ไปที่เนื้อหา


cha072

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 04 Jul 2005
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Jul 29 2017 11:05 PM
-----

โพสต์ที่ฉันโพสต์

ในกระทู้: เจ้าแม่กวนอิม

16 January 2014 - 01:23 AM

ทัศนะจาก ร.ร.อนุบาลฝันในฝัน มีกล่าวไว้บ้าง เช่น ในคำถาม-คำตอบ ข้อที่ ๓ ของเคสนี้ http://www.dmc.tv/pa...2548-05-20.html


ในกระทู้: ถามเรื่องวัตถุ ๕ ประการของพระมหาเทวะ

11 January 2014 - 10:57 PM

            นิกายปุพพเสลิยะ และอปรเสลิยะ เป็นนิกายหนึ่งที่แตกออกมาจากนิกายมหาสังฆิกะ


ในกระทู้: พระถังซัมจั๋ง

11 January 2014 - 06:27 PM

จาก รายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2549 (ตอนกล่าวถึงพระถังซัมจั๋ง 唐三藏 、玄奘)

          พระถังซัมจั๋ง มาจากที่ใด  ทำไมท่านมีความตั้งใจอยากบวชตั้งแต่เด็กจนบวชได้ตลอดชีวิต และได้ไปทำหน้าที่อัญเชิญพระไตรปิฎกมาที่เมืองจีน  ปัจจุบันท่านได้ไปอยู่ ณ ที่ใด

          ฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาวหลายที .... 

         พระถั๋งซัมจั๋ง ท่านดูเหมือนมีมโนปณิธานคล้าย ๆ กับท่านคุณานันทะ ที่ประเทศศรีลังกา คือท่านได้มาฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในยามที่พระพุทธศาสนามีภัยหรือมีความแตกต่าง กันมาก จนแทบจะไม่เหลือร่อยรอยคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือไม่รู้จะปฏิบัติอย่างไรให้ไปในทิศทางเดียวกัน ต่างคนต่างก็ปฏิบัติกันไป คิด พูด ทำกันไปคนละทาง ทำให้สับสน ซึ่งเป็นอันตรายต่อการดำเนินชีวิต  หรือมีภัยจากการคิดที่จะทำลายล้างพระพุทธศาสนา  พระโพธิสัตว์มักจะมาเกิดในช่วงนี้  คล้ายๆ กันนะ ท่านคุณานันทะท่านบวชตั้งแต่เป็นสามเณร บวชวันเดียวก็เทศน์ทั้งคืนเลย  ไม่ใช่ว่าไม่มีคนฟัง คนฟังมากกว่าพระเทศน์  ล้นศาลากันไปเลย ฟังสามเณรน้อยเทศน์ทั้งคืนได้อย่างไร ทั้งผู้เทศน์และผู้ฟังทำไมไม่มีใครง่วงนอนเลย  ต่างฟังด้วยปีติเบิกบาน ได้ยินได้ฟังก็ปลื้มว่าทำไมสามเณรเก่งจังเลย ไปศึกษามาตั้งแต่ไหน เพราะหายาก  บวชวันเดียวเทศน์วันนั้น เทศน์คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างแตกฉาน ราวกะว่าศึกษากันมาข้ามชาติ หลายชาติกันมาแล้ว ดูเหมือนสามเณรน้อยเป็นผู้ใหญ่ในร่างเด็ก  เหมือนเป็นพระมหาเถระอยู่ในร่างสามเณร เป็นประดุจท่อน้ำที่ให้ธารธรรมกระแสธาราไหลผ่านมาอย่างพร่างพรูทีเดียว  ใครได้ยินได้ฟังก็มีแต่ความปิติยินดีหายง่วงเลย  อยากฟังต่อแล้วเสียงไม่มีตก ยิ่งพูดยิ่งดัง ๆ ไปเรื่อยๆ นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ทีเดียว ถ้าเราไม่ลืม จะจำได้   ........(กล่าวทบทวนเรื่องของท่านคุณานันทะ)......

