มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

[united]

ต้องขอขอบคุณคุณสิริปโภที่นำเรื่องดีดีในกระทู้นั้นมาให้อ่านค่ะ
อ่านแล้วไม่อยากแต่งงานเลยค่ะ
ถ้าเกิดเป็นผู้ชายนี่คงบวช

คิดๆแล้วก็สงสัยขึ้นมาสามข้อค่ะ

1 ทำอย่างไรจะได้มาเกิดเป็นผู้ชายที่มีปัญญาบารมี บวช และ สามารถหลุดพ้นจากความทุกข์ในสังสารวัฏได้

2 แต่เนื่องจากตอนนี้เราเกิดมาเป็นผู้หญิง และก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กรรมกาเมที่มาทำให้เกิดเป็นหญิงนั้นจะหมด
จากความรู้ที่ได้จากการเป็นนักเรียนใหม่ของ รร อนุบาลนี้ คือ ถ้าอยากเกิดเป็นชาย ให้ปรนนิบัติสามีประดุจเทวดา
แต่ว่า จากที่ได้เห็นๆมาเองรอบข้างในชีวิตจริงบวกกับที่อ่านใน fwd mail ดังกล่าว ทำให้คิดว่า มีทางอื่นนอกจากนี้อีกหรือเปล่าคะ ที่จะช่วยให้บรรลุความตั้งใจที่จะเกิดเป็นผู้ชายเพื่อบวชได้

3 สำหรับผู้ที่เกิดเป็นหญิงแต่ตั้งใจศึกษาธรรมะจนบรรลุ เช่น ภิกษุณี หรือ อุบาสิกา ในสมัยพระพุทธเจ้า หรือแม้แต่ปูชนียบุคคลในสมัยนี้ เช่น คุณยายอาจารย์ ท่านเหล่านั้นจะต้องมาเกิดในโลกมนุษย์อีกหรือเปล่าคะ แล้วถ้าเกิด ท่านเหล่านั้นจะเกิดเป็นชาย ซึ่งมีความสะดวกในการครองเพศสมณะมากกว่า หรือเปล่า

ขอบคุณค่ะ

[Pungpa]

1 ทำอย่างไรจะได้มาเกิดเป็นผู้ชายที่มีปัญญาบารมี บวช และ สามารถหลุดพ้นจากความทุกข์ในสังสารวัฏได้

รักษาศีล 8 ทุกวัน หรือถ้าไม่สะดวก ก็เป็นวันพระก็ได้นะคะ ประพฤติพรหมจรรย์(แต่ถ้าแต่งงานแล้ว ถือแค่ ศีล 8 ทุกวันหรือวันพระก็ได้ค่ะ) และก็นั่งสมาธิ อธิษฐานจิตทุกๆวัน ให้ได้เกิดเป็นชาย ได้บวชในพุทธศาสนา (บวชตั้งแต่สามเณรได้ยิ่งดีนะคะ บวชตั้งแต่เด็กๆเลยค่ะ) อธิษฐานให้รอบคอบล้อมกรอบด้วยนะคะ จะได้ไม่มีอุปสรรคในการสร้างบารมีค่ะ เช่นเกินในครอบครัวธรรมกาย เป็นต้นค่ะ

2 แต่เนื่องจากตอนนี้เราเกิดมาเป็นผู้หญิง และก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กรรมกาเมที่มาทำให้เกิดเป็นหญิงนั้นจะหมด
จากความรู้ที่ได้จากการเป็นนักเรียนใหม่ของ รร อนุบาลนี้ คือ ถ้าอยากเกิดเป็นชาย ให้ปรนนิบัติสามีประดุจเทวดา
แต่ว่า จากที่ได้เห็นๆมาเองรอบข้างในชีวิตจริงบวกกับที่อ่านใน fwd mail ดังกล่าว ทำให้คิดว่า มีทางอื่นนอกจากนี้อีกหรือเปล่าคะ ที่จะช่วยให้บรรลุความตั้งใจที่จะเกิดเป็นผู้ชายเพื่อบวชได้

หลักธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็น อกาลิโก คือไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา สามารถใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ลองเอามาประยุคใช้ดูสิค่ะ อย่างที่พ่อของนางวิสาขาสอนนางวิสาขาก่อนแต่งงานไงค่ะ 10 ประการ ประยุคใช้ได้แน่นอนค่ะ

3 สำหรับผู้ที่เกิดเป็นหญิงแต่ตั้งใจศึกษาธรรมะจนบรรลุ เช่น ภิกษุณี หรือ อุบาสิกา ในสมัยพระพุทธเจ้า หรือแม้แต่ปูชนียบุคคลในสมัยนี้ เช่น คุณยายอาจารย์ ท่านเหล่านั้นจะต้องมาเกิดในโลกมนุษย์อีกหรือเปล่าคะ แล้วถ้าเกิด ท่านเหล่านั้นจะเกิดเป็นชาย ซึ่งมีความสะดวกในการครองเพศสมณะมากกว่า หรือเปล่า

ชาตินี้คุณยายฯจะเกิดเป็นผู้หญิงแค่ชาตินี้ชาติเดียวแล้ว และต่อไปจะไม่เกิดเป็นหญิงอีก จะเกิดไปเป็นผู้ชายทุกๆชาติค่ะ (เป็นเรื่องละเอียด หนูPungpa ก็ไม่ทราบว่าอนุญาตให้บอกได้รึเปล่า แต่ถ้ายังไงรอให้พี่ๆคนอื่นๆมาบอกดีกว่านะคะ เรื่องของคุณยายนะคะ)

ส่วนพระภิกษุณีในสมัยพุทธกาลนั้น ถ้าท่านบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านก็จะไม่กลับมาเกิดอีกค่ะ
อุบาสิกาในสมัยพุทธกาลก็เช่นกันค่ะ ถ้ายังไม่ได้บรรลุธรรม แต่อธิษฐานขอให้เกิดเป็นชายและได้บวช ก็จะได้บวช แต่ถ้าอธิษฐานให้ได้เกิดเป็นหญิง ก็จะได้เกิดเป็นหญิงค่ะ

ยกตัวอย่างนางวิสาขานะคะ เคยอธิษฐานให้เกิดเป็นหญิง ก็เลยได้เกิดเป็นหญิงในชาตินี้ แต่เกิดเป็นหญิงที่พร้อมไปด้วยรูปสมบัติ คุณสมบัติ และก็ทรัพย์สมบัติค่ะ นั้นก็คือเบญจกัลยาณี นั้นเองค่ะ



ผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ

อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ สาธุค่ะ


ปล.หนูก็ตั้งใจรักษาศีล 8 ประพฤติพรหมจรรย์เหมือนกันค่ะ จะได้เกิดเป็นชายได้บวชกับเขาสักที อิอิ

[หัดฝัน]

ขอเสริมข้อหนึ่งนะครับที่ว่าทำอย่างไรจะได้เป็นชายที่มีปัญญาบารมี บวช และพ้นทุกข์ได้

นอกจากคำแนะนำให้รักษาศีล นั่งสมาธิ และอธิษฐานจิตแล้ว สิ่งที่อยากให้เพิ่มเติมคือ หมั่นฟังธรรมตามกาลเป็นประจำ จะช่วยให้เข้าใจเรื่องโลกและชีวิตได้ดีขึ้น และมีปัญญาบารมีติดตัวไปด้วยครับ

หากรักษาศีล นั่งสมาธิ แล้วอธิษฐานจิตอย่างเดียว อาจจะยังไม่รัดกุมพอน่ะครับ อย่างเช่น เคส Study หนึ่ง ที่เขาได้เกิดเป็นสามเณร เมื่อพุทธันดรที่แล้ว (คงเพราะทำบุญอธิษฐานให้ได้บวชมาก่อน) แต่พอได้เป็นเณรนี่สิครับ กลับไม่ค่อยตั้งใจไม่เคารพพระผู้ใหญ่ พอหนุ่มก็สึกไปมีครอบครัว แล้วก็เจ้าชู้มีบ้านเล็กบ้านน้อยเพียบ แต่บั้นปลายสำนึกก็เริ่มกลับมาสร้างบุญ

ละโลกแล้วไปเกิดเป็นเทพธิดาน่ะครับ เป็นเทพธิดามาหลายชาติ จนชาติปัจจุบันมาเกิดเป็นหญิง ราวกับกลับมายืนที่เดิมน่ะครับ

[สายธารธรรม]

ยกตัวอย่างนางวิสาขานะคะ เคยอธิษฐานให้เกิดเป็นหญิง ก็เลยได้เกิดเป็นหญิงในชาตินี้ แต่เกิดเป็นหญิงที่พร้อมไปด้วยรูปสมบัติ คุณสมบัติ และก็ทรัพย์สมบัติค่ะ นั้นก็คือเบญจกัลยาณี นั้นเองค่ะ

ไม่เคยทราบมาก่อนว่านางวิสาขา เคยอธิษฐานให้เกิดเป็นหญิง เพราะอะไรคะ ใครมีรายละเอียดช่วยตอบด้วยค่ะ เพราะโดยส่วนตัวเองก็รู้สึกเบื่อการเกิดเป็นผู้หญิง แต่บางครั้งก็ยังรู้สึกดีอยู่ เลยยังไม่กล้าอธิษฐานอย่างจริงจังให้ได้เป็นผู้ชายคุ่ะ จึงอยากทราบเรื่องการอธิษฐานของนางวิสาขาค่ะ ช่วยตอบด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

[WISH]

ดังที่คุณ Pungpa ตอบ

1 ทำอย่างไรจะได้มาเกิดเป็นผู้ชายที่มีปัญญาบารมี บวช และ สามารถหลุดพ้นจากความทุกข์ในสังสารวัฏได้

- ตั้งตนชอบ กำหนดผัง เป้าหมายชีวิต อธิษฐานจิต"ขอให้ได้คติเป็นมนุษย์ ได้เพศบริสุทธิ์ ได้ดวงตาเห็นธรรม เห็นทุกข์ในสังสารวัฎแต่วัยเยาว์ ได้ประพฤติพรหมจรรย์ ได้บรรพชาอุปสมบทในบวรพระพุทธศาสนา เป็นรักศีล มีศีล ดำรงไว้ซึ่งพระศาสนาของพระบรมศาสดา"

2 แต่เนื่องจากตอนนี้เราเกิดมาเป็นผู้หญิง และก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กรรมกาเมที่มาทำให้เกิดเป็นหญิงนั้นจะหมด
จากความรู้ที่ได้จากการเป็นนักเรียนใหม่ของ รร อนุบาลนี้ คือ ถ้าอยากเกิดเป็นชาย ให้ปรนนิบัติสามีประดุจเทวดา
แต่ว่า จากที่ได้เห็นๆมาเองรอบข้างในชีวิตจริงบวกกับที่อ่านใน fwd mail ดังกล่าว ทำให้คิดว่า มีทางอื่นนอกจากนี้อีกหรือเปล่าคะ ที่จะช่วยให้บรรลุความตั้งใจที่จะเกิดเป็นผู้ชายเพื่อบวชได้

- ประพฤติฆราวาสธรรมเต็มกำลัง อย่างต่ำเบญศีลทุกวัน ยิ่งเพิ่มอุโบสถศีลในวันพระหรือช่วงเช้าพรรษา ยิ่งให้ผลดี
- หรือถ้าทิฐิเสมอกับสามี ก็เสวนาเป้าหมาย อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน(รวมถึงบุพเพฯในภพชาติก่อนๆ)เกิดชาติต่อไปขอให้ได้เป็นกัลยาณมิตรแนะนำประโยชน์ซึ่งกันและกัน สมาทานอุโบสถศีลร่วมกัน บำเพ็ญตบะอย่างยิ่งยวด
- อธิษฐานจิตขอให้ชาตินี้เป็นสตรีเพศในชาติสุดท้าย พบชาติต่อไปขอ.....แบบข้อ1

3 สำหรับผู้ที่เกิดเป็นหญิงแต่ตั้งใจศึกษาธรรมะจนบรรลุ เช่น ภิกษุณี หรือ อุบาสิกา ในสมัยพระพุทธเจ้า หรือแม้แต่ปูชนียบุคคลในสมัยนี้ เช่น คุณยายอาจารย์ ท่านเหล่านั้นจะต้องมาเกิดในโลกมนุษย์อีกหรือเปล่าคะ แล้วถ้าเกิด ท่านเหล่านั้นจะเกิดเป็นชาย ซึ่งมีความสะดวกในการครองเพศสมณะมากกว่า หรือเปล่า

