ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

สงสัยเรื่องการอโหสิ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ท่านต้นผู้ยิ่งใหญ่

ท่านต้นผู้ยิ่งใหญ่
  • Members
  • 265 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 December 2006 - 12:10 PM

เมื่อวานตอนที่หลวงพ่อฝันในฝัน ที่บอกว่าที่ตาบอดเพราะว่าชาติก่อนเป็นเด็กที่ทำหน้าที่ช่วยดูแลยายที่กำลังป่วย แล้ววันนึงยายใช้ให้ไปหยิบยาหยอดตาแต่ดันไปหยิบมาผิด เลยทำให้ชาตินี้ต้องตาบอด
อยากถามว่า
1.ถ้ายายคนนั้นอะโหสิให้ เด็กยังจะต้องรับกรรมมั้ย?
2.ถ้าอโหสิแล้วยังต้องรับวิบาก ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
3.การอโหสิกรรมนี่หมายความว่าอย่างไรกันแน่ ยกโทษให้,ให้ไม่ต้องรับกรรม หรืออย่างอื่น
4.ถ้าเราผูกเวรกรรมกับใครมาหลายชาติแล้วมาอโหสิกรรมแก่กันในชาตินี้ แต่เรายังจะต้องรับวิบากกรรมที่เราไปทำเขาในชาติที่ผ่านๆมาหรือไม่?

#2 tnawut

tnawut
  • Moderators
  • 2398 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Laksi
  • Interests:Internet, Computer, Electronic, Security, Merit, Meditation, อินเตอร์เน็ต, คอมพิวเตอร์, ทำบุญ, ปล่อยปลา, บูชาเจดีย์, ฝันในฝัน, DOU, หมู่บ้านปฏิบัติธรรม, บวช, บรรพชา, Web, CU, Chula

โพสต์เมื่อ 22 December 2006 - 01:28 PM

จากความรู้อันน้อยนิด... ขอตอบดังนี้ครับ
วิบากกรรม อย่างไรก็ส่งผล... อโหสิกรรม ก็คงยกเว้นการจองเวรซึ่งกันและกัน แต่ผลกรรมตามเรื่องของกฏแห่งกรรมยังไงก็คงมีผล

เร่งสร้างบุญ บารมี ให้บาปไม่ได้ชอ่ง ไม่มีโอกาสส่งผล ทำบุณต่อเนื่อง ทำใจใสใส กรรมจะได้ตามไม่ทันครับ

ขออนุโมทนาบุญครับ

#3 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 December 2006 - 02:25 PM

ผมตอบข้อ ๔ ข้อเดียวครับ

ขอยืมโพสของ พี่ มิราเคิลดรีมที่เคยตอบเอาไว้มาอ้างอิงครับ


แต่ถ้าจะให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด มีแค่ 2 วิธี ครับ คือ
1) คู่กรรมทั้งคู่นั้นต้องได้ไปเจอพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วให้ท่านโปรดสั่งสอนจนบรรลุธรรม (ซึ่งก็คือบรรลุธรรมกายนั่นเอง)
2) ถ้าไม่มีโอกาสเจอพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้องปฏิบัติให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้

ถ้าถูกเวรกันมาหลายชาติคงจะอโหสิกรรมกันยากหน่อยครับ แต่กรรมก็เบาบางลง
ในกรณีเราคงไม่รุ้หรอกว่าใครผูกเวรกับเรามาชาติที่แล้วบ้าง
หยุดคือตัวสำเร็จ

#4 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 December 2006 - 02:32 PM

QUOTE
1.ถ้ายายคนนั้นอะโหสิให้ เด็็กยังจะต้องรับกรรมมั้ย?
ยังต้องรับ
QUOTE
2.ถ้าอโหสิแล้วยังต้องรับวิบาก ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

กฎแห่งกรรมไม่เคยละเว้นใคร แม้จะไร้เดีียงสา
QUOTE
3.การอโหสิกรรมนี่หมายความว่าอย่างไรกันแน่ ยกโทษให้,ให้ไม่ต้องรับกรรม หรืออย่างอื่น
เป็นการให้อภัยผู้กระทำ เพื่อตัดวงจรแห่งการผูกเวรระหว่างผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ อันจะก่อให้เกิดห่วงโซ่แห่งความพยาบาท จองเวร จองล้างจองผลาญซึ่งกันและกันไม่มีที่สิ้นสุด เพราะสิ่งเหล่านี้จะมาตัดรอนการสร้างบารมี
QUOTE
4.ถ้าเราผูกเวรกรรมกับใครมาหลายชาติแล้วมาอโหสิกรรมแก่กันในชาตินี้ แต่เรายังจะต้องรับวิบากกรรมที่เราไปทำเขาในชาติที่ผ่านๆมาหรือไม่?

อย่างไรก็ตามผู้กระทำยังคงรับผลตามกฎแห่งกรรม เพียงแต่ผลนั้นอาจเกิดจากผู้อื่นที่กระทำกรรมเหมือนหรือคล้ายกับเรา เพียงแต่ต่างวาระ ผลจะเบาบาง หรืออาจไม่เกิดในชาตินี้-เลื่อนไปเกิดในชาติอื่น หรือ จะให้ผลในชาติสุดท้าย ขึ้นกับวาระกรรมที่ได้ช่องหรือไม่ในปัจจุบัน

จนกว่าเราจะฝึกตนยกระดับที่สามารถแก้กรรมปรับผังชีวิต ถ้ายังไม่ได้ คงต้องสร้างสั่งสมบุญพิเศษ บุญศักดิ์สิทธิ์ไปกับพระเดชพระคุณฯไปก่อน

ซึ่งหัวหน้าชั้นกับรองฯมักจะบอกกล่าวคำแนะนำของท่านฯเสมอว่า"ความผิดพลาดต่างๆนั้น ลืมให้หมด"ปฏิบัติธรรมเพื่อมิให้บาปได้ช่อง
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#5 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 22 December 2006 - 03:52 PM

ความหมายของคำว่า อโหสิกรรม ในแง่วิชากรรม
เผอิญ เพิ่งเรียน DOU มาน่ะครับ จึงจะขอเล่าเกี่ยวกับ อโหสิกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรม 12 ในแง่วิชาการ (กรณีนี้ไม่เกี่ยวกับคำพูดว่า นึกอโหสิกรรม นะครับ)
ในกรรม 12 จะมีหมวดของกรรมที่ให้ผลตามลำดับเวลา อยู่ 4 อย่างได้แก่ ทิฐธรรมเวทนียกรรม อุปปัชชเวทนียกรรม อปราปริยเวทนียกรรม อโหสิกรรม
1. ทิฐธรรมเวทนียกรรม หมายถึง กรรมที่ให้ผลในชาตินี้ เมื่อผ่านชาตินี้ไปแล้ว กรรมนั้นจะกลายเป็นอโหสิกรรมไป แล้วกรรมต่อไปคือ กรรมที่ให้ผลในชาติหน้าก็จะเข้ามาทำหน้าที่ให้ผลแทนที่
2. อุปปัชชเวทนียกรรม หมายถึง กรรมที่ให้ผลในชาติหน้า เมื่อพ้นชาตินี้ไปแล้ว กรรมนี้ก็จะเข้ามาลุย จนกระทั้งหมดชาติหน้าแล้ว (แม้กรรมจะยังไม่หมด) กรรมนี้ก็จะกลายเป็นอโหสิกรรม แล้วกรรมใหม่ก็จะเข้ามาทำหน้าที่แทน คือ กรรมที่ให้ผลในชาติที่ 3 เป็นต้นไป
3. อปราปริยเวทนียกรรม หมายถึง กรรมที่ให้ผลตั้งแต่ชาติที่ 3 เป็นต้นไป กรรมนี้จะให้ผลไปตลอดจนกว่าจะหมด หรือมีกรรมใหม่ที่มีกำลังแรงกว่ามาให้ผล หรือกลายเป็นอโหสิกรรมไป
4. อโหสิกรรม หมายถึง กรรมที่เลิกให้ผล เพราะหมดกรรม หรือ หมดโอกาสให้ผลอีกต่อไป หรือ หมดเวลาในการให้ผลแล้วเป็นต้น
การหมดเวลาในการให้ผล ก็ดังที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น คือ กรรมปัจจุบันหมดเวลาแล้ว ก็กลายเป็นอโหสิกรรม แล้วกรรมชาติหน้าก็มาให้ผลแทน จนกรรมชาติหน้าหมดเวลา กรรมชาติที่ 3 เป็นต้นไป ก็มาแทนเป็นต้น
การหมดกรรม ก็เช่น กรรมนั้นทำงานจนหมดแม็ค ก็จะกลายเป็นอโหสิกรรม เช่น พ่อหัวหน้าชั้น เคยบูชาเจดีย์ตามเพื่อน ชาติต่อมา รวยมากๆ ชาติต่อๆมา รวยมาก ชาติต่อๆมา รวย ชาติต่อๆมา เกือบรวย ชาตินี้ เกือบจน แต่ไม่ตกอบายเป็นต้น พอหมดกำลังกรรมนี้เมื่อไหร่ เมื่อนั้นกรรมนี้ก็จะกลายเป็นอโหสิกรรม
การหมดโอกาสให้ผลอีกต่อไป ก็ได้แก่ การหมดกิเลส บรรลุธรรม กรรมที่เคยทำๆ มาก็กลายเป็นอโหสิกรรมไปครับ เช่น องคุลีมาล ฆ่าคนเป็นพัน แต่กลายเป็นอโหสิกรรม เพราะท่านเป็นพระอรหันต์ หรือ โชติกเศรษฐี พอบวชเป็นพระบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ บุญสมบัติจักรพรรด์ ก็กลายเป็นอโหสิกรรมไป เพราะหมดโอกาสให้ผลเป็นต้น

สรุป อโหสิกรรม จะเลิกให้ผล ก็เฉพาะ 3 กรณีนี้เท่านั้น คือ หมดกำลังกรรม หรือ หมดเวลา หรือ หมดโอกาส ครับ ส่วนกรรมนึกอโหสิให้ ตามหลักวิชาการ ไม่ได้ช่วยให้กรรมนั้น กลายเป็นอโหสิกรรม แค่เลิกผูกเวรกัน ดังที่ข้างต้นโพสมาเท่านั้น แต่ก็ควรอโหสิต่อกัน เพราะถ้าเลิกผูกเวร ก็เลิกสร้างกรรมชั่วใหม่ต่อกันได้อีกนับภพไม่ถ้วน ซึ่งหากยังสร้างกรรมชั่วต่อกันอยู่โอกาสพลาดพลั้งเช่น เคสนี้มีสูงมาก คือ

ลูกชายชาตินี้ ชาติก่อนเป็นลูกน้อง แต่ลอบเป็นชู้กับเจ้านาย ตอนหลังลูกน้องแอบไปมีกิ๊ก เจ้านายโมโห เพ็ดทูลให้พระราชาสั่งประหาร ลูกน้องผูกโกรธ จะขอฆ่าบ้าง ชาตินี้ลูกน้องมาเกิดเป็นลูกชายโรคจิต ส่วนเจ้านายมาเกิดเป็นแม่ ด้วยกรรมที่ผูกเวรไว้ จึงบังคับให้ลูกชายฆ่าแม่ เป็นอนันตริยกรรม รับผลหนักมหาศาล เหตุเพราะเริ่มต้นผูกเวรไว้แท้ๆ

ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย เวรกรรม เวรกรรม
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#6 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 22 December 2006 - 04:42 PM

ขอร่วมแสดงควาคิดเห็นรวมๆนะครับ
แม้กฎแห่งกรรม สามารถอโหสิกรรมกันได้ก็จริง แต่ก็ทำให้ตัดแค่วงจรการจองเวรของคู่กรณีเท่านั้น
แต่ล้างบาปที่ทำไว้ไม่ได้ จึงยังมีวิบากบาปคอยตามล้างผลาญคนที่เคยทำบาปอยู่

QUOTE
1.ถ้ายายคนนั้นอะโหสิให้ เด็กยังจะต้องรับกรรมมั้ย?

วิบากมีอยู่ ถ้าบุญหย่อนและบาปได้ช่อง
จนบุญคุ้มครองหรือต้านทานวิบากบาปศักดิ์สิทธิ์ไว้ไม่ไหว เด็กคนนั้นต้องรับกรรมแน่นอน


QUOTE
2.ถ้าอโหสิแล้วยังต้องรับวิบาก ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

ก็เพราะกฎ/ภัยในวัฎฎสงสารเค้าไม่ยอม
เหมือนคดีความบนโลกเรา โจทย์อาจไม่ติดใจเอาความจำเลย
แต่ตำรวจ/อัยการ ไม่ยอมด้วย จำเลยก็ต้องถูกฟ้องหรือตัดสินให้รับโทษไป


QUOTE
3.การอโหสิกรรมนี่หมายความว่าอย่างไรกันแน่ ยกโทษให้,ให้ไม่ต้องรับกรรม หรืออย่างอื่น
ดังที่พี่หัดฝัน ตอบไว้ดีแล้วครับ

QUOTE
4.ถ้าเราผูกเวรกรรมกับใครมาหลายชาติแล้วมาอโหสิกรรมแก่กันในชาตินี้
แต่เรายังจะต้องรับวิบากกรรมที่เราไปทำเขาในชาติที่ผ่านๆมาหรือไม่


รับแต่เบากว่ากันเยอะเลย อุปมาเหมือน เว้นโทษประหารชีวิต แต่ต้องติดคุกตลอดชีวิต
หรือ ติดคุก 1 ปี หรือ รอลงอาญา เมื่อไม่มีกรรมอื่นส่งผล เศษกรรมนี้จึงส่งผล เป็นต้น


*** เป็นความเข้าใจส่วนตัว โปรดใช้ปัญญาและวิจารณญาณ กันเองนะครับ

#7 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 22 December 2006 - 04:55 PM

ไม่ได้แสดงความเห็น แต่มีคำถามครับ

ถ้าปฏิบัติจนบรรลุถึงธรรมกายแล้ว จะเป็นการตัดวิบากกรรมทั้งหมด แล้วทำไม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระสาวกบางองค์ ยังได้รับเศษกรรมต่างๆอยู่ครับ เช่น พระโมคคัลลานะถูกโจรทุบ ...และ




#8 พักผ่อน

พักผ่อน
  • Members
  • 422 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 22 December 2006 - 10:38 PM

คงคล้าย ๆ คดีแพ่งกับคดีอาญามังครับ แม้คดีแพ่งจะยอมความแล้ว แต่คดีอาญาก็ยังต้องรับอยู่ และจะให้อโหสิกรรมกันอย่างเด็ดขาดนี่คงจะยากครับ ถ้าผู้นั้นไม่ได้เข้าถึงธรรม

#9 panu

panu
  • Members
  • 530 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 December 2006 - 09:19 AM

ถ้าปฏิบัติจนบรรลุถึงธรรมกายแล้ว จะเป็นการตัดวิบากกรรมทั้งหมด แล้วทำไม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระสาวกบางองค์ ยังได้รับเศษกรรมต่างๆอยู่ครับ เช่น พระโมคคัลลานะถูกโจรทุบ ...และ

เรื่องผลของกรรมเป็นเรื่องลึกซึ้ง ยากต่อปัญญา ของปุถุชนที่จะเข้าใจให้ท่องแท้

เพราะผลของกรรมและการส่งผล มีหลายชั้น หลายกรรม หลายวาระ หลายจังหวะ โอกาส ปัจจัย ฯ

เรื่อง บรรลุธรรมกาย และเข้าถึงวิชชาธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เป็นเรื่องลึกซึ้งมากๆๆ





#10 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 23 December 2006 - 09:30 AM

การให้ผลของกรรมเป็นเรื่องอจินไตย ครับ
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก

#11 nut33

nut33
  • Members
  • 142 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Bangkok
  • Interests:http://www.dhammakaya.tv
    http://www.dhammakaya.biz

    android Application ธรรมกาย
    https://play.google.com/store/apps/details?id=com.conduit.app_96f25c33fb1b4867b3b98cc85a26a854.app

โพสต์เมื่อ 24 December 2006 - 02:49 AM

nerd_smile.gifใช่ครับ วิบากกรรมอยู่ใน อจินไตย

อจินไตยทั้ง ๔ ประการนี้ประกอบไปด้วย
1. พุทธวิสัย คือความรู้ความสามารถของพระพุทธเจ้านั้นเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถที่จะหยั่งถึง เข้าใจได้ว่าทำไมพระพุทธเจ้าจึงทรงรู้ ทรงเห็น ทรงมีความสามารถมากมายก่ายกอง ผิดจากมนุษย์คนธรรมดาสามัญ
2. ฌานวิสัย คือเรื่องของฌานสมาบัติ เช่นทำไมคนเราบางคนถึงเข้าฌานนั่งอยู่เฉยๆ ได้เป็นวันๆ โดยที่ไม่ต้องกินข้าวไม่ต้องหลับไม่ต้องนอน สิ่งนี้เป็นเรื่องของผู้ปฏิบัติเท่านั้นจะรู้ จะเข้าใจได้ ถ้าคนที่ไม่เคยประพฤติปฏิบัติมานั่งคิด นอนคิดยังไงก็ไม่สามารถเข้าใจได้ อย่างพวกเรานี้ เพียงแต่นั่งเฉยๆ แค่ ๑๕ นาที หรือครึ่งชั่วโมงก็จะนั่งกันไม่ได้อยู่แล้ว แล้วทำไมคนบางคนจึงนั่งหลับตานิ่งเฉยอยู่เป็นวันๆได้ นี้คือการเข้าฌานสมาบัติ ซึ่งไม่ใช่เป็นสิ่งที่ปุถุชนคนธรรมดาสามัญจะเข้าใจได้
3. กรรมวิสัย เรื่องของกรรมนี้เป็นเรื่องที่เหนือวิสัยของมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาจะเข้าใจได้ว่า เมื่อทำกรรมอันหนึ่งอันใดไว้แล้ว ผลที่จะตามมานั้นจะเป็นอย่างไร หรือการที่มนุษย์หรือสัตว์ทั้งหลายที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์หรือเป็นสัตว์ในโลกนี้นั้น ได้กระทำอะไรมาในอดีต เรื่องนี้เราไม่สามารถที่จะรู้เห็นได้ เพราะเป็นเรื่องข้ามภพข้ามชาติ พวกเราเห็นได้แต่สิ่งที่เป็นอยู่ในชาตินี้เท่านั้นเอง แต่เราไม่รู้ว่าชาติก่อนมีจริงหรือเปล่า ชาติหน้ามีจริงหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถจะรู้ได้จากความนึกคิดของเราเอง แต่เป็นสิ่งที่จะรู้ได้จากการประพฤติปฏิบัติธรรมเท่านั้น คือต้องนั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนาเท่านั้น จึงจะเข้าสู่ความจริงอันนี้ได้

4. โลกวิสัย คือเรื่องของความเป็นมาของโลกนี้ ว่าโลกนี้เป็นมาอย่างไร เกิดขึ้นมาได้อย่างไร มีใครเป็นคนสร้างมาหรือเปล่า หรือไม่มีคนสร้าง เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องที่เหนือวิสัยของมนุษย์ที่จะสามารถรู้เห็นได้ เลยกลายเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันไปต่างๆนานา บางคนก็ว่ามีพระเจ้าสร้างโลกขึ้นมา บางคนก็บอกว่าไม่มีพระเจ้า ไม่มีใครสร้างโลก เป็นเรื่องของเหตุ เป็นเรื่องของปัจจัย เป็นเรื่องของธาตุทั้ง ๖ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุ และวิญญาณธาตุ เมื่อเกิดปฏิกิริยาขึ้นมาก็ทำให้เกิดเป็นโลก เป็นดาว เป็นเดือน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล อย่างนี้เป็นต้น เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมา

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
http://www.dhammakaya.tv

#12 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 26 December 2006 - 11:34 AM

แรงใดย่อมไม่เท่าแรงกรรม นี้เป็นเรื่องแน่นอนครับ ทีนี้ที่คุณสิริปโภ ถามว่า เหตุไฉน พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ ท่านปฏิบัติธรรมจนบรรลุะรรมแล้ว ทำไมกรรมที่ยังเหลืออยู่ ไม่กลายเป็นอโหสิกรรมไปทั้งหมดล่ะ ผมคิดว่า เป็นเรื่องของแรงกรรม หรือ กำลังกรรมนั่นแหละครับ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
1. ถ้ากรรมนั้น เป็นกรรมที่เพิ่งเริ่มต้นทำในชาตินี้ และไม่ได้มีกรรมแรงมหาศาล ซึ่งแรงกรรมส่วนไหน เตรียมส่งแรงในชาติหน้า และชาติต่อๆไป เป็นหลัก ทีนี้พอชาตินี้บรรลุธรรม กรรมที่ว่านี้ก็กลายเป็นอโหสิกรรมทันทีครับ เช่น พระองคุลีมาล ก่อนเป็นพระเคยฆ่าคนตายเกือบพันคน ถือว่า เป็นกรรมที่แรงมากพอควร แต่ยังไม่แรงมหาศาล เพราะไม่ได้ฆ่าพระ ฆ่าพ่อแม่ แต่แรงกรรมฆ่าคนเหล่านี้ จะเตรียมให้ผลเป็นหลักในชาติต่อๆไป ดังนั้น พอท่านบรรลุธรรม กรรมเหล่านี้ ก็เลยกลายเป็นอโหสิกรรมครับ
2. ถ้ากรรมนั้น เป็นกรรมที่ทำมานานหลายภพหลายชาติแล้ว และกรรมยังคงส่งผลต่อเนื่องมาทุกชาติ แต่ก็ไม่ใช่กรรมที่แรงมากเท่าไหร่ เมื่อบรรลุธรรม กรรมนี้ก็กลายเป็นอโหสิกรรมทันทีครับ ดังเช่นพระจุลปัณถก ชาติในอดีต เคยไปพูดจาดูถูก เพื่อนพระว่าโง่ ทำให้เพื่อนพระน้อยใจ สึกออกไป ชาติต่อๆมา พระจูลปัณถก กลายเป็นคนโง่ทุกชาติๆ จนกระทั่งชาติสุดท้ายก็ยังโง่ แต่พระพุทธเจ้าโปรดจนบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ทำให้กรรมที่ทำให้โง่กลายเป็นอโหสิกรรม หลังบรรลุธรรม ท่านฉลาดเลิศล้ำขึ้นมาทันที

3. แต่ถ้ากรรมนั้น เป็นกรรมที่ทำมานานหลายชาติแล้ว แต่มีกำลังแรงมหาศาล พอชาตินี้บรรลุธรรม ก็ยังคงต้องรับผลกรรมต่อไปเป็นชาติสุดท้าย แต่ชาติหน้าก็กลายเป็นอโหสิกรรมครับ เช่น พระโมคคัลลานะ ฆ่าพ่อแม่ เป็นกรรมหนักมาก ทำให้ถูกฆ่าทุกชาติเลย ชาตินี้หากท่านไม่บรรลุธรรม เกิดชาติต่อไปๆ ท่านก็ยังจะต้องถูกฆ่าไปตลอด ครั้นชาตินี้ท่านบรรลุธรรม ด้วยกรรมที่หนักแรงมากนี้ ท่านก็ยังคงต้องถูกฆ่า แต่หลังจากชาตินี้ก็จะกลายเป็นอโหสิกรรมครับ
หรือแม้แต่พระบางรูป ในอดีตแกล้งไม่ให้ญาติโยมใส่บาตรพระอรหันต์ ทำให้ท่านอดอาหารทุกชาติ ชาติสุดท้ายบรรลุธรรมแล้วก็ยังต้องอดอาหาร แต่หลังชาติสุดท้าย กรรมที่เหลือจะกลายเป็นอโหสิกรรมครับ





ขอแก้คำผิดที่ว่า
1. ถ้ากรรมนั้น เป็นกรรมที่เพิ่งเริ่มต้นทำในชาตินี้ และไม่ได้มีกรรมแรงมหาศาล ซึ่งแรงกรรมส่วนไหน

ขอแก้เป็น
1. ถ้ากรรมนั้น เป็นกรรมที่เพิ่งเริ่มต้นทำในชาตินี้ และไม่ได้มีกรรมแรงมหาศาล ซึ่งแรงกรรมส่วนใหญ่
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร