขาต้องออกไปหางานทำใหม่ โดยไปรับจ้างเป็นกรรมกรอยู่ในโรงพิมพ์ คอยแบกกระดาษ ปัดกวาดเช็ดถู ถึงแม้นจะเรียนจบป. 4 ก็ยังพออ่านออกเขียนได้ ก็เลยฝึกเรียนพิมพ์กับเขาบ้าง เขาจับตัวโลหะมาเรียงพิมพ์ ก็ฝึกเรียงพิมพ์กับเขา ก็ไม่ต้องอาศัยความรู้อะไรมาก แค่พออ่านออกเขียนได้ ค่อย ๆ ฝึกจนเกิดความชำนาญก็ทำได้แล้ว ฝึกจนเรียงพิมพ์เป็น ใกล้บ้านมีการศึกษาผู้ใหญ่ภาคค่ำ ก็ไปเรียนกับเขา ได้สอบเทียบ ป. 7 ม. 3 ม. 6 จนสอบได้วุฒิครู แล้วค่อย ๆ เรียน ใช้เวลาหลายปี เมื่อสอบครูได้ก็ไปสมัครเป็นครูโรงเรียนราษฎร์สอนเด็กประถม แล้วไปสอบภาคค่ำเข้าประสานมิตร เรียนจบแล้ว ก็เลยฝึกภาษาอังกฤษและสอบชิงทุนไปเมืองนอกได้ ไปเรียนต่อวิชาครูต่างประเทศจนจบปริญญาโทกลับมาทำงานก้าวหน้าตามลำดับ จนปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ C8 ดูแลนักเรียนสี่พันกว่าคน ดูแลข้าราชการครูสามร้อยคน

เมื่อคนเรามีความพากเพียร มีความวิริยะอุตสาหะ ขวนขวายฝึกฝนตัวเอง ไม่ยอมแพ้ต่อความขี้เกียจ รักความก้าวหน้า เลิกงานไม่ไปเที่ยวเตร่ มีเวลาแล้วศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เรียนแล้วก็เรียนให้ดี ไม่ใช่พอผ่าน หาความรู้เพิ่มเติมก็ก้าวหน้าไปตามลำดับได้ เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้กับทุก ๆ คนที่มีความอุตสาหะ มีวิริยะ มีความแข็งใจทำ เห็นว่าอะไรดีแล้วจะทำสิ่งนั้น จะไม่ทำตามใจตัวเอง ไม่ทำตามสิ่งที่อยากทำ แต่จะทำในสิ่งที่เห็นว่าควรทำน่าทำควรทำ ถึงจะบังคับใจตัวเองได้ เห็นอะไรดีแล้วก็ทำ มีความขวนขวาย สามารถแข็งใจทำได้ก็จะประสบความสำเร็จ

การฝึกให้เป็นคนที่มีความวิริยะ ทำโดยการป้องกันศัตรูที่มาทำลายวิริยะ คือ อบายมุข ทั้งการดื่มสุรา สูบบุหรี่ เที่ยวเตร่ เจ้าชู้ คบคนไม่ดีความขี้เกียจต่าง ๆ เพราะฉะนั้น การเริ่มต้นเป็นคนขยัน ก็คือ ต้องเลิกต้องงดการดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำ ที่เคยชอบเล่นการพนันชอบเที่ยวเตร่กลางคืนดึก ๆ ดื่น ๆ ก็ต้องงด เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้เสียทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต พอสุขภาพไม่ดี เมื่อถึงเวลาทำงาน ก็ไม่อยากทำ เพราะร่างกายไม่ไหว คนที่ดื่มเหล้าจนเมา พอตอนเช้าตื่นขึ้นมา ก็ยังมึน ยังไม่สร่าง บางทีอาเจียนออกมา สมองคิดไม่ออก เพราะสภาพร่างกายไม่พร้อม คนที่ชอบเที่ยว กลับมาบ้านตีหนึ่งตีสอง ก็ขยันไม่ออก เพราะยังเพลียอยู่ ยังหลับพักผ่อนไม่พอ ร่างกายไม่แข็งแรง ดังนั้น ต้องเว้นอบายมุขเสียก่อน ทำให้สุขภาพดีขึ้นทั้งกายทั้งใจ จิตใจแจ่มใส พอคิดอะไรแล้วลงมือทำ