           องค์นี้(พระถังฯ) เป็นนิยตโพธิสัตว์เหมือนกัน อยู่ที่ดุสิตบุรี สวรรค์ชั้นที่ 4 อีกวิมานหนึ่ง องค์แรก(ท่านคุณานันทะ)รับอาสา  แต่องค์นี้สมัครใจมา  อยากฟังหรือเปล่า อยากฟัง ฟังเลย

          เป็นปกติของพระโพธิสัตว์ เมื่อเกิดมาสร้างบารมี ก็จะสร้างกันตั้งแต่เยาว์วัย   ท่านก็เป็นนิยตโพธิสัตว์ ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า ในอดีตที่ผ่านมาก็ไม่กี่พระองค์ ว่าจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต และครั้งล่าสุดที่ได้รับพุทธพยากรณ์ก็เมื่อ 2,500 กว่าปี  แต่ท่านไม่ได้ลงมาเกิดในเมืองมนุษย์  จะอยู่ในช่วงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเสด็จไปที่ดาวดึงส์โปรดพุทธมารดา  เทวดาทั้งหลายก็ลงมาฟังธรรมกัน เทพบุตรจากชั้นดุสิตท่านนี้ก็มาฟังธรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็แสดงธรรม พระอภิธรรมปิฎก โปรดพุทธมารดา  ในช่วงนั้นแหล่ะ  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ตรัสพยากรณ์เทพบุตรที่มาจากสวรรค์ชั้นดุสิตท่าน หนึ่ง  ว่าจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า  ทรงพระนามว่าอย่างนั้นอย่างนี้ก็ว่ากันไป มีพุทธบิดา พุทธมารดา ชื่อว่าอย่างนั้น จะมีพระอัครสาวกชื่ออะไรก็ว่ากันไปตามพุทธธรรมเนียมอย่างนั้นนะจ๊ะ   ท่านก็มีความปลื้มปิติ  พอถึงเวลาก็กลับไปสวรรค์ชั้นดุสิต ก็มีความปลื้มปิติยินดีในพุทธพยากรณ์นั้น  ก็ตรึกระลึกนึกถึงบุญด้วยความเบิกบานมีปิติสุข  ราวประหนึ่งว่าจะได้บรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันพรุ่งนี้ ก็อยู่บน สวรรค์ชั้นดุสิตเรื่อยมา

         จนกระทั่งเทวดาโจษจัน ในแผ่นดินจีนหลังจากที่เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน และก็อีกพันปี  ฮ่องเต้ฮั่นหมิงตี้ (汉明帝) ก็ได้ส่งทูต 18 คนพร้อมกับม้าขาวไปอัญเชิญพระไตรปิฎกที่มาพร้อมกับภิกษุ 2 รูปซึ่งเป็นชาวเอเชียกลางผสมอินเดีย มาเผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  พุทธศาสนาก็เจริญรุ่งเรืองในแผ่นดินจีนมากทีเดียว  ผู้มีบุญก็มาเกิดเยอะ แต่ว่าต่อมา  คือคนที่มาเกิดเป็นมนุษย์มันก็ยังมีกิเลส  บ้านเมืองก็เปลี่ยนแปลงกันไปสารพัด พุทธบริษัท 4 ก็หย่อนยานเกี่ยวกับเรื่องการศึกษา การให้ความเคารพกับพระรัตนตรัย เรื่องอะไรต่ออะไรต่าง ๆ กับมีเรื่องของเทวนิยมเข้ามาผสมและเรื่องของความหย่อนยานในการศึกษาในธรรม วินัยเป็นต้น พระพุทธศาสนาก็เริ่มเสื่อม  การปฏิบัติก็แตกต่าง คำสอนก็แตกต่าง  แตกต่างคือการแตกแยก เพราะงั้น สงฆ์ก็ไม่รวมกัน ผู้ที่มาภายหลังก็ไม่ทราบว่าเอาสิ่งไหนมาเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต ก็สับสนกันเรื่อยมา พระพุทธศาสนาก็ดำรงอยู่แค่มีอาภรณ์เท่านั้นเอง  ข้อวัตรปฏิบัติมันแตกต่างกันไปแล้ว  ถึงตอนนี้แหละ เทวดาก็โจษจันในทำนองเดียวกันว่าถึงเวลาที่เทวบุตรพระโพธิสัตว์องค์ใดองค์ หนึ่งจะต้องลงมาบังเกิดขึ้น กู้ภัยตรงนี้  แล้วเทวบุตรท่านนี้ ที่ได้รับพยากรณ์ที่ชั้นดาวดึงส์ อาสาลงมาบังเกิดในแผ่นดินจีน  ท่านก็คือพระถังซัมจั๋งนี่แหละ  พอลงมาเกิดแล้ว  ใจท่านฝักใฝ่ในธรรมตั้งแต่เด็ก   สิบสามขวบก็บวช  มีเด็กที่ไหนในโลก อยากจะบวชทั้งๆ ที่ชีวิตครอบครัวก็มีความพร้อม ไม่ใช่เป็นผู้ด้อยโอกาส  แต่เป็นผู้ได้โอกาส มีดวงปัญญาดี ไปเว้าวอน ขอสอบในการเป็นพระแม้อายุยังน้อย  ต้องสอบผ่านและฮ่องเต้อนุญาตจึงจะบวชได้  อายุก็ไม่ครบบวช  ขอเป็นสามเณรก็เอา  หัวหน้าผู้ควบคุมการสอบก็มาถาม ว่าเด็กอะไรทำไมมีความคิด  อยากบวชไปทำไม มีวัตถุประสงค์อะไร  ท่านตอบไปดี ๆ  เพื่อสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาอะไรต่างๆ อย่างที่เราได้ยินได้ฟังกันมา  เกิด กุศลศรัทธาขึ้นมา เปิดโอกาสให้สอบ  แล้วภารกิจต่าง ๆ ก็เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ตอนนั้นอย่างที่เราได้ทราบที่ผ่านๆ มา  ไปเดินทางเท้าเปล่าข้ามไปอินเดีย ไปอินเดีย 18 ปี  เรียนภาษาสันสกฤต 5 ปี แตกฉานในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่บันทึกไว้เป็นภาษาสันสกฤต แล้วก็เมื่อพระเจ้าศีลาทิตย์ ใช่มั้ยจ๊ะ ประชุมศาสนาทุกศาสนา แล้วก็มีการแสดงธรรม  มหาวิทยาลัยนาลันทาส่งท่านเป็นภิกษุรูปเดียวไปแสดงธรรม  แล้วก็ประกาศว่าใครจะคัดค้าน โต้แย้งหัวข้อที่ท่านแสดงธรรมไปนั้น ก็ขึ้นมา เปิดโอกาส แต่ 18 วันที่ประกาศไปนั้นก็ไม่มีผู้ใด  เวทีก็ว่างเปล่า แสดงว่าท่านทำลายข้อสงสัยของทุกคน ดวงปัญญาของท่านครอบคลุมดวงปัญญาของนักบวชทั้งหลาย หรือผู้รู้ทั้งหลายในแผ่นดินนั้นทั้งหมดเลย  พระราชาก็อาราธนาให้ท่านอยู่ แต่ท่านไม่ยอมอยู่ เพราะมีมโนปณิธานว่ามาเพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎก  ศึกษาให้แตกฉานแล้วก็จะรวบรวมไปแปลที่โน่น  ในที่สุดก็กลับไปแปล ใช้เวลาถึง 19 ปี  เดินทางเมื่ออายุ 26 อยู่อินเดียอีก 18 กลับไปแปลอีก 19  รวมแล้วก็ 60 กว่าปี หลังจากแปลเสร็จ อีกไม่กี่ปีท่านก็มรณภาพ  พอมรณภาพ เมื่อพระศาสนาตั้งในแผ่นดินจีนได้แล้ว นับจากปัจจุบันขึ้นไป 1,300 ปี  สังขารของมนุษย์ก็มีข้อจำกัด  ใช้ไปเพื่อการนี้ทั้งหมด  มันก็ถึงเวลาต้องเสื่อมสลาย แตกสลายกันไป  เมื่อท่านมรณภาพแล้วนี่  ขบวนอัญเชิญท่านเทวดาอลังการจากพื้นโลกมนุษย์จนถึงสวรรค์ชั้นดุสิต  กลับวิมานเดิมใหญ่โตโอฬารยิ่งกว่าเดิม บริวารก็เพิ่มขึ้น  อยู่ในวงของนิยตโพธิสัตว์  ที่ได้รับพยากรณ์แล้วว่าต่อไปจะต้องเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตพระองค์ หนึ่ง กำลังปลื้มปิติในผลบุญที่ท่านทำผ่านมา แต่นั่นคือ 1,300 ปี  แต่นับจากนี้ถอยหลังไป 500 ปี  ก็มีการปลอมพงศาวดาร  โดยเอาเรื่องไซอิ๋ว 《西游记》 มาผสม  ด้วยความตั้งใจดีของท่านอู๋เฉิงเอิน(吴 承恩)ที่ไม่ประสบความสำเร็จของชีวิตทางโลก  ก็เลยมาเอาดีทางการเขียนวรรณกรรมแล้วก็มาผนวกกัน โดยเจตนาดีที่จะให้เป็นบทเรียนที่จะศึกษา แล้วคนก็สนใจศึกษาด้วย  เพราะว่าพระถังซัมจั๋งที่ท่านถ่ายทอดมาน่ะ  มันเป็นวิชาการ คนเค้าไม่ค่อยอ่าน  พอมันผสมไซอิ๋วเข้าไป อ่านกันใหญ่เลย  อ่านไปกระทั่งเลยถือเป็นจริงเป็นจัง  ว่าที่ท่านไปอินเดียน่ะ มีหงอคง (孙悟空) ซัวเจ๋ง (沙和尚) ตือโป๊ยก่าย (猪八戒)ไปกันด้วย ก็เลยไปกันใหญ่  ซึ่งก็ไปบดบังภูมิธรรมภูมิรู้  มโนปณิธาน ความยิ่งใหญ่ของท่านพระถังซัมจั๋ง หมดไปเลย  คนเนี่ย รู้จักพระถั๋งซัมจั๋งนิดเดียว แต่รู้จัก 3 อันนั้นมากกว่า  ในที่สุดก็มีเจ้าพ่อเห้งเจีย มีศาลเจ้าพ่อเห้งเจียขึ้นมา แล้วมีคนนับถือเรื่อย ๆ กันมาเลย  เพราะฉะนั้น ของควรกับของไม่ควรมันก็ไม่ควร พระถังซัมจั๋งเป็นของควรอยู่ในที่บูชา  เอาของไม่ควรที่เป็นวรรณกรรมไปผสม มันก็ไม่ควร  เพราะงั้นรุ่นนี้ 1,300 ปีมาจนถึงปัจจุบันนี้  จึงมีเรื่องเทพเจ้าเข้ามาผสม  ทำให้ความสำคัญของพระถังซัมจั๋งน้อยลงไป   ที่จริงเราควรยกท่านไว้อยู่บนหิ้งบูชาที่สูงส่ง  เพราะท่านมีคุณูปการต่อประเทศจีนมาก   ต่อชาวพุทธมาก  จำนวนวัดในแผ่นดินจีน ก่อน 60 ปีนี้ มีเป็นแสนวัด  ภิกษุนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงว่ามีประมาณเท่าไหร่  มันถึงยุคที่เราจะต้องเทิดทูน  ท่านก็จะได้มองด้วยทิพพจักขุจากสวรรค์ชั้นดุสิตมา ว่าเออ ท่านไม่ได้เหนื่อยฟรี ในการที่ได้ลงมาในคราวนั้น บวชตั้งแต่ยังเยาว์วัย  ศึกษาธรรมะอยู่ 5 ปีอยู่ที่วัดต้าเฉิน  อายุ 26 ก็เดินทางด้วยเท้าเปล่า เสี่ยงราชภัยจากการถูกประหารชีวิต  ไปตามลำพัง  แม้พรหมแดนติดกัน แต่การเดินทางมันใกล้ตา แต่ไกล...งั้นแหล่ะ คือมันมองเหมือนใกล้นิดเดียว แต่เดินมันไกล เราควรเทิดท่านไว้ที่สูง  ตอนนี้ท่านก็อยู่ที่ดุสิตบุรี  นี่ก็เป็นนิยายปรัมปรา     สาธุ...

