ช่างสงสัย (- -)
#1
โพสต์เมื่อ 18 December 2006 - 10:49 AM
ผู้ที่ทำนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)
#2
โพสต์เมื่อ 18 December 2006 - 11:04 AM
ทางวิทยาศาสตร์ หลายท่านกล่าวว่า ความสงสัย เป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา ทางพระพุทธศาสนา ความสายกลาง เป็นทางไปสู่อริยมรรค อริยผล ต่างๆ
ถ้าลองนำมาร่วมกันแบบคล่าวๆ ก็จะเหมาะแก่การ ศึกษา วิชาพระพุทธศาสนา แบบในเชิง วิทยาศาสตร์ ได้ว่า สงสัยแบบ พอดี พอดี จ้า
โปรดลองพิจารณาศึกษา ลิงค์ด้านล่างนี้ดู นะครับ เผื่อจะสามารถช่วยตอบคำถาม ท่าน Defilement Destroyer
พิเศษ! The_prophecies_of_the_Lord_Buddha.pdf ( 890.53k )
ข้าพเจ้าขออนุญาตแนะนำกระทู้ ที่สามารถศึกษาเพิ่มเติมต่อเนื้อง จากหัวเรื่องกระทู้นี้ได้อีกนะครับ
อจินไตย 4 : เรื่องที่ควรให้รู้ไว้ แบบติดแข้ง ติดขา
จากคำทำนายของพระพุทธเจ้า
ใกล้ถึงเวลา...อวสานของโลกหรือยังครับ...
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7
.
รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า: คลิ๊กที่นี้คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>> CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
#3
โพสต์เมื่อ 18 December 2006 - 12:27 PM
#4
โพสต์เมื่อ 18 December 2006 - 01:27 PM
ผู้ที่ทำนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)
#5
โพสต์เมื่อ 18 December 2006 - 04:10 PM
#6
โพสต์เมื่อ 18 December 2006 - 07:50 PM
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#7
โพสต์เมื่อ 18 December 2006 - 08:46 PM
ผู้ที่ทำนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)
#8
โพสต์เมื่อ 18 December 2006 - 10:50 PM
"ถ้าหากข้าพเจ้า ผิดพลาดแต่ประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ"
ความคิดอันวิเศษ มาจากใจที่สงบ
ความอดทนอันสูงสุด มาจากใจที่หยุดนิ่ง
น้องขวัญ
...A LiTTle GuiDE...
อาสาสมัครแผนกมัคคุเทศก์
สังกัดกองปฏิสันถาร สำนักศรัทธาภิบาล
#9
โพสต์เมื่อ 19 December 2006 - 10:39 AM
ผู้ที่ทำนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)
#10
โพสต์เมื่อ 19 December 2006 - 11:17 AM
#11
โพสต์เมื่อ 19 December 2006 - 01:41 PM
#12
โพสต์เมื่อ 19 December 2006 - 03:27 PM
ก็คงมีแต่เรื่องดีๆอะครับ แต่เพิ่งเคยได้ยินเหมือนกันว่ามีการนับเร็วไป
#13
โพสต์เมื่อ 19 December 2006 - 05:34 PM
จึงไม่มี Link ให้ จึงขอนำที่ตนเองเคยโพสต์ไว้มาเป็นข้อมูลเสริม
ซึ่งเข้าใจว่าพระอาจารย์ที่ท่าน Defilement Destroyer กล่าวถึง
ก็คงเป็นพระอาจารย์รูปเดียวกันกับที่ผมได้ฟังจากท่านมาเหมือนกัน
คือ ล่าสุดข้อมูลที่มีนักวิชาการคล้อยตามกันมากขึ้น เรื่องนับนับปีพุทธศักราช ว่า
ถ้ายึดถือตามประวัติศาสตร์ของราชวงศ์์ของแต่ละชนชาติ มาวิเคราะห์ หักลบตัวเลขกันแล้ว
ผมพอจำตัวเลขได้ลางๆว่า นับเลขเกินไป ราว 55 - 60 ปี คือ
ปีนี้ีควรอยู่ในราว 2,480-85 ปีหลังพุทธปรินิพพาน
แต่อย่าถือจริงจังนัก ถือเป็นข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาที่ ควรรู้เท่านั้น
เพราะเป็นข้อมูลของนักคิด
นักวิชาการทางประวัติศาสตร์โบราณคดีเกี่ยวกับศาสนาและปรัชญาตะวันออก
ฝ่ายหินยาน – เถรวาท ก็ต่างกับฝ่ายมหายาน และในข้อมูลจากหลายแหล่ง
ซึ่งแต่ละแห่งก็มีเหตุผลให้น่าเชื่อทั้งนั้น โดยเฉพาะข้อมูล ที่คุณ ปรมัย สืบค้นมา
เท่าที่ผมทราบ หลักฐานเกี่ยวกับการนับปีพุทธศักราช ทั้งของฝ่ายหินยาน-เถรวาทและฝ่ายมหายาน
ที่มีมันขัดแย้งกันอยู่
เอาง่ายๆ แค่ว่า จะนับปีที่ปริพนิพพานเป็นพ.ศ. 0 หรือ พ.ศ. 1
ก็แทบทะเลาะกันแล้ว
ผมไม่กล้าฟันธงว่า ความเชื่อฝ่ายไหนผิด-ถูก หรือ ตัวเลขไหน คือตัวเลขที่ถูกต้อง
แต่ความแตกต่าง ก็มีประโยชน์ในเชิงประวัติศาสตร์-วิชาการ ให้นักคิด เขาคิดกันไปเถิดครับ
เท่าที่ผมเคยทราบมาบ้างเกี่ยวกับแนวคิดการสืบค้นหาหลักฐาน มี 2 หลักใหญ่ คือ
1 ) การสืบค้นและวิเคราะห์ ด้านบันทึกประวัติศาสตร์การครองราชของกษัตริย์ และคัมภีร์ทางศาสนา
ซึ่งทางศรีลังกา หรือชาวสิงหล ได้มีบันทึกที่ชัดเจนเกี่ยวกับ
ประวัติศาสตร์การครองราชย์สมบัติของกษัตริย์ลังกาในอดีต กับคัมภีร์เถรวาท ( บาลี )ที่รวบรวมไว้
มานับเทียบเคียงตามตัวเลขที่มีอยู่
ซึ่งนักวิชาการพระพุทธศาสนาชาวตะวันตก ส่วนใหญ่ยอมรับ
และประเทศไทย พม่าก็รับการนับปีพุทธศักราชแบบทางลังกา
แต่ราว 80 ปีก่อนนี้มี โปรเฟสเซอร์ อืออิ ชาวญี่ปุ่น ยกคัมภีร์ของจีน ( มหายาน ) ที่รวบรวมไว้มาก
กับหลักฐานด้านราชวงศ์จีนที่เชื่อถือได้ในระดับสากล
เอาเหตุผลมาหักล้าง จับผิดข้อบกพร่อง (ตามประสานักวิชาการ ) คัมภีร์ของฝ่ายเถรวาท
จนนักวิชาการคล้อยตาม ทฤษฏีของโปรเฟสเซอร์ อืออิ มากขึ้น
*** ( ตัวเลขแน่นอน ที่ทางลังกากับมหายาน เชื่อถือกัน ผมจำไม่ได้ครับ )
2 ) การสืบค้นและวิเคราะห์หลักฐาน จากพุทธสถานโบราณ แล้วใช้วิทยาศาสตร์วิเคราะห์
ด้วย carbon method ว่าชิ้นวัตถุนั้นๆ มีอายุประมาณเท่าไหร่
ซึ่งชาวอินเดียและตะวันตก เชื่อที่ตัวเลข ๒,๔xx ปี ( สองพันสี่ร้อยกว่าปี )
ชาวญี่ปุ่นขุด พิสูจน์ว่ามีอายุไม่ถึง ๒,๔00 ปี ซึ่งก็ไม่ตรงกันอีก
ต่างฝ่ายต่างเชื่อหลักฐานที่ตนเองสืบค้น และพิสูจน์ได้
ณ. ตอนนี้ถ้าถามผมว่า ตัวเลขไหนถูกต้อง
ผมก็ไม่รู้ครับ ต้องขออภัยทานด้วยครับ
แต่ถ้าถามว่าผมเชื่อตัวเลขไหน ก็ขอตอบว่า
ผมยินดีเชื่อตามคติที่ประเทศไทยใช้กันปัจจุบัน คือ ปีนี้ คือ พุทธศักราชที่ ๒,๕๔๙
และที่ผมเชื่อมากที่สุด คือ
วิธีที่ 3 ซึ่งนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถสืบค้นได้
นั่นคือ
3 ) การสืบค้นด้วยญาณทัสสนะ ของผู้บรรลุธรรม ของผู้ที่เข้าถึง อตีตังคสญาณ
ขนาดระลึกชาติเป็นกัป ยังทำได้ กะแค่ระลึกย้อนไป ช่วง 2,300 – 2,500 ปี คงง่ายกว่า
แต่ผมก็ยังไม่เคยทราบว่า ผู้มีรู้ มีญาณ พูดเรื่องการนับปีพุทธศักราช กันอย่างไรบ้าง
อืม วันนี้ผมไปวัดพระธรรมธรรมกาย ทราบข่าวสารจากพระธรรมทายาทรูปหนึ่งว่า
ช่วงนี้พระครูปลัด หลวงน้า สุธรรม สุธมฺโม จาก Australia
เชิญนักวิชาการชาวออสซี่ ราว 30 ท่าน สาขาทางศาสนา ปรัชญาตะวันออก
มาที่วัดพระธรรมกาย กึ่งค้นคว้า / สัมมนา / Brian Storming
เกี่ยวกับประวัติศาสตร์พุทธศาสนาในแถบ โอเชียเนีย และตะวันออกไกล
ทำให้ผมนึกได้ว่า ตั้งแต่ผมเข้ามาศึกษาความรู้ในพระพุทธศาสนาที่วัดพระธรรมกาย
ก็เห็นการค้นคว้าองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในทุกแง่มุม ของวัดมาโดยตลอด
แต่ก่อนผมไม่เคยทราบมาเลยว่า
วัดที่เน้นธรรมปฏิบัติ จะสนใจ ทุ่มเทการศึกษาค้นคว้า ความรู้ที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในทุกแง่มุม
มากขนาดที่วัดพระธรรมกายทำมาตลอดกว่า 20 ปี
ผ่านมากว่า 10 ปี ผมพอเห็นภาพลางๆได้บ้างว่า
การทุ่มเทด้านธรรมปฏิบัติ ควบคู่ด้านปริยัติธรรม +
การสร้างศาสนสถานที่ใหญ่โต แต่เรียบง่าย เน้น มั่นคง แข็งแรง และอรรถประโยชน์ +
การทุ่มเทเผยแผ่พระธรรมทั้งในประดับประเทศจนถึงระดับโลกของวัดพระธรรมกาย
ในระดับประเทศ ก็ส่งเสริมการศึกษาด้านปริยัติธรรม ของนักศึกษาภาษบาลี นักธรรม
เปิดโรงเรียนพระอภิธรรม + ตั้งโครงการมุทิตาสักการะ มหาเปรียญธรรม ๙ ประโยค +
โครงการถวายมหาสังฆทานกว่า 30,000 วัด และ 3,000 วัด , 1,000 วัดอีกหลายครั้ง +
ตั้งโครงการตอบปัญหาธรรมะ ทางก้าวหน้าให้แก่นักเรียน นิสิต จนถึง ครูบาอาจารย์
โครงการอบรมศีลธรรมให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปทั้งคนไทย และชาวต่างประเทศ
ทั้งในระดับนานาชาติ ก็มีโครงการแลกเปลี่ยนความรู้ที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในทุกแง่มุม
กับวัดในนานาประเทศ ทั้งพม่า ศรีลังกา จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ธิเบต กัมพูชา เวียดนาม ฯล
สิ่งเหล่านี้ที่วัดพระธรรมกาย โดยการนำของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธมฺมชโยและหลวงพ่อทตฺตชีโว
ที่ท่านทุ่มเททำมาทั้งหมดล้วนเกี่ยวโยง เป็นสายใย สายสัมพันธ์ ที่จะฟื้นฟูและจรรโลงพระพุทธศาสนา
ให้เป็นคุณประโยชน์แก่มวลมนุษย์ในวงกว้าง ในระดับโลก
แต่ในวันนี้มีคนไทยน้อยคนนักที่จะเห็นคุณประโยชน์ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ สร้างไว้
เพราะงาน Scale ใหญ่มาก Progressive ไม่เร็วอย่างที่ใจนึก
ถ้าปลุกมะม่วง ต้องใช้เวลา 7 ปีจึงออกดอกออกผล
การสร้างบัณฑิตใหม่สักคน ยังใช้เวลา ราว 22 ปี
การสร้างนักวิทยาศาสตร์ที่ดี นักปกครองที่มีคุณธรรม ยิ่งใช้เวลามากกว่านั้น
ก็เป็นธรรมดาที่การสร้างเครือข่ายคนดีที่โลกต้องการ ตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา
ก็ย่อมใช้เวลามากเป็นธรรมดา
#14
โพสต์เมื่อ 19 December 2006 - 05:45 PM
ผู้ที่ทำนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)