ส่วนใหญ่ที่ช้า ๆ กันเพราะเสียเวลาตรงตั้งท่ามาก พอคิดแล้วใช้เวลาตั้งท่าหลายวัน หรือบางทีนั่งนึกบ้าง ตั้งท่าบ้าง พอเริ่มจะทำก็เหนื่อยเสียก่อน หมดแรง ทำได้หน่อยเดียวก็เลิก พอคิดได้ก็ทำเลย ไม่โอ้เอ้เพราะเสียเวลามาก พอคิดแล้วทำเลยจะรู้สึกสนุกแล้วอยากทำต่อ ถ้าทำแล้วช้า ก็จะคั่งค้าง จะไม่อยากทำ เหมือนเด็กเรียนหนังสือ เด็กที่ขยันเรียนหนังสือ พอกลับมาบ้านก็ทบทวนแบบฝึกหัด ทบทวนบทเรียน มีการบ้านก็ทำ พอถึงพรุ่งนี้ไปเรียนหนังสือ ก็จะอยากเรียนเพราะพร้อม ของเก่าก็แน่น ของใหม่ก็ดูล่วงหน้า การบ้านก็ทำเสร็จ ถึงคราวเรียน ครูมองมา ก็สบตาครู ไม่ใช่กลัวครูถาม กลัวอย่างเดียวกลัวครูจะไม่ถาม อยากจะให้ถามพร้อมจะตอบ เพราะมันพร้อมจริง ๆ ในทางกลับกันเด็กคนไหนตั้งท่าเยอะ เรียนแล้วเอาไว้ก่อนเพิ่งต้นเทอม เอาไว้ปลาย ๆ เทอมค่อยอ่านหนังสือ การบ้านไม่ค่อยทำ ไม่ค่อยได้อ่าน ไม่ค่อยได้ทบทวน ถึงคราวไปเรียนของเก่าก็ไม่ได้ทวน ของใหม่ก็ไม่รู้เรื่อง เรียนไปก็ไม่อยากเรียน เพราะไม่ค่อยรู้เรื่องดี เข้าห้องเรียนก้มหน้าดูโต๊ะอย่างเดียวไม่กล้าสบตาครูเพราะกลัวครูจะถาม เดี๋ยวจะตอบไม่ได้จะอายเพื่อน ถ้ามีของเก่าเป็นเชื้อก็จะต่อของใหม่ไป ถ้าปล่อยให้ดินพอกหางหมูก็จะพอกไปเรื่อย จะยิ่งเบื่อหน่าย พาลไม่อยากคิดถึงเรื่องเรียน พอคิดถึงเรื่องเรียนก็ปวดหัว คิดจะทำแล้วมันหนักใจ รู้สึกว่าของที่ไม่ได้ทำกองเป็นตั้ง พอคิดจะทำก็หนัก ทำไม่ไหวก็เลยไม่ทำ พอไม่ทำ ของเก่าเหลือ ของใหม่ถมไปเรื่อย ๆ เลยกลายเป็นดินพอกหางหมูอันใหญ่ ๆ จนทำไม่ไหว แต่คนที่ไม่เก็บงานให้คั่งค้าง ทำทันทีก็เสร็จ ทำด้วยความสบายใจ ไม่หนักแรง เพราะของเก่าเสร็จหมดแล้วของใหม่เหลือหน่อยเดียว พอทำก็เสร็จ ของใหม่มาก็เสร็จ ก็มีกำลังใจ การจะเป็นคนมีวิริยะ ต้องไม่ให้มีงานคั่งค้าง งานมาถึงทำได้รีบทำทันที มีงานก็ทำให้เสร็จ อย่าปล่อยเอาไว้ให้ดินพอกหางหมู “วิริยะ” คือ ความเพียรก็จะเกิดขึ้นมา


#2 Peacefulness ™

Peacefulness ™
  • Members
  • 1145 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:On the planet Earth.
  • Interests:Almost everything that helps me to become better and better; especially, the Grestest Dharma of the Lord Buddha

โพสต์เมื่อ 06 December 2006 - 12:47 PM

ขออนุโมทนาบุญ และ ขอบคุณกับ ท่าน Extra และ รัชชา
สำหรับนำ หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ตอนที่ 18
มาให้ได้อ่าน และศึกษากันครับ laugh.gif
laugh.gif ขอติดตามตอนต่อไปด้วยครับ
สาธุ... สาธุ... สาธุ... ครับ
.
ปล.
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 1
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 2
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 3
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 4
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 5
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 6
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 7
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 8
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 9
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 10
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 11
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 12
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 13
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 14
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 15
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 16
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 17
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 18
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 19
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 20 (ตอนจบจ้า)
.
.
.
.
ข้าพเจ้าใคร่ขออนุญาต ท่าน Extra เพิ่มเติม สำหรับท่านผู้ที่สนใจจะฟัง พระธรรมเทศนานี้ ดังนี้
.
.
.
สามารถ Download ได้ทั้งหมดโดย กดที่ "GET iT ALL" ขนาดประมาณ 57.45 MB
.
.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี

ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดปากน้ำภาษีเจริญ คลิ๊กที่นี้
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
.

Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

For any inquiries please

.

รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า:
คลิ๊กที่นี้
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ ได้รับ ภาพทั้งหมดของ คำสอนคุณยาย ฉบับรวมเล่ม และภาพ (ฉบับสมบรูณ์)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 157 files, 557.61 MB, ธรรมมะเทศนา มงคล 38 โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺตชีโว)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
ที่มา: คลิ๊กที่นี้ ปล. สืบเนื้องมาจาก กระทู้นี้ โพสต์โดย ท่าน ฟ้าร้าง
.
เรื่อง การสร้างบารมีของพระโพติสัตว์ เข้าใจได้ไม่ยาก โปรดลอง คลิ๊กที่นี้
.
สนใจอ่าน

The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้

(With some english explanation)

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

"Do not confuse having a career with having a life"
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>>
CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
Lastest Revised: 16/12/2006 | 08:43 PM

#3 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 28 March 2007 - 11:25 AM

สาธุ