ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 1 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2192 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 26 December 2006 - 12:41 PM

ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน เสรีวชาดก


เมื่อพระพุทธเจ้าเสวยชาติเป็นพระโพธิสัตว์ชาติหนึ่งนั้น ท่านได้เกิดเป็นพ่อค้าผู้มีความซื่อตรง เป็นบัณฑิต ประกอบอาชีพด้วยความสุจริตไม่คดโกงใคร ครั้งหนึ่งท่านได้เดินทางไปร่วมทำการค้าขายกับเพื่อนๆ โดยเดินทางไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เพื่อ รับซื้อของเก่า หากเป็นสมัยนี้คงจะเป็นอย่างที่มีพ่อค้าถีบซาเล้ง แล้วร้องบอกว่า มีขวด กระดาษ เศษเหล็ก หนังสือพิมพ์มาขายกระมัง หรือ อาจจะเป็นรถปิคอัพ ที่มีเครื่องกระจายเสียงรับซื้อของเก่านานาชนิด เพื่อนที่ไปด้วยกัน แยกย้ายออกไปในที่ต่างๆ ตามตรอกซอกซอย

เพื่อนพ่อค้าคนหนึ่ง มีอุปนิสัยเป็นคนโกง ชอบเอารัดเอาเปรียบ เมื่อได้ไปที่บ้านของยายหลานคู่หนึ่ง ก็ร้องตะโกนให้เอาของเก่ามาขาย ยายหลานได้ยิน ก็ปรึกษาหารือกัน ว่าจะขายถาดเก่าๆในหนึ่ง เป็นสิ่งที่พอจะมีค่าที่สุดที่มีอยู่ จึงร้องบอกพ่อค้าเจ้าเล่ห์นั้นว่า เราจะขายถาดใบหนึ่ง กรุณามาตีราคาให้หน่อยเถิด พ่อค้าคนโกงนั้น ได้หยุดที่บ้านยายหลาน และ รับถาดเก่าๆใบนั้นมาดู เนื่องจากเป็นถาดเก่าแก่ เก็บเอาไว้นานแล้ว ฝุ่นจับ จึงดูเก่าคร่ำคร่า พ่อค้าเจ้าเล่ห์ รับถาดใบนั้นมาตรวจดู แล้วก็รู้ว่า เป็นถาดทองคำแท้ๆ ด้วยอุปนิสัยที่คดโกง มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่อยากจะเสียเงินจำนวนมากเพื่อซื้อถาดใบนั้น จึงแสร้งทำเป็นว่า ถาดใบนี้ไม่มีคุณค่าอะไร แล้วก็โยนถาดทองคำทิ้ง .... เรียกได้ว่า ทำเป็นลีลา แหม..ให้ดูว่า ก็งั้นๆแหละ ของไม่มีค่าอะไร แล้วก็ทำเป็นไม่สนใจ เดินจากไป พร้อมกับทิ้งคำพูดไว้ว่า ....โอ๊ย ถาดอะไรนี่ เก่าก็เก่า สกปรกก็สกปรก ไม่มีราคาค่างวดอะไรหรอก... ทำเป็นไม่สนใจ แล้วก็จากไป...

พ่อค้าเจ้าเล่ห์จากไป แล้วก็คิดว่า เดี๋ยวเราค่อยหวนกลับไปรับซื้อ ทำเป็นสงสาร จะได้ซื้อได้ราคาถูกๆ อะไรประมาณนี้แหละ.. เรียกได้ว่า เหลี่ยมจัดนะนี่

ต่อมาสักพักหนึ่ง พ่อค้าผู้ซื่อสัตย์ ก็เดินร้องบอกขอรับซื้อของเก่า ผ่านมาทางบ้านยายหลานคู่นี้เหมือนกัน ยายหลานก็ปรึกษากันว่า จะลองถามพ่อค้าคนนี้ดูทีรึ เห็นว่า พูดจาสุภาพอ่อนโยน แหม เรียกว่า ความประทับเมื่อแรกสัมผัส ได้ฟังเสียงก็ชื่นใจ วาจาสุภาพอ่อนโยน

หลานจึงร้องเรียกว่า ท่านพ่อค้า เชิญมาดูถาดใบนี้หน่อยเถิด ว่าพอจะมีราคาสักเท่าใด
เมื่อพ่อค้าผู้ซื่อสัตย์รับถาดใบนั้นมาแล้ว ทำการตรวจดูด้านหลังด้วยการใช้เข็มขูดดู ก็รู้ว่า ถาดใบนี้ เป็นถาดทองคำแท้ๆ เป็นถาดใบใหญ่ และหนักมาก มีค่ามากมายเป็นแสนทีเดียว จึงบอกตามความจริงว่า ยายจ๋า....ถาดของยายใบนี้ เป็นถาดทองคำแท้ๆ มีราคามากมายเหลือเกิน เงินที่กระผมมีอยู่ รวมทั้งสิ่งของต่างๆ ที่ผมนำมาด้วยนี่ ไม่อาจจะซื้อถาดใบนี้ได้หรอกจ้ะยาย....

ยายได้ฟังเช่นนั้น ก็ดีใจมาก โอ..หนอ... ที่เราคิดว่า ถาดเก่าแก่ใบนี้มีราคาก็เป็นจริง แต่ไม่คาดคิดว่า ราคาจะสูงถึงเพียงนี้ พร้อมทั้งประทับใจ ในความซื่อสัตย์ของพ่อค้าใจซื่อผู้นี้ จึงตกลงใจจะขายถาดใบนี้ให้แก่พ่อค้าผู้นี้ ยายจึงบอกว่า เจ้าจงซื้อถาดใบนี้ไปเถิด เราขอเงินตามสมควรที่เจ้ามีก็แล้วกันพร้อมกับเล่าให้ฟังว่า เมื่อสักครู่ มีพ่อค้ามาตรวจดูถาดนี้ก่อน และ บอกตนว่าอย่างไร

พ่อค้าผู้ซื่อสัตย์จึงบอกว่า ทั้งเนื้อทั้งตัวผมมีเงินอยู่เพียง ๕๐๐ กหาปณะ กหาปณะหนึ่งมีราคาเท่ากับ ๔ บาท และของต่างๆ ที่ผมมีอยู่นี้ ก็มีราคาประมาณ ๕๐๐ กหาปณะ เช่นเดียวกัน รวมทั้งสิ้นทั้งเงินทั้งของก็ประมาณ ๑๐๐๐ กหาปณะ ยายจะรับมั้ยครับ.....

ยายบอกว่า ตกลง ตามราคานี้แหละ
พ่อค้าผู้ซื่อสัตย์จึงได้ถาดทองคำใบนั้นไป เมื่อได้ถาดแล้ว เขาก็เดินทางไปยังฝั่งน้ำ และขึ้นเรือเพื่อข้ามไปฝั่งตรงกันข้าม

ฝ่ายพ่อค้าผู้คิดคดนั้น หลังจากทำเป็น ลีลา ไปสักพักหนึ่งแล้ว ก็หวนกลับไปยังบ้านยายหลาน ด้วยคิดจะไปเอาถาด และ มอบเงินให้เขาสักเล็กน้อย แต่เมื่อไปถึง ยายบอกว่า เจ้าโกหกข้าทำไม ... เมื่อกี้นี้ เจ้าบอกว่า ถาดของเข้าเป็นถาดไม่มีราคาค่างวด ที่ไหนได้ พ่อค้าใจซื่อเมื่อกี้ ได้บอกความจริงแก่ข้าหมดแล้วว่า ถาดของข้าเป็นทองคำแท้ มีราคามากมายมหาศาล ด้วยความซื่อสัตย์จริงใจของเขา ข้าก็ได้ขายถาดทองให้เขาไปแล้ว ได้เงินมาราว ๑๐๐๐ กหาปณะ

ได้ยินเช่นนั้น พ่อค้าใจคด จิตตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ใจหาย เสียดายถาด ทิ้งข้าวของอื่นๆ ที่เพิ่งจะรับซื้อมาตกเกลื่อนกลาด รีบเดินไปยังฝั่งน้ำเพื่อตามตัวพ่อค้าใจซื่อ เมื่อไปถึงฝั่ง เรือแจวได้ออกไปเกือบจะถึงอีกฝั่งแล้ว พ่อค้าใจคดได้ร้องตะโกนว่า เรือจ้างกลับมาก่อน แต่พ่อค้าใจซื่อได้บอกว่า ไม่ต้องกลับไปหรอก..จงมุ่งหน้าต่อไป

ฝ่ายพ่อค้าใจคด ด้วยความเสียดายลาภก้อนใหญ่ ที่สูญไปต่อหน้าต่อตา เพราะความคดของตนเองเป็นเหตุ เสียใจหนัก ถึงกับ กระอักออกมาเป็นโลหิต โลหิตสดๆ ไหลออกมาจากปาก และได้ผูกอาฆาตจองเวรพ่อค้าใจซื่อเอาไว้อย่างหนัก ก่อนจะล้มลงขาดใจตาย

ชาดกเรื่องนี้ เป็นต้นเหตุที่ทำให้พระเทวทัตผูกอาฆาตพระพุทธเจ้ามาทุกๆชาติ
สรุปชาดก พ่อค้าใจคดนั้น ได้มาเป็นพระเทวทัต ส่วนพ่อค้าใจซื่อ ก็ได้มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้านั่นเอง

อ่านเรื่องนี้จบลง ทำให้ได้ข้อคิดว่า ซื่อกินไม่หมด คิดกินไม่นานจริงๆ ...
ที่มา : พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙

#2 สาคร

สาคร
  • Members
  • 764 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 December 2006 - 02:47 PM

เคยอ่านเจอมาเหมือนกัน นี่แหล่ะคือตัวอย่างที่ดีของผมเลยครับ คิดดีทำดี ยิ่งรวย เอาแต่ได้เห็นแก่ตัว ยิ่งจน
ความรักความเมตตาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่คนดีเขามีกัน


[email protected]