  

    ( สำหรับประวัติและรายละเอียดของท่านภาคภาษาไทย อาจอ่านได้จาก http://www.mcu.ac.th...p?ct=1&t_id=131
 


ในกระทู้: พระถึงซัมจั๋ง เวลานี้ท่านอยู่ ณ ที่ใด เป็นพระโพธิสัตว์หรือไม่

11 January 2014 - 06:24 PM

จาก รายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2549 (ตอนกล่าวถึงพระถังซัมจั๋ง: 唐三藏 、玄奘)

 

         พระถังซัมจั๋ง มาจากที่ใด  ทำไมท่านมีความตั้งใจอยากบวชตั้งแต่เด็กจนบวชได้ตลอดชีวิต และได้ไปทำหน้าที่อัญเชิญพระไตรปิฎกมาที่เมืองจีน  ปัจจุบันท่านได้ไปอยู่ ณ ที่ใด

 

         ฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาวหลายที .... 

         พระถั๋งซัมจั๋ง ท่านดูเหมือนมีมโนปณิธานคล้าย ๆ กับท่านคุณานันทะ ที่ประเทศศรีลังกา คือท่านได้มาฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในยามที่พระพุทธศาสนามีภัยหรือมีความแตกต่าง กันมาก จนแทบจะไม่เหลือร่อยรอยคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือไม่รู้จะปฏิบัติอย่างไรให้ไปในทิศทางเดียวกัน ต่างคนต่างก็ปฏิบัติกันไป คิด พูด ทำกันไปคนละทาง ทำให้สับสน ซึ่งเป็นอันตรายต่อการดำเนินชีวิต  หรือมีภัยจากการคิดที่จะทำลายล้างพระพุทธศาสนา  พระโพธิสัตว์มักจะมาเกิดในช่วงนี้  คล้ายๆ กันนะ ท่านคุณานันทะท่านบวชตั้งแต่เป็นสามเณร บวชวันเดียวก็เทศน์ทั้งคืนเลย  ไม่ใช่ว่าไม่มีคนฟัง คนฟังมากกว่าพระเทศน์  ล้นศาลากันไปเลย ฟังสามเณรน้อยเทศน์ทั้งคืนได้อย่างไร ทั้งผู้เทศน์และผู้ฟังทำไมไม่มีใครง่วงนอนเลย  ต่างฟังด้วยปีติเบิกบาน ได้ยินได้ฟังก็ปลื้มว่าทำไมสามเณรเก่งจังเลย ไปศึกษามาตั้งแต่ไหน เพราะหายาก  บวชวันเดียวเทศน์วันนั้น เทศน์คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างแตกฉาน ราวกะว่าศึกษากันมาข้ามชาติ หลายชาติกันมาแล้ว ดูเหมือนสามเณรน้อยเป็นผู้ใหญ่ในร่างเด็ก  เหมือนเป็นพระมหาเถระอยู่ในร่างสามเณร เป็นประดุจท่อน้ำที่ให้ธารธรรมกระแสธาราไหลผ่านมาอย่างพร่างพรูทีเดียว  ใครได้ยินได้ฟังก็มีแต่ความปิติยินดีหายง่วงเลย  อยากฟังต่อแล้วเสียงไม่มีตก ยิ่งพูดยิ่งดัง ๆ ไปเรื่อยๆ นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ทีเดียว ถ้าเราไม่ลืม จะจำได้   ........(กล่าวทบทวนเรื่องของท่านคุณานันทะ)......

 

          องค์นี้(พระถังฯ) เป็นนิยตโพธิสัตว์เหมือนกัน อยู่ที่ดุสิตบุรี สวรรค์ชั้นที่ 4 อีกวิมานหนึ่ง องค์แรก(ท่านคุณานันทะ)รับอาสา  แต่องค์นี้สมัครใจมา  อยากฟังหรือเปล่า อยากฟัง ฟังเลย

