ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ทำไมผู้ปฏิบัติธรรมสายอื่น ๆ จึงไม่เห็นองค์พระบ้าง?


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 17 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 nongmai

nongmai
  • Members
  • 9 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 February 2007 - 07:37 PM

เคยทราบมาว่า องค์พระธรรมกายนั้น มีอยู่ในตัวของเราทุกคน และทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ถ้ามีความเพียรนั่งสมาธิ หลายคนที่ไม่ถนัดนึกถึงดวงหรือองค์พระก็มักทำใจหยุดเฉย ๆ ถ้าถูกส่วนก็จะเห็นดวงแก้วและจะเปลี่ยนเป็นองค์พระได้ ถ้าความเข้าใจนี้ถูกต้องจริง ทำไมนักปฏิบัติธรรมสายอื่น ๆ อย่างเช่น สายสวนโมกข์ หรือคุณแม่สิริ ฯลฯ จึงไม่มีการเห็นองค์พระบ้าง




#2 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 20 February 2007 - 07:40 PM

ก็เพราะไม่ได้หยุดตรงฐานที่7น่ะสิ Center Of gravity


ฤาษีชีไพรต่างๆ ที่เข้าฌานได้ลึกสุดลึก นั่งได้เป็นเดือนเป็นปีโดยไม่ลุกไม่ดื่มไม่กิน คุณว่าสมาธิเค้าระดับไหนถึงทำได้ขนาดนั้น แต่กระนั้นก็ยังไม่เห็นองค์พระธรรมกาย เพราะเอาใจไปหยุดที่อื่นที่ไม่ใช่ฐานที่7

ที่พูดมาผมเองก็ไม่ได้เป็นผู้บรรลุอะไร แต่หลวงปู่หลวงพ่อคุณยายท่านสอนมาอย่างนี้




#3 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2192 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 20 February 2007 - 09:26 PM

บุญโตเคยอ่านสายอื่นที่คุณNongmaiกล่าวนั้น ก็มีหลายๆท่านเห็นองค์พระด้วยค่ะ (อ่านผลการปฏิบัติธรรมที่เค้าเล่าให้ฟัง) และคนที่เห็นกลางท้องก็มีค่ะ...

#4 พักผ่อน

พักผ่อน
  • Members
  • 422 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 20 February 2007 - 10:27 PM

มีมากมายครับที่เห็นองค์พระ แต่มักจะเห็นในตำแหน่งต่าง ๆ เช่น อยู่ด้านหน้าครับ ส่วนที่เห็นดวงกลมใสก็มีมากเข้าไปอีกครับ แต่ก็เห็นในตำแหน่งต่าง ๆ เช่นกัน บนศรีษะบ้าง ด้านหน้าบ้าง กลางหน้าอกบ้าง หรือเคลื่อนไปมาได้ เป็นต้นครับ บางทีเขาไม่บอกเราก็ไม่รู้หรอกครับ แต่ผมอ่านจากประวัติและผลการปฏิบัติธรรมของพระอาจารย์และผู้ฝึกปฏิบัติมาหลายสาย เขาก็เห็นครับ แต่บางทีเขาเรียกไม่เหมือนกัน หรือมีคำอธิบายไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความเข้าใจของแต่ละท่านครับ

#5 koonpatt

koonpatt
  • Members
  • 616 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 20 February 2007 - 11:22 PM

ขอประทานอภัยนะคะคุณ nongmai

koonpatt คิดว่า ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ค่อนข้างจะบอบบางและค่อนข้างจะ เป็นการเปรียบเทียบที่ขาดข้อมูลอ้างอิงที่ชัดเจนอยู่สักหน่อยนะคะ เพราะ

" บางคนเห็นแต่ไม่พูด บางคนเห็นและพูด บางคนพูดทั้งที่ไม่เห็น บางคนเห็นอย่างหนึ่งแต่เข้าใจว่าเห็นอีกอย่างหนึ่ง

บางคนเห็นเสี้ยวหนึ่งแต่บอกว่าเห็นทั้งหมด บางคนเห็นหนึ่งแต่พูดว่าเห็นสิบ "

เราไม่สามารถที่จะสรุปลงไปได้ว่า " ใคร...เห็น และ ใคร...ไม่เห็น "

ถ้า เราคิดว่า เราเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในร่มเงาของพระพุทธศาสนา ยึดมั่นใน พระรัตนตรัย ซึ่งประกอบไปด้วย

พระพุทธ ซึ่งหมายถึง องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระธรรม ซึ่งหมายถึง พระธรรม คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

