โพสต์เมื่อ 11 January 2007 - 12:44 PM
อืม ผมอาจจะมีความเห็นแตกต่างจากทุกท่านเล็กน้อย เพราะผมคิดว่าการอธิฐานแล้วได้สิ่งนั้นจริงนี่เป็นเรื่องธรรมดาครับ หากในอดีตชาติคนๆนั้น ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนามาเป็นอย่างดีในระดับ1 เหมือนกับเหล่าเทพบุตรเทพธิดาไงครับ นึกอย่างใดก็อธิฐาน สิ่งนั้นก็ปรากฎ เช่นเดียวกัน แม้จะเป็นมนุษย์ แต่ได้ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนามาเป็นอย่างดี บุญย่อมต้องส่งผลให้อยู่แล้วครับ
ยกตัวอย่างบุคคลในสมัยพุทธกาล ท่านโชติกะเศรษฐี ผมเคยได้ทราบมาว่า เมื่อใดที่ท่านต้องการทรัพย์มาเพื่อใช้ทำทานบารมี ท่านจะไปยังสวนหลังบ้านแล้วกำหนดจิตอธิฐาน เมื่ออธิฐานจบ จะบังเกิดมีภูเขาเงินภูเขาทองและภูเขารัตนะ7ขึ้น และทรัพย์สมบัติที่บังเกิดขึ้นนี้จะไม่มีผู้ใดเคลื่อนย้ายได้นอกจากท่านโชติกะจะอนุญาติเท่านั้น และไม่ใช่แค่ท่านโชติกะผู้เดียวนะครับในสมัยนั้น นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไม ในสมัยพุทธกาลจึงมีการสร้างโรงทานขึ้นเป็นว่าเล่น และโรงทานนี้เองเป็นเครื่องกำหนดว่าใครเป็นเศรษฐีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น อย่างท่านอนาถบิณธิกะเศรษฐี ก็มีโรงทานตั้งประจำไว้ทั้ง4มุมเมือง และเป็นที่น่าแปลกก็คือ ถึงจะมีโรงทานมากขนาดนั้น ทรัพย์ของท่านก็ไม่พร่องไปแม้แต่น้อยครับ ทั้งๆที่ถ้าเป็นเรา แค่โรงทานโรงเดียวบริจาคทานแค่วันเดียวก็เต็มกลืน ทรัพย์ก็หมดแล้วจริงไหมครับ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย