ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

The five boons of life / by Mark Twain


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
ไม่มีการตอบกลับในกระทู้นี้

#1 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 27 December 2006 - 11:04 AM

The five boons of life
by Mark Twain

พรชีวิตห้าประการ โดย มาร์ก ทเวน

http://www.wanakam.com/


บทที่ 1

เมื่อครารุ่งอรุโณทัยแห่งชีวิต เทพธิดาผู้ทรงไว้ซึ่งความดีได้มาเยือนพร้อมกับตะกร้าใบหนึ่ง
และเอื้อนเอ่ยวาจาว่า
"นี่คือของขวัญต่างๆหลายสิ่ง เธอจงเลือกเอาไปอย่างหนึ่ง เหลือสิ่งอื่นเอาไว้
แต่ต้องระวังนะ พยายามเลือกอย่างใช้สติปัญญา เลือกอย่างชาญฉลาด
เพราะมีอย่างเดียวเท่านั้นที่เป็นสิ่งมีค่า"


ของขวัญมีอยู่ห้าสิ่งด้วยกัน ได้แก่

ความมีชื่อเสียง ความรัก
ความร่ำรวย ความสนุกสนานรื่นเริง และความตาย


มาณพน้อยกล่าวขึ้นอย่างกระตือรือร้น
"ไม่เห็นจะต้องคิดเลย” แล้วเขาก็เลือกความสนุกสนานรื่นเริง
เขาก้าวเข้าสู่โลกกว้าง และพยายามเสาะแสวงหาความสนุกสนานรื่นเริงตามประสาที่เด็กหนุ่มทั้งหลายชื่นชอบ แต่ความสนุกสนานรื่นเริงที่เขาได้รับแต่ละอย่างดำรงอยู่ในช่วงเวลาอันสั้น และทำให้ผิดหวัง ไร้แก่นสาร และว่างเปล่า แต่ละสิ่งดูเหมือนจะผ่านจากไปพร้อมกับคำเยาะเย้ย ในที่สุดเขากล่าวขึ้นกับตนเองว่า
"เราได้พร่าเวลาให้สูญเปล่าไปเสียหลายปี ถ้าเราสามารถเลือกใหม่ได้ เราจะเลือกอย่างฉลาด"

CHAPTER I
In the morning of life came a good fairy with her basket, and said:
"Here are gifts. Take one, leave the others. And be wary, chose wisely;
oh, choose wisely! for only one of them is valuable."


The gifts were five: Fame, Love, Riches, Pleasure, Death.
The youth said, eagerly:
"There is no need to consider"; and he chose Pleasure.
He went out into the world and sought out the pleasures that youth delights in.
But each in its turn was short-lived and disappointing, vain and empty;
and each, departing, mocked him. In the end he said:
"These years I have wasted. If I could but choose again, I would choose wisely.

บทที่ 2

เทพธิดาได้มาปรากฏกายขึ้นและกล่าวว่า
"ยังมีของขวัญเหลืออยู่อีกสี่อย่างให้เธอเลือกอีกครั้ง จำเอาไว้ด้วยนะว่า
เวลาผ่านพ้นไปรวดเร็วเหมือนติดปีกบิน แล้วก็มีของเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เป็นสิ่งมีค่า"

ชายหนุ่มใช้เวลาคิดอยู่เป็นนาน ในที่สุดก็เลือกความรัก เขาไม่ทันสังเกตเห็นอัสสุชลที่เอ่อล้นออกมาจากดวงเนตรของเทพธิดา
เวลาผ่านพ้นไปอีกหลายต่อหลายปี ชายผู้นั้นนั่งอยู่ใกล้ๆโลงศพ ภายในบ้านซึ่งว่างเปล่า เขารำพึงรำพันกับตนเองโดยพูดขึ้นว่า
"คนที่เรารักต่างก็ทิ้งจากเราไปคนแล้วคนเล่า
แล้วนี่ เธอผู้เป็นสุดที่รัก และเป็นคนสุดท้ายของเรา
นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ ณ ที่นี่ ความโศกเคร้าระทมทุกข์ได้มาเยือนเราครั้งแล้วครั้งเล่า
ความรักเปรียบเสมือนนายพาณิชเจ้าเล่ห์ที่ขายความสุขให้กับเรา
ความสุขแต่ละชั่วโมงที่เราได้รับ ต้องแลกเปลี่ยนด้วยความโศกาอาดูรนับพันชั่วโมง
เราขอสาปส่งนายพานิชเจ้าเล่ห์ จากก้นบึ้งของหัวใจ"


CHAPTER II
The fairy appeared, and said:
"Four of the gifts remain. Choose once more; and oh, remember-time is flying,
and only one of them is precious."

The man considered long, then chose Love;
and did not mark the tears that rose in the fairy's eyes.
After many, many years the man sat by a coffin, in an empty home.
And he communed with himself, saying:

"One by one they have gone away and left me; and now she lies here,
the dearest and the last. Desolation after desolation has swept over me;
for each hour of happiness the treacherous trader, Love,
as sold me I have paid a thousand hours of grief.
Out of my heart of hearts I curse him."


บทที่ 3

"เลือกอีกสิ" เป็นเสียงพูดของเทพธิดา
"เชื่อแน่ว่า เวลาหลายปีที่ผ่านไปคงจะสอนให้เธอเฉลียวฉลาดขึ้น ยังมีของขวัญเหลืออยู่อีกสามสิ่ง มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เป็นของมีค่า...ขอให้เธอจำเอาไว้ด้วย และจงเลือกอย่างฉลาด"
ชายผู้นั้นครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน แล้วเลือกความมีชื่อเสียง เทพธิดาทอดถอนหายใจแล้วก็จากไป
วันวารผ่านไปหลายปีหลังจากนั้น เทพธิดากลับมาปรากฏกายอีก เธอยืนอยู่ข้างหลังชายผู้นั้นซึ่งกำลังนั่งสะท้อนคิดถึงสิ่งต่างๆ อยู่แต่ผู้เดียว ในยามซึ่งทิวาวารกำลังจะสิ้นสุดลง เทพธิดาทราบดีถึงสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่

"กิตติศัพท์ชื่อเสียงของเราขจรขจายไปทุกหนทุกแห่งทั่วสากลพิภพ ผู้คนต่างพากันสรรเสริญ แซ่ซ้องสาธุการแก่เราด้วยศัพท์สำเนียง เป็นภาษาต่างๆทุกภาษาบรรดามี
การณ์ก็ดูเหมือนจะดีอยู่แค่เพียงช่วงเวลาอันสั้น เป็นเวลาที่สั้นเสียจริงๆ

ต่อจากนั้นก็บังเกิดมีความอิจฉาริษยา แล้วก็ติฉินนินทา แล้วก็ใส่ร้ายป้ายสี แล้วก็เกลียดชัง
แล้วก็กลั่นแกล้ง และแล้วก็การเยาะเย้ยถากถางอันเป็นจุดเริ่มต้นของอวสาน
ในท้ายที่สุดก็เป็นความสมเพชเวทนา ซึ่งเป็นประหนึ่งเชิงตะกอนของความมีชื่อเสียง

โอ้ อนิจจา ความขื่นขมระทมใจของการมีชื่อเสียง ที่เป็นเป้านิ่งของการถูกสาดโคลนอันโสโครกในช่วงที่บุญวาสนาอยู่ในจุดสูงสุด เ
ป็นเป้าของการดูหมิ่นดูแคลน และความเวทนาสงสาร
ในยามที่กิตติศัพท์ชื่อเสียงทรุดโทรมเสื่อมสลาย"


CHAPTER III
"Choose again." It was the fairy speaking.
"The years have taught you wisdom -- surely it must be so.
Three gifts remain. Only one of them has any worth --
remember it, and choose warily."


The man reflected long, then chose Fame;
and the fairy, sighing, went her way.
Years went by and she came again,
and stood behind the man where he sat solitary in the fading day, thinking.
And she knew his thought:

"My name filled the world, and its praises were on every tongue,
and it seemed well with me for a little while. How little a while it was!
Then came envy; then detraction; then calumny; then hate; then persecution.

Then derision, which is the beginning of the end.
And last of all came pity, which is the funeral of fame.
Oh, the bitterness and misery of renown! target for mud in its prime,
for contempt and compassion in its decay."


บทที่ 4

"เลือกใหม่อีกครั้งสิ" เป็นเสียงพูดของเทพธิดา
"ยังเหลือของขวัญอยู่อีกสองอย่าง ไม่ต้องท้อถอยหมดกำลังใจ
ของที่มีค่าเพียงสิ่งเดียวตั้งแต่ต้น เดี๋ยวนี้ก็ยังอยู่"


"ความร่ำรวย...นี่แหละคืออำนาจ ทำไมดวงตาเราถึงได้มืดมัวบอดมิดไปได้"
ชายผู้นั้นกล่าว
"เอาละ ในที่สุด ชีวิตจะมีค่าสมควรแก่การยืนชีพอยู่ต่อไป เราจะใช้เงินอย่างไม่เสียดาย
เราจะซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า เราจะทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงพรึงเพริด ผู้ที่เคยเยาะเย้ย เกลียดชังเรา จะต้องพากันลงไปคลุกคลานท่ามกลางฝุ่นธุลี อยู่ต่อหน้าเรา
ดวงใจที่หิวโหยของเรา จะดื่มด่ำเสพความอิจฉาริษยาของคนพวกนั้น ต่างภักษาหาร
เราจะเป็นเจ้าของสิ่งทั้งปวงที่โอ่อ่าหรูหรา
สิ่งซึ่งนำมาซึ่งความสุขใจ น้อมนำให้ดวงจิตหลงใหลประหนึ่งต้องมนตรา
สิ่งซึ่งบำรุงบำเรอให้สังขารร่างกายมีความสุขเท่าที่มนุษย์จะนึกหวังได้
เราจะชื้อๆ ๆ ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความนับถือ ยกย่อง เคารพบูชาของผู้คนทั้งหลาย...

เราจะซื้อความสง่างามจอมปลอมแห่งชีวิตเท่าที่โลกตื้นเขินจะมีเสนอ
เราเสียเวลาไปมากแล้ว เมื่อก่อนนั้นเราเลือกผิดไป แต่สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ช่างเถิด
ก่อนหน้านี้เราช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย จึงเลือกเอาสิ่งที่หลงคิดว่าเป็นของดีที่สุด”


เวลาผ่านไปสามปีอย่างรวดเร็ว
และอยู่มาวันหนึ่ง ชายผู้นั้นนั่งตัวสั่นเทิ้มอยู่ในห้องซอมซ่อ ใต้หลังคา
สารรูปผอมโซหนังหุ้มกระดูก ผิวกายซีดเผือดอมโรค ดวงตาลึกโหลอยู่ในเบ้า เ
สื้อผ้าที่ห่อหุ้มเนื้อตัวขาดวิ่นเป็นริ้ว กำลังแทะขนมปังที่ค้างเก่าจนแข็งกระด้าง
เขาบ่นรำพันกับตัวเองว่า
"ขอสาปแช่งของขวัญทั้งหลายในโลก ในฐานะเป็นสิ่งล่อลวง เป็นมายาเท็จที่แปลงรูปมาล่อ ผู้คนทุกรูปทุกนามเรียกขานกันอย่างผิดๆ
สิ่งเหล่านั้นมิใช่ของขวัญ เป็นเพียงของที่ให้หยิบยืมมาต่างหาก
ความสนุกสนาน ความรัก ความมีชื่อเสียง ความร่ำรวย
เป็นเพียงภาพลวงชั่วครู่ชั่วยามของสิ่งที่จีรังยั่งยืน
คือความเจ็บปวดรวดร้าว ความโศกาอาดูร ความอัปยศอดสู ความยากจนข้นแค้น

สิ่งที่เทพธิดากล่าวนั้นเป็นความจริง ของขวัญที่เทพธิดานำมามีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่มีค่า
มีค่าอย่างหาอะไรเทียบมิได้ เรารู้แล้วว่าสิ่งอื่นๆ นั้นล้วนแล้วเป็นของเลวทรามไร้ค่า ไร้ราคา
เมื่อเทียบกับสิ่งที่มีค่า สิ่งที่น่าทะนุถนอม หวาน ชื่น มีเมตตา

สิ่งนั้นคือนิทราอันสนิทยาวนานปราศจากความฝัน
ซึ่งฝังกลบความเจ็บปวดรวดร้าวของสังขาร ความอัปยศอดสู
และความทุกข์โศกที่ทรมานกัดกินจิตใจ ช่วยเอาสิ่งนั้นมาให้เราด้วย
เราเหนื่อยล้าเหลือทนแล้ว เราอยากจะพักผ่อน"


CHAPTER IV
"Chose yet again." It was the fairy's voice.
"Two gifts remain. And do not despair.
In the beginning there was but one that was precious, and it is still here."


"Wealth -- which is power! How blind I was!"
said the man.
"Now, at last, life will be worth the living. I will spend, squander, dazzle.
These mockers and despisers will crawl in the dirt before me,
and I will feed my hungry heart with their envy.

I will have all luxuries, all joys, all enchantments of the spirit,
all contentments of the body that man holds dear.
I will buy, buy, buy! deference, respect, esteem, worship --
every pinchbeck grace of life the market of a trivial world can furnish forth.

I have lost much time, and chosen badly heretofore, but let that pass;
I was ignorant then, and could but take for best what seemed so."


Three short years went by, and a day came when the man sat shivering in a mean garret;
and he was gaunt and wan and hollow-eyed, and clothed in rags;
and he was gnawing a dry crust and mumbling:

"Curse all the world's gifts, for mockeries and gilded lies!
And miscalled, every one.
They are not gifts, but merely lendings. Pleasure, Love, Fame, Riches:

they are but temporary disguises for lasting realities --
Pain, Grief, Shame, Poverty.

The fairy said true; in all her store there was but one gift which was precious,
only one that was not valueless.

How poor and cheap and mean I know those others now to be,
compared with that inestimable one, that dear and sweet and kindly one,
that steeps in dreamless and enduring sleep the pains that persecute the body,
and the shames and griefs that eat the mind and heart.
Bring it! I am weary, I would rest."


บทที่ 5

เทพธิดากลับมาอีก นำของขวัญมาด้วยสี่อย่าง แต่ขาดความตายไปอย่างหนึ่ง เธอกล่าวว่า
"ฉันให้แก่เด็กน้อยผู้หนึ่งซึ่งเป็นที่สนิทเสน่หาของผู้ที่เป็นมารดาไปแล้ว
เด็กน้อยนั้นไร้เดียงสา ทว่าไว้ใจฉัน ขอให้ฉันเลือกของขวัญให้
เธอเองไม่ได้ขอให้ฉันเลือกให้นี่"


"โธ่เอ๋ย กรรมเวรของข้าพเจ้าแท้ทีเดียว ข้าแต่เทพธิดา มีอะไรเหลือสำหรับข้าพเจ้าบ้างขอรับ"

“สิ่งที่แม้แต่เธอก็มิสมควรได้รับมัน คือ การทนทุกข์หยาบหยามจากความเจ็บไข้ได้ป่วยของวัยชรา”

CHAPTER V
The fairy came, bringing again four of the gifts, but Death was wanting. She said:
"I gave it to a mother's pet, a little child.
It was ignorant, but trusted me, asking me to choose for it.
You did not ask me to choose."


"Oh, miserable me! What is left for me?"

"What not even you have deserved: the wanton insult of Old Age."


nicky charles แปล