พระสงฆ์ ซึ่งหมายถึง หมู่สงฆ์ทั้งหลายผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ (มิได้เจาะจงจึงจะเรียกว่า " พระสงฆ์ ")


ก็อย่าแบ่งสายกันเลยนะคะ เพราะ koonpatt มีความคิดว่า (อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ)

จริงๆแล้วเนี่ย ทุกๆท่านต้องการที่จะศึกษาพระธรรม ปฏิบัติธรรม ตามคำสอนของพระพุทธองค์ เพียงแต่ เราสะดวกใจที่จะเข้าโรงเรียนไหนเท่านั้นเอง

หลักสูตรนี้มีผู้เดียวที่รู้แจ้งเห็นจริง คือ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสงฆ์ทั้งหลายต่างคือครูที่นำหลักสูตรนั้นมาสอนให้แก่ นักเรียน นัก ศึกษาอย่างเราๆ ให้ได้ศึกษาและปฏิบัติตาม วัดทั้งหลาย คือโรงเรียน เราสะดวกที่จะเรียนที่ไหน ก็เข้าเรียนที่นั่น

ครูแต่ละท่านก็มีเทคนิคการสอน วิธีการสอนที่แตกต่างกันออกไป ตามเอกลักษณ์ของแต่ละท่าน

โรงเรียนแต่ละโรงเรียนโรงเรียนก็ต่างกันออกไปตามเจตนารมณ์ของครูใหญ่ ผู้อำนวยการ หรือ เจ้าของโรงเรียนแต่ละโรงเรียน

บางโรงเรียนครูน้อย บางโรงเรียนครูมาก บางโรงเรียนเน้นสอนปฏิบัติ บางโรงเรียนเน้นสอนทฤษฎี

แต่ต่างสอนหลักสูตรเดียวกันทั้งสิ้น คือ พระธรรม

มุ่งความสนใจไปที่พระธรรมเถอะค่ะ อย่าไปสงสัยที่วิธีการ หรือ ผลการปฏิบัติของคนอื่นเลยนะคะ

สงสัยมาก ใจก็วิ่งมาก พอใจวิ่งมากๆ ก็จะหยุดยาก จะเหนื่อยนะคะ แล้วเมื่อไหร่...ใจจะเป็นหยุด และเป็นสุขเสียที

แล้วสักวันหนึ่ง คนที่จะตอบเรื่องเหล่านี้ได้ดีทีสุดน่าจะเป็นตัวเราเอง

คนอื่นตอบเรา ถ้าเราไม่เชื่อ หรือสงสัย ก็ได้แค่ เกิดคำถามกับคำตอบ กับบทสนทนาเท่านั้นแหล่ะค่ะ


koonpatt มิได้มีเจตนาจะตำหนิ หรือ มีความคิดเห็นขัดแย้งกับใครนะคะ เพียงแต่เข้ามาแสดงความคิดเห็นเท่านั้นเอง

หาก koonpatt ทำให้ท่านใดที่ได้อ่านแล้วเกิดความเห็นที่แตกต่าง หรือ ไม่ต้องใจผู้ใด ขออภัยและขออโหสิกรรมมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

ก็เป็นแค่เพียงความคิดเห็นจาก " หางอึ่ง " เท่านั้นเอง

สา...ธุ ค่ะ

จึงยังคง เชื่อมั่นและศรัทธาใน "รัก" เหมือนอย่างที่เคย...เสมอมา...และจะตลอดไป
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ

#6 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2192 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 20 February 2007 - 11:33 PM

สาธุ สาธุ สาธุ กับความเห็นของคุณผักผ่อนและคุณ Koonpat ด้วยค่ะ happy.gif
(คุณKoonpatหายไปนานเลยค่ะ)

#7 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 21 February 2007 - 08:06 AM

ผมเห็นด้วยกับความเห็นของทุกท่าน แม้ว่าจะมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป แต่มีความปรารถนาดีเหมือนกัน สาธุ

#8 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 21 February 2007 - 08:33 AM

บางทีเมื่อเขาเห็นนิมิต เขาก็จะสอนให้ปล่อยวางทันทีน่ะครับ เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่เห็นขณะใจหยุดเริ่มแรก สิ่งที่เห็นมักเป็นนิมิตเลื่อนลอยน่ะครับ ดังนั้น บางทีเขาจึงสอนให้ปล่อยวางไป
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#9 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 February 2007 - 12:39 PM

smile.gif เห็นด้วยกับคุณ koonpatt ที่ว่า
QUOTE
อย่าแบ่งสายกันเลย
เพราะฟังดูแล้วอาจทำให้เกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวก เราต่างเป็นสายพระพุทธเจ้าเหมือนกัน เพียงแต่วิธีการปฏิบัติแตกต่างกันในวิสุทธิมรรคตามจริตของแต่ละบุคคล ซึ่งทุกวิธีล้วนสามารถทำให้เข้าถึงธรรมภายในได้
nerd_smile.gif แนะนำให้คุณ nongmai ลองอ่านหรือฟังประวัติพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี(สด จันทรสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย จะมีบันทึกในเชิงปฏิบัติ เพราะท่านผ่านการฝึกอบรมมาอย่างยิ่งยวดเกือบจะทุกสำนักปฏิบัติ
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#10 ฝันที่เป็นจริง