          เป็นปกติของพระโพธิสัตว์ เมื่อเกิดมาสร้างบารมี ก็จะสร้างกันตั้งแต่เยาว์วัย   ท่านก็เป็นนิยตโพธิสัตว์ ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า ในอดีตที่ผ่านมาก็ไม่กี่พระองค์ ว่าจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต และครั้งล่าสุดที่ได้รับพุทธพยากรณ์ก็เมื่อ 2,500 กว่าปี  แต่ท่านไม่ได้ลงมาเกิดในเมืองมนุษย์  จะอยู่ในช่วงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเสด็จไปที่ดาวดึงส์โปรดพุทธมารดา  เทวดาทั้งหลายก็ลงมาฟังธรรมกัน เทพบุตรจากชั้นดุสิตท่านนี้ก็มาฟังธรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็แสดงธรรม พระอภิธรรมปิฎก โปรดพุทธมารดา  ในช่วงนั้นแหล่ะ  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ตรัสพยากรณ์เทพบุตรที่มาจากสวรรค์ชั้นดุสิตท่าน หนึ่ง  ว่าจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า  ทรงพระนามว่าอย่างนั้นอย่างนี้ก็ว่ากันไป มีพุทธบิดา พุทธมารดา ชื่อว่าอย่างนั้น จะมีพระอัครสาวกชื่ออะไรก็ว่ากันไปตามพุทธธรรมเนียมอย่างนั้นนะจ๊ะ   ท่านก็มีความปลื้มปิติ  พอถึงเวลาก็กลับไปสวรรค์ชั้นดุสิต ก็มีความปลื้มปิติยินดีในพุทธพยากรณ์นั้น  ก็ตรึกระลึกนึกถึงบุญด้วยความเบิกบานมีปิติสุข  ราวประหนึ่งว่าจะได้บรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันพรุ่งนี้ ก็อยู่บน สวรรค์ชั้นดุสิตเรื่อยมา

         จนกระทั่งเทวดาโจษจัน ในแผ่นดินจีนหลังจากที่เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน และก็อีกพันปี  ฮ่องเต้ฮั่นหมิงตี้ (汉明帝) ก็ได้ส่งทูต 18 คนพร้อมกับม้าขาวไปอัญเชิญพระไตรปิฎกที่มาพร้อมกับภิกษุ 2 รูปซึ่งเป็นชาวเอเชียกลางผสมอินเดีย มาเผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  พุทธศาสนาก็เจริญรุ่งเรืองในแผ่นดินจีนมากทีเดียว  ผู้มีบุญก็มาเกิดเยอะ แต่ว่าต่อมา  คือคนที่มาเกิดเป็นมนุษย์มันก็ยังมีกิเลส  บ้านเมืองก็เปลี่ยนแปลงกันไปสารพัด พุทธบริษัท 4 ก็หย่อนยานเกี่ยวกับเรื่องการศึกษา การให้ความเคารพกับพระรัตนตรัย เรื่องอะไรต่ออะไรต่าง ๆ กับมีเรื่องของเทวนิยมเข้ามาผสมและเรื่องของความหย่อนยานในการศึกษาในธรรม วินัยเป็นต้น พระพุทธศาสนาก็เริ่มเสื่อม  การปฏิบัติก็แตกต่าง คำสอนก็แตกต่าง  แตกต่างคือการแตกแยก เพราะงั้น สงฆ์ก็ไม่รวมกัน ผู้ที่มาภายหลังก็ไม่ทราบว่าเอาสิ่งไหนมาเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต ก็สับสนกันเรื่อยมา พระพุทธศาสนาก็ดำรงอยู่แค่มีอาภรณ์เท่านั้นเอง  ข้อวัตรปฏิบัติมันแตกต่างกันไปแล้ว  ถึงตอนนี้แหละ เทวดาก็โจษจันในทำนองเดียวกันว่าถึงเวลาที่เทวบุตรพระโพธิสัตว์องค์ใดองค์ หนึ่งจะต้องลงมาบังเกิดขึ้น กู้ภัยตรงนี้  แล้วเทวบุตรท่านนี้ ที่ได้รับพยากรณ์ที่ชั้นดาวดึงส์ อาสาลงมาบังเกิดในแผ่นดินจีน  ท่านก็คือพระถังซัมจั๋งนี่แหละ  พอลงมาเกิดแล้ว  ใจท่านฝักใฝ่ในธรรมตั้งแต่เด็ก   สิบสามขวบก็บวช  มีเด็กที่ไหนในโลก อยากจะบวชทั้งๆ ที่ชีวิตครอบครัวก็มีความพร้อม ไม่ใช่เป็นผู้ด้อยโอกาส  แต่เป็นผู้ได้โอกาส มีดวงปัญญาดี ไปเว้าวอน ขอสอบในการเป็นพระแม้อายุยังน้อย  ต้องสอบผ่านและฮ่องเต้อนุญาตจึงจะบวชได้  อายุก็ไม่ครบบวช  ขอเป็นสามเณรก็เอา  หัวหน้าผู้ควบคุมการสอบก็มาถาม ว่าเด็กอะไรทำไมมีความคิด  อยากบวชไปทำไม มีวัตถุประสงค์อะไร  ท่านตอบไปดี ๆ  เพื่อสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาอะไรต่างๆ อย่างที่เราได้ยินได้ฟังกันมา  เกิด กุศลศรัทธาขึ้นมา เปิดโอกาสให้สอบ  แล้วภารกิจต่าง ๆ ก็เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ตอนนั้นอย่างที่เราได้ทราบที่ผ่านๆ มา  ไปเดินทางเท้าเปล่าข้ามไปอินเดีย ไปอินเดีย 18 ปี  เรียนภาษาสันสกฤต 5 ปี แตกฉานในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่บันทึกไว้เป็นภาษาสันสกฤต แล้วก็เมื่อพระเจ้าศีลาทิตย์ ใช่มั้ยจ๊ะ ประชุมศาสนาทุกศาสนา แล้วก็มีการแสดงธรรม  มหาวิทยาลัยนาลันทาส่งท่านเป็นภิกษุรูปเดียวไปแสดงธรรม  แล้วก็ประกาศว่าใครจะคัดค้าน โต้แย้งหัวข้อที่ท่านแสดงธรรมไปนั้น ก็ขึ้นมา เปิดโอกาส แต่ 18 วันที่ประกาศไปนั้นก็ไม่มีผู้ใด  เวทีก็ว่างเปล่า แสดงว่าท่านทำลายข้อสงสัยของทุกคน ดวงปัญญาของท่านครอบคลุมดวงปัญญาของนักบวชทั้งหลาย หรือผู้รู้ทั้งหลายในแผ่นดินนั้นทั้งหมดเลย  พระราชาก็อาราธนาให้ท่านอยู่ แต่ท่านไม่ยอมอยู่ เพราะมีมโนปณิธานว่ามาเพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎก  ศึกษาให้แตกฉานแล้วก็จะรวบรวมไปแปลที่โน่น  ในที่สุดก็กลับไปแปล ใช้เวลาถึง 19 ปี  เดินทางเมื่ออายุ 26 อยู่อินเดียอีก 18 กลับไปแปลอีก 19  รวมแล้วก็ 60 กว่าปี หลังจากแปลเสร็จ อีกไม่กี่ปีท่านก็มรณภาพ  พอมรณภาพ เมื่อพระศาสนาตั้งในแผ่นดินจีนได้แล้ว นับจากปัจจุบันขึ้นไป 1,300 ปี  สังขารของมนุษย์ก็มีข้อจำกัด  ใช้ไปเพื่อการนี้ทั้งหมด  มันก็ถึงเวลาต้องเสื่อมสลาย แตกสลายกันไป  เมื่อท่านมรณภาพแล้วนี่  ขบวนอัญเชิญท่านเทวดาอลังการจากพื้นโลกมนุษย์จนถึงสวรรค์ชั้นดุสิต  กลับวิมานเดิมใหญ่โตโอฬารยิ่งกว่าเดิม บริวารก็เพิ่มขึ้น  อยู่ในวงของนิยตโพธิสัตว์  ที่ได้รับพยากรณ์แล้วว่าต่อไปจะต้องเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตพระองค์ หนึ่ง กำลังปลื้มปิติในผลบุญที่ท่านทำผ่านมา แต่นั่นคือ 1,300 ปี  แต่นับจากนี้ถอยหลังไป 500 ปี  ก็มีการปลอมพงศาวดาร  โดยเอาเรื่องไซอิ๋ว 《西游记》 มาผสม  ด้วยความตั้งใจดีของท่านอู๋เฉิงเอิน(吴 承恩)ที่ไม่ประสบความสำเร็จของชีวิตทางโลก  ก็เลยมาเอาดีทางการเขียนวรรณกรรมแล้วก็มาผนวกกัน โดยเจตนาดีที่จะให้เป็นบทเรียนที่จะศึกษา แล้วคนก็สนใจศึกษาด้วย  เพราะว่าพระถังซัมจั๋งที่ท่านถ่ายทอดมาน่ะ  มันเป็นวิชาการ คนเค้าไม่ค่อยอ่าน  พอมันผสมไซอิ๋วเข้าไป อ่านกันใหญ่เลย  อ่านไปกระทั่งเลยถือเป็นจริงเป็นจัง  ว่าที่ท่านไปอินเดียน่ะ มีหงอคง (孙悟空) ซัวเจ๋ง (沙和尚) ตือโป๊ยก่าย (猪八戒)ไปกันด้วย ก็เลยไปกันใหญ่  ซึ่งก็ไปบดบังภูมิธรรมภูมิรู้  มโนปณิธาน ความยิ่งใหญ่ของท่านพระถังซัมจั๋ง หมดไปเลย  คนเนี่ย รู้จักพระถั๋งซัมจั๋งนิดเดียว แต่รู้จัก 3 อันนั้นมากกว่า  ในที่สุดก็มีเจ้าพ่อเห้งเจีย มีศาลเจ้าพ่อเห้งเจียขึ้นมา แล้วมีคนนับถือเรื่อย ๆ กันมาเลย  เพราะฉะนั้น ของควรกับของไม่ควรมันก็ไม่ควร พระถังซัมจั๋งเป็นของควรอยู่ในที่บูชา  เอาของไม่ควรที่เป็นวรรณกรรมไปผสม มันก็ไม่ควร  เพราะงั้นรุ่นนี้ 1,300 ปีมาจนถึงปัจจุบันนี้  จึงมีเรื่องเทพเจ้าเข้ามาผสม  ทำให้ความสำคัญของพระถังซัมจั๋งน้อยลงไป   ที่จริงเราควรยกท่านไว้อยู่บนหิ้งบูชาที่สูงส่ง  เพราะท่านมีคุณูปการต่อประเทศจีนมาก   ต่อชาวพุทธมาก  จำนวนวัดในแผ่นดินจีน ก่อน 60 ปีนี้ มีเป็นแสนวัด  ภิกษุนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงว่ามีประมาณเท่าไหร่  มันถึงยุคที่เราจะต้องเทิดทูน  ท่านก็จะได้มองด้วยทิพพจักขุจากสวรรค์ชั้นดุสิตมา ว่าเออ ท่านไม่ได้เหนื่อยฟรี ในการที่ได้ลงมาในคราวนั้น บวชตั้งแต่ยังเยาว์วัย  ศึกษาธรรมะอยู่ 5 ปีอยู่ที่วัดต้าเฉิน  อายุ 26 ก็เดินทางด้วยเท้าเปล่า เสี่ยงราชภัยจากการถูกประหารชีวิต  ไปตามลำพัง  แม้พรหมแดนติดกัน แต่การเดินทางมันใกล้ตา แต่ไกล...งั้นแหล่ะ คือมันมองเหมือนใกล้นิดเดียว แต่เดินมันไกล เราควรเทิดท่านไว้ที่สูง  ตอนนี้ท่านก็อยู่ที่ดุสิตบุรี  นี่ก็เป็นนิยายปรัมปรา     สาธุ...

 

 

     Download Video ฝันในฝัน 9 มี.ค.49  http://download.dmc....490309.wmv.html

 

    สำหรับประวัติและรายละเอียดของท่านภาคภาษาไทย อาจอ่านได้จาก http://www.mcu.ac.th...p?ct=1&t_id=131
 


ในกระทู้: "แผ่นศิลา" ในเพลงบันทึกบนแผ่นศิลาอยู่ที่ใด

11 January 2014 - 06:13 PM

         จากข้อมูลที่บันทึกเหตุการณ์อัศจรรย์ข้างต้น ก็มีข้อน่าสังสัยในเรื่องเวลาอยู่ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ในช่วงประมาณราว  600 BC - 400 BC

        

         แต่เหตุการณ์อัศจรรย์ดังกล่าวนั้นกลับเกิดขึ้นในช่วงรัชสมัยของ

                Ji Xia (姬瑕)   , Zhaowang (昭王) : 995 BC - 977 BC  : Zhou Zhaowang (King Zhao of Zhou) และ

                Ji Man (姬滿) , Muwang (穆王)   :  976 BC - 922 BC  :  Zhou Muwang (King Mu of Zhou)