- เรื่องการเกิดเป็นหญิงโดยปราศจากกรรมกาเมนั้นมีได้ คือ มีเหตุจากความปรารถนาในหน้าที่ หรือ ฐานะ เช่น พุทธมารดา(ซึ่งคุณครูไม่ใหญ่ได้ตอบแล้ว) อัครสาวิกาบางองค์ หรือ อุบาสิกาบางท่าน มักจะมีเหตุมาอย่างต่ำก็แสนมหากัป คือเมื่อพุทธันดรที่ผ่านมา ได้ยินพระบรมศาสดากล่าวสรรเสริญถึง ภิกษุณีนี้เป็นอัครสาวิกาผู้เลิศทาง... หรืออุบาสิกานี้เป็นผู้เลิศทาง...ท่ามกลางธรรมสภา เมื่อสตรีท่านนั้นได้ยินได้ฟังการสรรเสริญในภพชาตินั้นจึงมีจิตยินดี ปรารถนาในฐานันดรดังกล่าวในภพชาติต่อไป จึงทำมหาทานบารมี(มักจะเป็นสังฆทานโดยมีพระบรมศาสดาเป็นประธาน)เมื่อกุศลกรรมนั้นเต็มเปี่ยม ถึงพร้อมที่จะได้รับพุทธพยากรณ์... พระสัพพัญญุตญานจึงทรงทำนายท่ามกลางขีณาสพ ว่า...นับจากนี้ไปแสนมหากัป สตรีท่านนี้จะบังเกิดในยุคของ....จะได้เป็น(ฐานันดร)นั้น....
- สำหรับเรื่องคุณยายอาจารย์ขอไม่ตอบ เพราะบุคคลที่ให้คำตอบได้ดี ชัดเจนที่สุดคือ คุณครูไม่ใหญ่

[united]

ขออนุโมทนาในธรรมทานที่ทุกท่านให้กรุณาให้ความกระจ่างมาในโอกาสนี้ค่ะ

ได้ลองไปค้นตามที่คุณ pungpa แนะนำเกี่ยวกับคำสอน 10 ประการ ที่บิดาได้อบรมแก่มหาอุบาสิกาวิสาขา (จากใน series หัวข้อ มหาอุบาสิกาวิสาขาในเวบดีเอ็มซีนี้) จดมา เผื่อท่านอื่นที่สนใจ มีดังนี้คือ

1 ไม่ควรนำไฟภายในออกไปภายนอก
2 ไม่ควรนำไฟภายนอกเข้าไปภายใน
3 พึงให้แก่คนที่ให้เท่านั้น
4 ไม่พึงให้กับคนที่ไม่ให้
5 พึงให้แก่คนที่ไม่ให้
6 พึงนั่งให้เป็นสุข
7 พึงบริโภคให้เป็นสุข
8 พึงนอนให้เป็นสุข
9 พึงบำเรอไฟ
10 พึงนอบน้อมเทวดาภายใน

ดูแล้วเป็นข้อปฏิบัติที่ดี ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยปัจจุบันให้ผู้ที่นำไปปฏิบัตินั้นสามารถครองเรือนได้อย่างเป็นสุข โดยเฉพาะถ้าไม่มีปัจจัยจากในอดีตชาติที่จะมาส่งผลให้ต้องเสวยวิบากในชาตินี้ (อย่างเช่น ตัวอย่างใน fwd mail ดังกล่าว ที่ภรรยานั้นดีทุกอย่าง แต่สามีก็ยังนอกใจ จนทำให้ภรรยาต้องเสียใจ)

เห็นในความทุกข์จากการครองเรือนเช่นนี้แล้ว ก็รู้สึกสลดใจ เนื่องจากเราไม่รู้ว่า ในอดีตชาติเราได้สร้างบุพกรรมไว้อย่างไรบ้าง ดังนั้น เพื่อที่จะ play safe (จากความทุกข์เช่นนั้น) ในชาตินี้ และเพื่อเป็นหลักประกันในชาติต่อๆไป จึงชวนให้คิดว่าการไม่แต่งงานในชาตินี้น่าจะดีกว่าหรือเปล่า

ในประเด็นการแต่งงานหรือไม่แต่งงาน ที่จริงเคยได้อ่านทัศนะของอาจารย์ท่านนึงค่ะ ท่านได้แสดงไว้อย่างน่าสนใจไว้ โดยย่อดังนี้ คือ การเลือกจะแต่งงานหรือไม่แต่งงานนั้น ก้เช่นเดียวกับการตัดสินใจอย่างอื่นโดยทั่วไป ที่จะต้องมี ความเสี่ยง เข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้ที่แต่งงานนั้นต้องเผชิญกับความเสี่ยงว่า คู่ชีวิตของตน และ/หรือ ลูกของตนจะดีมั๊ย (ทำนองว่าเป็น คู่บุญ หรือคู่บาปกันมา) ส่วนผู้ที่ไม่แต่งงาน ก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงในความโดดเดี่ยวในยามชรา เมื่อพ่อแม่ละโลกไปแล้ว และพี่น้องก็แต่งงานกันหมด (จาก http://www.supawangr...opic.php?t=375)

เมื่อพิจารณาอย่างนี้แล้วจึงมองว่า เราควรจะพยายามปูทางในชาตินี้ เพื่อที่จะให้สามารถเกิดเป็นผู้ชาย ที่มีปัญญาบารมี บวช และหลุดพ้นจากกองทุกข์ในสังสารวัฏได้ โดยเร็วที่สุด ที่ได้ถามถึงชาติถัดๆไปของปูชนียบุคคลต่างๆที่เป็นหญิง ที่จริงก็คือเพื่อต้องการจะทราบ benchmark อะค่ะ จะได้ทราบว่า ตอนนี้เราอยู่ ณ จุดไหน และต้องทำอีกเท่าใด อย่างไร ที่จะไปสู่จุดที่ตั้งใจไว้

ป.ล. ถึงคุณธารสายธรรม จากใน series ชาติก่อนนางวิสาขา เกิดเป็นลูกสาวเศรษฐี ได้ถวายทานแก่พระพุทธเจ้าเลยได้เกิดในขาติต่อมาเป็นหญิงที่มีความสมบูรณ์พร้อม เป็นเบญจกัลยาณีค่ะ แต่ไม่ทราบเรื่องที่ท่านอธิษฐานเหมือนกัน อาจจะมีใน series ค่ะ ยังดูไม่ครบหมด (http://www.dmc.tv/pr...ms/visakha.html)

[หัดฝัน]

ขอให้ทำเหมือนการปฏิบัติธรรมน่ะครับ หลักสำคัญของการปฏิบัติธรรม คือ สบายๆ ใจเย็นๆ หากใจร้อนด่วนได้ ระดับจิตมักไม่ค่อยมีคุณภาพ แล้วก็ไม่อาจเข้าถึงได้ เช่นเดียวกัน จะเป็นหญิงหรือเป็นชาย หลักสำคัญผมว่า ต้องอธิษฐานให้ทำ 3 สิ่งนี้เป็นนิสัย และหมั่นลงมือทำตามอธิษฐานเป็นนิสัย คือ ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส

หากทำได้เช่นนี้ รับรองเจริญไปข้างหน้า ไม่มีย้อนกลับมาอีกทีเดียวล่ะครับ

[united]

หากใจร้อนด่วนได้ ระดับจิตมักไม่ค่อยมีคุณภาพ แล้วก็ไม่อาจเข้าถึงได้ เช่นเดียวกัน

เป็นความเห็นที่น่าสนใจและชวนให้ฉุกคิดค่ะ ขอสงสัยต่ออีกนิดนึงค่ะว่า ระดับจิตที่ไม่ค่อยมีคุณภาพนี้ มีลักษณะเป็นอย่างไร

ขอบคุณมากค่ะ

[หัดฝัน]

คือ จิตไม่นุ่มนวล ควรแก่การงานน่ะครับ การเข้าถึงธรรมจิตต้องละเอียดอ่อน จึงจะนุ่มนวลควรแก่การงาน เหมือนคนใจเย็น ค่อยๆทำงานไปด้วยใจสบายเดี๋ยวงานก็เสร็จออกมาดี
ตรงข้ามกับใจร้อน ที่ใจหยาบกระด้าง ทำงานรีบๆ ก็เสร็จเหมือนกัน แต่ผิดพลาดเพียบน่ะครับ

[united]

กระจ่างใจมาก ขอบคุณค่ะ

[ตะกร้าอีกใบ072]

เราหันมารักษาศีล8กันดีกว่า