ฝันที่เป็นจริง
  • Members
  • 436 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 February 2007 - 01:05 PM

เนื่องจากธรรมะปฏิบัติเป็นปัจจัตตัง รู้เห็นได้เฉพาะตน มีทางเดียวที่เราจะรู้ได้ คือ ต้องพิสูจน์ด้วยตนเองครับ แต่ต้องวางความลังเลสงสัยไว้ก่อน ทำใจเป็นกลางๆนะครับ...

สาธุครับ
"หยุด เป็น ตัวสำเร็จ"

สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต้ อุกาสะ ขะมามิ ภันเตฯ


หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี
ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดยกโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ



#11 mos

mos
  • Members
  • 122 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 February 2007 - 09:26 PM

ถ้าผมเป็น web master จะขออนุญาติเจ้าของกระทู้นี้ สงวนไว้ครับ(ลบกระทู้) เนื่องจากเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ผู้ที่เข้าใจเจตนา ก็จะเข้าใจในเรื่องที่ถาม ถ้าผู้ที่จ้องจับผิด สามารถนำประเด็นไปขยายผล และเบี่ยงเบนประเด็นได้ ให้เกิดประเด็นตามมาภายหลังได้
เข้าใจเข้าใจเจตนาเจ้าของกระทู้ครับ ผมต้องขอโทษเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ



#12 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 22 February 2007 - 09:44 AM

ต้องขอเรียนคุณ mos ว่าถ้าหากพิจารณาดูแล้ว คำถามของกระทู้นี้เป็นเรื่องน่าศึกษามากครับ ถึงแม้จะละเอียดอ่อนก็ตาม แต่ถ้าพิจารณาถึงประโยชน์ของผู้ที่จะได้ศึกษาย่อมมีมากกว่าโทษของคำถามนี้

แต่ถ้าหาก ความเห็นหรือเนื้อหาใดๆที่ละเอียดลึกซึ้งเกินไปหมิ่นแหม่ที่จะถูกวิพากวิจารไปในทางที่เสียหาย ก็จะปิดหัวข้อหรือความเห็นนั้นทันทีครับ




#13 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 22 February 2007 - 12:02 PM

สำหรับผมคงจะมีความเห็นที่แตกต่างนะครับ หลายท่านอาจคิดว่า เพราะวิธีการฝึกสมาธินั้นไม่เหมือนกัน ซึ่งนั่นเป็นส่วนหนึ่งของความเข้าใจในความเห็นที่คิดว่าถูกต้องเท่านั้น แต่ในความเห็นของผมนั้น ทำไมผู้ปฏิบัติธรรมสายอื่นจึงไม่เห็นองค์พระบ้าง ขอตอบว่า เพราะผู้ปฏิบัติธรรมสายอื่นนั้นขาดผู้รู้ผู้เข้าถึงที่แท้จริงมาชี้แนะหรือแนะนำ ประกอบกับความพึงพอใจและเข้าใจผิดคิดว่า สิ่งที่ได้เห็นแค่นั้นเท่ากับว่าเขาได้เข้าถึงธรรมะภายในแล้ว และในอดีตฝึกสมาธิมาน้อย ดังนั้นจึงไม่แปลกครับที่เขาเหล่านั้นจึงไม่เห็นองค์พระภายใน เช่น บางคนเห็นเพียงแค่กายพรหมและมีบุญที่จะได้เข้าถึงเพียงแค่นั้นเพราะในอดีตฝึกสมาธิมาน้อย ก็เข้าใจว่าตัวเองได้ธรรมสูงสุด และพึงพอใจเพียงได้เห็นแค่กาบพรหม ยิ่งกว่านั้นยังเข้าใจผิดคิดว่าการได้เกิดเป็นพรหม ถือเป็นการหลุดพ้นแถมเข้าใจผิดคิดว่าพรหมอายุยืนด้วยว่าอายุขัยของพรหมยาวนานถึง1อสงไขย และด้วยอายุที่ยินยาวเช่นนี้ จึงทำให้ยิ่งเข้าใจผิดไปกันอีกว่าพรหมเป็นผู้สร้างโลก นี่มันเป็นอย่างนี้ครับในความเห็นของผม
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#14 เพียงพอ

เพียงพอ

    I |\|EE|) S()|\/|E |3()DY |_()\/E.

