ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ถีงคนที่แต่งงานแล้วและยังไม่ได้แต่ง


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 7 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 10 February 2007 - 11:52 AM

ถีงคนที่แต่งงานแล้วและยังไม่ได้แต่ง
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วกินใจมาก ลองอ่านและซึมซาบความรู้สึกอย่างช้า ๆ
“ เมื่อเธอต้องการหย่าขาดจากชั้นไป.... เธอควรเป็นคนที่จูงมือชั้นออกไป ”


ในวันแต่งงานของผม ผมจูงมือภรรยาของผมในอ้อมแขน รถแต่งงานจอดหน้าที่พักของเรา

เพื่อนเจ้าบ่าวบอกผมว่า ผมควรจะอุ้มเธอเข้าไปในบ้าน ดังนั้นผมจึงทำตาม
เธอเขินอายในอ้อมแขนผม
ผมช่างเป็นเจ้าบ่าวที่มีความสุขที่สุดในโลก... นี่เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วสิบปี...

ในวันถัดๆ มาทุกอย่างก็เหมือนเดิม เรามีลูกด้วยกัน...ผมทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะหาเงินมาจุนเจือครอบครัว...

เมื่อเราเริ่มมีฐานะที่ดีขึ้น... ความห่างของเราก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน...

ทุก ๆเช้าเราออกจากบ้านไปด้วยกันแล้วก็ถึงบ้านเวลาเดียวกัน ลูกเราเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้าน

ดูเหมือนความรักของเราช่างน่าอิจฉายิ่งนัก... แต่แล้วความสงบสุขก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างมิได้คาดหมาย....

เจนเข้ามาในชีวิตของผม .... ผมยืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน... เจนเข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลัง..

หัวใจผมเต้นแรงด้วยความรัก... ที่นี่...เป็นอพาร์เมนท์ที่ผมซื้อให้เธอ...เธอบอกว่า คุณเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทุกคน
ถวิลหา...
คำพูดของเธอทำให้ผมนึกถึงภรรยาผม... ตอนที่เราแต่งงานกันใหม่ ๆ ..เธอบอกว่าวันที่

คุณประสบความสำเร็จ ผู้ชายอย่างคุณจะมีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้ามาหา

... ผมเริ่มรู้สึกลังเล... ผมรู้ว่าผมกำลัง ทรยศภรรยาผม... แต่ผมก็ได้ทำลงไปแล้ว....
ผมปลีกตัวออกจากเจน “ วันนี้คุณไปเลือกเฟอร์นิเจอร์เองแล้วกันน๊ะ ผมต้องเข้าออฟฟิศ ”
... แน่นอน... เธอไม่ค่อยพอใจนัก เพราะผมสัญญากับเธอว่าเราจะ
ไปด้วยกัน... ในตอนนั้น...ความรู้สึกถึงการหย่าร้างเริ่มวิ่งเข้ามาในความคิดผม....
ทั้งที่จริงๆ แล้วผมไม่เคยมีความคิดนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

แต่ผมก็พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะบอกกับภรรยาของผม.... ไม่ว่าผมจะพูดกับเธอดีสักเพียงใด...

เธอจะต้องเจ็บปวดใจอย่างแน่นอน... จริง ๆ แล้วเธอเป็นภรรยาที่ดีมาก...
ทุก ๆ เย็นเธอจะวุ่นวายกับการ ทำอาหาร..ในขณะที่ผมนั่งอยู่หน้าทีวี
ทานอาหารเสร็จเราก็นั่งดูทีวีด้วยกัน... หรือ... ถ้าผมจะเลือกเป็น...นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
.... มองเรือนร่างอันงดงามของเจน... ช่างเป็นอะไรที่หน้าฝันถึงเสียจริง

วันนึงผมพูดทีเล่นทีจริงกับภรรยาของผมว่าจะเธอจะทำยังงัยถ้าเราหย่ากัน...
เธอจ้องมองผมอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน...และเธอก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร..เธอมั่นใจว่าการหย่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวเธอมาก...

ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าหากเธอรู้ว่าเรื่องที่ผมกำลังพูดอยู่นั้นเป็นเรื่องจริง... เธอจะเป็นอย่างไร

วันนึงภรรยาผมมาที่ออฟฟิศ...สวนทางกับเจนที่เพิ่งจะออกไปพอดี... พนักงานทุกคนทำหน้าตาเลิกลัก...
เหมือนกำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่างจากเธอ.... เธอเหมือนจะรับรู้มันได้...
แต่เธอก็ยิ้มน้อย ๆ กับพนักงานทุกคน....แต่ผมก็สังเกตุเห็นแววตาที่เจ็บปวดของเธอภายใต้รอยยิ้มนั้น

ในที่สุด...เจนก็บอกกบผมว่า...หย่ากับเธอน๊ะ..แล้วเราอยู่ด้วยกัน..ผมพยักหน้า....

ผมจะลังเลอีกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว....ผมตัดสินใจบอกภรรยาผมในอาหารค่ำ..
ผมมีอะไรจะบอกคุณ... เธอนั่งทานอาหารอย่าง เงียบ ๆ...ผมสังเกตุเห็นแววตาอันเจ็บปวดของเธอ...

มันทำให้ผมพูดในสิ่งที่ผมต้องการพูดไม่ออก...แต่ท้ายที่สุด
ผมก็พูดออกไป...ผมต้องการหย่า...เธอดูไม่ตกใจกับสิ่งที่ผมเพิ่งจะพูดออกไปเลย...
ผมย้ำกับเธออีกครั้ง...เธอเขวี้ยงตะเกียบในมือทิ้ง...แล้วตะโกนใส่หน้าผมว่า..

คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย...เราไม่ได้คุยกันอีกเลยคืนนั้น... size=2> "รัชต์..คุณจำได้มั๊ย...วันที่เราแต่งงานกัน...คุณประคองชั้นไว้ในอ้อมกอดในวันที่เราเข้าเรือนหอ.." ผมพยักหน้า
"..นั่นเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของชั้น...ชั้นมีเรื่องขอร้อง...ชั้นอยากให้คุณประคองชั้นไว้ในอ้อมกอดจากห้อง
นอนไปถึงด้านล่างทุกวันนับจากวันนี้ไปจนถึงวันที่เราต้องแยกจากกัน"

ผมยอมรับด้วยความเต็มใจ...ผมรู้ดีว่าเธอคิดถึงวันดี ๆ เหล่านั้น...
และเธอต้องการให้ชีวิตการแต่งงานเธอจบลงด้วยความทรงจำที่ดี

ผมบอกเจนถึงเงื่อนไขที่ภรรยาผมตั้งขึ้นในการหย่าร้าง...เธอหัวเราะถึงความไร้สาระของเงือนไข....

ภรรยาผมบอกกับผมว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม...เธอจะต้องยอมรับผลของการหย่าร้างให้ได้...
คำพูดของเธอทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง....

เราไม่ได้ถูกต้องตัวกันเลยนับแต่วันที่ผมขอเธอหย่า...ความจริงเหมือนจะเป็นคนแปลกหน้าต่อกันด้วยซ้ำไป...

พอถึงวันที่ผมประคองเธอลงจากห้องวันแรก...มันจึงทำให้ผมทำตัวไม่ถูก...
ลูกชายเราตบมือแล้วพูดด้วยความดีใจว่า "ว้าว...วันนี้พ่ออุ้มแม่ลงจากห้องด้วย"
....มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น......เธอบอกว่าอย่าบอกลูกเราถึงเรื่องของเรา...
ผมพยักหน้า...ด้วยความรู้สึกผิดอย่างเต็มเปี่ยม...ผมขับรถไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์..แล้วเลยไปออฟฟิศ

วันถัดมา...ความรู้สึกขัดเขินเริ่มน้อยลงไป...เธอซบบนอกผม...เราใกล้ชิด
กันมากจนผมได้กลิ่นน้ำหอมของเธอ...ผมถึงได้ตระหนักว่า....เธอไม่ใช่เด็กสาวอีกต่อไปแล้ว...

เธอเริ่มมีริ้วรอยบนใบหน้ามากขึ้น

ในวันที่สาม...เธอกระซิบบอกผมว่าสวนกำลังรื้ออยู่ให้เดินระวังด้วย...

