QUOTE
ผู้ชายสมัยนี้ไม่ค่อยชอบกุลสตรีกันเท่าไร
โดยส่วนตัว ผมว่า ไม่ว่ายุคไหนผู้ชายดีๆล้วนชอบกุลสตรีกันทั้งนั้น
เพียงแต่กุลสตรีที่งามพร้อมทั้งกาย วาจา ใจ
แบบนางแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ หรือคู่บุญพระบรมโพธิสัตว์
หรือ สตรีแบบในตำรา
QUOTE
ผู้หญิงที่ดีควรมี 3 ไม่ 3 งาม 3 เย็น 3 น้อย และ 3 มาก
3 ไม่ ไม่นอกใจ ไม่พูดเรื่องร้อน ไม่จุกจิก
3 งาม กิริยางาม วาจางาม จิตใจงาม
3 เย็น ยิ้มเย็นๆ พูดเย็นๆ ใจเย็นๆ
3 น้อย นินทาน้อย นอนน้อย เที่ยวเตร่น้อย
3 มาก สนใจคนมากกว่าสนใจของ ขยันมาก สร้างบุญให้มาก
แต่งตัวพองาม: ไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อแฟชั่น ซึ่งตามเท่าไรก็ไม่มีทันซะที
แต่ถ้าปล่อยรุ่มร่ามเกินไปอีก ก็จะไม่งาม จึงให้แต่งแต่พองาม
กินพออิ่ม: รู้จักคัดเลือกอาหารทั้งคุณภาพ และปริมาณให้พอสมควรแก่ฐานะ
และไม่เห็นแก่กินจนไม่เป็นอันทำอะไร
พูดน้อย: เป็นมหาเสน่ห์อย่างหนึ่งของผู้หญิง (ไม่เชื่อลองเปลี่ยนจากนักพูดเป็นนักยิ้มดูซิ)
ขยันมาก: บางพวกไม่ชอบทำอะไร เอาแต่นอนกับเที่ยวเตร่ ถ้าเป็นแบบนี้
แม้เป็นเศรษฐีก็คงมีวาสนาไปได้ไม่ไกล จึงให้ขยันมากในหน้าที่ของตน
มารยาทงาม: มีทั้งมารยาททางกาย ทางวาจา ซึมเข้าถึงใจ แต่อย่าคิดว่า
คนที่มีมารยาทงามจะต้องเป็นคนเชื่องช้า ติ๋มๆ ไม่พูดคุย
แต่หมายถึงความไม่รุ่มร่าม ลุกลี้ลุกลน หลุกหลิก และทำถูกต้องต่างหาก
สตรีแบบนี้จะมีสักกี่นางในโลกนี้
และจะมีบุรุษสักกี่คนที่มีบุญวาสนา พอเหมาะพอสมกับเธอ
ก็เหมือนบุรุษที่ perfect ในทัศนะของสตรี ก็มีนิดเดียว
ส่วนที่เข้าใจกันว่า
QUOTE
ชอบคนสวยเป็นหลัก เปรี้ยวๆ เร้าใจอะไรอย่างนี้...
เรื่องนี้ขอมองแบบวัยยังหนุ่ม ว่า
ก็ถูกต้องครับ แต่ชอบแบบฉาบฉวย แค่อยากชื่นชมในเรื่องโลกียารมณ์เท่านั้น
ไม่ใช่แบบชื่นชม ยกย่อง เทิดทูน อยากให้เป็นศรีภรรยา แม่บ้านแม่เรือน แม่ของลูก
QUOTE
พอมีอะไรกันก็เลยผูกพัน..ทำให้ผู้หญิงบางส่วนคิดว่าถ้าอยากผูกใจผู้ชายก็ต้องยอมเขาน่ะค่ะ
เรื่องนี้ขอมองแบบผู้ชายวัยพ่อคนว่า
นอกจากเป็นความเข้าใจผิด วินิจฉัยพลาดของสตรีท่านนั้นเองแล้ว
สถาบันครอบครัวก็ผิดด้วย ที่ไม่ปลูกฝัง ไม่สั่งสอนในเรื่องแบบนี้
หรือสอนแล้วแต่ ขาดความใกล้ชิดกัน ไม่ทันสังเกตความเปลี่ยนไปของลูกสาว
สุดท้ายก็ขึ้นอยู่ที่วิบากกรรมกามเมฯ หรือ อาจเคยเป็นคู่กันมาในอดีต
แต่อย่างไรก็ตาม ทุกครอบครัว
ต้องสอนลูกสาว หลานสาวไว้เพื่อให้เธอสอนตนเองได้ว่าอย่าคิดผูกพันใจผู้ชายด้วยวิธีนี้เลย มันได้ผลไม่กี่วันหรอกและผู้ชายหน้าไหนที่อ้าง วิธีนั้น ให้รู้เลยว่า
มัน (เขา) กำลังแสดงธาตุแท้ / โฉมหน้าที่แท้จริงว่า
ที่เขาเอาใจเรา แสดงว่ารักเรา ก็เพื่อสนองโลกียารมณ์ของเขา ไม่ใช่ความรักระยะยาว
เขากำลังลดคุณค่าความรักของตัวเรา
และยิ่งเขาอ้อนวอนแบบเกินเหตุ หรือยิ่งบังคับ ก็ยิ่งแสดงว่า
เขาไม่ได้รักเราจริงๆหรอก เราแค่ดอกไม้ริมทางเท่านั้น****** ข้อคิดสะกิดใจ1 ) โลกมนุษย์ อยู่ใน กามภพ ภพที่ยังเกี่ยวข้องด้วยกาม
ใครยินดีมีคู่ครอง แสวงหาคู่สร้างคู่สม ก็เป็นเรื่องธรรมดา
แต่ควรทราบและยอมรับความจริงที่ว่า
- ชีวิตคู่มีสุขน้อย มีภาระมาก + ความกังวลมาก มีทุกข์มากกว่าสุข
- กามสุข มีความประณีตต่ำสุด เมื่อเทียบกับประณีตสุขในฌานระดับต่างๆ
2 ) สิ่งที่อยู่เบื้องหลังของชีวิต คือ บุญและบาป ที่แต่ละคนสั่งสมมาในอดีตและปัจจุบัน
ชีวิตจะสุขมาก ทุกข์น้อย หรือทุกข์มากกว่าสุข
ที่อยากได้ก็ได้ / ที่อยากได้ก็ไม่ได้
ที่ไม่อยากได้ก็ไม่ได้ / ที่ไม่อยากได้ก็ได้
จะสมหวัง ผิดหวังในเรื่องคู่ครอง และเรื่องใดๆ
ก็ขึ้นอยู่กับดวงบุญ ดวงบาปในตัวฉะนั้นอย่ากังวลเรื่องชีวิตในอนาคตเลย
ถ้าเราขยันทำแต่ ความดี สั่งสมบุญบารมี
ขยันแก้ไข นิสัย อัธยาศัยที่ไม่ดี
ขยันสร้างเสริมนิสัยและคุณธรรมให้เกิดมีในตนเดี๋ยวสิ่งเหล่านี้ จะเป็นอายตนะฝ่ายกุศล ที่ดึงดูดแต่สิ่งดีๆ
ดึงดูดคนดีๆ สิ่งของดีๆ เหตุการณ์ดีๆ
และดึงดูดความสุข หรือคู่ครองที่แสนดี มาสู่ชีวิตของเราเองครับยิ่งถ้าเรามีดวงบุญโตๆ มีนิสัยดีๆ + ประพฤติพรหมจรรย์และขยันและอดทนปฏิบัติธรรมความสุขจากใจที่สงบ สงัด จากความเร่าร้อนของกาม
และฌานสุขที่ประณีต เหนือกามสุข ก็จะบังเกิดขึ้นกับเรา สักวัน แต่ยาวนานครับ******
เปมโต ชายเต โสโก
เปมโต ชายเต ภยํ
เปมโต วิปฺปมุตฺตสฺส
นตถิ โสโก กุโต ภยํ . . . ฯ ๒๑๓ ฯที่ใดมีความรัก ที่นั่นมีโศก
ที่ใดมีความรัก ที่นั่นมีภัย
เมื่อไม่มีความรักเสียแล้ว
โศก ภัย ก็ไม่มีFrom love springs grief,
From love springs fear;
For him who is free from love
Thire is neither grief nor fear.
กามโต ชายเต โสโก
กามโต ชายเต ภยํ
กามโต วิปฺปมุตฺตสฺส
นตถิ โสโก กุโต ภยํ . . . ฯ ๒๑๕ ฯที่ใดมีความใคร่ ที่นั่นมีโศก
ที่ใดมีความใคร่ ที่นั่นมีภัย
เมื่อไม่มีความใคร่เสียแล้ว
โศก ภัย ก็ไม่มีFrom lust springs grief,
From lust springs fear;
For him who is free from lust
Thire is neither grief nor fear.