![รูปภาพ](/forum/uploads/photo-thumb-9387.jpg?_r=1183184567)
นั่งสมาธิแล้ว ไม่สามารถที่จะหยุดใจได้ ฟุ้งซ่านตลอด
#1
โพสต์เมื่อ 31 January 2007 - 12:20 PM
นึกองค์พระก็ไม่ออก นึกดวงแก้วก้อไม่เป็นดวงแก้ว
ใจก็จะคิดไปเรื่อยๆๆ ค่ะ
บางครั้งก็ไม่อยากนั่งแล้ว พอนั่งที่ไรก็มีเรื่องให้คิดตลอดเลย (กำหนดใจไว้ที่ศูนย์กลางกายไม่ได้)
อยากทราบว่า นั่งแล้วฟุ้ง บุญจะเกิดขึ้นไหม
ถ้าได้บุญ คงไม่แยอะใช่หรื่อไม่
หมายเหตุ
เข้าวัดมา 3 ปีแล้วค่ะ แต่การนั่งสมาธิไม่มีการพัฒนาเลยค่ะ (นั่ง 1-2 ชั่วโมงก้อไม่สามารถหยุดนิ่งได้)
ก่อนเข้าวัด ก็มีไปนั่งสมาธิที่อื่นๆๆ มา ถ้าจำไม่ผิด รู้จักการนั่งสมาธิตั้งแต่อายุ 13 แล้วค่ะ
นั่งกับคุณยายและแม่ มาตลอดค่ะ
[email protected]
#2
โพสต์เมื่อ 31 January 2007 - 01:05 PM
I'd, actually, like to type more about it but I don't have much time at this time, nor I like to type.
There's one sentence I'd like to say to you now.
YOU CAN DO IT!
If you don't mind, PM me for further discussion about it.
And I'm also sure that there'd be lots fo kalayanamitres would like to share their (intensive) experiences about the mediation with you girl.
Good Luck and Take care,
Peacefulness
ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7
.
รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า: คลิ๊กที่นี้คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>> CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
#3
โพสต์เมื่อ 31 January 2007 - 01:25 PM
แต่ดิชั้นก็ได้รับคำแนะนำจาก ผู้ประสานงาน
และจากพระอาจารย์ ว่า ถ้าเกิดมันฟุ้ง ก็ปล่อย
ให้มันฟุ้งไปเถอะค่ะ อย่าไปต่อต้าน เพราะมันจะเหนื่อย
และ ทำให้เราไม่อยากนั่ง ขอเพียงว่าการฟุ้งของเรานั้น
ขอให้ฟุ้งอย่างมีสติ รู้เท่าทันมัน อย่าปล่อยให้ใจออกนอกตัว
ไม่จำเป็นที่จะต้องไปหาศูนย์กลางกายหรอกค่ะ แค่เราสูดลมหายใจ
ยาวๆ สัมมา อะระหังสุดลมที่ไหน ก็ให้เรามีสติระลึกรู้ว่า
ตรงนี้แหล่ะคือศูนย์กลางกายไปก่อน จะได้บุญหรือเปล่า ต้องไปฟัง
คำสอนยายนะคะ คุณยายบอกว่า พอหลับตาทีไรบุญก็เกิดเหมือนเอากำปั้น
ทุบขี้ดิน ทุบเมื่อไร ก็โดนทุกทีเลย อย่ามัวสงสัย อยู่เลยค่ะ ถ้าถามตัวเอง
ว่าเรามีความเพียร พอหรือยัง ถ้าตอบว่ายัง ก็ให้มีความเพียรทำต่อไปเถ่อะค่ะ
จะขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจเพื่อ ให้คุณ ไปถึงจุดหมาย อย่าท้อนะคะ สู้ สู้.....
#4
โพสต์เมื่อ 31 January 2007 - 01:53 PM
ทำตามครูบาอาจารย์ท่านสอน
คือนั่งไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ดีเอง
เก็บเวลาหยุดเวลานิ่งเอาไว้นะครับ
เดี๋ยวนั่งนานไปนานไปก็จะมีประสบการณ์ดีขึ้นตามลำดับ
การฟุ้งก็ถือเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งที่ทุกคนส่วนมากจะต้องผ่านจุดนี้นะครับ
อย่าท้อนะ..........สู้ต่อไป.........นั่งต่อไปเรื่อยๆ
เป็นกำลังใจให้นะครับ
#5
โพสต์เมื่อ 31 January 2007 - 02:28 PM
( แต่ที่ตั้งใจนั่งธรรมะแล้วจะไม่ได้บุญเลย ไม่มี )
เมื่อเราทำความสบาย นั่งต่อไปเรื่อยๆ ความฟุ้งซ่านที่มี ก็จะค่อยๆลดลงเอง เหมือนน้ำที่ไหลในแม่น้ำ สีก็ออกน้ำตาลๆเพราะมีตะกอนดินโคลนปน เมื่อเราตักมาใส่ตุ่ม ทิ้งเฉยๆ ไว้สักพัก น้ำนิ่ง ก็ตกตะกอนไปเอง โดยเราไม่ต้องทำอะไร แค่รอดูผลต่อไปอย่างไม่ต้องกังวล
เหมือนขณะที่เรานั่งสมาธิ วางใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย แล้ววางใจปล่อยไว้เฉยๆ เรื่องฟุ้งทั้งหลายก็จะตกตะกอนเอง ใจใสๆขึ้นไปเอง เมื่อใจใส ใจนิ่งได้ ก็ได้บุญมากขึ้น
และเมื่อเรารักษาใจที่มีคุณภาพอย่างนี้ไปได้ต่อเนื่อง ใจก็จะยิ่งนิ่งได้เรื่อยๆ หยุดได้มากขึ้นๆ ก็ยิ่งได้บุญทับทวีค่ะ
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
#6
โพสต์เมื่อ 31 January 2007 - 02:36 PM
เราเกิดมาทำไม
ทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี
พระนิพพานอยู่ที่ไหน
อยู่ภายในตัวของเรา
เริ่มที่
072
ใครบ้างบ้างที่ทำไม่ได้
คนตาย คนบ้า คนที่ไม่ได้ทำ
คนดีดีอย่างพวกเราทำได้ไหมจ๊ะ
ทำได้
ถ้า
ได้ทำ
ทำไม่ได้เพราะ
ไม่ได้ทำ
ถ้าไม่คุ้นกับการนึก ก็ใช้คำภาวนา(พุทธานุสติ) หรือวางใจเฉยๆ นิ่งๆ อีกหน่อยใจจะคุ้นเอง
เปลี่ยนอิริยาบถสักพัก ล้างหน้าล้างตา เดินสูดหายใจสักพัก อ่านหนังสือธรรมะ ดู DMC ฯลฯ
ไม่สำคัญหรอก น้ำทีละหยดยังเต็มตุ่มได้ ผู้ไม่ประมาทในธรรมย่อมพาตนรอดพ้น
#7
โพสต์เมื่อ 31 January 2007 - 04:18 PM
#8
โพสต์เมื่อ 31 January 2007 - 04:29 PM
ธรรมะที่นั่งมา ย่อมมีค่าอยู่เสมอ
สิ่งใดที่พบเจอ สุขเสมอสมดังคอย
ทุกอย่างที่ได้รับ บางครั้งนับอาจจะน้อย
ขอเพียงไม่ท้อถอย ได้ร่องรอยสิ่งสมใจ
นั่งมากก็บุญมาก ปราศจากกิเลสใด
บุญติดใจใสใส สู่เส้นชัยไปนิพพาน
#9
โพสต์เมื่อ 31 January 2007 - 05:10 PM
แล้ว Bgood ขออนุญาตินำไปใช้ด้วยนะคะ
ส่วน คุณอนุบาล ปีใหม่ ค่ะ Bgood อยากบอกนะคะว่าอย่าเพิ่งท้อเลย Bgood เองก็เพิ่งจะหัดนั่งเหมือนกัน
ขนาดเข้าเดือนที่สามแล้ว Bgood ก็ยังไม่เห็น องค์พระ หรือ แก้วกลมเลยค่ะ
อาการเดียวกันเลยค่ะ อย่าเพิ่งท้อเลยนะค่ะ (น่านะ) จะได้นั่งเป็นเพื่อนกันด้วย
เชื่อ เพื่อนๆ กับ พี่ๆ เค้าเถอะนะคะ
เค้าว่า แล้วก็จะดีเองค่ะ
#10
โพสต์เมื่อ 31 January 2007 - 08:49 PM
แค่หยุดใจนิ่ง เพียงแค่กระพริบตาเดียว บุญเกิดขึ้นมหาศาล มากกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น
สำคัญอยู่สองประการ สำหรับมือใหม่ คือ
บริกรรมคาถา และ บริกรรมนิมิต
ในสมัยที่หลวงพ่อยังมีชีวิต มีผู้เข้าถึงธรรมกายทุกวัน รวมเป็นหมื่นๆคน
ทั้งนี้ต้องหา ครูอาจารย์แนะนำค่อยๆแก้ไข
ทุกครั้งที่ทำบุญ ดวงบุญนั้นก็จะมาติดที่ศูนย์กลางกาย
#11
โพสต์เมื่อ 31 January 2007 - 10:31 PM
#12
โพสต์เมื่อ 31 January 2007 - 10:36 PM
ขุดถึงที่ น้ำจึงไหล
#13
โพสต์เมื่อ 01 February 2007 - 08:09 AM
#14
โพสต์เมื่อ 01 February 2007 - 11:46 AM
ทุกครั้งที่รู้ตัวว่าฟุ้ง ให้ลืมตาทันที
จากนั้นก็หลับตาเบาๆลงไปอีกครั้ง
ฟุ้งอีกก็ลืมตาอีก ทำอย่างนี้แหละค่ะ
ถ้าจะให้ใจรวมได้เร็ว ในระหว่างวันก็ต้องทำการบ้านสิบข้อบ้าง
และที่สำคัญ การนั่งทุกครั้งต้องยึดหลักว่า
ง่ายๆ สบายๆ และใจเย็นๆนะคะ
คำแนะนำมาทั้งหมดนี้มาจากคำสอนของคุณครูไม่ใหญ่ทั้งนั้นเลยค่ะ
อย่ารำคาญที่จะฟุ้งนะคะ ขอให้เชื่อที่คุณครูไม่ใหญ่เคยพูดไว้นานมาแล้วว่า
"ที่ใดมีความคิด ที่นั่นฝึกจิตได้"
ฟุ้งได้ก็นิ่งได้ อดทนฝึกไปอย่างใจเย็นๆ และขอให้พบธรรมะภายในนะคะ
เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน
#15
โพสต์เมื่อ 01 February 2007 - 06:38 PM
สิ่งที่น้องเจอเป็น1ในทุกข์ของนักบำเพ็ญบารมีครับ
ของให้น้องคิดว่าเราทำได้สิครับ
ทำได้ครับทำได้.....ถ้าน้องได้ทำอย่างจริงจังครับ
ฟุ้งแล้วดับ
#16
โพสต์เมื่อ 01 February 2007 - 08:37 PM
#17
โพสต์เมื่อ 03 February 2007 - 07:42 PM
แต่พอรู้ว่าต้องวางตัวอย่างไร คือฟุ้งแล้วลืมตาหรือดเดินก็ได้คะ
แล้วมานั่งใหม่หรือไม่ก็นั่งคิดให้จบ
แล้วมานั่ง แค่นี้เองคะ
#18
โพสต์เมื่อ 04 February 2007 - 04:07 PM
#19
โพสต์เมื่อ 07 February 2007 - 05:58 AM