ในวันที่สี่...มันช่างเหมือนกับว่าเราเป็นคู่รักที่หวานชื่นมาก...ภาพของเจนเริ่มเลือนลางไป
...วันที่ห้าและหก..เธอคอยเตือนผมในเรื่อง เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น
เธอวางเตารีดไว้ที่ไหน..ผมควรจะระวังอะไรบ้างตอนทำอาหาร...และอื่นๆ อีกมากมาย...
ความสนิทสนมของเราเพิ่มมากขึ้นทุกที...ผมไม่ได้บอกเจนถึงเรื่องนี้เลย...

ผมรู้สึกว่าผมอุ้มเธอง่ายขึ้นทุกวันโดยไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเธอเลย...

หรือบางทีคงเป็นเพราะผมแข็งแรงขึ้น...แต่แล้วผมก็พบว่ามันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด...
เป็นเพราะว่าเธอผอมลงจนไม่ สามารถใส่เสื้อผ้าเดิมได้
..นั่นต่างหากที่ทำให้ผมอุ้มเธอได้ง่ายขึ้น ผมรู้ดีว่าเธอพยายามซ่อนความขมขื่นเอาไว้...

ลูกของเราร้องขึ้นว่า "พ่อได้เวลาอุ้มแม่แล้วน๊ะ"
...สำหรับลูกแล้ว...การได้เห็นพ่ออุ้มแม่เป็นภาพที่เขามีความสุขที่สุด...
เธอเอื้อมมือไปกอดลูกไว้แน่น...ผมทนมองภาพนั้นไม่ได้จริง ๆ ผมกลัวว่าผมจะเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย

และแล้ววันสุดท้ายก็มาถึง....ผมอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอด...เท้าผมแทบจะก้าวไม่ออก......

เธอบอกกับผมว่า...ความจริงแล้ว...ชั้นอยากให้คุณอุ้มชั้นไปจนเราแก่เถ้า...ผมกอดเธอแน่น...และผมก็ตระหนักว่า..
ชีวิตคู่ของเราขาดการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน...ผมขึ้นรถทันทีเพื่อจะไปยังจุดหมายใหม่..
ผมลังเลเล็กน้อย..แต่ในที่สุดแล้ว..ผมก็มาพบเจนจนได้....เธอเปิดประตูออก...
ผมบอกเธอว่าเจน..ผมขอโทษ...ผมจะไม่หย่า....เธอมองหน้าผม แตะหน้าผากผม..
แล้วถามผมว่า "คุณสบายดีหรือเปล่า"

"เจน...ผมขอโทษ...ผมขอโทษจริง ๆ... ผมจะไม่หย่ากับภรรยาผม...ชีวิตการแต่งงานของเราน่าเบื่อมันเป็นเพราะผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กน้อย...

ผมขาดการเอาใจใส่ในตัวเธอ....มันไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้รักกัน....ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว....ว่าตั้งแต่วันที่ผมอุ้มเธอเข้าบ้าน...เธอมีลูกให้
ผม...ผมควรจะประคองเธอไปจนแก่..."


เจนตบหน้าผมอย่างแรงและกระแทกประตูใส่ผม....ระหว่างทางกลับบ้านผมแวะร้านดอกไม้....
พนักงานขายดอกไม้ถามว่าจะเขียนว่าอะไร....ผมให้เธอเขียนว่า...
.
.
.
"ผมจะอุ้มคุณทุกเช้าจนกว่าเราจะแก่"




หวังว่ามันจะทำให้ความรักที่มีอยู่ในหัวใจทุก ๆ ดวงมีความหมายมากขึ้นนะครับ....







#2 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 10 February 2007 - 01:35 PM

อ่านแล้ว ซึ้ง อึ้ง ครับ แต่ในชีวิตจริงของชาวโลกทั่วไปจะทำได้อย่างนี้ทุกคนไหม
อยู่แบบครอบครัวแก้ว ครอบครัวธรรมกาย ครอบครัวตัวอย่างของโลก ดีกว่าไหม
นอกจากการได้กอดกัน การดู DMC นอกจากจะเป็นการใช้เวลาร่วมกันแล้ว ยังได้สาระ ธรรมะข้อคิด มีหลักวิชชา ให้เรามี หิริโอตัปปะ มีศีล ...

#3 ลีดเดอร์

ลีดเดอร์
  • Members
  • 416 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 February 2007 - 05:12 PM

ดีจัง... ที่อย่างน้อยพ่อบ้านก็ยังมีจิตสำนึกที่ดี ๆ อยู่บ้าง
เรื่องถึงได้จบแบบ.. Happy ending แต่ความเป็นจริง
มีอีกหลายคู่ที่ต้องแต่งงาน ด้วยความไม่รักกัน สุดท้ายก็ไม่มีสิ่งดี ๆ
ที่ประทับใจและ ก็ต้องหย่าจากกันอย่างไม่มีเยื่อใย คนที่รับกรรมคือลูกตาดำ ๆ...
ถึงประทับใจเรื่องที่ นักเรียน สิริปโภ นำมาให้อ่านเป็นอุทาหรณ์ที่มีคุณค่า แต่ชีวิต ก็ยังมีเรื่องเศร้าอีกมามาย
แต่ ช่างเถ่อะ อย่าไปนึกถึงมันเลย เราลูกพระธัม ตั้งหน้าตั้งตา ทำให้ใจใสอย่างเดียวก็พอแล้ว........ ค่ะ สาธุ

#4 huy072

huy072
  • Members
  • 168 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:เชียงใหม่

โพสต์เมื่อ 11 February 2007 - 06:38 PM

เคยได้อ่านแล้วน้ำตาไหล
เพราะคนเราจะมองข้ามไป
การเอาใจใส่ฝ่ายตรงข้าม

#5 wir

wir
  • Members
  • 290 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 February 2007 - 01:07 PM

เป็นบทความที่สะท้อนความคิดได้ดี สำหรับคนที่มีครอบครัว และคนที่ยังไม่มีครอบครัวไว้เป็นเครื่องบอกเตือนตนเอง อนุโมทนาบุญค่ะ

#6 นับดาว

นับดาว
  • Members
  • 422 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 February 2007 - 05:06 PM

cry_smile.gif cry_smile.gif cry_smile.gif cry_smile.gif

ในชีวิตจริงๆ จะมีเสือร้ายกลับใจแบบนี้หรือเปล่านะ ?

cry_smile.gif cry_smile.gif cry_smile.gif อ่านแล้วซึ้งค่ะ.. cry_smile.gif cry_smile.gif cry_smile.gif
ถ้าใจใส

เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน

#7 นักรบเผ่าพันธุ์ตะวัน

นักรบเผ่าพันธุ์ตะวัน
  • Members
  • 380 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 13 February 2007 - 09:59 AM

แบบเนี๊ยะแหละครับเทพบุตรตัวจริง คุณเป็นคนที่โชคดีมากๆๆๆ ที่มีเทพธิดาแบบนี้ อยากให้ทุกคนในโลกนี้เป็นแบบนี้จัง (ไม่ใช่ตอนที่เทพบุตรแอบมีกิ๊กน่ะครับ) แต่เป็นตอนสุดท้ายก่อนจบเรื่อง ว่าชีวิตคู่นั้นไม่ได้อยู่กันแค่ 3-4 วัน แต่มันต้องอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตน่ะครับ เวลาเราเถียงกันเราทะเลาะ ก็ขอให้เรานึกถึงวันที่เราพบกันครั้งแรก วันที่เราได้รักกัน วันที่เราได้แต่งงานกัน ประคับประคองรักกันไว้ให้ดีๆน่ะครับ ถ้าทำได้อย่างนี้ครอบครัวของคุณจะเป็นครอบครัวที่น่าอิจฉา ของหลายๆคนเลยน่ะครับ
เพราะเป้าหมายของพวกเราคือ "ที่สุดแห่งธรรม"

#8 kun

kun
  • Members
  • 28 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 February 2007 - 05:52 PM

นี่เป็นปัญหาของชีวิตที่คุณไม่รู้จักหลักในการดำเนินชีวิต และอย่าปล่อยให้มารเข้ามาแทรกได้ เพราะทุกคนที่เป็นลูกพระธรรมรุ้ดีที่สุดว่า เราเกิดมาเพื่อทำพระนิพานให้แจ้ง แสวงบุญ และสร้างบารมี คุณครูไม่ใหญ่สอนเสมอว่า ว่าอย่างไรก็ว่าตามกัน
ขอกราบอนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านคะ สาธุ สาธุ สาธุ