ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * - - 1 คะแนน

หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ตอนที่ 20 (ตอนจบ)


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 3 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 extra

extra
  • Members
  • 409 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 December 2006 - 12:41 AM

หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ตอนที่ 20 (ตอนจบ)
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra และรัชชา


อิทธิบาท 4 ข้อสุดท้าย คือ “วิมังสา” ความเข้าใจในการทำงาน จะรู้วิธีการทำงานอย่างเจนจบ ทะลุปรุโปร่งหมด รู้แจ้งหมดว่า ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น จะปรับปรุงแก้ไขอย่างไร เรียกว่า “เข้าใจทำ” คือ เข้าใจทำงาน ถ้าคนไหนทำงาน จะขยันเท่าไรก็ตาม แต่ไม่เข้าใจทำ ผลก็เกิดขึ้นมาไม่เต็มที่ จะเกิดผลขึ้นมา คือ

1. จะเป็นนักทำงานประเภทที่ว่า เป็นเปรตจัดหัวจัดตีน มีเรื่องเล่าเปรียบเทียบให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งที่ศาลาที่พักคนเดินทางที่มีไว้ให้คนที่เดินทางข้ามจังหวัดข้ามประเทศ สำหรับให้พักเวลากลางคืน มีเปรตตนหนึ่งได้รับคำสั่งจากหัวหน้าเปรต ให้คอยเฝ้าและก็คอยดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยในศาลาที่พักแห่งนี้ พอตกกลางคืน มีคนมาอาศัยนอนที่พักที่ศาลา เปรตเห็นคนนอนเป็นแถว แต่ไม่เสมอกันนะ เท้าสูง ๆ ต่ำ ๆ เลยจัดการลากเท้าลงมาให้เท้ามันเรียงเสมอกัน แล้วมายืนเล็งดู เห็นสวยดี ตรงกันเลยพอใจ แล้วก็เดินอ้อมไปทางหัว เห็นหัวไม่เสมอกัน สูง ๆ ต่ำ ๆ ก็เอาใหม่ ใครหัวต่ำก็ลากขึ้นมาใหม่ให้หัวเสมอ แล้วก็ยืนยิ้มพอใจ แล้วก็อ้อมทางเท้าอีก เห็นเท้าไม่เสมอ ก็ลากเท้าลงมาใหม่ วนลากอย่างนี้ทั้งคืน เพราะลืมนึกไปว่าคนเราสูงต่ำไม่เท่ากัน ไม่มีทางเสมอกันได้ทั้งหัวและเท้า คนทำงานชนิดที่ว่า “สักแต่ว่าทำ” ไม่รู้เข้าใจถึงสภาพเงื่อนไขของการทำงาน เรียกว่า “ทำงานแบบเปรตจัดหัวจัดตีน” ทำไม่รู้จบไม่รู้เสร็จ เหนื่อยเปล่า

2. ไม่ว่ามีอะไรก็ตาม มักจะพูดแต่ว่า “ทำไม่ได้” คอยบ่นอยู่เรื่อย ให้งานอะไรก็ “ทำไม่ได้ ๆ” แต่ถ้ามี “วิมังสา” จะไม่บ่นว่าทำไม่ได้ เพราะจริง ๆ มีหนทางอยู่มากมาย


มีอาจารย์ท่านหนึ่งเป็นชาวอิสราเอล มาสอนที่ AIT (สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย) ที่นี่มีอาจารย์จากหลาย ๆ ชาติมาสอน และมีนักศึกษาจากหลาย ๆ ชาติมาเรียน อาจารย์อิสราเอลสอนไม่เหมือนชาติอื่น เขาจะสอนทั่ว ๆ ไป เสร็จแล้วเขาจะให้งาน เช่น ให้เขียนว่า ถ้าต้องทำโครงการสวนเกษตร สมมุติว่าท่านเป็นข้าราชการให้ไปทำให้สำเร็จโดยไม่ให้งบประมาณแม้แต่บาทเดียว ให้คิดว่าทำอย่างไร ถึงจะสำเร็จได้ ทำให้ต้องไปขบคิดหาวิธีการ ต้องมีการทดลอง แล้วมานำเสนอ ถ้าใครทำไม่ได้ก็ไม่ให้จบ ประเทศอิสราเอลฝึกกันอย่างนี้ เขาจึงก้าวหน้าได้ ที่เขาจำเป็นต้องทำอย่างนั้น เพราะประเทศเขามีแต่ทะเลทราย ดินเสีย เปรี้ยวจัด เค็มจัดบ้าง ปลูกต้นไม้ไม่ได้ เขาต้องเค้นสมองคิดว่าทำอย่างไร จึงจะปลูกต้นไม้บนทรายได้ ถ้า ทำไม่ได้ก็อดตาย ต้องทำให้ได้ ภาพว่าทำได้เกิดขึ้นมาในใจก่อน พอเชื่อมั่นว่าทำได้ ก็เค้นสมองหาวิธีการ เดี๋ยวก็จะทำได้จริง ๆ หรือถ้าใครบอกให้เราไปเชียงใหม่ โดยไม่มีเงินติดตัวสักบาทเลย จะไปได้อย่างไร ถ้าบอกว่าไปไม่ได้ ก็ไม่ได้ไป แต่ถ้าบอกว่าได้ แล้วไปหาวิธีการ ไม่ว่าจะโบกรถไป จะอาศัยเขาไป จะเดินไป จะคลานไป ก็จะหาทางได้ ถ้าบอกว่าไม่ได้ ใจก็ปิด ถ้าบอกว่าได้ วิธีการก็จะได้ตามมา ถ้าไม่ฝึก ก็จะบอกแต่ว่า ทำไม่ได้ และมีข้ออ้าง เช่น เงินไม่พอ ขาดเงิน คนไม่พอ ขาดคน หรือเวลาไม่พอ ขาดเวลา คนทำงานที่ดีจริง ๆ มี “วิมังสา” จริง ๆ จะไม่บ่นอย่างนี้เลย ต้องหาวิธีการให้มันได้จนได้

ยอร์ช วอชิงตัน คาวเวอร์ เป็นชาวอเมริกันนิโกร เขาเกิดในสมัยที่อเมริกายังไม่เลิกทาส เขาก็เป็นทาส ไม่มีเงิน ไม่มีอิสระ เมื่อเขาอายุ 10 ขวบ ประเทศอเมริกาก็เลิกทาส เขาได้เป็นอิสระ เขาขวนขวายอย่างลำบากเพื่อหาทางเรียนหนังสือ ทำทุกอย่างให้ได้เรียน มีภาคค่ำก็เรียนไป ได้มีความรู้ จนกระทั่งจนจบ ก็มีคนเสนอไปทำงานหลายแห่ง แต่เขาก็ไม่ไป แต่มีที่หนึ่งชื่อ โรงเรียนทัสคีกี้ เป็นโรงเรียนสอนชาวนิโกรโดยเฉพาะ เพราะหลังเลิกทาสใหม่ ๆ พวกนิโกรไม่มีความรู้ จึงพยายามให้ นิโกรที่มีความรู้มาสอนนิโกรที่ไม่มีความรู้ให้รู้ขึ้นมา โดยสอนด้านการเกษตรให้ชาวนิโกรรู้จักวิธีทำการเกษตรการใช้ปุ๋ยใช้เครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตต่าง ๆ เขาติดต่อยอร์ช วอชิงตัน คาวเวอร์ไปสอน ได้ค่าจ้างแสนต่ำ ด้วยความรักที่อยากจะช่วยเพื่อนนิโกรด้วยกัน เขาถามหาห้องทดลองเพราะเขาเรียนมาทางด้านการทดลองการวิจัยค้นคว้า แต่ก็มีเพียงห้องเปล่า ๆ ห้องหนึ่งไม่มีอะไรเลย เป็นห้องเปล่า ๆ โล่ง ๆ เขาก็ไม่ว่า ไม่เรียกร้องอะไร เขาค่อย ๆ ฝึก นักเรียน ซึ่งก็เป็นนักเรียนโข่งทั้งนั้น พอเริ่มได้เค้าบ้างก็พานักเรียนไปสร้างห้องทดลอง ไปคุ้ยตามกองขยะ เจอแก้วปากบิ่นก็เก็บมาทำอุปกรณ์ทดลอง เจอหลอดไฟที่ไส้ขาดแล้วเก็บมา หม้อเก่า ๆ ไหเก่า ๆ เจออะไรที่เก็บได้เก็บหมด แล้วเอามาประยุกต์ดัดแปลงทำเป็นอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์สำหรับทดลองขึ้นมานะ สร้างห้องทดลองจากกองขยะ สุดท้าย ยอร์ช วอชิงตัน คาวเวอร์ ได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่า “บิดาแห่งวิชาเคมีการเกษตร” เป็นผู้ส่งเสริมวิชาเคมีการเกษตรคนแรกของโลก สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากพืช เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ฝ้าย ถั่วลิสง ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เป็นพันเป็นหมื่นชนิด น้ำยาขัดรองเท้า แม้แต่กาแฟก็ทำจากถั่วลิสง ได้ผงซักฟอก สบู่ ยาสีฟัน ตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าได้หมดเลย จากห้องทดลองกองขยะกลายมาเป็นบิดาแห่งวิชาเคมีการเกษตร ขนาดกษัตริย์ของประเทศทางยุโรป เจ้าชายรัชทายาทกษัตริย์ต้องมาขอพบมาขอดูตัวที่ห้องทดลองของเขา เฮนรี่ ฟอร์ด ผู้ผลิตรถยนต์ฟอร์ด ขอรู้จัก ขอเป็นเพื่อนด้วย เมื่อเขาตาย รัฐอาลาบาม่าที่เขาอยู่ประกาศให้วันตายของเขาเป็นวันหยุดราชการของรัฐในประเทศที่ดูหมิ่นเหยียดหยามนิโกร สร้างอนุสาวรีย์ให้ คนที่มาจากสภาพเป็นทาส ไม่มีอะไรเลย ไม่เป็นอิสระ แต่ขวนขวายจนสามารถทำอย่างนี้ได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขามีภาพในใจว่าต้องได้ มีความเข้าใจในการทำ ไม่มีข้อแม้ ไม่มีข้ออ้าง พอคิดว่าต้องได้ ก็ทำ และก็ได้จริง ๆ

ในประเทศไทยของเราก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่ คือ อาจารย์สังคม บุญมี อยู่ที่โรงเรียนศรีสารคาม จังหวัดเลย เป็นครูสอนศิลปะ สามารถฝึกเด็กจนสามารถไปคว้ารางวัลระดับโลกมาได้เป็นพัน ๆ รางวัล คว้าเหรียญทอง เหรียญเงิน เหรียญทองแดง รางวัลเกียรติยศมาได้ ไปแข่งทั่วโลก มีหลายประเทศมาแข่งกัน เด็กไทยไปคว้าชนะมาได้ ทั้งที่เด็กอำเภอบ้านนอกในจังหวัดเลย อาศัยครูคนเดียวที่มีความตั้งใจจริงในการสอนเด็ก ฝึกเด็ก ค่อย ๆ ฝึก ค่อย ๆ สอน งบประมาณก็ไม่ได้มีมากมาย แต่ทำด้วยความตั้งใจ เข้าใจวิธีการสอน การถ่ายทอด ฝึกเด็กขึ้นมาจนไปคว้ารางวัลระดับโลกมาเป็นพัน ๆ รางวัล สร้างเด็กต่อเนื่องทุกรุ่นไม่ขาดสาย เพราะมีความเข้าใจในงานที่ทำและภาพในใจที่ว่า “ทำได้ ฝึกได้ สู้เขาได้ ไหว” สิ่งเหล่านี้อยู่ในใจเขาตลอด จึงทำได้อย่างนั้นจริง ๆ เราต้องไม่มีคำว่า “ไม่ได้” อยู่ในใจของเรา ต้องมีแต่คำว่า “ได้” แล้วหาวิธีการเอา หลวงพ่อธัมมชโยบอกไว้ว่า “อุปสรรคไม่ใช่มีไว้ให้ท้อ แต่มีไว้ให้ข้าม” ต้องหาทางเอาชนะให้ได้ ก้าวให้ข้ามให้ได้ เมื่อเราก้าวข้ามไปได้ เราเองก็จะสูงขึ้น คนจะเดินขึ้นที่สูง ต้องออกแรงมาก ถ้าเดินลงออกแรงไม่มาก เมื่อออกแรงก็อยู่สูงขึ้น เห็นอะไรกว้างขวางขึ้น ชัดเจนขึ้น และตัวเราเองก็จะมีคุณค่ามากขึ้น สิ่งที่อยู่ในใจเรา ต้องตอกย้ำไปเลยว่า “ต้องได้ ” คำว่า “ไม่ได้” จะไม่มีอยู่ในใจเราเลย ซึ่งจะนำมาสู่ความเข้าใจถึงวิธีการทำ

ทำอย่างไรจึงจะฝึกให้มี “วิมังสา” มีความเข้าใจในการทำงานต่าง ๆ ได้ มีหลัก 2 อย่างคือ
1. ศึกษาให้เข้าใจถึงหลักการต่าง ๆ ทั้งทางโลกและทางวิทยาศาสตร์ หลังจากนั้นก็ศึกษาไปถึงรายละเอียด ในทางธรรม เช่น จะทำงานให้สำเร็จต้องทำงานตามอิทธิบาทสี่ จะมีมนุษยสัมพันธ์ ให้มีสังคหวัตถุสี่ เป็นผู้ใหญ่ต้องมีทศพิศราชธรรม พรหมวิหารธรรม พอได้หลักก็เจาะรายละเอียดต่อ ถึงคราวต่อไป เราเจอปัญหาก็จะมีวิธีการแก้ไขตามหลัก เช่น ทำไมคนจึงไม่ชอบคนนั้น เขาคงจะขาดมนุษยสัมพันธ์ หลักมนุษยสัมพันธ์พระพุทธเจ้าให้ไว้อย่างไร มี 4 ข้อ คือ ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตตา เมื่อพบว่าเขาขาดปิยวาจา ก็หาทางแก้ได้ นั่นคือ พอมีหลักก็จะมีแนวทางแก้ ไม่เป็นคนตาบอดที่คลำหาทางที่พื้น แต่เป็นเหมือนคนที่มีแสงสว่างนำชีวิต สามารถใช้แสงสว่างแห่งธรรมในการแก้ปัญหาได้ ไม่ต้องไปลองผิดลองถูก

2. ต้องทำอะไรด้วยความละเอียดประณีต ไม่สักแต่ว่าทำ หรือทำพอผ่าน พอให้เสร็จ เมื่อทำละเอียดจนเคย จนเป็นนิสัย เราจะเห็นแม้แต่เรื่องปลีกย่อย เล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อเจองานอะไร เราจะเห็นได้ละเอียดรอบคอบรัดกุมกว่า มองออกว่าปัญหาจะเกิดจากไหน จะแก้ยังไง เมื่อฝึกทำให้ละเอียดให้เคย ติดเป็นนิสัยแล้วสิ่งนี้จะติดตัวติดใจของเราไป คนเราสายตาสั้นยาวไม่เท่ากัน การมองผ่านกับมองพิศก็ไม่เหมือนกัน ถ้ามองด้วยความสังเกต จะเห็นรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย


นักวิทยาศาสตร์สามารถคิดวิทยาการต่าง ๆ ที่ก้าวหน้าถึงปัจจุบันนี้ได้ ก็เพราะอาศัยความคิดที่ว่า “ได้” พอภาพคำว่า “ได้” เกิดขึ้นในใจ ก็สามารถทำอะไรได้ เช่น การโทรศัพท์ไปต่างประเทศ ทำเพียงยกโทรศัพท์ขึ้นมาจิ้ม ๆ เดี๋ยวก็คุยกับคนข้ามทวีปได้แล้ว ไกลแค่ไหน ก็คุยกันได้อย่างกับอยู่ตรงหน้า หรือ โทรทัศน์ที่เราสามารถส่งภาพผ่านอากาศ โดยเปลี่ยนเป็นสัญญาณคลื่น แล้วมาเข้าเสาอากาศที่ต่อเข้าเครื่องจอรับภาพแล้วกลายเป็นภาพให้เราเห็นในจอโทรทัศน์ได้ เราเห็นจนคุ้นแต่ถ้าคิดดู จะเห็นว่าแปลกไหมที่ทำได้ คนเราก็เก่งที่คิดอย่างนี้ได้ ซึ่งก็มาจากการคิดว่า น่าจะทำได้ แล้วก็ทำการทดลองจนสุดท้ายก็ได้ออกมา ถ้าคิดว่า “ไม่ได้” ก็ไม่มีวิทยาการต่าง ๆ ให้เราเห็น ได้อาศัยประโยชน์อย่างปัจจุบันนี้ หรือใน Disney World ที่มีตึกของวิทยาการอนาคต เอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่คิดค้นขึ้นมาได้เอามาใช้ แม้ว่าบางเทคโนโลยียังไม่ได้แพร่หลายทั่วไป แต่เขาก็เอามาให้ดูเป็นตัวอย่าง เช่น เครื่องฉายที่ฉายภาพขึ้นมากลางอากาศได้ชัดเจนโดยไม่มีจอ เห็นเป็นคนเดินไปเดินมา จนดูไม่ค่อยออกว่าเป็นคนจริงหรือคนปลอม เทคโนโลยีเหล่านี้มาจากความคิดในใจที่ว่า “ทำได้” แล้วก็หาวิธีการให้ออกมาอย่างที่คิด ดังนั้น เราต้อง “ไม่ได้ไม่มี” อย่างที่หลวงพ่อบอกไว้ว่า “ไม่ได้ไม่มี ไม่ดีไม่ได้ ต้องได้และดี ให้ดีที่สุด” โดยสร้างภาพในใจ “ต้องได้” แล้วศึกษาหาความรู้หาเทคนิควิธีการต่าง ๆ ทำทุกอย่างด้วยความละเอียดลออและความประณีตแล้วก็จะได้อย่างที่มั่นใจแล้วก็อย่างที่คิด

ทั้งหมด 4 ข้อนี้ คือ อิทธิบาท 4 ธรรมะที่ทำให้พบกับความสำเร็จ “ฉันทะ” ความเต็มใจทำ “วิริยะ” ความแข็งใจทำ “จิตตะ” ความตั้งใจทำ และ “วิมังสา” ความเข้าใจทำ ปัจจัยที่เป็นเครื่องรองรับทั้ง 4 ข้อนี้ คือ “บุญ” ถ้าขาด “บุญ” จะสำเร็จไปไม่ได้เลย ถ้าเป็นคนไม่มี “บุญ” จะให้มี “ฉันทะ” ที่จะทำงานดี ๆ ก็ไม่มี แต่ให้ไปปล้นเขานะพอได้ ให้ทำงานดี ๆ ไม่อยากทำ กระตุ้นอย่างไรก็ไม่อยากทำ ให้แข็งใจทำงานดี ๆ ก็ขี้เกียจ ถ้าให้ไปเที่ยวเตร่เฮฮา ใจสู้ ต้องนั่งรถ ต้องเดินไปดูหนังไกล ๆ ก็สู้ แต่ให้ทำงานแล้วไม่ค่อยสู้ ใจไปจดอยู่กับเรื่องดูหนังฟังเพลง แต่ให้มาจดกับเรื่องงานเรื่องการปฏิบัติธรรมไม่เอา

“วิมังสา” คือ เข้าใจทำ คิดออกแต่ว่าจะโกงเขาอย่างไร จะปล้นอย่างไร ทำอะไรดี ๆ คิดไม่ออก ถ้าขาด “บุญ” แล้ว ทั้ง 4 ข้อธรรมะนั้นจะเกิดขึ้นมาไม่ได้เลย ถ้ามีบุญมากเท่าไรก็จะงอกงามไปตามส่วน ดังนั้น เราจะต้องไม่ประมาทในการสร้างบุญ ทั้งการให้ทาน การรักษาศีล และการเจริญภาวนา ยิ่ง “บุญ” เกิดขึ้นมามากเท่าไร “บุญ” มาหล่อเลี้ยงใจเรามากเท่าไร ใจก็จะอิ่มเอิบผ่องใสมีพลังมากเท่านั้น แล้วธรรมะต่าง ๆ ก็จะงอกงามขึ้น เมื่อมี “บุญ” ในใจเป็นพื้นฐาน เราจะฝึกธรรมะ 4 ข้อก็จะก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว เปรียบเหมือนธรรมะ 4 ข้อนี้เป็นเสมือนกับแผนที่ชี้ทางให้เรารู้ว่า เราต้องทำอย่างไรงานจึงจะสำเร็จ เรามีแผนที่ มีรถ แต่ถ้าไม่มีน้ำมัน รถก็วิ่งไปไม่ได้ “บุญ” เป็นเสมือนน้ำมัน เป็นพลังขับเคลื่อนตัวเราให้สามารถเคลื่อนไปในทางที่เห็นว่าถูกต้องได้ตามความตั้งใจ ดังนั้นต้องไม่ประมาทเรื่องการสร้าง “บุญ” คนทำงานบางคนทำงานเก่ง ฉลาด เป็นลูกจ้าง เงินเดือนก็ไม่มาก บริหารงานให้เขา เจ้าของรวยเอา ๆ แต่พอตัวเองอยากจะรวยบ้าง ลาออกมาทำงานกิจการตัวเองกลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร บางครั้งถึงกับเลิกกิจการก็มี ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาสร้าง “บุญ” มาน้อยไป ยังไม่พอ ทำให้เจ้าของที่มี “บุญ” มากพอได้ แต่พอตัวเอง “บุญ” ยังไม่มากพอ ฝีมือดีเท่าไรก็ตาม ก็ให้บังเอิญมีจังหวะอะไรที่ไม่เหมาะขึ้นมา ทำให้ต้องพลาดอยู่เรื่อย เพราะ “บุญ” ไม่พอเท่านั้นเอง ดังนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ที่ต้องไม่ประมาท ไม่รอในการสร้าง “บุญ” ให้ตั้งใจสั่งสมบุญไปทุกวัน พร้อมกับศึกษาธรรมะกันไป ปฏิบัติตามหลักธรรมกันไป มีพร้อมทั้งพลังขับเคลื่อนภายใน คือ “บุญ” ที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จ ขณะเดียวกันแผนที่ชีวิตที่จะชี้นำวางแนวทางให้เราเองเดินไปอย่างราบรื่นอย่างสะดวกอย่างปลอดภัยไปสู่เป้าหมายปลายทางทั้งในภพนี้ภพหน้าและเป้าหมายที่สุดก็คือพระนิพพานด้วยอย่างบริบูรณ์ด้วยอานุภาพของ “บุญ” ต้องสั่งสม “บุญ” อย่างเต็มที่ แล้ว “บุญ” จะนำเราไปสู่ความสำเร็จ




#2 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 06 December 2006 - 05:54 AM

อนุโมทนาบุญ กับคุณ Extra และ คุณ รัชชา

ที่นำหลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ( ฆราวาสธรรม ๔ )
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ

มาเผยแผ่เป็นธรรมทานด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ

ฆราวาสธรรม ๔ (ธรรมสำหรับฆราวาส, ธรรมสำหรับการครองเรือน, หลักการครองชีวิตของคฤหัสถ์
- virtues for a good household life; virtues for lay people)


๑. สัจจะ (ความจริง, ซื่อตรง ซื่อสัตย์ จริงใจ พูดจริง ทำจริง - truth and honesty)
๒. ทมะ (การฝึกฝน, การข่มใจ ฝึกนิสัย ปรับตัว, รู้จักควบคุมจิตใจ ฝึกหัดดัดนิสัย แก้ไขข้อบกพร่อง ปรับปรุงตนให้เจริญก้าวหน้าด้วยสติปัญญา - taming and training oneself; adjustment)
๓. ขันติ (ความอดทน, ตั้งหน้าทำหน้าที่การงานด้วยความขยันหมั่นเพียร เข้มแข็ง ทนทาน ไม่หวั่นไหว มั่นในจุดหมาย ไม่ท้อถอย - tolerance; forbearance)
๔. จาคะ (ความเสียสละ, สละกิเลส สละความสุขสบายและผลประโยชน์ส่วนตนได้ ใจกว้าง พร้อมที่จะรับฟังความทุกข์ ความคิดเห็น และความต้องการของผู้อื่น พร้อมที่จะร่วมมือ ช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่คับแคบเห็นแก่ตนหรือเอาแต่ใจตัว - liberality; generosity)

ในธรรมหมวดนี้ ทมะ ท่านมุ่งเอาด้านปัญญา ขันติ ท่านเน้นแง่วิริยะ.

S.I.215; Sn.189. สํ.ส.๑๕/๘๔๕/๓๑๖; ขุ.สุ.๒๕/๓๑๑/๓๖๑.
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม

#3 Peacefulness ™

Peacefulness ™
  • Members
  • 1145 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:On the planet Earth.
  • Interests:Almost everything that helps me to become better and better; especially, the Grestest Dharma of the Lord Buddha

โพสต์เมื่อ 06 December 2006 - 12:43 PM

ขออนุโมทนาบุญ และ ขอบคุณกับ ท่าน Extra และ รัชชา
สำหรับนำ หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ตอนที่ 20
มาให้ได้อ่าน และศึกษากันครับ laugh.gif
laugh.gif ขออนุโมทนาบุญกับ ท่าน Extra และ รัชชา ด้วย สำหรับ ความตั้งใจที่นำเสนอมาโดยตลอด นะครับ
ยอดเยี่ยมไปเลยครับ สำหรับ บทความที่ต่อเนื่องกับมา ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ นะครับ laugh.gif
สาธุ... สาธุ... สาธุ... ครับ
.
ปล.
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 1
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 2
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 3
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 4
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 5
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 6
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 7
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 8
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 9
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 10
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 11
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 12
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 13
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 14
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 15
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 16
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 17
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 18
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 19
หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ โดย Extra ตอนที่ 20 (ตอนจบจ้า)
.
.
.
.
ข้าพเจ้าใคร่ขออนุญาต ท่าน Extra เพิ่มเติม สำหรับท่านผู้ที่สนใจจะฟัง พระธรรมเทศนานี้ ดังนี้
.
.
สามารถ Download ได้ทั้งหมดโดย กดที่ "GET iT ALL" ขนาดประมาณ 57.45 MB
.
.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี

ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดปากน้ำภาษีเจริญ คลิ๊กที่นี้
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
.

Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

For any inquiries please

.

รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า:
คลิ๊กที่นี้
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ ได้รับ ภาพทั้งหมดของ คำสอนคุณยาย ฉบับรวมเล่ม และภาพ (ฉบับสมบรูณ์)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 157 files, 557.61 MB, ธรรมมะเทศนา มงคล 38 โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺตชีโว)
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
ที่มา: คลิ๊กที่นี้ ปล. สืบเนื้องมาจาก กระทู้นี้ โพสต์โดย ท่าน ฟ้าร้าง
.
เรื่อง การสร้างบารมีของพระโพติสัตว์ เข้าใจได้ไม่ยาก โปรดลอง คลิ๊กที่นี้
.
สนใจอ่าน

The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้

(With some english explanation)

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

"Do not confuse having a career with having a life"
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>>
CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
Lastest Revised: 16/12/2006 | 08:43 PM

#4 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 29 March 2007 - 04:18 PM

ขอกราบอนุโมทนาบุญกับคุณ Extra ด้วยครับ สาธุ