  • Members
  • 724 โพสต์
  • Location:ไม่มีข้อมูล
  • Interests:ไม่มีข้อมูล

โพสต์เมื่อ 24 February 2007 - 09:59 AM

พรหมอายุ1อสงไขย มีด้วยหรอครับ^^ ชั้นไหนงะ
เพียง. . .เพื่อดำรงชีวิตอยู่ให้มีคุณค่า
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.

เพียงพอ


#15 whitelotus

whitelotus
  • Members
  • 8 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 February 2007 - 10:44 AM

Every one are Buddhist, have many way to meditation after there master ,any way,
open your mind, because every one want to be cucsesfull for meditation.
depend on what merit they have makes with there master before,and how hard
they practice. one way or another, when merit are full it will be cucessfull.
Thankf you very much, sorry if i´m miss understand and Sathu to every one.
Best regard
Whitelotus

#16 จุลจักร

จุลจักร
  • Members
  • 44 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 February 2007 - 05:11 PM

ปัจจุบันนี้มีวิธีการทำสมาธิ สมถะและวิปัสสนากรรมฐานอยู่หลายสาย

- อานาปานสติ กำหนดลมหายใจพุทโธ ให้จิตสงบในขั้นสมถะเพื่อเข้าสู่ ฌานสมาบัติแปด แล้วจึงยกขึ้นสู่วิปัสสนา (สายวัดป่าส่วนใหญ่ จะเดินตามแนวปฏิบัติ หลวงปู่มั่นอย่างเคร่งครัด)

- ธรรมกาย เป็นหนึ่ง ใน อาโลกสิณ ซึ่งมีทั้งสมถะ สุขในสมาธิและนิมิต ญานทัศนะ และ ยกระดับ ขึ้นพิจารณาในระดับวิปัสสนาผ่านดวงธรรมในกาย ภาคโปรด ภาคปราบ (หลวงพ่อสด)

- ยุบหนอ พองหนอ หรือ สายหนอ เน้นการฝึกสติให้รู้ตัวทุกขณะ ที่มุ่งไปสุ่อสุภะกรรมฐาน เพื่อ ละ คลาย ไปสู่วิปัสสนาญาน 16 (เจ้าคุณโชดก วัดมหาธาตุ หลวงพ่อจรัญ)

- มโนมยิทธิ นะมะพะธะ ฝึกจากกสิณ เพื่อมุ่งอภิญญา และ ตรวจภพภูมิ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)


- กรรมฐาน 40 วิธี ล้วนประกอบด้วยสมถะ และวิปัสสนา
การปฏิบัติสมถะเสมือนหนึ่งก้อนหินทับหญ้า เมื่อยกหินออกหญ้าหรือกิเลสก็เติบโตได้อีก
การปฏิบัติวิปัสสนา คือรู้ตามความจริง เพื่อความเบื่อหน่าย คลาย ละ กิเลส อาสวะทั้งปวง



การพิจารณาเห็นสักแต่ว่าเห็น ได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน ก็เพื่อ ละสังโยชน์ รูปราคะ ละสังโยชน์ อรูปราคะ พิจารณาให้อยู่ในรูปไตรลักษณ์ อนิจจังทุกขัง อนัตตา

ในวิชชาธรรมกายนั้น การเห็นนิมิตต่างๆผ่านญาณทัศนะ ก็ต้องเรียนรู้วิธีการตรวจสอบว่า ที่เห็นนั้นจริงเท็จประการใด ใช่มารแปลงมาลวงหลอกหรือไม่ มีรายละเอียดให้ค้นคว้ามากมาย สามารถศึกษาได้จากแม่ชี ครูอาจารย์ ตำรับตำราในสมัยหลวงพ่อสด มีให้ศึกษามากมาย เพื่อป้องกันตนเองมิให้หลงทาง



#17 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 26 February 2007 - 12:58 PM

เรื่องราวของเคส Study ที่เพิ่งออกใหม่เมื่อวันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2550 ที่ผ่านมา ชื่อตอน "ศิลาอาถรรพ์" น่าจะช่วยตอบคำถามของกระทู้นี้ได้เป็นอย่างดีครับ ผมว่า ท่านใดยังไม่ได้อ่าน หรือ ฟัง คลิ๊กไปดูที่ช่องเคส Study ตอนใหม่ล่าสุดนี้ได้
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#18 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 28 February 2007 - 08:49 AM

อนุโมทนา
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี