คำอธิษฐานจิต เอาไว้พิมพ์แจกกันนะครับ
#1
โพสต์เมื่อ 10 September 2005 - 02:19 PM
ด้วยบุญกุศล, ที่ข้าพเจ้าได้ทำในบัดนี้, เพราะบุญนั้น, และการอุทิศแผ่ส่วนบุญนั้น, ขอให้ข้าพเจ้า,มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง,ได้กายมหาบุรุษ, มีอายุยืนยาว, ให้เป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย, ให้ถึงพร้อมด้วยศีล, สมาธิ, ปัญญา, วิมุติ, วิมุติญาณทัสนะ, ให้เข้าถึงพระธรรมกาย, เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระธรรมกาย, ที่ชัดใสสว่าง, ที่ละเอียดสุดละเอียด, จะนับจักประมาณมิได้, ให้ได้ศึกษาวิชาธรรมกาย, ให้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในวิชชาธรรมกาย, ในธาตุธรรมทั้งหลาย, ทั้งที่เป็นกุสลาธัมมา, อกุสลาธัมมา,อัพยากตาธัมมา, เป็นผู้ชนะพญามาร, เป็นผู้ที่พญามาร, ตัดรอนกำลังใจไม่ได้, ตัดรอนบุญบารมีไม่ได้, ตัดรอนทรัพย์สมบัติไม่ได้, ตัดรอนชีวิตไม่ได้, กดธาตุธรรมให้ตกต่ำไม่ได้, ให้สมบูรณ์พร้อมด้วยมงคลชีวิตทั้ง๓๘ประการ, ด้วยคุณธรรมทั้งปวงมีความอ่อนน้อมเป็นต้น, ให้ได้ที่สุดแห่งรูปสมบัติ, ทรัพย์สมบัติ, คุณสมบัติ, บริวารสมบัติ, ลาภ, ยศ, สรรเสริญสุข, ทั้งที่เป็นของมนุษย์, ของทิพย์, ของพระนิพพาน, ที่เป็นไปเพื่อการสร้างบารมี, และรื้อสัตว์ขนสัตว์, แต่เพียงฝ่ายเดียว, ให้มีแต่คำว่าได้, คำว่ามี, คำว่าสำเร็จ, ในการสร้างบารมีตลอดไป, ให้กาย วาจา ใจ สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส, สามารถรองรับความบริสุทธ์, ของวิชชาธรรมกายได้, บาปกรรมอันใด, ที่ผิดพลาดทำไป, ตั้งแต่ปฐมชาติ, ตั้งแต่ปฐมกัปป์, ขอให้ตามไม่ทัน, ขอให้ไม่มีโอกาสส่งผล, บุญกุศลใด, ที่ได้ทำไว้ดีแล้ว, ขอให้ส่งผลก่อน, ส่งผลศักดิ์สิทธิ์, มีฤทธิ์, มีเดช, มีอานุภาพ, คำอธิษฐานใด, ที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ, พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย, และคุณยายอาจารย์, มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง, อธิษฐานไว้ดีแล้ว, ขอคำอธิษฐานนั้น, จงบังเกิดมีในกาย วาจา ใจ ของข้าพเจ้า, และเหล่าสรรพสัตว์, ตลอดแสนโกฏิจักรวาล, อนันจักรวาล, ขอให้ข้าพเจ้า, อย่าใด้ทำร้ายใคร, และใคร, อย่าได้ทำร้ายข้าพเจ้า, ให้เวียนว่ายตายเกิด, อยู่แต่ในสุคติภูมิ, แต่เพียงฝ่ายเดียว, รื้อสัตว์ขนสัตว์, ปราบมารประหารกิเลส, ให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ, ยกตนและสรรพสัตว์ทั้งหลาย, พ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร, ให้เป็นผู้คิดก่อนทำก่อน, พูดก่อนทำก่อนในทุกโครงการ, ของพระพุทธศาสนา, ของวิชชาธรรมกาย, ใด้สำเร็จวิชชา๓, วิชชา๘, อภิญญา๖, ปฏิสัมภิทาญาณ๔, วิโมกข์๘, และจรณะ๑๕, ก่อนหมดอายุขัย, ให้มีสติบริบูรณ์, จิตใจผ่องใส, ไม่มีความเจ็บปวดใดใด, ให้ถอดพระธรรมกาย, ออกไปอย่างสะดวกง่ายดาย, เหมือนออกจากบ้านหนึ่ง, ไปสู่อีกบ้านหนึ่ง, เมื่อละจากโลก, ให้บังเกิดด้วยทิพยกาย, ที่เป็นสมณเทพบุตร, มีรัศมีตั้งพันเป็นอย่างน้อย, พร้อมด้วยฝนดอกไม้พันสีพันชนิด, ฝนรัตนชาติทั้ง๗ประการ, ตกลงมาต้อนรับ, การกลับไปของข้าพเจ้า, ตั้งแต่มนุษย์โลก, จรดดุสิตเทวโลก, ให้เกิดในวงบุญพิเศษ, ของมหาปูชนียาจารย์, ไปทุกภพทุกชาติ, ภพชาติต่อไป, ให้เข้าถึงพระธรรมกาย, ตั้งแต่แรกเกิด, รู้แจ้งในกฎแห่งกรรมทั้งปวง, สามารถตักเตือนตนเองได้, ให้เกิดในครอบครัวธรรมกาย, มีสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง, ไว้สร้างมหาทานบารมี, เลี้ยงคนได้ทั้งโลก,ขอให้ได้ตามติด,สร้างบารมีใกล้ชิดมหาปูชนียาจารย์, ไปทุกภพทุกชาติ, ตราบถึงที่สุดแห่งธรรมเทอญ, นิพพานะปัจจะโย โหตุ.
#2 *Guest*
โพสต์เมื่อ 10 September 2005 - 04:56 PM
#3
โพสต์เมื่อ 10 September 2005 - 05:25 PM
#4
โพสต์เมื่อ 10 September 2005 - 05:55 PM
#5
โพสต์เมื่อ 10 September 2005 - 06:01 PM
- "ให้ได้เกิดในปฏิรูปเทส พบเจอพระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย"
คำอธิบาย
อันนี้สำคัญครับ เพราะว่า มีหลายเคสที่ผ่านมา เจ้าของเคสไม่ได้อธิษฐานให้ได้เกิดในปฏิรูปประเทศ จึงต้องพลัดไปเกิดในที่กันดาร มีความแร้งแค้น หรือเกิดในศาสนาอื่น หรือเกิดในพระพุทธศาสนาจริง แต่อาจจะเป็นนิกายอื่นๆ เช่น มหายานเป็นต้น
- "เมื่อยังต้องเวียนว่ายตายเกิด ถือกำเนิดมาเป็นมนุษย์สร้างบารมี ขอให้ได้เพศบริสุทธิ์ เป็นเพศชาย ได้ลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ"
คำอธิบาย
แม้ยังไม่ได้กายมหาบุรุษ ก็ขอเป็นผู้ชายไว้ก่อนเลยครับ และถ้าผมจำไม่ผิด บุรุษ ก็คือผู้ที่อธิษฐานขอเป็นผู้ชาย ยังไงเพิ่มไว้ก็ไม่เสียหายใช่ไหมครับ?
- "ให้ได้บรรลุวิชชาธรรมกาย ตั้งแต่แรกเกิด สามารถระลึกชาติได้ มีโอกาสได้ปฏิบัติธรรม สร้างมหาทานบารมีตั้งแต่ยังเยาว์วัย"
คำอธิบาย
อันนี้สำคัญมากครับ ถ้าไม่อยากมาถึงหมู่คณะช้า ท่านที่ชาตินี้มาถึงเร็ว ก็อย่าประมาทไ่ม่อธิษฐานข้อนี้นะครับ
- "เมื่อทำบุญแล้วความเสียดายขออย่าได้มี และให้จดจำบุญทุกบุญที่ทำได้อย่างแม่นยำ"
คำอธิบาย
อันนี้ของผมเองครับ คือผมเป็นพวกขี้ลืมนะครับ ลืมอย่างอื่นยังพอลืมได้ แต่จะไม่ลืมบุญทุกบุญที่ได้กระทำไปแล้วครับ
- "ให้ได้เป็นสามเณร บวชอุทิศชีวิตแด่พระพุทธศาสนา รักษาเพศพรหมจรรย์ตั้งแต่ยังเยาว์วัยให้ได้ตลอดรอดฝั่ง"
คำอธิบาย
สำหรับผู้ที่เบื่อเพศฆราวาสหนักๆ แล้ว ข้อนี้สำคัญมากครับ
- "ให้เป็นไปอย่างนี้ไปทุกภพทุกชาติ นับตั้งแต่ภพชาตินี้เป็นต้นไปตราบจนกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม"
คำอธิบาย
เป็นการย้ำอยู่ในใจเสมอว่า ขอให้คำอธิษฐาน มีผลตั้งแต่ชาตินี้เลยครับ
และที่คุณ panuwat พิมพ์ว่า
"ศีล, สมาธิ, ปัญญา, วิมุติญาณทัสนะ"
ที่ครบถ้วนจะต้องเป็น
"ศีล, สมาธิ, ปัญญา, วิมุตติ, วิมุติญาณทัสสนะ"
ครับ
แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง
#6
โพสต์เมื่อ 10 September 2005 - 06:08 PM
1. ถ้ามีท่านหนึ่งเกิดคิดว่า เอ ถ้าเขาตัดคำอธิษฐานที่คุณ panuwat พิมพ์มา ให้เหลือแค่
"คำอธิษฐานใด, ที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ, พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย, และคุณยายอาจารย์, มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง, อธิษฐานไว้ดีแล้ว, ขอคำอธิษฐานนั้น, จงบังเกิดมีในกาย วาจา ใจ ของข้าพเจ้า"
เพราะมหาปูชนียาจารย์ท่านต้องอธิษฐานไว้หมดอยู่แล้ว คำอธิษฐานที่ตีกินรวบแบบนี้ จะสำริดผลหรือไม่ อย่างไร
2. การอธิษฐานโดยไม่ทราบความหมายของคำว่า มงคลชีวิต 38 ประการ, ศีล, สมาธิ, ปัญญา, วิมุติญาณทัสนะ, วิชชา ๓, วิชชา ๘, อภิญญา ๖, ปฏิสัมภิทาญาณ ๔, วิโมกข์ ๘, และจรณะ ๑๕ ว่ามีอะไรบ้าง และมีความหมายแต่ละข้ออย่างไร อธิษฐานแบบนี้ จะสำริดผลหรือไม่ อย่างไร
แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง
#7
โพสต์เมื่อ 10 September 2005 - 06:15 PM
- วิมุตติ = ความหลุดพ้น
- วิมุตติญาณทัสสนะ = ญาณเพื่อความหลุดพ้น
- สมบูรณ์ด้วยวิชาและจรณะ = ถึงพร้อมด้วยความรู้ และความประพฤติ
วิชชา 3 คือ
1. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ - ความสามารถระลึกชาติได้
2. จุตูปปาตญาณ - เห็นการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์ทั้งหลาย
3. อาสวักขยญาณ - ญาณหยั่งรู้เพื่อสิ้นอาสวะ
วิชชา 8
คือ วิชชา 3 +
1. วิปัสสนาญาณ - ญาณที่เป็นวิปัสสนา คือปัญญาที่พิจารณาเห็นสังขารคือนามรูปโดยไตรลักษณ์
2. มโนมยิทธิ์ - มีฤทธิ์ทางใจ
3. อิทธิวิธี - แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้
4. ทิพยโสต - หูทิพย์ (ส่วนส่วนตาทิพย์ คือทิพยจักขุ หรือที่ในวิชชา 3 เรียกว่า จุตูปปาตญาณ)
5. เจโตปริยญาณ - รู้ใจคนอื่นได้
อภิญญา 6 (ความรู้ยิ่งยวด 6 ประการ)
คือ วิชชา 3 +
1. อิทธิวิธี - แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้
2. ทิพยโสต - หูทิพย์ (ส่วนส่วนตาทิพย์ คือทิพยจักขุ หรือที่ในวิชชา 3 เรียกว่า จุตูปปาตญาณ)
3. เจโตปริยญาณ - รู้ใจคนอื่นได้
ปฏิสัมภิทาญาณ 4
คือ ความสามารถในการเข้าใจ และการแสดงธรรม
1. แตกฉานในอรรถ (สามารถแยกแยะอธิบายขยายความออกไปได้โดยพิสดาร)
2. แตกฉานในธรรม
3. แตกฉานในภาษา
4. แตกฉานในปฏิภาณ
วิโมกข์ 8
คือภาวะที่จิตปลอดพ้นจากสิ่งรบกวนและน้อมดิ่งเข้าไปในอารมณ์นั้นๆ อย่างปล่อยตัวเต็มที่
1. ผู้มีรูปมองเห็นรูปทั้งหลาย
2. ผู้มีอรูปสัญญาภายใน มองเห็นรูปทั้งหลายภายนอก
3. ผู้น้อมใจดิ่งไปว่า งาม
4. เพราะล่วงเสียซึ่งรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง เพราะปฏิสัญญาดับไป เพราะไม่ใส่ใจนานัตตสัญญา จึงเข้าถึงอากาสานัญจายตนะ
5. เพราะล่วงเสียซึ่งอากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึงวิญญาณัญจายตนะ โดยมนสิการว่าวิญญาณหาที่สุดมิได้
6. เพราะล่วงเสียซึ่งวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึงอากิญจัญญายตนะ โดยมนสิการว่าไม่มีอะไรเลย
7. เพราะล่วงเสียซึ่งอากิญจัญญายตนะโดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะอยู่
8. เพราะล่วงเสียซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึงสัญญษเวทยิตนิโรธอยู่
จรณะ 15
คือความประพฤติ ปฏิปทา ข้อปฏิบัติอันเป็นทางบรรลุวิชชา หรือพระนิพพาน
- สีลสัมปทา - ถึงพร้อมด้วยศีล
- อปัณณกปฏิปทา 3 ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด ปฏิปทาส่วนที่เป็นแก่นสารเนื้อแท้ คือ 2) อินทรียสังวร สำรวมอินทรีย์ 3) โภชเนมัตตัญญุตา ประมาณในการบริโภค และ 4) ชาคริยานุโยค หมั่นประกอบความเพียร ไม่เห็นแก่นอน
- สัทธรรม 7 คือ 5) ศรัทธา 6) หิริ 7) โอตตัปปะ 8) พหูสูต 9) มีความเพียรอันปรารภแล้ว 10) มีสติมั่นคง และ 11) มีปัญญา
- ฌาน 4 คือ 12) ปฐมฌาน 13) ทุติยฌาน 14) ตติยฌาน และ 15) จตุตถฌาน
แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง
#8
โพสต์เมื่อ 11 September 2005 - 03:25 AM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#9 *Guest*
โพสต์เมื่อ 11 September 2005 - 08:14 AM
#10 *Guest*
โพสต์เมื่อ 11 September 2005 - 10:30 AM
#11
โพสต์เมื่อ 11 September 2005 - 08:58 PM
1. การนึกปรารถนาสิ่งใด แล้วจะสำเร็จสมปรารถนาได้ง่าย ต้องนึกเป็นภาพแจกแจงละเอียดแต่ละขั้นตอนน่ะครับ ถ้ามีภาพในใจอย่างละเอียดทุกขั้นทุกตอน ผมว่า ใจย่อมมีกำลังมากกว่า การคิดแบบรวบยอดว่า หลวงพ่ออธิษฐานอะไรขอให้เราได้ด้วย เพราะภาพในใจย่อมเป็นภาพรวม ไม่มีรายละเอียดแต่ละขั้นแต่ละตอน ย่อมสัมฤทธิ์ผลได้ยากกว่า ควรนำไปใช้เสริมได้หลังจากอธิษฐานละเอียดมาแล้ว ก็ต่อท่อนนี้ไปหน่อย เผื่อขาดตกบกพร่องตรงไหนไป
2. การอธิษฐาน โดยไม่รู้เรื่องนั้น ถ้าได้ผู้นำดี สอนให้อธิษฐานดี เช่น อธิษฐานให้ได้ญาน สมมุติไม่เข้าใจความ
หมาย แต่จะทำให้เข้าใจขึ้นได้ภายหลังครับ เพราะถือว่าอธิษฐานขอให้เกิดปัญญานั่นเอง
แต่ถ้าได้ผู้นำไม่ดี เช่น ทำบุญกับฤษีในอดีต แล้วอธิษฐานบอกว่า ขอให้ได้สมบัติของพญานาค (เพราะไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร) เนื่องจากฤษีบอกสั้นๆ แค่ว่า มันสวยดี พอบุญส่งผล ไปเกิดเป็นพญานาคจรีงๆ เลยต้องทนทุกข์ พอตอนหลังไปเจอพระพุทธเจ้าเลยอธิษฐานใหม่ จนได้มาเป็นพระราหุลไงล่ะครับ
#12
โพสต์เมื่อ 15 September 2005 - 04:21 AM
"ขอให้ข้าพระพุทธเจ้า พึงอย่าได้กระทำบาปทุจริตทุกประเภท ทุกชนิด ทั้งอย่างหยาบ ปานกลาง และที่ละเอียดเป็นอนุสัย ไม่ว่าจะด้วยทางกาย วาจา ใจ ไม่ว่าจะเจตนา หรือไม่เจตนา ไม่ว่าจะระลึกรู้ได้หรือมิระลึกรู้ได้ ไม่ว่าจะเป็นในที่ลับหรือที่แจ้ง แม้เพียงความคิดคือ "อกุศลมโนกรรม" ก็ขอจงอย่าพึงมี พึงเกิด ในเห็น จำ คิด รู้ ในขันธสันดานของข้าพระพุทธเจ้าได้ และขอให้ข้าพระพุทธเจ้าพึงเป็นผู้ที่เจริญยิ่งในกุศลธรรมทั้งปวง ที่เป็นของฝ่ายบุญ ฝ่ายพระ ฝ่ายสัมมาทิฏฐิ อันขึ้นตรงต่อธรรมภาคขาว ทั้งในกายทวาร วจีทวาร และมโนทวาร ให้เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ภิญโญยิ่งโดยส่วนเดียว อีกทั้งจงเป็นผู้ที่ห่างไกลจากสิ่งอันเป็นพาลทั้งหลาย ไม่ว่าจะอยู่ในรูปคน สัตว์ สิ่งของ พาลภายนอก พาลภายใน หมอเสน่ห์ เล่ห์กล มนต์คาถา ทรงเจ้า ผีสิง สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย มิตรปอกลอก มิตรหัวประจบ มิตรชักชวนในทางไม่ดี ฉิบหาย ตลอดจนสิ่งอันเป็นเหตุให้ต้องพลัดพรากจากหมู่คณะและวิชชาธรรมกาย กระทั่งสิ่งที่นับ ที่นำ ที่หนุน ที่เนื่องด้วยธรรมดำ ภาคมารฝ่ายบาปอกุศลทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นในเหตุอ่อน แก่ หยาบ ละเอียด ลับ และเปิดเผยทั้งหมดทั้งสิ้น อันเปรียบดั่ง หลุมพรางของพญามาร กลลวงของพญามาร เหยื่อล่อของพญามาร และดอกไม้ของพญามาร ทั้งหมดทั้งปวงนี้ ขอให้ข้าพระพุทธเจ้าพึงอย่าได้รู้จัก อย่าได้พบเจอ ให้ละลายหายสูญไปให้หมด ขอให้ข้าพระพุทธเจ้า อย่าได้นำพาตนเองไปเกลือกกลั้วในสิ่งเหล่านี้ และขอให้บาปอกุศลเหล่านี้จงอย่าสบโอกาสได้ช่องที่จะทำร้าย ทำลาย และเข้าหาตัวของข้าพระพุทธเจ้าได้เลย ขอให้ยุคสมัยที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ไปบังเกิดและเกิดขึ้นแล้ว จงเป็นประหนึ่งดั่งปฏิรูปเทส และปราศจากสิ่งอันเป็นมลทิลธาตุ มลทิลธรรมเหล่านี้ตลอดไป ขอให้ข้าพระพุทธเจ้า จงเป็นผู้ที่มีสัมมาปัญญาอันเปรียบดั่ง "สหชาติกปัญญา" ชาญฉลาดเก่งกาจดุจสัพพัญญู สามารถโอวาทสั่งสอนตักเตือนตนเองได้ตลอดเวลา ให้กระทำในสิ่งอันเป็นกุศลและงดเว้นจากบาปอกุศลทั้งปวง เป็นผู้ที่ตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาทในธรรมทุกเมื่อ มีสติเป็นมหาสติและมีขันติธรรมอย่างถึงที่สุด นับตั้งแต่อดทนต่อความทุกข์ยากลำบาก กระทั่งอดทนต่อความเย้ายวนของอำนาจกิเลสอาสวะทั้งหลาย ให้เป็นผู้ว่าง่าย มีความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นเลิศ อยู่ในโอวาทของครูบาอาจารย์ (วิชชาธรรมกาย) เป็นเลิศ มีความเพียรในธรรมเป็นเลิศ อีกทั้งสามารถเจริญรอยในธรรม ตามแบบอย่างอันประเสริฐ ของครูบาอาจารย์ (วิชชาธรรมกาย) ทุกท่าน ได้ครบถ้วนบริบูรณ์ทุกอย่างทุกประการ"
จากนั้น จึงลงท้ายคำอธิษฐานว่า ขอคำอธิษฐานและความปรารถนาทั้งมวลนับแต่เบื้องต้นจนปริโยสานนี้ จงสำเร็จประโยชน์แก่ข้าพระพุทธเจ้า อย่างเกินควรเกินค่า ให้เป็นผังสำเร็จที่ทับทวีบังเกิดมีขึ้นเต็มธาตุ เต็มธรรม เต็มสูญ เต็มส่วน ไม่มีช่องว่าง ไม่มีระหว่าง ไม่มีประมาณ ให้ปราศจากเสียซึ่งการร้อยรัดปนเป็น ของธรรมดำภาคมารฝ่ายบาปอกุศลทั้งปวง และขอให้พญามารไม่สามารถระเบิดแตกทำลายผังแห่งอธิษฐานบารมีของข้าพระพุทธเจ้านี้ได้ และด้วยอำนาจบารมีธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระอริยสังฆเจ้าทั้งหลาย ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคตกาล ตลอดจนบารมีธรรมของมหาปูชนียาจารย์ - บูรพคณาจารย์วิชชาธรรมกายทุกท่าน และด้วยอานุภาพแห่งบารมีกุศลที่ข้าพระพุทธเจ้าได้สั่งสมอบรมมานับแต่ปฐมชาติ นับแต่ปฐมกัป ตราบกระทั่งถึงในปัจจุบันกาลนี้ และที่จะได้กระทำให้ทับทวียิ่งๆ ขึ้นไป ขอจงมาประมวลรวมเข้าด้วยกันให้เป็นตบะ เป็นเดชะ เป็นพลวะปัจจัย เป็นนิสัยนำส่ง ให้คำอธิษฐานที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ดีแล้วทั้งปวงนี้ ขอจงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ อย่างศักดิ์สิทธิ์ไพศาล นับแต่ปัจจุบันชาติ ปัจจุบันกาลนี้ สืบไป ตราบกระทั่งเข้าสู่พระนิพพาน ไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรมจงทุกประการเทอญฯ
นิพฺพานปจฺจโย โหตุ
หมายเหตุ; อธิษฐานบารมีในส่วนเติมเต็มและคำลงท้ายนี้ ส่วนหนึ่งเป็นคำอธิษฐานที่มาจากครูบาอาจารย์ อีกส่วนหนึ่งมาจากการสร้างและดัดแปลงด้วยตัวของกระผมเอง ซึ่งทุกท่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้และผนวกเข้ากับคำอธิษฐานส่วนตัวได้นะครับ เพราะธรรมทานในครั้งนี้ กระผมตั้งใจให้เป็นของขวัญแด่นักสร้างบารมีทุกท่านครับ
#13
โพสต์เมื่อ 15 September 2005 - 09:30 AM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#14
โพสต์เมื่อ 15 September 2005 - 09:48 AM
#15
โพสต์เมื่อ 15 September 2005 - 10:09 AM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#16 *Guest*
โพสต์เมื่อ 15 September 2005 - 01:06 PM
#17
โพสต์เมื่อ 15 September 2005 - 01:14 PM
#18
โพสต์เมื่อ 15 September 2005 - 03:53 PM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#19 *siripong*
โพสต์เมื่อ 15 September 2005 - 04:16 PM
ด้วยบุญกุศล, ที่ข้าพเจ้าได้ทำในบัดนี้, เพราะบุญนั้น, และการอุทิศแผ่ส่วนบุญนั้น, ขอให้ข้าพเจ้า,มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง,ได้กายมหาบุรุษ, มีอายุยืนยาว, ให้เป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย, ให้ถึงพร้อมด้วยศีล, สมาธิ, ปัญญา, วิมุติ, วิมุติญาณทัสนะ, ให้เข้าถึงพระธรรมกาย, เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระธรรมกาย, ที่ชัดใสสว่าง, ที่ละเอียดสุดละเอียด, จะนับจักประมาณมิได้, ให้ได้ศึกษาวิชาธรรมกาย, ให้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในวิชชาธรรมกาย, ในธาตุธรรมทั้งหลาย, ทั้งที่เป็นกุสลาธัมมา, อกุสลาธัมมา,อัพยากตาธัมมา, เป็นผู้ชนะพญามาร, เป็นผู้ที่พญามาร, ตัดรอนกำลังใจไม่ได้, ตัดรอนบุญบารมีไม่ได้, ตัดรอนทรัพย์สมบัติไม่ได้, ตัดรอนชีวิตไม่ได้, กดธาตุธรรมให้ตกต่ำไม่ได้, ให้สมบูรณ์พร้อมด้วยมงคลชีวิตทั้ง๓๘ประการ, ด้วยคุณธรรมทั้งปวงมีความอ่อนน้อมเป็นต้น, ให้ได้ที่สุดแห่งรูปสมบัติ, ทรัพย์สมบัติ, คุณสมบัติ, บริวารสมบัติ, ลาภ, ยศ, สรรเสริญสุข, ทั้งที่เป็นของมนุษย์, ของทิพย์, ของพระนิพพาน, ที่เป็นไปเพื่อการสร้างบารมี, และรื้อสัตว์ขนสัตว์, แต่เพียงฝ่ายเดียว, ให้มีแต่คำว่าได้, คำว่ามี, คำว่าสำเร็จ, ในการสร้างบารมีตลอดไป, ให้กาย วาจา ใจ สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส, สามารถรองรับความบริสุทธ์, ของวิชชาธรรมกายได้, บาปกรรมอันใด, ที่ผิดพลาดทำไป, ตั้งแต่ปฐมชาติ, ตั้งแต่ปฐมกัปป์, ขอให้ตามไม่ทัน, ขอให้ไม่มีโอกาสส่งผล, บุญกุศลใด, ที่ได้ทำไว้ดีแล้ว, ขอให้ส่งผลก่อน, ส่งผลศักดิ์สิทธิ์, มีฤทธิ์, มีเดช, มีอานุภาพ, คำอธิษฐานใด, ที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ, พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย, และคุณยายอาจารย์, มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง, อธิษฐานไว้ดีแล้ว, ขอคำอธิษฐานนั้น, จงบังเกิดมีในกาย วาจา ใจ ของข้าพเจ้า, และเหล่าสรรพสัตว์, ตลอดแสนโกฏิจักรวาล, อนันจักรวาล, ขอให้ข้าพเจ้า, อย่าใด้ทำร้ายใคร, และใคร, อย่าได้ทำร้ายข้าพเจ้า, ให้เวียนว่ายตายเกิด, อยู่แต่ในสุคติภูมิ, แต่เพียงฝ่ายเดียว, รื้อสัตว์ขนสัตว์, ปราบมารประหารกิเลศ, ให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ, ยกตนและสรรพสัตว์ทั้งหลาย, พ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร, ให้เป็นผู้คิดก่อนทำก่อน, พูดก่อนทำก่อนในทุกโครงการ, ของพระพุทธศาสนา, ของวิชชาธรรมกาย, ใด้สำเร็จวิชชา๓, วิชชา๘, อภิญญา๖, ปฏิสัมภิทาญาณ๔, วิโมกข์๘, และจรณะ๑๕, ก่อนหมดอายุขัย, ให้มีสติบริบูรณ์, จิตใจผ่องใส, ไม่มีความเจ็บปวดใดใด, ให้ถอดพระธรรมกาย, ออกไปอย่างสะดวกง่ายดาย, เหมือนออกจากบ้านหนึ่ง, ไปสู่อีกบ้านหนึ่ง, เมื่อละจากโลก, ให้บังเกิดด้วยทิพยกาย, ที่เป็นสมณเทพบุตร, มีรัศมีตั้งพันเป็นอย่างน้อย, พร้อมด้วยฝนดอกไม้พันสีพันชนิด, ฝนรัตนชาติทั้ง๗ประการ, ตกลงมาต้อนรับ, การกลับไปของข้าพเจ้า, ตั้งแต่มนุษย์โลก, จรดดุสิตเทวโลก, ให้เกิดในวงบุญพิเศษ, ของมหาปูชะนียาจารย์, ไปทุกภพทุกชาติ, ภพชาติต่อไป, ให้เข้าถึงพระธรรมกาย, ตั้งแต่แรกเกิด, รู้แจ้งในกฎแห่งกรรมทั้งปวง, สามารถตักเตือนตนเองได้, ให้เกิดในครอบครัวธรรมกาย, มีสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง, ไว้สร้างมหาทานบารมี, เลี้ยงคนได้ทั้งโลก,ขอให้ได้ตามติด,สร้างบารมีใกล้ชิดมหาปูชะนียาจารย์, ไปทุกภพทุกชาติ, ตราบถึงที่สุดแห่งธรรมเทอญ, นิพพานะปัจจะโย โหตุ.
ขอบคุณและอนุโมทนาบุญที่กรุณาเผยแผ่คำอธิฐานนี้ด้วยครับ
#20
โพสต์เมื่อ 16 September 2005 - 10:27 AM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#21
โพสต์เมื่อ 16 September 2005 - 11:08 PM
#22 *Guest*
โพสต์เมื่อ 17 September 2005 - 03:03 PM
#23
โพสต์เมื่อ 19 September 2005 - 11:20 PM
คำว่า "พระอริยสังฆเจ้า" มี หรือ ไม่มีไม้หันอากาศ จึงจะถือว่าสะกดถูกต้องคะ
เพราะเคยเห็นจากบางที่ ที่สะกดว่า "พระอริยสงฆเจ้า" ค่ะ
#24
โพสต์เมื่อ 20 September 2005 - 12:35 AM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#25
โพสต์เมื่อ 23 October 2005 - 04:16 AM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#26
โพสต์เมื่อ 23 October 2005 - 02:48 PM
#27
โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 05:57 PM
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain
#28
โพสต์เมื่อ 04 February 2007 - 11:59 AM
#29
โพสต์เมื่อ 27 June 2007 - 12:32 PM
#30
โพสต์เมื่อ 05 November 2007 - 11:16 AM
สาธุ